เป็นพระไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องในโลกหล้า
แต่จะไม่ยอมให้ใครมาข้องเกี่ยวกับภรรยาของข้าเช่นกัน
(ขอต้อนรับเข้าสู่ช่วงประหยัดกาว)
"ข้าเห็นกูรึมมันควงผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ที่ตลาด สวยเอาการเลยแต่ดูสีหน้านางไม่ค่อยดี เจ้านั่นคงงาบไปนิ่มๆอีกตามเคย คราวก่อนก็น้องสาวอาเซี้ยโดนรุมโทรมซะยับเยินเลยนา"
"กูรึม? เจ้าพวกอัลพาลที่โรงเตี๊ยมเก่าน่ะหรอ เมียข้าเองก็เกือบโดน ดีที่ข้าไปเจอซะก่อน"
"ไม่ไหวเลยเจ้านั่น ชั่วจริงๆ วันๆเอาแต่ข่มแหงผู้หญิง ลักขโมยของชาวบ้าน ผ้าถุงอาม่าร้านซาลาเปายังไม่เว้น"
"น่าเสียดายผู้หญิงสวยคนนั้นเนอะ ดูแล้วเหมือนจะเป็นคนต่างถิ่นซะด้วย ผมนี่เป็นสีทองยาวสวยเชียว..."
"ผมสีทอง?"
ชายคู่หนึ่งที่กำลังคุยปรับทุกข์บางอย่างกันอยู่ที่มุมหนึ่งของตลาดหยุดพักการสนทนาเรื่องชาวบ้านก่อนหันมามองผู้ชายร่างสูงทะมึนที่เดินเข้ามาทางพวกเขาเป็นตาเดียว ใบหน้าจืดๆของหนุ่มทั้งสองแสดงสีหน้าทึ่งกับออร่าน่าเกรงขามแปลกๆที่แผ่ออกมาจากพระผู้ทรงศีลเบื้องหน้า
ถึงแม้ใบหน้าหล่อเหลาแลดูอ่อนวัย แต่ก็ดูแก่ประสบการณ์ดั่งนักปราชญ์ที่ผ่านชีวิตมามาก กริยาการเดินงดงามน่านับถือ แม้ผมสีแดงเด่นยาวประบ่าจะดูไม่เหมือนกับพระทั่วไป แต่เมื่อลองมองดูชุดเก่าๆปอนๆกับแขนที่พิกลพิการนั่นก็ทำให้รู้ได้ว่าพระองค์นี้ออกเดินทางมาไกลตั้งแต่หัวโล้นๆยันผมขึ้นยาวรุงรัง ไม่สนใจรูปลักษณ์ตนเอง สนเพียงแต่ความสงบสมถะ แววตาเรียบนิ่งที่มองมาทางพวกเขานั้นยิ่งดูน่าเลื่อมใสยิ่งนัก...
"พวกท่านพอจะบอกข้าได้มั้ยว่าโรงเตี๊ยมเก่าไปทางไหน"
.
.
.
...เจ้าพวกโง่...
ใบหน้าสวยเกินบุรุษยังคงไว้ซึ่งรอยยิ้มหวานฉ่ำดั่งผลไม้รสหอมหวานในฤดูร้อน ดวงตาสีทองสุกปลั่งมองชายฉกรรจ์แปลกหน้าทั้งสามราวกับแมวที่กำลังจดจ้องปลาทองในโหลแก้ว
"ข้าคิดว่าเราน่าจะทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้นะพี่ชาย รีบร้อนกันจังนะ"
อาลียังคงยิ้มยียวน หากไม่ได้เงินจากเจ้าพวกนี้ด้วยเล่ห์ ก็คงต้องเอาด้วยกำลัง!!!(กลเว้ยยย กล!)
ร่างบางยันตัวขึ้นช้าๆจากเก้าอี้เพื่อดูท่าทีของชายฉกรรจ์ทั้งสามที่เดินเข้ามาปิดล้อมเส้นทางหนี ทำให้เขาดูเป็นหนูที่ติดกับของแมว แต่หารู้ไม่ว่าแมวต่างหากที่กำลังอยู่ท่ามกลางวงล้อมหนู
"งั้นเอาเป็น...เราไปคุยต่อบนเตียงข้าเป็นไง" ชายร่างใหญ่บึกบึนที่สุดเดินเข้ามาประชิดตัวของหญิงสาวในเรือนร่างหนุ่มน้อย มือใหญ่เชิดคางมนขึ้นอย่างหลงใหลในรูปโฉมเบื้องหน้า ก่อนจะถูกปัดออกไปอย่างอ้อยอิ่ง
มือเรียวสวยวาดนิ้วลงบนแผงอกกว้าง ดวงตาหวานสบเข้ากับดวงตาของอีกฝ่ายด้วยเทคนิคที่ชำนาญการมาตั้งแต่อายุยังน้อย รอยยิ้มร้อนแรงแผดเผาดั่งตะวัน แววตานุ่มนวลน่าหลงไหลดั่งจันทรา... ไม่มีทางที่ชายใดจะรอดเงื้อมือไปได้
"เงินมา ผ้าหลุดดีมั้ย?"
