วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2560

[FIC MAGI] GOLDEN FAIRY (โคเอน x อาลีบาบา) Chapter 4


ก่อนหน้านี้เอง



ก่อนที่ความโลภจะทำให้อับหมัดใคร่สงสัยถึงน้องชายที่ตายไปเมื่อหลายปีก่อน และสนองความใคร่รู้ด้วยการกระทำอันหยาบช้า ด้วยอำนาจของคฑาภูติที่ทำจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่เหนือมวลหมู่ภูติทุกตน ตัวข้าจำต้องทำตามโดยขัดขืนอะไรไม่ได้เลย...


"ตะ แต่งงาน"
แม่ทัพบัลคาร์กตะโกนดังลั่นห้องบัลลังก์ต่อหน้าขององค์ราชาแห่งอาณาจักรภูต
"ไม่ได้ แบบนั้นไม่ได้ อาลีพันเซลเป็นแค่เอลฟ์ที่เฝ้าหอสมุดต้องห้ามเท่านั้น ไม่ใช่ภูติสีทองอะไรหรอก หากท่านกำลังพูดถึงองค์ชายอาลีบาบาล่ะก็เขาได้จากโลกนี้ไปตั้งแต่หลังสงครามครั้งสุดท้ายจบแล้ว"


"โอยยย ลุง สีข้างถลอกหมดแล้วรึยังน่ะ"
โคฮาเบ้หน้า ทำท่าทางล้อเลียนบัลคาร์กที่อยู่ห่างออกไป ก่อนชายผมแดงรวบหางม้าจะแจกมะเหง็กเบาๆลงบนหัวน้อยๆของเด็กชายตัวเล็ก
"นี่พวกเรากำลังคุยเรื่องจริงจังอยู่นะ อย่าทำเป็นเล่นสิ"


"ถ้าท่านแม่ทัพยังไม่พอใจในสินสอดล่ะก็เชิญเสนอเพิ่มอีกได้เลยนะ"
โคเอนผู้เป็นสมาชิกระดับสูงของสภาเพลลูมหันมามองหน้าขุนพลภูตที่ทำหน้าค้านหัวชนฝา ในขณะที่ราชาภูติหมูตอนยิ้มตาเป็นประกายทั้งยังแอบชูนิ้วโป้งให้กับบัลคาร์ก



'ตรูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเว้ยยย แล้วจะส่งนิ้วทำท่ากู้ดจ็อบมาหาพระแสงอะไรฟะ!ไอ้ราชาอ้วนนี่!'



"พวกเราเผ่ากุยเองก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่ให้กำเนิดบุตรยาก ความหลากหลายทางชีววิทยาเองก็น้อยกว่าเผ่าภูตินัก สำหรับเราแล้วโอเมก้าที่มีศักดิ์เป็นถึงเชื้อพระวงศ์เก่าแก่ แถมยังเป็นภูติด้วยแล้วถือว่ามีค่ายิ่งกว่าแคว้น แคว้นหนึ่งซะอีก หากอยากได้อณาเขตชายแดนของประเทศเราแล้วล่ะก็..."
ชายหนุ่มเลขาธิการนาม โคเมย์หันไปเอ่ยกับราชาอย่างนอบน้อมพร้อมทั้งตีสีหน้าเว้าวอนส่งออร่าประกายปิ๊งๆไปให้ราชาภูติอับหมัดที่นั่งเอกขเนกอยู่บนบัลลังก์


"ดะ เดี๋ยว ก็บอกแล้วไงพวกท่านเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว"


"งั้นถ้างั้นเอาอย่างนี้เป็นไง เราจะยกหนี้ทั้งหมดให้กับทางบัลแบดแยกกับสินสอดแล้วก็พระราชวังเก่าของเราในเขตชายแดนระหว่างภูติกับกุยต่างหาก ส่วนหากมีทายาทให้กับทางเรา ก็จะมีบรรณาการส่งให้กับบัลแบลในภายหลัง ท่านคิดว่าอย่างไร" ชายร่างสูงทรงอำนาจผายมือเสนอของแลกเปลี่ยนด้วยท่าทางราวกับโฆษณาชวนเชื่อขายกะทะในรายการทีวียามดึกไม่มีผิด


'นี่เขาคิดว่าประเทศของตัวเองเป็นอะไรกันแน่เนี่ยคนคนนี้! เงินเหลือใช้ขนาดนั้นเลยหร๊อ!!!'



"โอเค ดีล!!!"

