"เรื่องนี้มันบ้าบอสิ้นดี! อุบัติเหตุอะไรกัน สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้ก็คือการหาต้นตอของมันไม่ใช่รึไง องค์หญิงเป็นถึงผู้พิชิตดันเจี้ยนจะมาสิ้นพระชนม์ด้วยเหตุผลแค่นี้ได้ยังไง"
ชายหนุ่มผมสีน้ำเงินเจ้าของดวงตาสีอำพันงดงามที่บัดนี้เดือดดาลไปด้วยความโกรธยืนขึ้นกลางห้องประชุมอันโอ่โถงของบัลแบด
"องค์หญิงอาลีบาบาสิ้นพระชนม์แล้ว พวกเราและประชาชนของบัลแบดเองต่างก็โศกเศร้ากันทั้งนั้น อีกทั้งอาการขององค์ราชายังย่ำแย่ลงไปอีก เป็นแบบนี้ราชวงศ์ซารูจาที่มีมาถึง22รุ่นอาจจะสั่นคลอนได้เชียวนะ" ขุนนางรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ที่นั่งในตำแหน่งไม่ไกลไปจากองค์ชาย
อัปหมัดนั้นพูดขึ้นถึงเหตุผลที่เลวร้ายที่จะตามมาร้อยแปดยืดยาวเป็นหน้ากระดาษรายงาน
อัปหมัดนั้นพูดขึ้นถึงเหตุผลที่เลวร้ายที่จะตามมาร้อยแปดยืดยาวเป็นหน้ากระดาษรายงาน
แต่กลับไม่มีใครพูดถึงสาเหตุการสวรรคตขององค์หญิงรัชทายาทซักคนเดียว...
ซินแบดหันไปมององค์ชายอัปหมัดที่กำลังนั่งยิ้มกริ่มดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนมากที่สุดให้ห้องประชุมแห่งนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือใคร แต่สิ่งที่เขาสงสัยมากที่สุดก็คือ
เจ้าอัปหมัดมันมีปัญญาทำเรื่องขนาดนี้โดยที่ปิดเรื่องให้เงียบเชียบไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาซักแอะได้ยังไงกัน ขนาดมัสรูกับจาฟาลเองก็ยังไม่รู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนเลย
อุบัติเหตุไฟไหม้ขนาดนั้นมันก็ต้องมีใครสังเกตเห็นมั่งสิ!
"สถานการณ์ไม่สู้ดีแบบนี้ มีแต่จะต้องแต่งตั้งรัชทายาทคนใหม่ให้เร็วที่สุดเท่านั้น เราเองในฐานะขององค์ชายลำดับที่1คงจะไม่มีทางเลือก" อัปหมัดบีดเสียงพูดให้ฟังดูกับว่าเขากับลังเจ็บปวดแสนสาหัสกับการจากไปของน้องสาว "แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาโศกเศร้าเสียใจ บัลแบดจะต้องเดินต่อไปข้างหน้าเท่านั้น"
หลังจากองค์ชายอ้วนอัปหมัดพูดจบเหล่าขุนนางที่อยากได้ความดีความชอบก็ต่างเห็นด้วย ยกยอปอปั้นกันออกหน้าออกตา ทั้งๆที่เมื่อคืนนี้ยังคงห้อมล้อมเลียแข้งเลียขาองค์หญิงอาลีบาบาอยู่เลยแท้ๆ "ถูกต้องแล้ว ตอนนี้คนผู้ที่จะเป็นความหวังของบัลแบดมีแต่ท่านอัปหมัดเท่านั้น"
"บัลแบดจะต้องมีรัชทายาทคนใหม่เพื่อกอบกู้สถานการณ์กลับคืนมา"
องค์ราชาแห่งซินเดรียที่นั่งห่างออกไปได้แต่นั่งกอดอกมองด้วยสายตาที่นิ่งงันอย่างนึกรังเกียจ เขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าอาลีบาบาจะตายเพราะถูกไฟครอก นางเป็นผู้ให้จินแห่งไฟนะ ถูกไฟครอกตายมันจะไม่ตลกร้ายไปหน่อยรึไง!
ซินแบดลุกขึ้นจากที่นั่งในการประชุม ก่อนจะออกจากห้องประชุมไปอย่างเงียบๆ โดยที่มีสายตาของอัปหมัดมองไล่หลังอย่างผู้มีชัยเหนือกว่า
"ซิน เป็นยังไงบ้าง" เลขาคนสนิทของราชาแห่งซินเดรียปรี่เข้ามาถามทันทีหลังจากเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีหลังออกมาจากห้องประชุมของซินแบด
"เจ้าอัปหมัดนั่น...ก็เป็นไปอย่างที่คาดล่ะนะ เรื่องภายในประเทศแบบนี้ตัวฉันเองคงทำอะไรไม่ได้มากอยู่แล้ว เจ้านั่นก็คงจะคิดเอาไว้เหมือนกัน" ซินแบดคิ้วขมวดอย่างเป็นกังวล
"จะว่าไปเรื่องที่ช่วยให้ไปตรวจสอบน่ะ...อย่างที่คาดเลยมีกลิ่นแปลกๆจริงด้วย" จาฟาลชูเศษผ้าที่เปื้อนสีดำคล้ำเหมือนเขม่าขึ้นมา ก่อนจะยื่นให้ซินแบด
"นี่มันอะไรกัน?"
"มันมาจากแก้วขององค์หญิงอาลีบาบา ยาพิษน่ะ...."
