เมื่อก่อนนี้เคยมีต้นถั่วยักษ์ ชูกิ่งก้านสูงเทียมเมฆ…
แว่วเสียงแม่ห่าน และ เพลงพิณบรรเลง
เวลาน้ำชาหลังมื้อค่ำ ในวันสีโกเมน
ห่างจากเขตแดนของลอร์ดผู้ปกครองเจิดจรัสทางใต้ไม่มากนัก มีต้นถั่วสูงใหญ่งอกงามผิดหูผิดตา ใต้เงาของลำต้นสูงใหญ่มีคฤหาสน์หลังเล็กๆหลังหนึ่งซ่อนอยู่...
ใต้บรรยากาอันร่มรื่นของต้นถั่วต้นใหญ่กล่อมประสานไปพร้อมกับสายลมจากแดนภูติที่พัดให้กังหันลมพัดหมุนสร้างบรรยากาศการอาบแสงจันทร์อันน่าอภิรมณ์ให้กับองค์ธิดาโฉมงามผู้สืบสายเลือดเหล่าทวยเทพอันทรงเกียรติ 'เรน ฮาคุเอย์'
ดวงตาประกายดั่งมุขราตรีสีเข้มจ้องมองไปยังลูกไฟที่ลอยเข้ามาประหนึ่งแสงของดาวตก ก่อนลูกไฟดวงเล็กจะลอยหยุดนิ่งกลางอากาศเบื้องหน้าขององค์หญิงแห่งวังรุ่งอรุณราคุโชที่กำลังทำสีหน้าฉงนสงสัย ใครกันที่มาขัดจังหวะการลาพักชมเดือนชมดาวของเธอเช่นนี้
"โมริเอนเต้"
สิ้นน้ำเสียงอ่อนหวานน่าฟัง ดวงไฟสีขาวก็ค่อยๆเผามอดกลืนกินตัวเองแตกกระจายเป็นเถ้าสีดำปลิดปลิวลงบนฝ่ามือเรียวของหญิงสาว ก่อนเศษขี้เถ้าจะเรืองแสงสีฟ้าอ่อนเต้นระบำอย่างอ่อนช้อยบนอากาศ เรียงตัวเข้าหากันเป็นถ้อยคำในจดหมายที่ส่งตรงจากแดนภูติ
ถึงองค์หญิงฮาคุเอย์
ข้ารู้สึกละอายใจยิ่งนักที่ต้องเขียนจดหมายฉบับนี้มาเพื่อขอร้องท่านในขณะที่ยังคงอยู่ในกำหนดการพักผ่อนชมจันทร์ที่คฤหาสน์ต้นถั่ว แต่ครานี้ข้าคงจะต้องขอรบกวนท่านอีกหน จำต้องส่งจดหมายฉบับนี้มาด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง
อาจจะกระทันหันไปนัก แต่ก่อนหน้านี้ไม่นานขณะที่ข้าติดพันเรื่องงานอยู่ที่บัลแบด ตัวของข้าในที่สุดก็ได้พบกับพันธะแห่งโชคชะตาที่ได้เฝ้าค้นหามานาน จึงรีบด่วนตัดสินใจจัดพิธีสมรสทันทีที่ออกจากแดนภูติ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีสถานที่ไหนเหมาะไปกว่าคฤหาสน์ต้นถั่วอีกแล้ว อีกทั้งในสองวันข้างหน้านี้จะถึงวันมหาจันทรา เหมาะแก่การจัดพิธีมงคลยิ่งนัก จึงได้ส่งจดหมายฉบับนี้เพื่อขอให้ท่านช่วยเป็นหัวแรงในจัดเตรียมงานมงคลสมรสในครั้งนี้ในฐานะของญาติสนิท
ขอให้กระแสแห่งโซโลมอนคุ้มครองปีกท่าน
เรน โคเอน
"ใครส่งจดหมายอะไรตอนนี้หรือครับท่านพี่"
เสียงของชายหนุ่มผู้มีใบหน้าและแววตาคล้ายกันดังขึ้นออกไปไม่ไกล ตามมาด้วยเสียงของฝีเท้าที่ย่ำลงบนพื้นหญ้าดังใกล้เข้ามา "ข้าเห็นแสงดวงไฟจากหน้าต่างห้อง หรือท่านพี่ฮาคุยูจะเรียกตัวพวกเรากลับแล้ว?"
ใบหน้าที่ดูเป็นกังวลมองเจ้าตัวอักษรเหนือฝ่ามือของพี่สาวที่ค่อยๆจางลง ก่อนที่ผู้เป็นพี่จะหันมายิ้มน้อยๆตอบ
"ไม่ใช่หรอกฮาคุริว"
"เช่นนั้นแล้ว..เป็นจดหมายของใครกันครับ?"
องค์ชายสุดท้องแห่งตระกูลเรนขมวดคิ้วมุ่นมองท่าทีที่สาวที่เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างไม่เข้าใจ หรือจะเป็นจดหมายรักจากกุยผู้ปกครองฟากฟ้าตะวันตก?
"โคเอนกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานน่ะ"
.
.
.