ชายร่างสูงมองใบหน้าสวยนั้นดั่งตกอยู่ในห้วงมนต์สะกด ดวงตาของเขาดูเลื่อนลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเหมือนโดนควบคุม มือใหญ่ค่อยๆล้วงถุงใส่เงินทั้งหมดในกระเป๋ากางเกงออกมาท่ามกลางสีหน้าฉงนงงงวยของเหล่าลูกสมุนทั้งสอง
'นั่นแหละ ต้องอย่างงั้น'
อาลียิ้มกระหยิ่มย่องอยู่ภายในใจ งานนี้ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากง่ายยิ่งกว่าครั้งไหนๆที่ผ่านมาเสียอีก หรือเพราะข้าตอนเป็นผู้ชายดูมีเสน่ห์กว่าตอนเป็นผู้หญิงอย่างนั้นหรอ!? แบบนี้ชักจะหน้าเป็นห่วงซะแล้วสิ หลงนึกว่าหน้าอกเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจผู้ชายมาตลอด (。 ー`ωー´) แต่จะเป็นผู้ชายแบบนี้ตลอดไปมันก็ไม่ได้ซะด้วยสิ
ดวงตาแววดั่งผลึกแก้วมองลาภก้อนเล็กๆที่กำลังไหลเข้าสู่เงื้อมือตนเองอย่างปลื้มปริ่ม ก่อนมือใหญ่ที่กำถุงเงินไว้จะหยุดลงพร้อมกับเสียงเปิดประตู
ชายร่างใหญ่สะดุ้งเหมือนพึ่งตื่นจากภวังค์ฝันก่อนจะหันไปมองผู้ทำลายมนต์สะกดที่ก้าวผ่านพ้นธรณีประตูเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ในขณะที่อาลีมองลาภปากที่กำลังหลุดลอยออกจากมือไปด้วยดวงใจที่แตกสลาย
"ทำอะไรของนายอยู่?"
เสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังขึ้น ขายาวๆก้าวเท้าผ่านเหล่าอันธพาลเข้ามาถึงตัวของอาลีไม่สนใจสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นแม้แต่น้อย ดวงตาสีแดงเข้มจดจ้องมองเพียงแต่ร่างบางที่ขมึงตาใส่เขาจนตาแทบจะหลุดจากเบ้า
'โคเอนมักจะโผล่มาในเวลาที่เขาไม่ต้องการเสมอ'
"เดี๋ยวก่อนนะหลวงพ่อนั่นมันผู้หญิงข้านะ!"
"กลับได้แล้ว"
ดวงตาสีแดงทับทิมยังคงไม่แลเหลียวชายแปลกหน้าทั้งสาม ราวกับพวกเขาเป็นเพียงแค่ไรฝุ่นที่ฟุ้งอยู่ในอากาศ ก่อนหลวงพ่อในชุดเก่าๆปอนๆกระชากข้อมือบางของคนตรงหน้าจนกระดูกข้อต่อแทบหลุด ฝืนบังคับให้คนที่ตัวเล็กกว่าเดินตามตนเองไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนมือใหญ่จะสะบัดข้อมือบางออกอย่างแรง ผลักร่างของอาลีให้เซไปอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องโดยที่อีกฝ่ายยังคงมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ปั่ก!