.
.
.
"ฝันร้ายหรือจ๊ะ อาลีบาบา"
"ค่ะ แม่"
"มันก็แค่ฝันร้ายน่ะ พอลืมตาตื่นมาอีกทีก็จะหายไปเอง..."
พอลืมตาตื่นมาอีกทีฝันร้ายก็จะหายไป...
คนป่วยที่พึ่งฟื้นล้มตัวนอนลงอีกครั้ง ก่อนจะโดนเด็กสาวหน้าเข้มที่ยืนอยู่กระชากผ้าห่มออก
"นี่ไม่ใช่ฝันนะคะ คุณอาลีบาบา!"
มันจะไม่ใช่ฝันได้ยังไงกัน!
หลังจากที่เมื่อคืนโดนใครก็ไม่รู้ไล่ล่าเอาชีวิตก็ตื่นมาในห้องนอนที่ไม่คุ้นซักนิด แล้วคนที่จะมาขอความช่วยเหลือดันเป็นคนเดียวกันกับคนที่ต้องการเอาชีวิตฉันอีก! ที่สำคัญนี่มันคืออะไรกัน!
เนื้องอกตรงหว่างขา!
"ไม่เจรงงงงงงงง"
"ใจเย็นๆแล้วก็เก็บไอ้นั่นกลับเข้าไปก่อนได้มั้ยคะ! เรามีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่านั้นให้ต้องทำนะคะ"โมลเซียน่ากุมขมับพลางส่ายหัวให้กับภาพอุจจาดตาตรงหน้าอย่างสิ้นหวัง ตอนนี้ก็เหมือนมาอยู่กลางถ้ำเสืออยู่แล้วอาลีบาบาก็ยังมาสติหลุดไปอีก อย่าว่าแต่จะไปเรมเลย แค่แก้ปัญหาตรงหน้าก็เต็มกลืนแล้ว แต่ถ้าถูกจับได้จริงๆ อย่างดีหน่อยคงถูกส่งกลับไปฆ่าที่บัลแบด การหลบหนีระหว่างเดินทางไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่จะเกิดอะไรขึ้นกับหญิงโคเกียคุล่ะ?
ใช่แล้ว...การจะพาอาลีบาบาหลบหนีออกไปตอนนี้ก็อาจจะทำได้เพียงแต่
โคเกียคุนั้นเป็นเหตุผลเพียงอย่างเดียวที่ทำให้โมลเซียน่ายังคงอยู่ตรงนี้ ถ้าหากทำอะไรพลีพลามไม่ใช่แค่พวกเขาที่จะเดือดร้อน โคเกียคุเองก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย
โคเกียคุนั้นเป็นเหตุผลเพียงอย่างเดียวที่ทำให้โมลเซียน่ายังคงอยู่ตรงนี้ ถ้าหากทำอะไรพลีพลามไม่ใช่แค่พวกเขาที่จะเดือดร้อน โคเกียคุเองก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย
“ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่างองค์หญิงโคเกียคุก็คง...” เฟอนาริสสาวกำมือแน่น
เป็นนิสัยที่เธอทำประจำเวลาที่มีเรื่องกังวลใจ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อมือเรียวสวยที่ใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อยสมกับเป็นผู้ชายของอาลีบาบาได้กอบกุมมือของเธอเอาไว้
อาลีบาบาส่งยิ้มบางเบาให้กับโมลเซียน่า แต่ยังไม่ทันที่ริมฝีปากได้รูปนั้นจะได้ขยับพูดอะไรเสียงเปิดของประตูก็ดังขึ้น
ปรากฏร่างของชายผมแดงยาวที่มัดผมไว้อย่างลวกๆกับเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่บ่งบอกถึงผู้ที่มียศฐาบรรดาศักดิ์ ใบหน้าซีดตกกระ และใต้ตาคล้ำที่บ่งบอกว่าขาดการพักผ่อนอย่างรุนแรง
“หาว~ วันนี้อากาศดีเนอะ”
ปลายเท้าของชายผู้มาเยือนสะดุดเข้ากับชายเสื้อคลุมรุ่มร่ามของตัวเองจนเสียการทรง
ตัวเล็กน้อย ทำเอาโมลเซียน่าและอาลีบาบถึงกับทำอะไรไม่ถูกกับท่าทางที่ดูไม่เอาไหน
ของชายตรงหน้า
ตัวเล็กน้อย ทำเอาโมลเซียน่าและอาลีบาบถึงกับทำอะไรไม่ถูกกับท่าทางที่ดูไม่เอาไหน
ของชายตรงหน้า
“...”
“...”
ชายผมยาวสีแดงเข้มเดินลากเท้าสวบสาบเข้ามาด้วยท่าทีที่ดูไม่เข้ากับเสื้อผ้าราคาแพงพวกนั้นแม้แต่น้อย ก่อนจะตบบ่าของเฟอนาริสสาวอย่างแผ่วเบา
“เอาล่ะ ช่วยออกไปรอข้างนอกก่อนจะได้รึเปล่า”
โมลเซียน่าหันไปมองอาลีบาบาที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างเป็นกังวล ก่อนจะหันกลับมามองใบหน้านิ่งเรียบเบื่อโลกของชายผู้มาเยือน
“ตราบใดที่เธอไม่ทำอะไร ทั้งโคเกียคุแล้วก็เด็กคนนั้นก็จะปลอดภัย” เสียงทุ้มของชายหนุ่มกระซิบกระซาบข้างหูของเด็กสาวเฟอนาริส
จนทำให้โมลเซียน่าทำได้แต่เดินออกนอกห้องไปอย่างจำใจ เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยขององค์หญิงทั้งสอง ดวงตาคมเข้มหันมามองคนป่วยบนเตียงเป็นครั้งสุดท้ายอย่างเป็นห่วงก่อนที่ประตูจะปิดลง...