ก่อนเวลาน้ำชาหลังมื้อเที่ยง วันสีบุษราคัม
"ถึงซักที"
เด็กสาวผมแดงในชุดเสื้อกระโปรงหรูหราอู่ฟู่มองออกจากหน้าต่างของราชรถคันงามที่เทียมด้วยม้าบินสีขาวเจ็ดตัว สอดสายตามองรอบๆคฤหาสน์สีขาวที่แต่งแต้มด้วยพืชพันธุ์ไม้เลื้อยและต้นมอสจนกลายเป็นสีหยกแซมดอกไม้หลากสี ล้อมไปด้วยสวนดอกไม้ทองคำกลางหุบเขาที่ปกคลุมด้วยหญ้าเขียวชอุ่มและป่าต้นแพรวิเศษอันเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่านิมฟ์ตัวน้อย หลังจากที่ได้ข่าวว่าพี่ชายสุดรักสุดโปรดกำลังจะแต่งงานก็รีบบึ่งมาที่คฤหาสน์ต้นถั่วนี่ตามที่จดหมายระบุไว้ทันที
"ข้าไม่อยากจะยอมรับเลยจริงๆ อยู่ๆท่านพี่เอนก็มาแต่งงานกระทันหันแบบนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้นอกจากอาลีบาบาจังคนเดียวก็ไม่สนอะไรทั้งนั้นแท้ๆ"
"นี่มันก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้วขอรับ ท่านโคเอนก็อาจจะทำใจเรื่ององค์ชายอาลีบาบาได้แล้วก็เป็นได้ ที่น่าแปลกใจคือทำไมถึงได้มาจัดงานแต่งกลางป่าลึกแถมยังไม่เชิญแขกนอกจากคนในครอบครัวมานี่สิครับ"
ชายหนุ่มผู้ติดตามเอ่ยเรียบๆขณะที่รถม้าผ่านหน้าประตูรั้วทองคำขนาดใหญ่เข้ามาและจอดลงบนลานกว้างใกล้น้ำพุขนาดใหญ่หน้าคฤหาสน์ ก่อนจะค่อยๆประคองนายหญิงแห่งปราสาทตะวันตกให้ก้าวลงจากรถม้าช้าๆ ระวังไม่ให้ชายกระโปรงเปรอะดิน
"ยังไงข้าก็รับไม่ได้ จะให้ใครที่ไหนไม่รู้มาแทนที่อาลีบาบาจังได้ยังไง แถมท่านพี่ยังให้ข้าเอาชุดแต่งงานที่สั่งตัดไว้เพื่ออาลีบาบาจังมาใช้แบบนี้.."
ดวงตาสีทับทิมคู่สวยทำสายตาไม่พอใจมองไปรอบๆอย่างไม่สบอารมณ์ อีกทั้งอยากเห็นหน้าค่าตาว่าที่พี่สะใภ้ที่บังอาจมาแทนที่เพื่อนรักของตนเองเต็มทน ทั้งๆที่คนที่จะเข้าพิธีในวันนี้สมควรจะเป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวของเธอแท้ๆ
หากเมื่อหลายปีก่อนไม่เกิดเรื่องนั้นขึ้นที่บัลแบดล่ะก็...
นิมฟ์ตัวจ้อยร่างท้วมกลม สูงเท่าไม้ค้ำต้นแพรหน้าตาเหมือนกันประหนึ่งแฝดสามเดินเรียงรายออกมาต้อนรับท่านหญิงผู้ปกครองเจิดจรัสตะวันตก 'เรน โคเกียคุ' ก่อนจะโค้งรับอย่างนอบน้อมด้วยรอยยิ้มที่ดูหน่อมแน้มไม่เต็มเต็ง
"ท่านหญิงโคเกียคุเชิญด้านในก่อนขอรับ ส่วนของที่เหลือพวกเราจะขนไปให้เองขอรับ"
"อื้อ..ฝากด้วยนะเจ้าพวกเม็ดถั่ว" เด็กสาวพยักหน้าเรียบๆ เดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังเล็กพร้อมกับผู้ติดตาม ก่อนจะนึกถึงหีบสีมุกใบพิเศษในราชรถคันงามขึ้นมาได้
"หีบสีมุกที่อยู่ด้านในสุดเป็นชุดแต่งงานกับเครื่องประดับที่ข้าต้องใช้ ขนกันระวังๆด้วยล่ะ"
"ขอรับ/ขอรับ/ขอรับ"
แฝดสามที่ถูกเรียกว่าเม็ดถั่วขานรับอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะเข้าไปยกขนหีบข้าวของกองพะเนินเป็นภูเขาดูเกินกว่าที่จะยัดไว้ในรถเล็กๆด้านในได้ และก็ดูเกินกว่าที่แรงของคนตัวเล็กทั้งสามจะยกออกไปด้วยท่าทีสบายๆเช่นกัน
"แล้วนี่พวกท่านพี่ยังมาไม่ถึงรึยังไงกัน"
เด็กสาวเท้าสะเอวมองไปรอบๆ บ่นฮึดฮัดออกมาด้วยท่าทีฉุนเฉียว เมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของราชรถคันไหน นอกเสียจากขององค์หญิงจากวังรุ่งอรุณที่มาพักอยู่ก่อนหน้าแล้ว
"ท่านโคเอนกว่าจะมาถึงก็คงจะทันเวลามื้อค่ำพอดี ถ้ายังไงก็เชิญเข้ามาก่อนเถอะครับ"
เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้น เรียกให้ท่าหญิงผู้ปกครองเจิดจรัสตะวันตกอย่างโคเกียคุหันไปคำนับอย่างอัตโนมัติราวกับท่าคำนับอันถูกตามหลักตำรามารยาททุกกระเบียดนิ้วนั้นฝังอยู่ในทุกเส้นเลือดฝอย
"โคเกียคุคำนับองค์ชายฮาคุริวเพคะ"
"ได้ข่าวว่าปีกของท่านในที่สุดก็เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสว่างแล้ว แถมยังได้เลื่อนขั้นปกครองวังตะวันตกแล้วด้วย ทางนี้ต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายเคารพท่านก่อน"
เด็กหนุ่มตอบกลับอย่างนอบน้อมถ่อมตน หากนับศักดิ์กันตามสภาเพลลูมแล้วล่ะก็เด็กสาวตรงหน้าแม้จะเป็นสมาชิกระดับล่าง แต่อย่างน้อยก็มีตำแหน่งในสภา ต่างกับเขาที่เป็นเพียงแค่องค์ชายแห่งวังรุ่งอรุณราคุโชเท่านั้น
ฮาคุริวยิ้มน้อยๆก่อนจะผายมือเชิญชวนญาติสาวและผู้ติดตามให้เดินตามเข้ามาด้านในของคฤหาสน์ที่ข้าวของเครื่องใช้ต่างทำจากทองคำบริสุทธิ์วับวาว
"จะว่าไปแล้วท่านโคเกียคุ"
"คะ?"
คนที่ถูกเรียกชื่อเอียงคอเล็กน้อย
"พอจะรู้บ้างรึเปล่าครับว่าฝ่ายเจ้าสาวของท่านโคเอนเป็นใคร? ดูเหมือนว่าในเทียบเชิญของท่านพี่ฮาคุยูกับฮาคุเรนเองก็ไม่ได้ระบุถึงฝ่ายเจ้าสาวเอาไว้เหมือนกัน บอกแค่ว่าจะเริ่มพิธีของตอนบ่ายวันพรุ่งนี้น่ะครับ"
องค์ชายหน้ามนถามขึ้นในขณะที่นำทางทั้งสองคนไปยังห้องพักปีกตะวันตกอันเป็นที่พักสำหรับแขก
'จะว่าไปแล้วมันก็แปลกจริงๆ ทำไมจะต้องรีบจัดงานขนาดนั้นด้วย?'
โคเกียคุทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัวเบาๆตอบกลับไป
"เรื่องนั้นเองข้าก็ไม่ทราบเหมือนกัน จูดัลจังเองก็ถูกเรียกตัวไปที่บัลแบดกระทันหันก่อนที่ข้าจะได้รับจดหมายไม่นาน ไม่แน่อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็ได้"
"น่าแปลกใจมาเลยนะครับ..ทั้งที่ตอนงานพิธีศพของท่านอาลีบาบาใจสลายขนาดนั้นแท้ๆ"
"นั่นสินะคะ"
หญิงสาวก้มหน้าด้วยแววตาที่หมองลงถนัดตา
ทั้งที่เป็นวันรับตำแหน่งในสภาเพลลูมของท่านพี่แท้ๆ อุตส่าห์ไต่เต้าจากขุนศึกธรรมดาจนได้ปกครองเขตแดนกึ่งหนึ่งของเจิดจรัส แต่พอเกิดเรื่องท่านพี่ก็เอาแต่เก็บตัว ยื่นเรื่องถอนชื่อตัวเองออกจากสภา จะถอดยศทั้งหมดของตัวเองเสียให้ได้ หากแต่โดนปีกที่หนึ่งแห่งฟากฟ้าตะวันตก 'ซินแบด' กับองค์จักรพรรดิฮาคุยูค้านเอาไว้เสียก่อน
"ถึงแม้ท่านพี่โคฮาเสนอให้สร้างร่างเนื้อของอาลีบาบาจังขึ้นมาใหม่แบบที่ทำกับจูดัลจัง แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็..."
"ไม่มีแม้แต่ไอวิญญาณที่จะบรรจุลงไปสินะครับ"
หญิงสาวถอนหายใจออกมาแรง ก่อนจะยิ้มบางอย่างเศร้าๆกลับไป
"ใช่แล้วค่ะ มีเพียงแต่ร่างกายเท่านั้น"
ฮาคุริวเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเผลอพูดเรื่องเศร้าๆออกมาขัดบรรกาศงานรื่นเริงเข้าให้เสียแล้ว เมื่อคิดขึ้นได้ว่านอกจากโคเอน โคเกียคุที่เป็นเพื่อนสนิทของอาลีบาบาเองก็ยังคงทำใจกับเรื่องนี้ไม่ได้เช่นกัน "จะ ว่าไป..เรื่องนั้นมันก็ผ่านมานานแล้วสินะครับ อีกอย่างพวกท่านพี่เองก็คงจะดีใจที่เห็นท่านโคเอนกลับมายืนหยัดเริ่มต้นใหม่อีกครั้งได้แล้ว ยิ่งกำลังบ่นเรื่องทายาทของท่านโคเอนอยู่ด้วย คงจะหายห่วงได้แล้วล่ะครับ พวกเราเองก็ควรจะร่วมยินดีกับงาน..."