'นี่ก็อย่าไปตกลงกับเขาง่ายๆอย่างนั้นสิเว้ยยยย ไหนๆก็ไหนๆพ่อขอเฉือนชั้นเหนียงย้วยๆนั่นทิ้งหน่อยเถอะ!' บัลคาร์กมองไปทางองค์ชาราอ้วนตาถลึง อีกทั้งยังไม่คิดที่จะลดละความพยายามในการยืนกระต่ายขาเดียวให้ถึงที่สุด แค่หอสมุดจะเอาไปก็ได้แต่จะให้เอาองค์ชายไปเขายอมไม่ได้เด็ดขาด! ไม่งั้นสิ่งที่ราชาองค์ก่อนทำมาทั้งหมดมันก็จะ…


เอายังไงดีบัลคาร์กเลื่อนขั้นลงไปเป็นทหารเฝ้ายามเลยดีมั้ย? ถ้าพูดออกไปว่า 'เจ้าภูติอ้วนเหมือนด้วงช้างนี่กำลังย้อมแมวหลอกพวกท่านอยู่ ไสหัวกลับประเทศตัวเองไปได้แล้ว' แบบนั้นหน้าที่การงานคงได้ถดถอยยาวๆ อย่างดีก็แค่ไปเตะฝุ่นเล่นที่บ้าน อย่างร้ายสุดก็คงจะโดนตัดปีกแล้วจับถ่วงน้ำ หรืออาจจะโดนพวกกุยย่างสดมันตรงนี้เลยก็ได้



โคเมย์มองใบหน้าซีดเซียวของขุนพลภูติก่อนจะสะบัดพัดขนนกในมือเบาๆ
"ดูท่านสีหน้าไม่ดีเลยนะท่านบัลคาร์ก"

"คงจะแถไม่ไปแล้วล่ะมั้งนั่น ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นว่าความแตกต่างระหว่างเอลฟ์กับภูติมันเป็นยังไง ราชาองค์ก่อนคงจะปิดอะไรเน่า..." โคเมย์รีบเอามือปิดปากของเด็กหนุ่มตัวเล็กทันทีก่อนที่จะพูดจบ ตามด้วยการส่งสายตาเหมือนคุณแม่กำลังดุลูกชายจอมซน ก่อนที่ผู้มีลำดับศักดิ์สูงที่สุดในเหล่าคณะสภาจากเจิดจรัสจะหันไปพูดกับขุนพลบัลคาร์กที่ยังอยู่ในห้วงการตัดสินใจบางอย่างที่ขัดแย้งกันไปมาในใจตัวเอง



"ในฐานะสหายร่วมรบกันในศึกครั้งสุดท้ายข้าไม่อยากทำให้มีเรื่องต้องบาดหมางต่อกัน ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมท่านถึงได้วิตกขนาดนั้น ทั้งๆที่การแต่งงานครั้งนี้ขององค์ชายอาลีบาบาจะทำให้บัลแบดรอดจากการเป็นประเทศล้มละลายได้แท้ๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบมากที่สุดก็คือฝ่ายท่านไม่ใช่รึยังไง ข้าพูดถูกมั้ยท่านพี่เขย?" โคเอนหันหน้าไปทางอับหมัดที่นั่งยิ้มกริ่มรอรับสินสอดทองมั่นสบายใจเฉิบ แถมยังติดสถานะ 'พี่เขย 'ให้กับราชาภูติอับหมัดเป็นที่เรียบร้อย จนบัลคาร์กรู้สึกฉุนแทนอดีตราชาประหนึ่งเป็นพ่อทูนหัวที่หวงลูกสาวก็มิปาน


"เรียกแบบนั้นมันจะไม่ลามปาม..."



"ถูกต้องเลยน้องเขย งานนี้ต่างฝ่ายมีแต่ได้กับได้"
บัลคาร์กหันควับไปทันทีพร้อมทั้งแอบส่งสายตามองค้อนสาปแช่งราชาหมูอ้วนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ในใจเบาๆ


'นี่ยังไม่แต่งก็จะนับญาติกันแล้วหรอ!!!'
บัลคาร์กกระแอมเล็กน้อย แทรกบรรยากาศอันชื่นมื่นของเหล่าว่าที่พี่เขยน้องเขย
"ถึงอย่างนั้นก็เป็นไปไม่ได้อยู่ขอรับ.."