เสียงเก้าอี้กระทบเข้ากับเนื้อและกระดูกอย่างแรงดังขึ้น ในขณะที่อาลีที่เพิ่งจะตั้งหลักได้ยังคงได้แต่ยืนสับสนกับชีวิตว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่อยู่ที่ฝั่งหนึ่งของห้อง
"เป็นแค่พระ อย่ามาทำซ่ายุ่งกับเรื่องของชาวบ้านหน่อยเลย พระก็อยู่ส่วนพระไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลกสิวะ"
โคเอนก้มลงมองชุดที่ตนเองใส่อยู่ด้วยแววตาเรียบเฉยไม่มีท่าทีจะแสดงอารมณ์ใดๆ ก่อนในหัวจะผุดความคิดเล่นสนุกขึ้นมา มุมปากกระตุกรอยยิ้มชั่วครู่โดยไม่มีใครได้สังเกตเห็น มือหยาบตั้งฝ่ามือขึ้นมาคล้ายกับว่าจะพนมมือก่อนจะก้มหัวเล็กน้อย จนอาลีต้องขมวดคิ้วมุ่นอย่างแปลกใจ
"ตัวข้านั้นเป็นพระก็จริง แต่ผู้หญิงนางนั้นเองก็เป็นภรรยาเก่าของข้าที่ติดตามปรนนิบัติรับใช้ตั้งแต่ตอนที่ข้าออกบวชเพื่อแสวงหาความสงบในโลกหล้า หากจะทำเป็นเหมือนเป็นเรื่องของผู้อื่นก็ดูจะดูแล้งน้ำใจต่อนาง หวังว่าท่านคงจะเข้าใจนะ"
"ห๊ะ!?"
อาลีขมวดคิ้ว อ้าปากค้างทำท่าคับคล้ายคับคลาจะบ่นประท้วงว่า ฉันไปเป็นเมียนายตอนไหน!!! ออกมาทางสีหน้า ในขณะที่อันธพาลทั้งสามต่างมองหน้ากันไปมาก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะขำขัน
"ไหนๆท่านก็ตั้งใจจะหาความสงบสุขอยู่แล้ว เอาเป็นว่าส่งแม่นางนั่นมาแลกกันดีกว่า" ชายหนุ่มหน้าโหดยิ้มเหี้ยมเกรียมก่อนจะดีดนิ้วดังเป๊าะ สั่งให้ลูกกระจ๊อกทั้งสองล้อมพระผู้มีเส้นผมแดงยาวประบ่าดูไม่เหมือนพระเอาไว้อย่างรู้งาน
"แลกกับอะไร?"
เป็นคำถามที่สิ้นเปลืองน้ำลายเปล่าๆ ในเมื่อตอนนี้ก็เห็นกันอยู่ทนโท่ว่าทั้งซ้ายขวาโดนขนาบข้างด้วยเจ้าอันธพาลลูกกระจ๊อกทั้งสองที่ถกแขนเสื้อเตรียมบรรเลงเพลงหมัดบนหน้าเขา
"แลกกับชีวิตแกไง!"
สิ้นเสียงเหี้ยม ชายที่ยืนอยู่ทางด้านขวาของโคเอนก็พุ่งหมัดเข้าใส่ไม่เพลาแรงเมื่อเห็นว่าแขนข้างนั้นบาดเจ็บและเป็นจุดบอดง่ายต่อการจู่โจม แต่ก็ต้องพลิกล็อคเมื่อโดนขัดขาจนล้มหน้าทิ่มจูบพื้นธรณีอย่างดูดดื่ม จนอาลีที่ยืนมองอยู่เผลอเอามือขึ้นมาลูบริมฝีปากตัวเองเมื่อภาพตรงหน้าทำให้คิดถึงความประทับใจครั้งแรกที่ได้พบกับโคเอนขึ้นมา
มือใหญ่คว้าคอเสื้อของชายที่อยู่ด้านซ้ายเหวี่ยงไปชนร่างของชายร่างสูงที่คิดจะวิ่งเข้ามาหมาหมู่ จนล้มหงายหลังเป็นแม่เต่าเกยตื้นด้วยแขนเพียงข้างเดียวอย่างง่ายดาย
ดวงตาคมกริบก้มลงมองคนที่นอนอยู่แทบเท้าก่อนกระทืบฝ่าเท้าลงไปอย่างแรงราวกับกำลังเหยียบมดแมลงที่คลานอยู่บนพื้นน่าลำคาญตา จนชายน่าสงสารผู้นั้นแน่นิ่งไป ก่อนใบหน้าหล่อคมจะเงยหน้าขึ้นมามองชายอีกสองคนที่เหลือด้วยแววตาซื่อบริสุทธิ์
"ข้าส่งเขาไปพบความสงบกับพระพุทธองค์แล้วพวกท่านไม่ต้องห่วง"
"อยากจะแขนง่อยอีกข้างสินะไอ้พระเก๊ ส่งไปหาความสงบบ้านป้าแกสิ!น้ำลายฟูมปากขนาดนั้น!"