"นั่นน่ะสิคะ..ข้าเองก็ควรจะยินดีด้วยเหมือนกัน"
โคเกียคุฉีกยิ้มจนมุมปากกระตุกเกร็งจนฮาคุริวและผู้ติดตามแอบเสียวสันหลังวาบ ด้วยน้ำเสียงที่ดูกดต่ำยานคางกว่าปรกติจนน่าขนลุก
"งะ..งั้น เชิญใช้ห้องนี้ตามสบายได้เลยนะครับ"
องค์ชายแห่งวังรุ่งอรุณหัวเราะแห้งๆ เมื่อมาหยุดอยู่หน้าห้องรับรองที่จัดเตรียมเอาไว้แล้ว
"ข้าเองต้องไปดูเรื่องอาหารเย็นด้วย ไหนๆท่านโคเอนกับเจ้าสาวจะมาพักที่นี่ทั้งทีก็อยากจะทำอาหารต้อนรับเองซักหน่อย"
โคเกียคุยังคงฉีกยิ้มสยองมองตามแผ่นหลังขององค์ชายน้อยจากวังรุ่งอรุณ จนบรรยากาศทั่วทั้งบริเวณนั้นแทบจะเยือกแข็ง
'ใครมันจะไปยินดีกันยะ!!!'
"ท่านหญิง..ข้าเข้าใจความรู้สึกนะขอรับ แต่ในฐานะน้องสาวยังไงก็มีหน้าที่ต้อนรับขับสู้ว่าที่พี่สะใภ้อย่างเต็มที่นะขอรับ"ผู้ติดตามหนุ่มแอบสะกิดไหล่ของผู้เป็นนายหญิงอย่างหวาดๆ ความจริงแล้วท่านหญิงของเขาทำท่าเหมือนจะเผาวังตั้งแต่รับจดหมายแล้ว แถมตอนนี้ยังมาโดนองค์ชายฮาคุริวจี้ใจดำอีก
"คะโคบุน! ถ้าท่านพี่โคเอนเต็มใจที่จะแต่งงานก็คงกลับไปจัดงานแต่งอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติที่เจิดจรัสแล้ว ไม่ต้องมาจัดหลบๆซ่อนๆในป่าลูกแพรแบบนี้ แถมแขกก็เชิญมาแค่คนในครอบครัวแบบนี้ มันต้องเกิดอะไรขึ้นที่บัลแบดแน่ๆ" หญิงสาวสะบัดผมหันไปโวยกับผู้ติดตามก่อนจะเดินเข้าห้องไปอย่างอารมณ์เสีย ยังไงซะคืนนี้เธอจะต้องถามพี่ชายให้รู้เรื่อง
"ตอนมื้อค่ำวันนี้ขอดูหน้านังแมวขโมยตัวนั้นหน่อยเถอะ!"
"ท่ะ..ท่านหญิงโคเกียคุ..."
ผู้ติดตามหนุ่มมองรังสีความร้อนอันตรายสีเหลืองสว่างที่ห่อคลุมร่างของนายหญิงตรงหน้าก่อนซับเหงื่อเม็ดเป้ง กลืนน้ำลายลงคอฝืดๆดังเอื้อก งานนี้เห็นทีคงต้องให้ท่านโคเอนมาเคลียร์เอง คะโคบุนผู้นี้ทำอะไรไม่ได้จริงๆ ขืนพูดมากกว่านี้คงโดนปีกความร้อนสูงย่างสดเป็นแน่แท้ ...
สีของปีกที่บ่งบอกความแข็งแกร่งไล่จากสีแดงเข้มไปจนถึงน้ำเงินเข้ม สำหรับเด็กสาวอายุน้อยอย่างโคเกียคุแล้วมันช่างน่าแปลกใจนักที่พัฒนาการได้รวดเร็วขนาดนี้ แม้ขนาดโคเอนที่เป็นถึงปีกที่สามแห่งฟากฟ้าตะวันออกยังเร่งความร้อนสูงสุดได้แค่ไฟสีฟ้าอ่อนๆ หากพูดตามตรงพัฒนาการของเขามันช้ากว่ากุยปรกติด้วยซ้ำ แม้ตำแหน่งในสภาจะสูงกว่าท่านฮาคุเรนที่ถือครองปีกสีน้ำเงินเข้ม แต่ก็ถือว่าอ่อนแอที่สุดในบรรดาสมาชิกสภาสูงสุด ผู้เป็นน้องสาวคนสุดท้องของเขาต่างหากที่น่าจับตามอง ด้วยพัฒนาการอันรวดเร็วนั้นอีกไม่นานคงคว้าตำแหน่งระดับสูงในสภาได้อย่างแน่นอน!