"ถ้าหากท่านกำลังจะพูดถึงเวทมนต์โบราณของหอสมุดที่กักขังองค์ชายอาลีบาบาเอาไว้ล่ะก็ ไม่ต้องเป็นห่วงไป ทางเราหาวิธีรับมือเรื่องนั้นได้แล้ว ด้วย 'ปัญญาจากโลกเก่า' รวมกับเวทมนต์ของพวกเราจะสามารถนำองค์ชายอาลีบาบาออกมาได้แน่นอน" ชายหนุ่มผิวซีดตกกระหันมาพูดด้วยรอยยิ้มการค้าก่อนสะบัดพัดขนนกในมือเบาๆ ในขณะความรู้สึกสิ้นหวังของบัลคาร์กค่อยๆดำดิ่งมุดลงไปใต้ชั้นเปลือกโลกเรื่อยๆ


"งั้นก็ตามนั้นแหละ เราจะยกหอสมุดกับอาลีบาบาให้พวกท่านก็แล้วกัน… หลังจากนี้ข้ากับบัลคาร์กมีเรื่องที่จะต้องไปทำซักหน่อย เชิญพักผ่อนตามสบายจนกว่าจะคลายผนึกเวทของหอสมุดต้องห้ามได้เลย"



.



.



.

"งานนี้เจ้าทึ่มจากฟากฟ้าตะวันตกนั่นคงหัวเสียมากแน่ๆ" เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นจากกระจกทองคำบานเล็กในมือของหนุ่มน้อยเจ้าสำอางค์ เมื่อลองมองเข้าไปในกระจกแล้ว เจ้าของเงานั้นหาได้เป็นของผู้ถือกระจกไม่ แต่ปรากฏเป็นใบหน้าขวางโลกของชายหนุ่มผมยาวสีดำขลับที่มีหูแหลมยาวอันเป็นลักษณ์ของเอลฟ์


"ก็นั่นน่ะสิ อีกอย่างหอสมุดนั่นมันถูกร่ายเวทมนต์ไว้ท่านพี่อยากให้นายมาช่วยหน่อยน่ะ ยังไงก่อนอื่นก็ต้องเอาอาลีบาบาออกมาให้ได้ก่อน รีบมาด่วนๆเลยนะ ไม่รู้ว่าทางนั้นจะเล่นสกปรกอะไรอีกมั้ย โดยเฉพาะเจ้าภูติปีกแมลงปอที่ชื่อบัลคาร์กนั่น"


"หึ ใช้งานข้าโขกสับอย่างกับทาสแล้วยังจะให้ข้าออกไปทำงานนอกสถานที่อีกหรอ?"
ชายหนุ่มเอลฟ์หาววอดราวกับว่าเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเขาซักกะหน่อย ทำไมจะต้องทำอะไรแบบนั้นด้วย เหนื่อย ไม่ทำ ใครจะทำไม?


"นี่นาย..อ่ะ พี่เอน"
โคฮาที่ทำท่าจะเปิดปากชวนทะเลาะนั้น จำต้องเงียบไปก่อนเมื่อกระจกบานเล็กในมือถูกคนที่นั่งฟังอยู่ไม่ไกลดึงออกไปจากมือ


"เอาเป็นว่าเสร็จงานนี้ข้าจะยกฮาคุริวให้กับเจ้า ดีมั้ยจูดัล?"


คนที่อยู่ในกระจกเบิกตาโพล่ง หูแหลมๆกระดิกริกๆทันที
"ห๊ะ! จริงหรอ!  งั้นข้าจะไปหาพวกเจ้าเดี๋ยวนี้แหละ ห้ามเบี้ยวนะโว้ยยยย..."


'ฟุบ'


ภาพของหนุ่มเอลฟ์ในกระจกสั่นไหวครู่หนึ่งดับพรึบลงทันที ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะโยนกระจกทิ้งและวิ่งหน้าตั้งออกจากห้องไปทั้งๆที่ตัวเองยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ อีกทั้งยังไม่ยอมฟังคำพูดต่อไปของโคเอนอีกต่างหาก


"ถ้าฮาคุริวยอมน่ะ..."



เด็กชายนั่งแกว่งขาไปมาบนเตียงสูง จับเส้นผมสีแดงฟูยุ่งขอคนที่นอนสลบไสลอยู่บนเตียงมาถักเปียเล่นอย่างซุกซน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามผู้เป็นพี่ใหญ่
"ระหว่างที่รอจูดัลมาเราก็แค่เฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของบัลคาร์กอย่างเดียวสินะ... อ้ะ เดี๋ยวพี่เอน จะออกไปไหนน่ะ?"