ชายหนุ่มฉวยโอกาสที่เก้าอี้นั่งข้างเตียงว่างเข้าไปนั่งอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะหันมาพูดกับคนป่วยที่นั่งอึกอักทำตัวไม่ถูกอยู่บนเตียงด้วยท่าทีสบายๆ
“ไง ข้าโคเมย์เป็นองค์ชายลำดับ2” ดวงตาสีทับทิมอ่อนแสงของโคเมย์มองท่าทางอึกอักของคนตรงหน้าก่อนทอดถอนหายใจ "ข้าไม่ชอบความยุ่งยากเพราะงั้นเจ้าไม่ต้องลุกออกจากเตียงก็ได้ ข้าถามเจ้าตอบก็พอแล้ว"
"ตะ ตอบ ตอบอะไร ข้าไม่เข้าใจ" อาลีบาบายังคงมีท่าทางประหม่า ถึงแม้ในตอนนี้จะไม่เข้าใจอะไรมากนัก แต่สิ่งที่รู้เพียงอย่างเดียวคือ จะแสดงตัวให้อีกฝ่ายรู้ว่าเป็น อาลีบาบา ซารูจา ไม่ได้เด็ดขาด!
"เจ้าคิดว่ามันจะไม่เสียมารยาทเกินไปหน่อยหรอกับการที่ให้คนอื่นแนะนำตัวก่อน แล้วตัวเองเอาแต่ถามคำถามไร้สาระอยู่แบบนี้" โคเมย์โบกพัดขนนกสีดำคู่กายของตนเบาๆก่อนจะจ้องมองกลับได้ด้วยแววตาที่มีแรงกดดันมหาศาล จนทำให้คนป่วยบนเตียงได้แต่นั่งเหงื่อตก
"ข้าชื่ออาลี ไม่ค่อยได้เรียนหนังสือกะ ก็เลยไม่รู้เรื่องมารยาทเท่าไหร่" อาลีบาบาพยายามหลบสายตาอันหน้าหวาดหวั่นของชายตรงหน้า เขาในตอนนี้สับสนไปหมด ไม่เข้าใจว่าทำไมประเทศใหญ่ๆแบบนี้ถึงได้คิดจะกำจัดองค์หญิงประเทศเล็กๆอย่างบัลแบด เพราะว่าบัลแบดนั้นเป็นหนึ่งในสมาชิกเจ็ดคาดสมุทรอย่างั้นหรอ? หรือว่าเป็นเพราะเขาเป็นผู้ครองภาชนะโลหะกัน?
"โฮ่ ไม่ได้รับการศึกษางั้นหรอ ดูเหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้เลยสินะ" แววตาสีทับทิมอ่อนจ้องมองราวกับว่าคนตรงหน้าเป็นเพียงเหยื่อที่กำลังหลงทางอยู่บนมือของตัวเอง ก่อนจะผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่หลบซ่อยอยู่ภายใต้ขนปีกของพัดในมือ
"ข้าคิดว่าโคเกียคุกับเด็กเฟอนาริสคนเมื่อกี้นี้จะสำคัญกับเจ้ามากกว่านี้ซะอีก แต่ดูเหมือนคำตอบของเจ้าจะไม่ได้ตระหนักถึงชีวิตของพวกนางเลยนะ" โคเมย์พูดพลางดูปฎิกริยาของอีกฝ่าย
ทั้งการที่โคเกียคุถึงกับกล้าโกหกโคเอน แววตาของแม่สาวเฟอนาริสที่มองมายังเด็กคนนี้ก่อนจะออกจากห้องไป ทุกอย่างมันชัดเจนซะจนเขาไม่ต้องนั่งคิดหาคำตอบให้เปลืองพื้นที่ในสมองเลย
ที่เหลือก็แค่ให้เจ้าตัวคายออกมาเอง
ที่เหลือก็แค่ให้เจ้าตัวคายออกมาเอง
"ว่ายังไงล่ะ ซารูจา"
ไหล่ที่กว้างขึ้นเล็กน้อยของอาลีบาบาสะดุ้งเฮือก ถ้าหางถูกจับได้ตอนนี้เขาจะต้องถูกฆ่าแน่นอน ถึงแม้จะยังไม่รู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้มากนัก แต่พวกเขาคงไม่กล้าจะทำอะไรกับโคเกียคุที่เป็นถึงองค์หญิงหรอก และสิ่งที่ชายคนนี้ต้องการนั้นคงจะไม่ใช่อะไรอื่น แต่คือคำสารภาพของเขาเป็นแน่แท้ และสิ่งที่เขาถนัดที่สุดก็คือ ขายผ้าเอาหน้ารอดนี่แหละ!