"ข้า เลือกเกาะไม่ผิดคนจริงๆ ฮ่าๆๆ"
คะโคบุนหัวเราะอยู่หน้าประตูห้อง ในขณะที่นิมฟ์ตัวน้อยเดินผ่านไปผ่านมองส่งสายตามองแขกดอยท่าทางประหลาดที่ยืนหัวเราะอยู่คนเดียว
"อย่าไปมองสิใบถั่ว...รีบกลับไปทำงานเถอะ"
"อือ..นั่นสิก้านถั่ว"
นิมฟ์ตัวน้อยที่รูปร่างเหมือนมนุษย์เด็กผู้หญิงสองคนเบือนหน้าหนีแขกท่าทีประหลาดทันทีก่อนจะรีบเดินไปยังปีกตะวันออกของคฤหาสน์ที่ถูกเตรียมการเป็นที่พักของเจ้าสาวและห้องหอ
เหล่านิมฟ์ตัวน้อยวิ่งกันดุ๊กดิ๊กไปทั่วปีกตะวันออก เลือกห้องที่ดีที่สุดเป็นห้องหอสำหรับคืนวันพรุ่งนี้ และห้องที่เตียงนุ่มที่สุดสำหรับเจ้าสาวที่จะมาพักในคืนนี้
"อย่าลืมเรื่องห้องแต่งตัวล่ะ พวกเม็ดถั่วขนหีบใส่ชุดมาแล้วนะ" นิมฟ์น้อยตัวหนึ่งพูดขึ้นในขณะที่ตนเองยืนอยู่ข้างๆหีบใบใหญ่
"ห้องนั่งเล่นขวาสุดดีมั้ย มีกระจกบานเบ้อเริ่มแหน่ะ"
"ไม่ๆ กระจกนั่นมันพูดมากจะตายไปถ้าท่านเจ้าสาวอยากจะรู้ว่าใครงามเลิศในปัฐพีก็ว่าไปอย่าง"
"ลงไปชั้นสองสิ ตอนเจ้าสาวออกจากห้องเข้าพิธีจะได้สะดวกๆไง"
"ใช่ๆ"
เมื่อเถียงกันจบนิมฟ์ตัวน้อยตัวหนึ่งก็รีบยกหีบสีมุกใบสวยขึ้นมา โดยที่ไม่ทันระวังทางเดินที่ยังกตกแต่งไม่เรียบร้อย ขาเล็กคู่นั้นก็สะดุดกับถังน้ำหน้าคะมำ หีบสีมุกใบสำคัญกระเด็นกระดอนลงบันไดหลายสิบขั้นก่อนจะกระแทกกับบันไดขั้นสุดท้ายอย่างแรงจนฝาหีบเปิดอ้าซ่า
"ทำอะไรของเจ้าเนี่ย เจ้ารากฝอยนี่!"
นิมฟ์ตัวอื่นๆรีบกรูกันวิ่งลงไปดูหีบอันแสนสำคัญทันทีโดยที่ไม่สนใจพี่น้องที่สะดุดล้มแม้แต่น้อย ก่อนจะมาสุมหัวกันหน้าหีบใบโต ด้วยดวงตาที่เบิกกว้างเป็นไข่ห่าน
"นะ..นี่มัน"
"สมัยนี้ธรรมเนียมพวกนี้มันเลิกไปแล้วนี่นา"
"ไม่อยากเชื่อเลย"
เหล่านิมฟ์ตัวน้อยมองชุดแต่งงานที่ยังคงพับเรียบร้อยอยู่ในหีบพลางเบิกตากว้างมองเครื่องประดับต่างๆ ไม่ว่าอันไหนก็ต่างเป็นของที่มีเพียงชิ้นเดียวบนโลกใบนี้เท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้นชุดเจ้าสาวที่เหลือบแสงสีเงินล้ำค่านั่นทอมาจากวัสดุที่ยิ่งกว่าเครื่องประดับที่มีชิ้นเดียวในโลกพวกนั้นเสียอีก
"ข้าเคยได้ยินเรื่องนกบางตัว มันจะสละขนของมันเพื่อใช้สร้างรัง"
"ท่านโคเอนไม่ใช่นก เจ้าโง่"
"แต่สืบเชื้อสายจากเทพฟินิกส์ก็ถือว่าเป็นลูกหลานนกไม่ใช่หรอ?"
นิมฟ์อีกตัวทำหน้าเบื่อหน่ายกับการเถียงกันไปมาอันเปล่าประโยชน์นั่นก่อนจะพูดขึ้น
"รีบเก็บของก่อนที่องค์หญิงฮาคุเอย์จะจับพวกเราทำผัดถั่วงอกดีกว่ามั้ย"
.
.
.