"พอดีคิดขึ้นได้ว่าเจ้าราชาอ้วนมันมีเรื่องอะไรซักอย่างที่ต้องไปทำกับบัลคาร์กน่ะสิ ข้าเลยอยากจะไปตรวจสอบอะไรด้วยตัวเองนิดหน่อย..."
ร่างใหญ่เหยียบบนขอบหน้าต่างกว้างก่อนสะโพกและแผ่นหลังกว้างจะปรากฏปีกเพลิงทั้งสี่ สีของมันกลืนไปกับทัศนียภาพของยามย่ำสนยา ที่สีของความมืดตัดกับเส้นสีแดงส้มยังสุดปลายขอบฟ้า ก่อนที่จะหันไปกำชับบางอย่างกับน้องชาย

"คงจะกลับมาไม่ทันรอรับจูลดัล ฝากเจ้าจัดการด้วยแล้วกันนะโคฮา แล้วก็..ปลุกโคเมย์ด้วย"



ทันทีที่สั่งงานทุกอย่างเสร็จ โคเอนก็ทิ้งตัวลงบนอากาศที่พัดไหวด้วยลมอ่อนอันเป็นลมพิเศษที่มีเฉพาะในเมืองภูติทำให้ร่างกายของเขาเหมือนกับลอยอยู่กลางอากาศชั่วครู่ ก่อนจะกางปีกอันภาคภูมิมุ่งไปสู่ที่ดินรกร้างแห่งหนึ่งที่อยู่เกือบสุดชายแดนเมืองภูติ 

ในขณะที่แสงอาทิตย์กำลังลับเลือนไป แสงจากต้นไม้และเห็ดยักษ์ยังพื้นดินด้านล่างก็ค่อยๆส่องแสงสีส้ม ฟ้า และเขียวนวลสว่างแข่งกับดวงดาวบนท้องฟ้า

ปีกที่ห่อหุ้มความร้อนสูงส่องแสงเป็นกระกายดั่งดาวตกบินสูงขึ้นไปเหนือเมฆสีครึ้มที่กำลังหลับไหล เพื่อซ่อนแสงจากปีกที่ส่องสว่างเอาไว้ ก่อนจะร่อนลงบนพื้นที่ที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังรกร้าง อันเป็นที่ที่เขาได้เข้ามาเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ แน่นอนว่าทางใต้ดินอันซับซ้อนไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับกุยผู้ปราดเปรื่องแม้แต่น้อย 

คนตัวใหญ่เดินลัดเลาะตามทางซับซ้อนก่อนจะมาถึงห้องโถงกว้างที่ประตูดาราส่องแสงหมุนวนอยู่อีกฝากหนึ่งของบันไดที่เขายืนอยู่ ในขณะที่ก้าวเท้าลงบันไดเพื่อไปยังอีกฝากนั้น เขาก็กลับต้องหยุดฝีเท้าค้างเอาไว้



"เจ้ารู้ว่าข้ามา ทำไมไม่หยุดข้าตั้งแต่แรก โมลเซียน่า..."

กรงเล็บแหลมคมที่จ่อคอหอยของโคเอนอยู่เบื้องหลังค่อยๆขยับออก ก่อนจะชายตัวสูงจะหันมาเผชิญหน้ากับเด็กสาวผมสีแดงชาวเผ่าฮาร์ฟบีสต์ที่คุ้นเคยกันอย่างดี ก่อนจะเกิดเรื่องนั้นเมื่อราวๆห้าปีก่อน เธอเป็นหมาป่าที่คอยรับใช้องค์ชายอาลีบาบาตั้งแต่ยังเล็ก



"หลายปีที่ผ่านมาเจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่มาตลอด เจ้าเองก็เป็นห่วงเขาเหมือนกันใช่มั้ย?"

เด็กสาวเปลี่ยนสีหน้าทันที เธอทั้งโกรธและเศร้าจนอารมณ์ที่สับสนแปรปรวนนั้นถูกบีบออกมาเป็นหยาดน้ำใสที่หลั่งรดใบหน้าหวานจนเปียกปอน "เป็นห่วงงั้นหรอ..."