"คือข้าไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของท่านเท่าไหร่..." อาลีบาบาปั้นหน้ายิ้มแห้งๆ ก่อนจะแสร้งทำเป็น
ไม่รู้ไม่ชื้กับท่าทีที่ดูไม่ค่อยพอใจของโคเมย์
ไม่รู้ไม่ชื้กับท่าทีที่ดูไม่ค่อยพอใจของโคเมย์
"ตอนนี้โคเกียคุอยู่ในการควบคุมขององค์ชายลำดับหนึ่งโคเอน ข้าคิดว่าเจ้าคงจะเคยได้ยินชื่อของเขาบ้างสินะ ข้าคงไม่ขอรับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรอกนะ"
...โคเอน จอมเผด็จการบ้าสงคราม ไว้เคราแพะสุดเห่ย อัปลักษณ์ทั้งกายใจ...จู่ๆคำพูดของลุงซินแบดก็แล่นผ่านเข้ามาในหัวของฉัน นี่มันเลวร้ายสุดๆเลยไม่ใช่รึไงกัน!
การที่โคเกียคุอยู่ในการควบคุมของชายที่ชื่อโคเอนเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้ แม้แต่โคเกียคุเองก็... โคเกียคุและโมเซียน่าทั้งสองคนช่วยปกป้องฉันจนมาถึงตอนนี้
ทั้งที่เป็นอย่างนั้นฉันกลับห่วงแต่ชีวิตของตัวเองและคิดแต่จะเอาตัวเองให้รอด
การที่โคเกียคุอยู่ในการควบคุมของชายที่ชื่อโคเอนเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้ แม้แต่โคเกียคุเองก็... โคเกียคุและโมเซียน่าทั้งสองคนช่วยปกป้องฉันจนมาถึงตอนนี้
ทั้งที่เป็นอย่างนั้นฉันกลับห่วงแต่ชีวิตของตัวเองและคิดแต่จะเอาตัวเองให้รอด
...ทั้งที่ทุกอย่างมันเป็นเพราะตัวของฉันเองแท้ๆ...
ทั้งโคเกียคุและโมลเซียน่า ฉันอยากจะขอบคุณพวกเธอจริงๆแต่ว่าก็ต้องขอโทษด้วยนะ ฉันคงทนเห็นทั้งสองคนเป็นอะไรไปเพราะฉันไม่ได้หรอก
หากองค์ชายโคเมย์อยากได้ซารูจา เขาก็จะได้ซารูจา!
"ดูเหมือนว่าท่านอยากจะให้ข้าสารภาพว่าตัวข้าคือ 'อาลีบาบา ซารูจา' มากเลยสินะ" อาลีบาบาจ้องมองหน้าขององค์ชายแห่งเจิดจรัสอันยิ่งใหญ่ด้วยแววตาที่ปราศจากความกลัวแม้แต่น้อยต่างจากท่าทีที่ราวกับลูกนกสั่นกลัวเมื่อกี้อย่างลิบลับ
"แต่ขอโทษด้วยที่ต้องทำให้พวกท่านผิดหวัง เพราะข้าไม่ใช่คนที่พวกท่านหมายถึงหรอกนะ" รอยยิ้มชวนประหลาดใจกระตุกขึ้นบนใบหน้าสวย มือเรียวค่อยๆแหวกชายเสื้อออกเปิดให้เห็น
ผิวเนียนทีล่ะน้อยอย่างช้าๆ
ผิวเนียนทีล่ะน้อยอย่างช้าๆ
โคเมย์ได้แต่จ้องมองอย่างตะลึงงัน กลายเป็นว่าเขาเองที่เป็นฝ่ายทำอะไรไม่ถูก ถึงอยากจะเบนหน้าหนีไปทางอื่นแต่ก็กลัวจะเสียมาด ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องผู้หญิงหรอกนะ
แต่ไม่เคยเจอผู้หญิงที่ไหนที่อยู่ดีๆมาถอดเสื้อให้ดูต่างหาก! โดยเฉพาะคนที่เป็นถึงองค์หญิงเนี่ย
แต่ไม่เคยเจอผู้หญิงที่ไหนที่อยู่ดีๆมาถอดเสื้อให้ดูต่างหาก! โดยเฉพาะคนที่เป็นถึงองค์หญิงเนี่ย
ชายเสื้อสีขาวสะอาดและแขนเสื้อเลื่อนหลุดออกจากไหล่มนเผยให้เห็นร่างกายท่อนบนอันงดงามและผิวเนียนละเอียดสวยงามราวเครื่องเคลือบ ทำเอาเครื่องหมายคำถามแปะอยู่เต็มใบหน้าของโคเมย์เต็มไปหมด เพราะสิ่งที่โคเมย์กำลังมองอยู่ตอนนี้หาใช่เรือนร่างของอิสตรีไม่
"นี่มัน...ไม่จริง"
อาลีบาบาเมื่อเห็นใบหน้าของโคเมย์ที่เหวอไปก็กระตุกรอยยิ้มที่มุมปากอย่างซุกซน
"ข้าคือองค์ชายยังไงล่ะ"
"ดะ...เดี๋ยวก่อน มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน" โคเมย์มองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก
เขาไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อนเลยว่าบัลแบดมีองค์ชายตั้งสามคน "ข้ามั่นใจว่าเจ้าคือองค์หญิง
อาลีบาบาแน่ๆ ทำไมถึงได้..."
เขาไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อนเลยว่าบัลแบดมีองค์ชายตั้งสามคน "ข้ามั่นใจว่าเจ้าคือองค์หญิง
อาลีบาบาแน่ๆ ทำไมถึงได้..."