"นี่ก็เป็นเวทมนต์งั้นหรอ"
เสียงที่ฟังดูตื่นเต้นมองไปรอบๆห้องขนาดใหญ่หลังจากเดินเข้ามาในรถม้าคันเล็กๆที่ดูจะจุคนได้เพียงสี่ห้าคน แต่พอเดินเข้ามากลับกลายเป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่เหมือนจะมีห้องแยกอีกสองสามห้องต่อออกไปอีก ดวงตาสีทองประกายงามราวกับผลึกเวทมนต์มองไปรอบๆ ก่อนเสียงดีดนิ้วของชายร่างใหญ่เจ้าของรถม้าจะดังขึ้น ผนังและกำแพงห้องก็พลันเปลี่ยนเป็นกระจกใสมองเห็นทิวทัศน์ของผืนฟ้าสีคราม ทะเลเมฆสีขาวและฝูงปลาที่กระโดดโลดแล่นเริงระบำกับปีกสีรุ้งของมันอยู่บนคลื่นทะเลเมฆแต่งแต้มสีสันพาดผ่านท้องฟ้าในทุกๆที่ที่มันแหวกว่ายไป
"พี่เอน แบบนั้นมันเห็นแล้วเมารถจะตายไป"
น้องชายตัวเล็กแอบบ่นเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเจ้าของเรือนผมยาวที่ดูตื่นตาตื่นใจกับภาพทิวทัศน์ตรงหน้า
"ปล่อยไปเถอะ"
โคเอนมองแผ่นหลังเล็กๆของเด็กหนุ่มที่ยืนจับมือองครักษ์แน่น ดูเหมือนว่าเข้าไปแทรกคงจะไม่เป็นการดีเท่าไหร่นัก "แต่อย่างน้อยก็ดูเหมือนจะร่าเริงขึ้นบ้างแล้วล่ะนะ"
"งั้นก่อนจะถึงคฤหาสน์ข้าขอตัวไปมาร์กหน้ารอดีกว่า แดนภูติลมแรงจนผิวข้าแห้งขาดมอยส์เจอไรเซอร์มาสองวันแล้ว" คนตัวเล็กสำรวจผิวตามแขนขาไปมาก่อนจะทำหน้ามุ่ย "ไม่นะ ผมข้าแห้งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่! พันกันเป็นก้อนเลย"
โคเอนมองปมเล็กๆที่พันกันอยู่ตรงปลายผมสีแดงทับทิมยาวสลวยนั่น ก่อนจะหรี่ตามองหน้าน้องชายอย่างไม่เข้าใจ 'นั่นเรียกพันกันเป็นก้อนหรอ?' ก้อนเท่าเห็บหมาเนี่ยนะ?
"ไม่ได้การล่ะ! ต้องรีบบำรุงเดี๋ยวนี้!"
โคฮาวิ่งพรวดเข้าห้องของตัวเองไปทันทีก่อนเสียงปิดประตูดังปึ้ง เรียกให้คนที่มองวิวทิวทัศน์อย่างตื่นตาตื่นใจให้หันมามองตามเสียง แต่ดวงตาสีทองสวยก็ดันไปสบเข้ากับกุยหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่เข้าให้เสียแล้ว
"เจ้าก็อย่ามองออกไปให้มากนักล่ะ จะเวียนหัวเอาเปล่าๆ"
ทันทีที่พูดจบมือที่ว่างเปล่าของโคเอนก็ปรากฏผ้าคลุมสีขาวสะอาด ก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้ๆคนที่ทำสีหน้าราวกับอยากจะวิ่งหนี
ภูติสีทองหลับตาปี๋ เมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสนุ่มนวลบนไหล่ทั้งสองข้างจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ มองผ้าผืนนุ่มที่คลุมอยู่บนไหล่ก่อนจะเงยหน้ามองคนตัวสูงตรงหน้าที่กำลังยิ้มให้เขาบางๆ
"จากนี้ข้ามีเรื่องต้องคุยกับจูดัล ถ้าเจ้าอยากนอนก็ใช้ห้องข้าได้ตามสบายเลยนะ หรือถ้ามีปัญหาอะไรก็มาเรียกข้าที่ห้องของโคเมย์เอาแล้วกัน"
มือใหญ่ลูบเส้นผมสีทองอย่างเบามือก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องพร้อมกันกับเด็กหนุ่มเอลฟ์ผมสีดำยาวที่ทำหน้าตาขวางโลกอยู่ตลอดเวลา
"ทำไมพวกเขาถึงใจดีกับข้าจังเลย"
มือเล็กๆกระชับผ้าคลุมอุ่นๆเข้ามาก่อนจะทำหน้าเคลิ้มๆไปอย่างรู้สึกดีกับสัมผัสนุ่มๆของผ้า
"แล้วอาลีบาบานี่เป็นใครกัน? เหมือนข้ามาสวมรอยเขาเลยแฮะ คิดแล้วก็รู้สึกผิดต่อคนที่ชื่ออาลีบาบาหน่อยๆซะแล้วสิ"
องครักษ์สาวหัวเราะเล็กน้อยกับคำพูดพวกนั้น ก่อนที่คนข้างๆที่กุมมือเธอแน่นจะหันมาทำหน้าไม่เข้าใจ
"อาลีบาบาก็คือชื่อของท่านยังไงล่ะคะ"
"ชื่อข้าหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก อีกอย่างตลอดชีวิตนี้ข้าไม่เคยออกจากหอคอยเลยนะ แล้วพวกเขาจะรู้จักข้าได้ยังไง?"