"แก! ไอ้หน้าตี๋! บังอาจทำน้องสาม!" ชายหน้าโหดคำรามน่ากลัว ก่อนจะพุ่งเข้ามาไม่คิดหน้าคิดหลังราวกับกระทิงป่า
"เฮ้อ...อย่างน้อยเจ้าน่าจะระวังพื้นบ้าง"
โคเอนเตะเก้าอี้ที่ถูกขว้างมาเมื่อครู่ลอยโดนขาของเจ้าอันธพาลจ่าฝูงเข้าอย่างแม่นยำ จนชายร่างใหญ่กลิ้งหลุนๆชนข้าวของล้มกระจัดกระจายอย่างน่าสมเพช ในขณะที่ลูกกระจ๊อกดีแต่ปากที่ยืนอยู่ด้านหลังได้แต่ยืนนิ่งตะลึงงัน
โคเอนมองขาที่สั่นผั่บๆนั่นอย่างรู้สึกสมเพชก่อนจะหันหลังกลับไปคว้าตัวของภรรยาเก่าคนงาม ที่ติดตามเขามาแสวงหาความสงบ? ให้ออกไปจากโรงเตี๊ยมเก่าๆนี่ ใบหน้าเรียวหันหน้ากลับมาเพียงครึ่งเสี้ยวมองชายแปลกหน้าที่ยืนสั่นด้วยหางตาคมกริบ แล้วทิ้งคำพูดก่อนจะเดินจากไป
"รับสวดศพแค่วันจันทร์ พุธ ศุกร์นะ"
(งานธุรกิจก็มา)
.
.
.
"โคเอนนายสวดศพได้ด้วยหรอ?"
อาลีมองคนข้างๆตาปริบๆ ในขณะที่เดินผ่านตลาดที่เริ่มจะวายแล้ว แม่ค้าเก็บถาดเข้าของปิดร้านนับเงินทองสบายอารมณ์ในบ้านอุ่นๆ
"อยากทดลองมาเป็นศพแรกให้ข้าสวดมั้ยล่ะ?" โคเอนยังคงตอบยียวน ไม่ตรงประเด็นเหมือนเช่นเคย บางทีเขาก็คิดเหมือนกันว่าเจ้านี่มันโง่หรือมันแกล้งโง่ ที่แยกไม่ออกระหว่างเรื่องจริงกับมุกตลกเท่ๆที่เอาไว้ข่มขวัญศัตรู
"ไร้สาระ อีกอย่างนายทำให้ฉันชวดโอกาสได้เงินถุงนั้นเลยนะรู้มั้ย ถ้านายไม่เข้ามาป่านนี้ฉันได้เอาเงินพวกนั้นมาซื้อข้าวกินพุงกางแล้ว!" อาลีพยายามเดินตามร่างสูงให้ทันด้วยความเสียเปรียบทางด้านความยาวของช่วงขา
"อีกอย่างนะไอ้ที่นายทำมันดูเหมือนผู้ทรงศีลที่แสวงหาความสงบสมถะตรงไหน เสียงดังสะเทือนเลือนลั่นขนาดนั้น"
อาลีได้แต่มองเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่เดินอยู่ด้านหน้าเงียบไปพักหนึ่ง แต่ก็ไม่อาจจะมองเห็นสีหน้าและแววตาของคนด้านหน้าได้ จนรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยกับความเงียบนี้ และแม้ว่าเขาจะพยายามเดินให้มาอยู่เคียงข้างโคเอนซักเท่าใด ทุกครั้งนั้นเหมือนกับโคเอนเร่งฝีเท้าขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งโคเอนเป็นฝ่ายเอ่ยพูดขึ้นมาเอง สลายความเงียบอันน่าอึดอัดระหว่างเส้นทางกลับอันไร้ผู้คนสัญจร
"นายทำเรื่องแบบนั้นเป็นปรกติเลยงั้นหรอ?"
"ทำเรื่องแบบนั้น? ทำเรื่องแบบนั้นแล้วมันทำไม?"
"เปล่าข้าแค่รู้สึกกลัวเจ้าขึ้นมานิดหน่อย"
โคเอนหันมายิ้มมุมปากให้คนที่เดินอยู่ด้านหลัง ก่อนขายาวๆจะเดินออกนอกบริเวณตัวเมืองกลับไปทางวัดร้างที่พวกตนพักอยู่ แต่อาลีก็ต้องมีสีหน้าแปลกใจทันทีที่โคเอนเดินเลยวัดร้างออกไป ในขณะที่ตัวเขาก้าวขาเตรียมกลับเข้าไปผิงไฟอุ่นๆ
"เดี๋ยวก่อนโคเอนนายกำลังจะไปไหน?"