มือเรียวสวยดึงเสื้อขึ้นมาใส่อย่างเรียบร้อยตามเดิมก่อนจะข่มความรู้สึกสนุกในสถานการณ์คับขันเอาไว้ภายในใจอย่างรู้สึกผิดเล็กๆ "ท่านกำลังพูดถึงพี่สาวฝาแฝดของข้าอาลีบาบาสินะ แต่หน้าเสียดายที่ข้าเป็นแค่อาลี องค์ชายปลายแถวน่ะนะ" รอยยิ้มที่เหมือนปีศาจตัวน้อยๆกำลังเล่นสนุกผุดขึ้นมาบนใบหน้าสวยเมื่อเห็นท่าทีสับสนของโคเมย์
"หึหึ องค์ชายปลายแถวอย่างนั้นหรอ"
เสียงหัวเราะกังวานในลำคอของใครบางคนดังขึ้นหน้าประตูบานใหญ่ เรียกความสนใจของทั้งสองให้ละจากการสนทนาอันหน้าอึดอัดให้หันไปมองต้นเสียง
เสียงหัวเราะกังวานในลำคอของใครบางคนดังขึ้นหน้าประตูบานใหญ่ เรียกความสนใจของทั้งสองให้ละจากการสนทนาอันหน้าอึดอัดให้หันไปมองต้นเสียง
ชายรูปร่างสูงใหญ่เรือนผมสีแดงเข้มเหมือนกับโคเมย์แต่ดูหน้าเกรงขามกว่าด้วยไหล่และ
แผ่นหลังที่กว้างและเหยียดตรง อีกทั้งใส่ชุดที่บ่งบอกถึงยศฐาบรรดาศักดิ์ไม่ธรรมดา ยืนพิงบานประตูก่อนจะมองมาทางคนที่พึ่งจะสารภาพว่าเป็นองค์ชายปลายแถวแห่งบัลแบดด้วยแววตาโอหัง ทำเอาอาลีบาบาขมวดคิ้วยุ่งด้วยสีหน้าไม่ชอบใจกับนิสัยของคนๆนี้เอาซะเลยไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม
"โอ้วว ไง อัปดุลเจ้าฟื้นแล้วหรอ" เสียงใสๆขององค์หญิงลำดับแปดแห่งเจิดจรัสดังขึ้นจากด้านหลังของชายรูปร่างสูง ก่อนจะโบกมือหยอยๆมาทางอาลีบาบาที่นั่งทำหน้าเหวอไปตามโคเมย์ที่กำลังเอามือลูบหน้าตัวเองอย่างแรงกับความเด๋อของน้องสาวคนสุดท้องอย่างไร้คำพูดใดๆ
ดวงตากลมโตน่ารักของโคเกียคุปริบๆ ก่อนจะหันหน้ากลับมามองโคเอนที่ยืนกุมหน้าผากอยู่ข้างๆอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์
อาลีบาบาแทบจะเอามือก่ายหน้าผากโดยเฉพาะชื่อที่โคเกียคุคิดขึ้นเองนั่น แล้วไหงถึงได้โผล่มาในสภาพที่สดชื่นลั้นลาได้ขนาดนั้นกัน ไม่ใช่ว่าโดนคนที่ชื่อโคเอนอะไรนั่นคุมตัวอยู่งั้นหรอ
แต่เดี๋ยวก่อนนะ...
แต่เดี๋ยวก่อนนะ...
"นายคือเรน โคเอน?" ดวงตาสีทองสวยวูบไหวอย่างหวาดหวั่น แม้รูปลักษณ์จะต่างจากที่ได้ยินมา แต่คนที่จะไว้เคราแพะสุดเห่ยแบบนี้ได้คงมีแต่ผู้ชายที่ชื่อโคเอนเท่านั้น
"กะไว้อยู่แล้วล่ะว่าอย่างนายคงต้องไม่ธรรมดา" โคเอนหัวเราะในลำคออย่างหน้าขนลุกก่อนจะกระชากร่างบอบบางที่ไม่สมกับเป็นผู้ชายลงมาจากเตียงอย่างง่ายดาย จนคนที่ถูกกระชากเซ
ขาแทบพันกันเป็นเกลียว ท่ามกลางความตกตะลึงของโคเมย์และโคเกียคุ
ขาแทบพันกันเป็นเกลียว ท่ามกลางความตกตะลึงของโคเมย์และโคเกียคุ
"ฮ่ะๆ ขอโทษด้วยแล้วกันเพราะฉันน่ะมันธรรมดาสุดๆไปเลย"
"เดี๋ยวก็รู้" มือคู่ใหญ่ที่แทบจะรวบข้อมือเล็กๆทั้งสองข้างไว้ได้ในมือเดียวฉุดกระชากองค์ชายจากต่างแดนให้เดินออกจากห้องโดยที่เจ้าตัวขัดขืนไม่ได้แม้แต่น้อย
"ท่านพี่โคเอน! เดี๋ยวก่อนจะพาอัปดุลไปไหนน่ะ" โคเกียคุมองตามไปอย่างตกใจ
โคเมย์เอามือลูบหน้าตัวเองแรงๆอีกทีก่อนจะตบบ่าของน้องสาวของตนเบาๆอย่างเหนื่อยใจ
"เจ้าเลิกเรียกอาลีอย่างนั้นเถอะข้าขอร้องล่ะ" ดวงตาดำคล้ำมองมาที่โคเกียคุด้วยสายตา
ละเหี่ยใจกับเซ้นส์การตั้งชื่อสุดเห่ยของเจ้าตัว
"เจ้าเลิกเรียกอาลีอย่างนั้นเถอะข้าขอร้องล่ะ" ดวงตาดำคล้ำมองมาที่โคเกียคุด้วยสายตา
ละเหี่ยใจกับเซ้นส์การตั้งชื่อสุดเห่ยของเจ้าตัว
"อะ เอ๊ะ พวกท่านพี่รู้ความจริงกันหมดแล้วหรอคะ"
.