"ถ้างั้นท่านจะอธิบายตราอารักษ์บนตัวของข้ายังไงหรือคะ หากพวกเราไม่เคยเจอกันมาก่อนจริงๆ"โมลเซียน่าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนคนข้างสะดุ้งเล็กน้อย สีหน้าที่ดูลำบากใจนั้นพยายามครุ่นคิดถึงเรื่องราวอดีตของตนเอง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพียงแต่ส่ายหัวเบาๆกลับมาเท่านั้น
"ข้าว่าท่านควรจะพักผ่อนได้แล้วล่ะค่ะ อีกอย่างถ้าไม่กินอะไรซักหน่อยจะไม่มีแรงเอานะคะ"
"ไม่เป็นไร.. ข้าอยากจะดูท้องฟ้าพวกนี้อีกซักพัก เจ้าไปพักเถอะ"
มือเล็กๆค่อยๆคลายออกจากมือของเด็กสาวช้าๆ ก่อนจะกระชับผ้าคลุมสีขาวสะอาดที่มีกลิ่นเหมือนฝนจางๆให้แน่นขึ้น เนื่องด้วยอากาศที่ค่อยๆเย็นลง ในขณะที่คนที่ถูกสั่งให้ไปพักก็ยังคงนั่งเฝ้ามองแผ่นหลังนั้นห่างออกไปไม่ไกลนัก
.
.
.
"ให้ตายสิ ข้าล่ะเกลียดลมแรงๆจริงๆ ผิวแห้งไปหมด"
คนตัวเล็กบ่นอุบอิบอยู่ในห้องเพียงลำพัง ก่อนจะควักครีมบำรุงสูตรที่น้องสาวคนสุดท้องคิดค้นเองขึ้นมาโปะตามผิวหลังมาร์กหน้าบำรุงผมเสร็จ
"จะว่าไป พวกภูตินี่มีเคล็ดลับอะไรกันนะผมกับผิวถึงได้สวยขนาดนั้น" โคฮาทำเสียงฮือเบาๆในลำคอ เมื่อนึกถึงเส้นผมสีทองเป็นประกายระยับของว่าที่สะใภ้ขึ้นมาได้ "ลองไปถามดูดีกว่า"
คนตัวเล็กทำท่าจะออกจากห้อง ก่อนจะชะงักฝีเท้าหันไปมองหวีหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ดวงตากลมโตมองเจ้าแปลงผมสีเงินพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจหยิบติดมือออกไปด้วย
ดวงตากลมโตของเด็กหนุ่มกวาดสายตาไปทั่วห้องกว้างก่อนจะพบแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวยังคงนั่งมองหน้าต่างอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน
"อาลีบาบา เจ้าไม่เวียนหัวรึไง?"
คนตัวเล็กส่งเสียงถาม ก่อนใบหน้าสวยที่ดูอ่อนเพลียเล็กน้อยจะหันกลับมาเงียบๆ
"ข้ารู้ว่าเจ้ายังโกรธพี่เอนอยู่ แต่เจ้าจะพูดมั่งก็ได้นะ"
โคฮาเดินพลางลากเก้าอี้เข้านั่งใกล้ๆคนที่เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ระวังไม่ให้เท้าเหยียบเส้นผมที่ยาวลากพื้น ก่อนจะไปนั่งเท้าคางมองใบหน้าสวยที่ออกอาการทำตัวไม่ถูก
"คือ ข้า..ไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่น่ะ ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไงดี"
"พูดอะไรของเจ้า ก็ทำตัวปรกติก็ได้นี่ไม่ต้องคิดอะไรให้มากหรอก หิวก็บอกว่าหิว ง่วงก็บอกง่วง มันก็แค่นั้นแหละ"
"ไม่รู้สิ ข้าไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี" ภูติสีทองพึมพำกับตัวเองอย่างแผ่วเบา ในขณะที่คนข้างๆเริ่มโกยผมบนพื้นของตนขึ้นมาบนตักด้วยแววตาเป็นประกายวิ๊บวับ ก่อนใบหน้าน่ารักจะทำหน้าเคลิบเคลิ้มเมื่อถูกเส้นผมนุ่มๆประกายแสงสีทองวับวาวยามต้องแสงนั้นห่มคลุมตัวจนตัวเองกลายเป็นเหมือนก้อนสายไหม
"อะ..เอ่อ คือกำลังทำอะไรอย่างนั้นหรอ?"
"ผมพวกนี้มันให้ความรู้สึกดีมากๆเลยล่ะ นุ้มมม นุ่มมมม" โคฮาเอาหน้าซุกลงไปในกลุ่มผม ก่อนจะเอาแก้มถูไปมาจนทั้งแก้มและเนื้อตัวติดประกายสีทองวิ๊บวับของเกสรต้นพอลพลักเต็มไปหมด "เป็นเพราะเกสรวิเศษจากต้นพอลพลักสินะ ผมยาวขนาดนี้แต่ไม่พันกันซักเส้น"
"ข้าไม่ค่อยชอบมันนักหรอก ทั้งหนักแล้วก็ยุ่งยาก แค่คิดถึงตอนแปลงผมก็เหนื่อยแล้ว"
ภูติสีทองถอนหายใจเบาๆ หลังจากเริ่มรู้สึกหายเกร็งขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อได้เห็นท่าทางที่เห็นแล้วน่าอมยิ้มของคนข้างๆ
"งั้นระหว่างที่เจ้าดูเมฆน่าเบื่อๆพวกนี้ข้าจะถักเปียให้เป็นไง?"