"ทางเข้าออกแคว้นอูกิมีอยู่แค่สามทาง ทางแรกคือช่องเขาใต้สุดของหมู่บ้านนี้ ทางที่สองคือใช้ดันเทเลี่ยนของโคเมย์เข้ามา ทางที่สามคือบินเข้ามา" โคเอนอธิบายอย่างเรียบนิ่ง โดยที่เนื้อหาของประโยคก็ยังไม่ตรงกับคำถามเช่นเคย
"ไม่จริงซักหน่อย อีกทางก็ที่พวกเราตกลงมาไง"
อาลีก้าวขาลงจากบันไดผุๆก่อนจะเดินฝ่าหิมะหนาตามหลังของโคเอนไป
"ข้าหมายถึงทางเข้าออกเจ้าโง่"
ร่างบางได้แต่หรี่ตากระตุกมุมปากขึ้นอย่างเอือมๆ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทุกครั้งที่โคเอนจะทำอะไรถึงไม่ค่อยยอมพูดบอกนัก พอถามก็จะลงท้ายด้วยการที่ด่าเขาว่าโง่อีก
"แต่ตอนนี้ช่องเขานั่นโดนพายุหิมะเมื่อคืนนี้ถล่มปิดทางต้องใช้เวลาราวๆสองอาทิตย์ในการโกยหิมะเป็นตันๆออก แล้วตอนนี้เราก็ไม่มีโคเมย์ด้วย ทางที่จะออกไปเร็วที่สุดคือหาภาชนะโลหะของข้าให้เจอ แล้วออกไปพบองค์หญิงฮาคุเอย์ที่อีกฝากหนึ่ง" โคเอนยังเดินไปพูดไป อีกทั้งยังก้าวขาเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนคนที่เดินตามอยู่ด้านหลังอดสงสัยไม่ได้ว่าเดินเร็วขนาดนั้นทั้งๆที่หิมะหนาขนาดนี้ได้ยังไง?
"เพราะงั้นก็เลยต้องย้อนกลับไปที่ที่ตกลงมาสินะ แต่นายแน่ใจนะว่าพกมันออกมาตอนที่ออกมาฉี่ด้วยน่ะ" ดวงหน้าสวยพยายามครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ จะว่าไปมันก็ทั้งมืด ทั้งวุ่นวายจนไม่ได้สังเกตซะด้วยสิ
"ข้าไม่รู้ แต่ก็ต้องหาดูก่อน"
อาลีเดินตามแผ่นหลังด้านหน้าที่ยังคงเหยียดตรงตั้งฉากกับพื้นโลกไม่มีท่าทีจะโอนเอนราวกับเดินอยู่บนพื้นถนนปรกตินั่นด้วยแววตาทึ่งๆ นี่ก็เดินฝ่าหิมะจนเท้าชาปวดเข่าไปหมดโคเอนยังไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยหอบเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่ก็เดินฝ่าหิมะหนาๆพวกนี้ต้องใช้แรงขามากกว่าปรกติหลายเท่า อีกทั้งเขามั่นใจว่าโคเอนยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อเช้า แต่ก็ยังดูท่าทางมีแรงใช้เหลือเฟือ
"นี่มันไกลมากแล้วนะ พวกเราตกมาตรงไหนกันแน่เนี่ย?"
คนที่อยู่ด้านหลังเริ่มโวยเมื่อเห็นว่าเดินออกมาจนไม่เห็นแม้กระทั่งวัดและควันไฟจากหมู่บ้านแล้ว แต่โคเอนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเดินซักที
"นั่นน่ะ แถวๆเนินข้างหน้านั่น"
โคเอนใช้มือชี้ไปยังเนินหิมะใต้ตีนผาที่อยู่ไกลลิบๆ
อาลีรู้สึกว่าแค่มองเดินข้างหน้าก็รู้สึกว่าปวดเคล็ดขัดยอกแล้ว ไม่คิดว่าที่ที่ตกลงมามันจะไกลจากวัดร้างขนาดนี้ เมื่อคืนนี้โคเอนหาวัดนั่นเจอได้ยังไงกัน? อีกอย่าง...