.
.
ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ตกลงว่าคนพวกนี้ต้องการอะไรกันแน่...
'อาลีบาบา' ทีบัดนี้กลายเป็น 'อาลี' ยืนคิดทบทวนเรื่องราวที่ถาโถมเข้ามาในช่วงวันสองวันนี้
เขาไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่น้อย ใช่แล้ว ไม่เข้าใจอะไรเลย รวมถึงการที่เขามายืนอยู่บนลาน
กว้างแห่งนี้ด้วย
เขาไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่น้อย ใช่แล้ว ไม่เข้าใจอะไรเลย รวมถึงการที่เขามายืนอยู่บนลาน
กว้างแห่งนี้ด้วย
"มัวยืนทำอะไรของแกไอ้เด็กบัลแบด! รีบๆเลือกไอ้ที่อยู่ข้างหลังมาซักอันสิ" โคเอนยืนกอดอกรอคนที่กำลังยืนเหม่อทำมิวสิควิดิโออย่างหงุดหงิด
ไอ้ข้างหลังที่ว่านั่น มันคือคลังอาวุธนะเว้ย! แล้วพี่แกตั้งใจจะทำบ้าอะไรฟะ ยืนตัวเปล่าๆให้เอาดาบไปจิ้มพุงพี่แกเล่นหรอ! แล้วท่าทางแบบนั้นมันอะไรกัน
ฉันหันไปมองโคเกียคุที่ยืนส่งเสียงเชียร์อยู่ขอบสนามอย่างเต็มที่โดยที่มีโคเมย์ยืนหลับคอพับอยู่ข้างๆกัน และที่สำคัญคือท่าทีของโคเกียคุไม่ได้รู้สึกว่าการที่ฉันมาอยู่ตรงนี้เป็นเรื่องแปลกแม้แต่น้อย เดี๋ยวเถอะนี่เธอโดนโคเอนทำคุนไสยใส่ใช่มั้ยเนี่ย! ทำไมถึงได้คล้อยตามคนอื่นเขาง่ายขนาดนี้!!!
"ทำให้มันจบๆไปก็แล้วกัน" อาลีพึมพำก่อนเลือกดาบเล่มนึงขึ้นมา จากเหล่าอาวุธหลากหลาย
รูปร่าง หลากหลายขนาดที่วางเรียงอยู่ตรงหน้า ก่อนจะหันมาเผชิญกับชายผู้ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในเจิดจรัส
รูปร่าง หลากหลายขนาดที่วางเรียงอยู่ตรงหน้า ก่อนจะหันมาเผชิญกับชายผู้ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในเจิดจรัส
"ยืนทำอะไรของแก เข้ามาสิ" โคเอนพูดโดยไม่มีท่าทีล้อเล่น แต่ก็กลับไม่มีทีท่าว่ายอมจับอาวุธขึ้นมาแม้แต่น้อย
อาลีจับดาบด้วยมือทั้งสองข้างอย่างไม่ถนัดมือ ทั้งน้ำหนักและขนาดต่างจากคุณสมบัติของดาบที่ใช้ในเพลงดาบท้องพระโรงของบัลแบดลิบลับทำให้อาลีไม่สามารถจะขยับร่างกายให้เป็นไปอย่างธรรมชาติ แต่เจ้าตัวนั้นสนใจอะไรซะที่ไหน...
ขายาวๆนั้นพุ่งไปด้านหน้าอย่างไร้หลักหรือกลยุทธใดๆก่อนจะฟาดฟันไปมั่วๆเหมือนเด็กที่กำลังเล่นเอากิ่งไม้ไล่ตีแมลง แน่นอนว่าการโจมตีที่ไร้เป้าหมายไร้ทิศทางแบบนั้นมีหรือที่คนอย่างแม่ทัพโคเอนจะหลบไม่ได้ โคเอนแทบจะไม่ต้องใช้เทคนิคอะไรมากมายเลยด้วยซ้ำ ขาของเขาก้าวเท้าเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยเท่านั้นทุกครั้งที่อาลีเหวี่ยงคมดาบเข้ามา
"นี่นายคิดว่ากำลังเล่นอะไรอยู่" โคเอนเลิกคิ้วขึ้นขณะที่กำลังเบี่ยงตัวหลบคมดาบ ก่อนจะสกัดเข้าที่ขาของคนตรงหน้าจนล้มคะมำดูไม่ได้
"ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามน่ะ อุ้ก!"