"ถักเปีย?"
ในระหว่างที่คนที่นั่งอยู่ทำหน้าไม่เข้าใจ โคฮาก็ลุกออกจากเก้าอี้ด้วยความไวแสง ก่อนจะกวัดแกว่งนิ้วไปมาบนอากาศ เส้นผมที่กองอยู่บนพื้นก็ลอยขึ้นมาทันใด
"เอาหละอยู่นิ่งๆนะ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะให้ดู"
โคฮาแปลงเส้นผมสีทองนุ่มอย่างสนุกสนาน ก่อนเส้นผมสีทองยาวจะไขว้ทับซ้อนกันไปมาจนเป็นเปียขนาดใหญ่สวยงามที่ยาวถึงข้อเท้า คนตัวเล็กมองผลงานตัวเองอย่างพึงพอใจ แล้วจับข้อมือของคนที่นั่งอยู่ให้ลุกขึ้นมาด้วยแรงที่มากเหลือเชื่อ
"เร็วเข้ามาดูกระจก!"?
โคฮาพูดอย่างร่าเริง ลากคนตัวบางที่แทบจะตัวปลิวให้เข้ามาดูกระจกบานใหญ่ในห้องตัวเอง
"นี่หรอถักเปีย? คือการทำให้ผมสั้นลงโดยไม่ต้องตัดหรอกหรอ?"
ใบหน้าสวยมองดูผมที่ส้นลงไม่เกะกะของตัวเอง ในขณะที่หมุนตัวดูก็เซเล็กน้อยจนต้องจับไหล่ของคนตัวเล็กเอาไว้
"นี่อาลีบาบา? เป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย? หน้าเจ้าซีดๆนะ"
"มะ ไม่รู้แต่ข้ารู้สึกไม่ดีเลย" มือเรียวเอามือป้องปากตัวเองในขณะที่สีหน้าอ่อนเพลียดูแย่ลงเรื่อยๆ ก่อนจะหายใจเข้าออกลึกกว่าปรกติ "รู้สึกเหมือนอยากจะคายอะไรออกมา.."
'ชัดเลย'
"มาเถอะเจ้าควรจะไปนอนพักห้องพี่เอนก่อนนะ"
โคฮาประคองว่าที่พี่สะใภ้อย่างช้าๆ ก่อนจะให้โมลเซียน่าเข้ามารับช่วงต่อ ส่งคนที่เกิดอาการเมารถไปนอนบนเตียงพร้อมวางกระโถนเสร็จสับ
ทันทีที่หัวเตะถึงหมอนอาลีบาบาก็เพลียหลับไปทันทีเพราะยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เช้า ทั้งหิวทั้งเพลีย ไม่นานก็หลับสนิทไปอย่างง่ายดาย...
"เมารถจนได้ไง"
"ขอโทษด้วยค่ะ"
โมลเซียน่าก้มหัวอย่างรู้สึกผิด รู้งี้เธอน่าจะให้อาลีบาบาถอยออกมาจากหน้าต่างตั้งนานแล้ว แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากจะขัดใจผู้เป็นนายนัก
"ทั้งเจ้าทั้งพี่เอนเลยพอกันทั้งคู่ ตามใจจนได้เรื่อง"
คนตัวเล็กส่ายหัวไปมา
"นี่ก็ใกล้ถึงแล้ว เจ้าก็ไปหาผ้าชุบน้ำเย็นๆมาเช็ดตัวให้อาลีบาบาก็แล้วกัน ข้าไปตามพี่เอนก่อนล่ะ"
.
.
.
โคฮาเดินออกจากห้องไปอย่างหน่ายๆ ก่อนจะเปิดประตูห้องของโคเมย์พี่ชายจอมเฉื่อยของเขาโดยที่ลืมเคาะประตูอย่างเคยชิน ยังที่ไม่ทันจะเอ่ยปากพูดอะไร ดวงตากลมโตน่ารักก็ต้องสะดุดกับภาพที่เห็นตรงหน้าจนยืนแข็งทื่อไป ก่อนที่ความคิดที่อยู่ในหัวน้อยๆของเขาจะตีกันยุ่งไปหมด ภาพของเอลฟ์หนุ่มที่นอนตัวเปลือยเปล่าท่าทางอ่อนเปลี้ยเพลียแรงกอดผ้าห่มอยู่บนเตียง และพี่ชายคนโตของเขาในชุดคลุมอาบน้ำที่มีหยดน้ำเกาะพราวเต็มตัวและเส้นผมสีแดงเข้มนั่งเช็ดผมอยู่ปลายเตียง
"โคฮา?"
++++++++++++++++++++++++++++++
ต้องขอโทษที่หายไปนานนะคะ ( ;? ;) เนื่องจากไรท์ช่วงนี้ค่อนข้างมีเรื่องงานและสุขภาพค่ะ อีกอย่างปลายปีจะมีการสอบที่มีผลต่อชีวิตของไรท์มากๆ เลยอาจจะแวะมาอัพไม่บ่อยแต่ก็จะพยายามค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่ยังตามอ่านอยู่นะคะ
เสริมเล็กน้อยกับเวทมนต์ประจำบทนี้ **โมริเอนเต้ - ได้รับแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น