"คนอย่างคุณน่ะห่วงเป็นแต่ตัวเองเท่านั้นแหละ!" เด็กสาวตวาดเสียงแข็งด้วยแววตาที่เกรี้ยวโกรธ พร้อมกับเขี้ยวแหลมยาวที่งอกโผล่ออกมาดูราวกับสัตว์ร้ายกระหายเลือด

"หากข้าห่วงแต่ตัวเอง ก็คงไม่ดั้นด้นมาถึงที่นี่แค่ตัวคนเดียวหรอก"


"แล้วทำไมในตอนนั้นทำไมถึงไม่มาช่วยคะ! ถ้าคุณไม่มัวแต่ห่วงตัวเอง ท่านอาลีบาบาก็คงไม่ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้แท้ๆ ท่านอาลีบาบาน่ะ..." ดวงตาคมมองใบหน้าของชายหนุ่มด้วยสายตาชิงชังแต่ในขณะเดียวกันก็ดูราวกับอ้อนวอนขอร้อง



"ข้ายอมทำทุกอย่างให้ได้อำนาจและตำแหน่งมาอยู่ในมือ เพื่อที่จะชิงอาลีบาบากลับมาอย่างไร้มลทิน แต่ในตอนที่ได้ทุกอย่างมาอยู่ในมือแล้ว ทุกอย่างของข้าก็ถูกพรากไป เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้สึกอะไรเลยงั้นหรอ…"

เด็กสาวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหลบสายตาที่ราวกับรวบรวมความโศกเศร้าทั้งหมดทั้งมวลในโลกมาไว้ในตาคู่นั้น เธอเดินผ่านตัวของชายหนุ่มร่างสูงผู้มีตำแหน่งสูงสุดในฟากฟ้าตะวันออกมาอย่างเงียบๆ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้เล็กๆที่ติดกับโต๊ะอันเต็มไปด้วยอุปกรณ์เวทมนต์ที่ใช้ควบคุมความเสถียรของประตูดารา

"ก่อนหน้านี้ ท่านบัลคาร์กและราชาอับหมัดมาที่นี่พร้อมกับภูติแปลกหน้าอีกสามตน นี่คงเป็นเรื่องที่ท่านอยากรู้ใช่มั้ย?"


"ใช่"



โมลเซียน่าถอนหายใจ แต่ก็ยังคงไม่หันไปมองใบหน้าของโคเอนแม้เสี้ยวหน้า
"พวกเขามาตรวจร่างกายของท่านอาลีบาบาว่าสามารถให้กำเนิดบุตรได้หรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่าเงินกำนัลจากเจิดจรัสจะไหลมาเข้าท้องพระคลังของบัลแบด ไม่สิ เงื้อมือของราชาอับหมัดเสียมากกว่า" หลังมือน้อยปาดหน้าตาที่เปรอะใบหน้าอันเป็นสาเหตุให้สายตาของเธอนั้นพร่าเลือน ก่อนจะพูดต่อ "แต่ว่าสิ่งเขาทำกับท่านอาลีบาบานั้น มันไม่ต่างจากการที่มนุษย์ปฏิบัติกับสัตว์สี่เท้าเลยซักนิด..."


โมลเซียน่าสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อฝ่ามือใหญ่ของคนด้านหลังวางลงบนบ่าของเธออย่างนิ่มนวล
"ขอโทษด้วยนะ...ข้าควรจะไปรับพวกเจ้าตั้งแต่ตอนนั้น"


เด็กสาวค่อยๆปัดฝ่ามือใหญ่ออก ก่อนจะส่ายหัวเบาๆแล้วเอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่น
"หากข้าปล่อยให้ท่านเข้าไป ท่านจะยอมทิ้งทุกอย่าง เพื่อปกป้องทุกอย่างเอาไว้ได้รึเปล่าคะ?"

"ข้าสัญญา.."


"ด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง"

.
.
.

ทันทีที่แสงระยับจากมิติหมุนวนเลือนหายไป ทุกอย่างรอบตัวก็กลายเป็นป่าเล็กๆในหอสมุดอันเงียบสงัดและดอกไม้ที่เปล่งแสงนวลหลากสีไปทั่วบริเวณ ทั้งๆที่เมื่อเช้ายังไม่มีเลยแท้ๆ 

แต่การที่ดอกไม้พวกนี้บานไปทั่วก็หมายความว่า…

โคเอนกระพือปีก ใช้ลมร้อนใต้ปีกเพลิงส่งตัวขึ้นไปยังชั้นบนสุดของหอคอยอย่างเงียบๆ เขาไม่อยากที่จะปลุกใครบางคนที่อาศัยอยู่ในนี้ให้ตื่นจากภวังค์ฝัน ที่มาที่นี่ก็เพราะอยากจะเห็นใบหน้าน่ารักเมื่อเช้านี้เท่านั้น