หัวของอาลีถูกผ่าเท้าขององค์ชายลำดับหนึ่งแห่งเจิดจริสเหยียบหน้าจมดิน จนไม่อาจทำให้มีเสียงถ้อยคำสถบทใดๆเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่กำลังจูบพื้นธรณีอย่างซาบซึ้งได้เลย
"ถึงพูดไปนายก็คงไม่ยอมฟังดีๆอยู่ดี เอางี้ดีกว่า เรามาเล่นเกมกันหน่อยดีมั้ย" โคเอนพูดด้วยน้ำเสียงสุขุมที่ดูไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนอะไรพลางขยี้เท้าเล่นราวกับเบื้องล่างเป็นพรมขนสัตว์ชั้นดี
"ถ้านายชนะฉันได้อยากจะทำอะไร อยากจะไปไหนก็เชิญ แต่ถ้านายแพ้นายจะต้องจ่าย...ด้วยชีวิตน่ะนะ" ใบหน้าหล่อคมกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะยกเท้าออกจากกลุ่มเส้นผมสีทองที่
ตอนนี้ชี้ฟูยุ่งเหยิงซะยิ่งกว่าผมของโคเมย์ ก่อนคนตัวสูงพละออกจากร่างบางที่กำลังนอนจูบพื้นอยู่แล้วเดินไปหยิบดาบที่อยู่ด้านหลัง โดยไม่สนใจร่างบางที่กำลังยันตัวขึ้นจากพื้นอย่างกระท่อนกระแท่นแม้แต่น้อย ในดวงตาสีทับทิมคู่นั้นของโคเอนมีเพียงแต่ความตื่นเต้นและความสนุกราวกับเด็กน้อยที่กำลังเล่นของเล่นใหม่ หาได้ห่วงใยคนที่พึ่งฟื้นจากอาการป่วยไม่
ตอนนี้ชี้ฟูยุ่งเหยิงซะยิ่งกว่าผมของโคเมย์ ก่อนคนตัวสูงพละออกจากร่างบางที่กำลังนอนจูบพื้นอยู่แล้วเดินไปหยิบดาบที่อยู่ด้านหลัง โดยไม่สนใจร่างบางที่กำลังยันตัวขึ้นจากพื้นอย่างกระท่อนกระแท่นแม้แต่น้อย ในดวงตาสีทับทิมคู่นั้นของโคเอนมีเพียงแต่ความตื่นเต้นและความสนุกราวกับเด็กน้อยที่กำลังเล่นของเล่นใหม่ หาได้ห่วงใยคนที่พึ่งฟื้นจากอาการป่วยไม่
"อะไรของนาย เอาแต่พูดอยู่ฝ่ายเดียว" ทันทีที่อาลีเงยหน้าขึ้นมา ดวงหน้าสวยถึงกับต้องผงะเมื่อดามเล่มงามในมือของโคเอนเฉี่ยวผ่านใบหูของเขาไปเพียงนิดเดียวจนมีเลือดไหลซิบออกมา หากเมื่อกี้นี้ไม่เอี้ยวตัวหลบแล้วล่ะก็หูขวาของเขาคงจะลงไปนอนเล่นอยู่ที่พื้นเป็นแน่
"ปฏิกริยาดีนี่" โคเอนกระตุกยิ้มตรงมุมปาก ดวงตาสีทับทิมส่องประกายตื่นเต้นอย่างหน้ากลัว
ในหัวของเขาคิดแต่เพียงว่าคนตรงหน้านั้นจะหลบกระบวนท่าของเขาได้ถึงไหนกันถ้าหากเขายังรุกคืบแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้ถามความสมัครใจของฝ่ายตรงข้ามแม้แต่น้อย
ในหัวของเขาคิดแต่เพียงว่าคนตรงหน้านั้นจะหลบกระบวนท่าของเขาได้ถึงไหนกันถ้าหากเขายังรุกคืบแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้ถามความสมัครใจของฝ่ายตรงข้ามแม้แต่น้อย
อาลีหมุนตัวหลบคมดาบแล้วคมดาบเล่าอย่างฉิวเฉียดจนเนื้อตัวมีแต่รอยแฉลบตื้นๆเต็มไปหมด ด้วยเรี่ยวแรงของเขาตอนนี้นั้นไม่อาจรับคมดาบของโคเอนตรงๆได้เลย ทำได้เพียงปัดออกไปด้วยกระบวนท่าที่ตนไม่ถนัด จนต้องหรี่ตาลงพร้อมกับกัดฟันกั้นเสียงครางไม่ให้เล็ดรอดออกมาจากลำคอเพราะความเจ็บปวดที่แล่นริ้วตามฝ่ามือทุกครั้งที่ดาบของโคเอนฟาดลงมา อาการชานั้นแล่นไปทั่วมือและเรียวนิ้วจนแทบที่จะทนรับไม่ไหว
...ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปต้องถูกฆ่าแน่ๆ!...
"หืม เวลาแบบนี้ยังจะมองไปทางอื่นอีกหรอแก" ดวงตาที่ดูหยิ่งยโสของโคเอนมองอาลีที่รับดาบของเขาไว้ได้ด้วยแขนอันสั่นเทาอย่างเย้ยหยัน
"ยังไงฉันก็ไม่คิดจะมาตายตรงนี้อยู่แล้วล่ะ!"
แขนอันสั่นเทาของคนที่ตัวเล็กกว่าใช้แรงฮึดปัดดาบเล่มใหญ่ในมือของโคเอนออกไปก่อนจะเหวี่ยงดาบทิ้งแล้วหมุนตัวหลบไปด้านหลังของโคเอนอย่างคล่องแคล่วก่อนจะวิ่งผ่านคนตัวใหญ่ไปด้วยการเคลื่อนไหวที่เบาหวิวราวกับขนนก มืออันอ่อนแรงคว้ามีดดาบที่สั้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัวก่อนจะหมุนตัวหลบคมดาบที่ฟาดฟันเข้ามาจากด้านหลังอย่างไม่ลดละของโคเอน
"การเคลื่อนไหวของนายนี่มันหน้ารำคาญจริงๆ"
"ฉันขอคืนคำพูดนั้นให้นายเลย" ดวงตาสีทองคำของอาลีมองใบยังใบหน้าที่ยียวนกวนประสาทเขามาตั้งแต่เมื่อกี้ด้วยแววตาที่แข็งกร้าว ก่อนจะนำมือซ้ายมาไขว้หลังเตรียมตั้งรูปการโจมตีใหม่
"การตั้งท่าแบบนั้นมัน..." โคเกียคุมองการตั้งท่าของอาลีด้วยแววตาอันเปล่งประกาย มันเหมือนกับตอนที่เขาเห็นอาลีใช้ที่บัลแบด ถึงแม้จะไม่เคยประมือกันอย่างจริงๆจังๆ แต่การเคลื่อนไหว
ทุกท่วงท่าของอาลีนั้นไม่สามารถที่จะทำให้เธอละสายตาจากท่วงท่าที่งดงามเหล่านั้นได้เลย
ใช่แล้ว...