เมื่อคืนนี้โคเอนแบกร่างเขาเอาไว้เดินฝ่าพายุหิมะทั้งๆที่ตัวเองก็แขนหักอย่างนั้นหรอ?
ทั้งที่ในตอนนั้นทิ้งเขาเอาไว้ให้แข็งตาย แล้วหาทางเอาตัวเองรอดไปคนเดียวก็ได้แท้ๆ
ในสถานการณ์ที่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดไปได้รึเปล่าแบบนั้น...
ร่างบางมองคนตัวสูงที่เริ่มใช้มือขุดคุ้ยหาแผ่นป้ายสำริดภาชนะโลหะเพียงหนึ่งเดียวที่พกติดตัวมาอย่างทุกลักทุเล จนคิดขึ้นได้ว่าตนเองก็ต้องไปช่วยหาเหมือนกันหลังจากยืนเหม่อมาซักพัก มือเรียวบางขุดคุ้ยหาแผ่นป้ายเล็กๆจนมือชาไร้ความรู้สึก ความเย็นจากหิมะนั้นเหมือนจะทำให้นิ้วหักเปราะออกมาได้เป็นข้อกิ่งสน แม้ขาจมหิมะบ้างแต่ก็ยังค้นหาต่อไปอย่างทุลักทุเลไม่ต่างจากโคเอนที่หาเงียบๆอยู่อีกฝั่งหนึ่ง แต่จนแล้วจนเล่า จนท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเข้มก็ยังคงหาไม่เจอ
"ฉันว่านายคงจะไม่ได้พกติดออกมานะ โคเอน..."
อาลีหันไปหาโคเอน ก่อนจะต้องเบิกตาโพล่งด้วยความตกใจเมื่อเห็นคนร่างสูงล้มคว่ำลงไปกับพื้นไม่มีปี่มีขลุ่ย ในตอนนั้นเองที่หัวใจของอาลีกระตุกวาบ...
"โคเอน!!!!!"
เลือดที่สูบฉีดอย่างรวดเร็วไปยังทุกส่วนของร่างกายของอาลีตอนนี้กำลังเต้นเร่าภายในร่างกายจนร้อนระอุ เร่งเร้าให้ขาที่อ่อนล้าคู่นี้ไปถึงร่างที่เป็นลมล้มฟุบไปอย่างร้อรน ทุกย่างก้าวยากลำบากดั่งถูกถ่วงไว้ด้วยโซ่ตรวน ปวดร้าวราวกับถูกเข็มน้ำแข็งพันเล่มทิ่มแทง ในหัวของเขาตอนนี้ไม่แม้แต่จะหยุดคิดด้วยซ้ำ ถึงเหตุผลที่ตนร้อนรนขนาดนี้
โคเอนมักจะวางตนสูงส่งเหนือผู้อื่น ด้วยความหยิ่งทะนงในยศศักดิ์นั้นเองจึงไม่เคยเผยความอ่อนแอให้ใครได้เห็น แม้แต่เสียงหรือใบหน้าที่บ่งบอกถึงความทุกข์ทน
มีเพียงแต่แววตาเท่านั้นที่แสดงซึ่งทุกสิ่งอย่าง
แม้ว่าจะไม่มีใครสังเกตถึงความหมายของมันเลยก็ตาม...
"โคเอน! นายได้ยินฉันมั้ย โคเอน!!!"
อาลีทรุดเข่าลงข้างร่างกายที่สูงใหญ่กว่าตนมาก ก่อนจะค่อยๆประคองใบหน้าของคนที่หมดสติขึ้นมาเกยบนตักของตน
"ตัวร้อนจี๋เลย!!!!"
มือเรียวที่แตะสัมผัสเข้าที่หน้าผากและตามลำตัวนั้นถึงกับต้องชักมือกลับเพราะอุณภูมิที่ร้อนเสียจนแทบทำเนินหิมะละลายเป็นธารน้ำของคนตรงหน้า นี่มันตั้งแต่เทื่อไหร่กัน!