"แม้แต่ด้านบนสุดก็มีดอกไม้บานเต็มไปหมด"
คนตัวใหญ่เดินก้าวเบาๆ ไปยังเตียงที่ถูกพันด้วยเถาดอกมูนโรสอย่างเงียบเชียบ บนเตียงที่เบ่งบานไปด้วยดอกไม้นั้นเด็กชายที่เขาเฝ้าถวิลหามาโดยตลอดกำลังหลับตาพริ้มด้วยใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตา เส้นผมสีทองที่ระยิบระยับไปด้วยเกสรสีทองบัดนี้ยาวเป็นสองเท่าตัวของร่างกายเล็กๆนั่น บ่งบอกถึงระยะเวลายาวนานที่เราต้องห่างกัน ตัวของเจ้าก็ยังคงผลิบานอย่างงดงามอยู่เช่นนั้น ไม่ต่างจากวันสุดท้ายที่เราได้พูดคุยกัน

ดวงตาสีแดงทับทิมมองใบหน้าที่อยู่ในห้วงภวังค์หลับลึกก่อนจะใช้เรียวนิ้วแตะลงบนหางตาชื้นหยดน้ำเบาๆ
"ร้องไห้หนักขนาดนี้เชียวหรือ..."


    เขายังจำได้ดีทุกๆครั้งที่อาลีบาบาร้องไห้ จู่ๆก็จะมีดอกไม้บานทั่วตำหนักเต็มไปหมด โคฮากับโคเกียคุเลยชอบมาแกล้งบ่อยๆเพราะว่าอยากให้หลังคาตำหนักของตัวเองมีดอกไม้บานบ้าง แต่ว่า..ครั้งนี้ ไม่ใช่แบบนั้น


"ข้าไม่ยกโทษให้เด็ดขาดทั้งผู้คน ทั้งประเทศนี้ ทั้งโลกใบนี้"

ฝ่ามือใหญ่ๆค่อยเรืองแสงนวลไล้ไปตามแขนที่มีรอยถลอกจนกระทั่งถึงปลายเท้าที่อยู่ใต้ผ้าห่ม ก่อนจะกระชับผ้าห่มที่ร่นลงไปขึ้นมาคลุมร่างกายท่อนบนที่ใส่เพียงชุดผ้าบางๆ


ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ ข้าก็ได้แต่มองดูเจ้าเหมือนกับกระต่ายหมายจันทร์อยู่แบบนั้น น่าสมเพชเกินทนเลยใช่มั้ยล่ะ ผู้ชายอย่างข้าน่ะ…


นิ้วเรียวค่อยๆเช็ดหยดน้ำที่ปลายหางตาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้เล็กๆใกล้ๆเตียงที่ถูกพันไปด้วยเถาดอกไม้ เฝ้ามองใบหน้ายามหลับใหลอันเป็นสิ่งเขาโปรดปรานมากที่สุด

"คืนนี้ข้าจะนั่งอยู่ข้างๆเจ้า อย่างน้อยก็จนกว่าเจ้าจะหยุดร้องไห้"

โคเอนค่อยๆซับน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มสีชมพูระเรื่ออีกครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่า ดั่งเช่นที่เขาเอาแต่โทษตัวเองอยู่ในใจ จนกระทั่งในที่สุดน้ำตาก็ค่อยๆเหือดแห้ง




พร้อมกับการมาถึงของรุ่งสางอันเปียกปอน...


เสียงเปาะแปะของหยาดน้ำฝนปลุกภูติสีทองอย่างช้าๆ มือน้อยๆค่อยๆขยี้ตาอันบวมเบ่ง ก่อนจะสังเกตเห็นว่าตามแขนนั้นและข้อมือนั้นไม่มีรอยถลอกอีกต่อไปแล้ว อีกทั้งรอยช้ำตรงขาและข้อเท้าก็หายไปอย่างน่าอัศจรรย์ ใบหน้าที่เป็นรอยคราบน้ำตาหันมองไปรอบๆตัว ก่อนจะพบว่าในหอสมุดอันเงียบสงัดแห่งนี้ มีเพียงแค่ตัวเขาอยู่แค่เพียงลำพัง



...คนเดียว…



ทันทีที่ใบหน้าสวยทำท่าจะร้องไห้ออกมานั้น ดวงตารื้นหยาดน้ำก็สังเกตเห็นว่าข้างเตียงมีขนนกขนาดใหญ่สีเพลิงหล่นอยู่ใกล้ๆกับดอกไม้เล็กๆ


"ขนนก?"




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น