"ท่วงท่าแห่งราชัน" เสียงใสของเด็กสาวเลื่อนลอยออกมาจากริมฝีปากแดงสวยอย่างแผ่วเบาก่อนจะกลืนหายไปกับเสียงลมในยามบ่าย
ทุกท่วงท่าของอาลีนั้นไม่สามารถที่จะทำให้เธอละสายตาจากท่วงท่าที่งดงามเหล่านั้นได้เลย
ใช่แล้ว...
"ท่วงท่าแห่งราชัน" เสียงใสของเด็กสาวเลื่อนลอยออกมาจากริมฝีปากแดงสวยอย่างแผ่วเบาก่อนจะกลืนหายไปกับเสียงลมในยามบ่าย
ทันทีที่โคเอนฟาดคมดาบลงมา ร่างเล็กนั้นก็ใช้สันดาบปัดให้ดาบแฉลบออกไปแล้วกระโดดถอยออกมาอย่างลื่นไหลเป็นธรรมชาติก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีใส่โคเอนที่กำลังยิ้มอย่างตื่นเต้นจนหน้าขนลุกแม้ว่าตอนนี้ตนเองจะโดนโจมตีอย่างหนักหน่วงก็ตาม ยิ่งยุเย้าให้อารมณ์ของร่างบางเดือดพล่านขึ้นไปอีก ทุกคมดาบที่พุ่งเข้าหาลำตัวของโคเอนต่างเล็งไปที่จุดสำคัญ แต่ถึงอย่างนั้นโคเอนก็กลับลดการป้องกันของตนเองลง และทันทีที่อาลีติดกับ ดาบในมือของแม่ทัพแห่งเจิดจรัสก็พุ่งเข้าหาลำคอระหง สวนกับคมดาบสีเงินที่ส่องประกายสะท้อนกับแสงแดดยามบ่ายของอาลีที่ยังเร็วไม่ทันดาบของโคเอนเนื่องด้วยความยาวดาบที่สั้นกว่าจึงทำให้พลาดโอกาสและถูกเฉือนเข้าที่ลำคอขาวสีน้ำนมหน้าขบกัด เลือดสีแดงคลั่งไหลย้อมตัดกับผิวสีขาวนั้นช่าง
เชิญชวนให้ลิ้มลอง
เชิญชวนให้ลิ้มลอง
อาลีถอยร่นออกมาอีกครั้งก่อนจะพุ่งเข้าเข้าโจมตีด้วยกระบวนท่าดาบทุกอย่างที่เคยร่ำเรียนมารอคอยให้อีกฝ่ายเผลอเปิดช่องว่าง
"การเคลื่อนไหวที่เบาหวิวกับการโจมตีที่หนักหน่วงแบบนี้ คงจะเป็นเพลงดาบท้องพระโรงของบัลแบดสินะ" เสียงทุ้มของโคเอนหัวเราะกังวาลในลำคออย่างชะล่าใจ เปิดช่องว่างจากด้านล่างให้กับอีกฝ่ายอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ร่างเล็กของเด็กหนุ่มย่อตัวลงเล็กน้อยก่อนจะพุ่งปลายดาบเข้าหาลำคอของแม่ทัพใหญ่แห่งเจิดจรัส โคเอนที่ต่อสู้มาโดยอ่อนข้อให้ตลอดถึงกลับผงะก่อนที่ร่างกายของเขาจะขยับไปตามสัญชาตญาณของนักรบผู้กร้านศึกสงคราม หมัดหนักๆของโคเอนต่อยเข้าไปโดนบริเวณชายโครงของคนร่างเล็กอย่างจัง ก่อนที่จะฟันเข้ากลางลำตัวของอาลีจนร่างเล็กกระเด็นลอยกลางอากาศแล้วตกกระทบกับพื้นแข็งๆอย่างหนักหน่วงผสมปนเปไปกับเสียงกรีดร้องของ
โคเกียคุที่อยู่ออกไปไม่ไกล
โคเกียคุที่อยู่ออกไปไม่ไกล
...ฉันแพ้...
ดวงตาสีบุษราคำคู่สวยมองแสงสีเงินจากประกายดาบของคนตรงหน้าด้วยดวงตาที่พร่าเลือน
ไปพร้อมกับสติสัมปชัญญะแห่งความจริงอย่างสิ้นหวัง ก่อนทัศนะวิสัยรอบกายจะค่อยๆมืดลง
พร้อมกับเสียงเรียกอันอื้ออึง...
ไปพร้อมกับสติสัมปชัญญะแห่งความจริงอย่างสิ้นหวัง ก่อนทัศนะวิสัยรอบกายจะค่อยๆมืดลง
พร้อมกับเสียงเรียกอันอื้ออึง...
☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น