อาลีสังเกตเห็นใต้ตาที่อ่อนล้ากว่าปรกติ จนนึกขึ้นมาได้ว่าตอนที่เขาตื่นมาโคเอนก็ดูท่าทางจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อคืน อีกทั้งตอนนี้ยังเริ่มหายใจแรงด้วยใบหน้าที่แดงก่ำจนเกือบเป็นสีเดียวกับเส้นผมบอกถึงอาการไข้ที่ไม่ธรรมดาหากปล่อยให้นอนกลางหิมะแบบนี้ต่อไปคงได้มีคนช็อคตายเป็นผีเฝ้าที่แน่ๆ
มือเรียวทาบลงไปบนหน้าท้องแข็งที่ซูบลงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าโคเอนยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าตามที่เขาคาดไว้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงเดินฝ่าหิมะหนาๆโดยไม่แสดงอาการอะไรออกมา ทั้งที่เขาก็แทบจะอยู่กับโคเอนตลอดเวลาแท้ๆ แต่ทำไมถึงไม่ได้สังเกตเลยนะ ในตอนนั้นที่โคเอนจับมือเขา ทำไมถึงไม่รู้ตัวเลยว่าฝ่ามือใหญ่นั้นมันร้อนถึงขนาดนี้
คนตัวเล็กกัดฟัดกรอดราวกับว่าบางอย่างในอกมันบีบรัดเสียจนรู้สึกเจ็บแปล๊บ ก่อนดวงตาสีอำพันจะวูบไหวเมื่อสังเกตเห็นความผิดปรกติบางอย่างใต้ผ้าพันแผลที่เขาเป็นคนพันเองกับมือ อาลีรู้ว่าตอนนี้ที่โคเอนกำลังถูกสุมด้วยพิษไข้ในขณะที่อุณหภูมิช่วงเย็นเองก็กำลังลดต่ำลงเรื่อยๆ มันไม่สมควรที่จะทำแบบนี้แต่...
"นี่มัน..."
อาลีแกะผ้าพันแผลแหวกเสื้อตรวจดูบริเวณหัวไหล่ที่บวมขึ้นมาผิดปรกติ มันบวมปูดขึ้นมาและมีสีม่วงคล้ำจนน่ากลัว ก่อนอาลีจะคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อบ่าย ที่เขาถูกเหวี่ยงไปแปะติดผนังเหมือนดินน้ำมันในชั่วโมงศิลปะ
ในตอนนั้นที่โคเอนเหวี่ยงเขาออกไปเพราะว่าเจ้าพวกนั้นโยนเก้าอี้มา และกลายเป็นว่าตัวของโคเอนที่เป็นฝ่ายหลบไม่พ้นซะเอง เก้าอี้นั่นถึงได้กระแทกใส่แขนข้างที่กระดูกหักพอดี ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรหรือส่งเสียงร้องออกมาเลยก็ตาม แต่เขาเองก็ไม่อยากคิดเลยว่าโคเอนต้องแบกรับความเจ็บปวดถึงขนาดไหน อดกลั้นมันเอาไว้ถึงขนาดไหน
'แทนที่จะไปนอนหน้าเตาผิงอุ่นๆ ห่มเสื้อคลุมหนาๆของตัวเองให้ร่างกายอุ่นหลังเดินฝ่าพายุหิมะเป็นชั่วโมงๆ แต่ก็กลับถอดมันมาคลุมห่มให้คนอื่น แล้วยังจะไปนั่งอุดรูตรงมุมห้องหนาวๆไม่ให้อากาศเย็นเข้ามาอีก ทั้งๆที่ตัวเองก็ใส่แค่เสื้อบางๆ'
"ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนสิเจ้าบ้า..."
.
.
.
"ดูเหมือนว่าทางเจิดจรัสเองก็เริ่มจะมีความเคลื่อนไหวบ้างแล้วขอรับ องค์ราชินี.."
ชายหนุ่มรูปผู้มีเรือนผมสีเงินยาวและน้ำเสียงติดทุ้มแหบอันเป็นเอกลักษณ์โค้งคำนับแด่องค์เหนือหัว ดวงตาสงบเยือกเย็นดั่งน้ำแข็งก้มมองเพียงพื้นกระเบื้อง หลบซ่อนใบหน้าครึ่งหนึ่งเอาไว้ภายใต้ผ้าคลุมสีดำให้ความรู้สึกเหมือนจันทร์เสี้ยวที่มัวแสง
"งั้นก็เป็นไปตามที่พวกเราคาด เจ้าพวกนั้นคงหวังจะคิดขบถต่อเราจริงๆ"
ใบหน้าสวยงามที่ราวกับวาดขึ้นมายิ้มระเรื่อ เรือนผมสีเงินยวงงดงามยาวสลวยดั่งม่านไหมที่พริ้วตามสายลมประดับด้วยมงกุฏและเครื่องประดับมากมายที่แสดงถึงผู้เป็นประมุขของประเทศ มือเรียวสวยดั่งปั้นขึ้นมาหยอกล้อเล่นกับนกน้อยในกรงอย่างสบายใจ
"ตราบใดที่ทุกอย่างยังดำเนินไปตามกระแสโชคชะตาเดิมก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง"
"จะให้ข้าไปตามหาตัวแม่กับตัวเด็กคนนั้นกลับมามั้ยขอรับ?"
"ถ้าเจ้าไปใครจะคอยเฝ้าองค์หญิง'เยลปา' อีกอย่างเจ้าเองก็ต้องทำให้แน่ใจด้วยว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับชิ้นส่วนคำทำนายใหม่ที่เด็กนั่นพูดออกมา โดยเฉพาะกับพวกคนทรยศพวกนั้น ถ้าเกิดเรื่องนี้รั่วออกไป ข้าคิดว่าพวกมันคงจะทนเอาไปเลียแข้งเลียขาพวกเจิดจรัสไม่ไหวเลยล่ะ"หญิงสาวหัวเราะทรงอำนาจสะท้อนก้องในลำคอ ก่อนริมฝีปากแดงดั่งชาดตัดกับผิวขาวเนียนราวกระเบื้องเคลือบจะจุมพิษเข้าที่หัวของนกน้อยสีขมิ้นอย่างแผ่วเบา...
"เจ้าไปบอกให้ทหารของเจ้าไปตามล่านังเลือดผสมกับเด็กกลับมาก็พอ อ่อ แล้วก็อีกอย่าง..คนที่เกี่ยวข้องกับพวกมันทั้งหมดด้วย"
"รับทราบแล้วขอรับ"
จบไปอีกตอนแล้วค่ะ เฮ้อ~~ ปาดเหงื่อ ถ้าคิดว่าทำไมตอนนี้มันสั้นๆอยู่ล่ะก็...คิดถูกแล้วค่ะ! ตัดออกมาจากตอนที่แล้ว555 ความจริงแล้วมันสมควรเป็นตอนเดียวกันถ้าสังเกตดีๆตอนนี้จะไม่ค่อยมีประโยคกาวๆเท่าไหร่ ฮาาาาาาา
ช่วงนานๆทีจะพูดถึงเนื้อเรื่อง...
ในส่วนของตอนหน้าก็คงได้แต่หวังว่าเสี่ยจะเริ่มใจอ่อนยอมพูดคุยเปิดอกกับอาลีซักที (ไม่ได้เปิดอกแบบนั้นนะ55) สองคนนี้คุยกันทีไรไม่เคยจบสวยซักครั้ง เสี่ยก็ปากแข็ง
ทำอะไรไม่เคยพูดปรึกษาหนูอ.ซักอย่าง ทั้งๆที่ก็เอาเขามาเป็นมือขวาแท้ๆ ไม่ไหวๆ กลายเป็นว่าเวลาทำอะไรก็ขัดกันเองเพราะไม่ยอมพูดคุยกัน
ทำอะไรไม่เคยพูดปรึกษาหนูอ.ซักอย่าง ทั้งๆที่ก็เอาเขามาเป็นมือขวาแท้ๆ ไม่ไหวๆ กลายเป็นว่าเวลาทำอะไรก็ขัดกันเองเพราะไม่ยอมพูดคุยกัน
ส่วนอาลี คิดว่าจะยังคงสับสนกับชีวิตไปอีกหลายตอน จะว่าคุยกันสนิทดีเหมือนเพื่อนก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นมือขวาก็ไม่เชิง เพราะรู้สึกว่าโคเอนไม่ค่อยไว้ใจบอกเรื่องสำคัญๆเล้ยยยย (ยกเว้นไปฉี่) สักพักคงได้มีปัญหาล่ะค่ะ เป็นไรต์เองก็คงน้อยใจเหมือนกัน เฮ้ย แบบ! ฉันเป็นมือขวาแกนะเว้ย ทำไมไม่พูดไม่บอกอะไรกันเลย แล้วจะให้มาเป็นมือขวาเพื่อ!? อารมณ์ประมาณนี้เลยอ่ะ
****สุดท้ายนี้ขอบคุณคอมเม้นต์ทุกคอมเม้นต์ที่เม้นต์กันเข้ามานะคะ ไรต์ไปนั่งไล่ตอบมาเกือบทุกคอมเม้นต์(เหมือนคนแก่ขี้เหงาอ่ะ55) ช่วงนี้ก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ จุ๊ฟ
ป.ล.มังงะเมไจตอนล่าสุดฮาคุริวหล่อมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น