กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ข้ามผ่านทะเลทรายอันร้อนระอุ ท้องฟ้าสีครามที่ดวงอาทิตย์แผดแสงแรงกล้า ยามตะวันลับฟ้าประดับด้วยดารานับแสน สายลมที่พัดผ่าเม็ดทรายได้นำพาเหล่านักเดินทางเข้ามาสู่นครที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ สวรรค์ของเหล่าพ่อค้า ที่พึ่งพิงของเหล่านักเดินทาง
"เร่เข้ามา! เร่เข้ามา!"
"บัลแบดแห่งนี้มีเรื่องเล่าขาน"
วนิพกในตลาดที่มีผู้คนจอแจ กำลังส่งเสียงเรียกแขกอย่างออกรส
เหล่าเด็กๆและเหล่านักเดินทางต่างล้อมวงมะรุมมะตุ้มอยากจะฟังเรื่องเล่าของวนิพกคนนี้อย่างสนอกสนใจ บางคนที่ถูกใจก็โยนเศษเหรียญ หรือของมีค่าเล็กๆน้อยๆให้
"ว่ากันว่าองค์ราชาแห่งบัลแบดมีพระธิดารูปโฉมงดงาม เส้นผมยาวสีทองสลวยดุจแพรพรรณอ่อนนุ่มยามได้หยอกล้อกับแสงตะวัน งดงามยิ่งกว่าทองคำบริสุทธิ์ที่ส่องแสงเป็นประกายในท้องพระคลังของราชาบัลแบดนัยน์ตาสีทองราวบุษราคัมเนื้อดีเหมือนกับดวงตาขององค์พระบิดา มากด้วยความสามารถไม่แพ้กับชายชาตรี ว่ากันว่าทั้งการพัฒนาชุมชนในสลัมและเศรษฐกิจของบัลแบดที่กำลังรุ่งเรืองในขณะนี้ล้วนเป็นเวทมนต์ลึกลับที่ได้รับมาจากดันเจี้ยนทั้งสิ้น..."
เสียงเล่านิทานของวนิพกยังคงดังต่อไป โดยมีเสียงผู้ฟังพูดแทรกดังขึ้นมาเซ็งแส้เป็นครั้งคราว ต่างพูดถึงแต่ข่าวลือเรื่องชาติกำเนิดขององค์หญิงเพียงหนึ่งเดียวของบัลแบด
บ้างก็สรรเสริญยกย่องถึงความสามารถของนาง
บ้างก็พูดชมถึงรูปโฉมอันงดงาม แต่ส่วนมากนั้นก็เป็นไปในทางชื่นชมทั้งสิ้น
ห่างจากกลุ่มผู้คนที่กำลังฟังเรื่องเล่าของวนิพกไปไม่ไกล หญิงสาวผมสีทองสะดุดตายาวหนาเป็นลอนคลื่นใหญ่ๆแบบคนที่มีผมหยักศกธรรมชาติ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าของผู้มีฐานะแต่กลับใส่ผ้าคลุมสีตุ่นๆที่ดูไม่เข้ากันเสียเลย ปะปนในวงสนทนาของเหล่านักเดินทาง เพื่อพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเรื่องราวการผจญภัยต่างๆอย่างสนุกสนาน
"ท่านอาลีบาบาคะ ท่านอาลีบาบา"
เด็กสาวผมแดงเขยิบเข้ามากระซิบกระซาบกับเด็กสาวผมทองอายุดูไล่เลี่ยกันที่กำลังคุยอย่างสนุกสนาน
"อะไรหรอโมลเซียน่า"
"ใกล้จะได้เวลาแล้วนะคะ ท่านมีเรื่องอื่นที่ต้องไปทำอีกไม่ใช่หรือคะ"
คนถูกเตือนทำหน้าเหมือนลืมบางอย่างไปซะสนิท ก่อนจะรีบบอกลาจากกลุ่มพ่อค้านักเดินทางต่างถิ่นแล้วปลีกตัวออกมาทันที
...ต้องแวะเยี่ยมมาเรียมนี่นา...
ทั้งสองคนเดินลัดเลาะมายังสถานที่ที่เคยเป็นสลัมเดิม ที่ตอนนี้เป็นชุมชนที่กำลังปรับผังเมืองใหม่ ทั้งตึกรามบ้านช่องที่เคยทรุดโทรมก็กลับสะอาดเนี้ยบนิ้ง กลายเป็นร้านค้า ตลาด และที่ทำมาหากินโดยสุจริต
แทบไม่เหลือเค้าเดิมของสลัมไว้เลย...
อาลีบาบาเดินอ้อมมาทางด้านหลังของร้านเหล้า เข้าไปเคาะประตูไม้ที่ด้านหลังร้านที่ปัดกวาดไว้อย่างสะอาดสะอ้าน และผู้ที่ออกมาต้อนรับคือ เจ้าของร้านเหล้าที่หน้าตาไม่ค่อยรับแขก...
...เพื่อนสมัยเด็กตอนอยู่ที่สลัมของเขานั่นเอง...
"แกเองหรออาลีบาบา"
"ไง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคาซิม" หญิงสาวผมทองยิ้มอย่างขี้เล่น ก่อนที่เจ้าของบ้านจะเปิดประตูเชิญให้แขกทั้งสองเข้ามา
"น้องสาวนายเป็นไงบ้างล่ะ อาการป่วยดีขึ้นบ้างรึยัง" เด็กสาวผมทองเดินหยิบแจกันที่อยู่ในบ้านอย่างถือวิสาสะเอาดอกไม้ที่หอบมาด้วยจัดวางใส่แจกันอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะยื่นให้โมลเซียน่าเอาไปจัดการต่อ
"มาเรียมก็ดีขึ้นเรื่อยๆแหละ"
ชายหนุ่มมองดูเพื่อนสาวจอมแก่น ที่ทำอย่างกับว่าบ้านเขาเป็นบ้านของตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์หน่อยๆถ้าไม่ติดว่าตอนนี้เป็นเจ้าหญิงไปแล้ว เขาคงเข้าไปเขกหัวซักปั้กนึง
"ว่าแต่แกเถอะ ตั้งแต่หอบสมบัติกลับมาจากพิชิตดันเจี้ยนที่จีซานได้น่ะก็มาปฏิรูปเศรษฐกิจกับชุมชนสลัมในบัลแบลจนกลายเป็นคนดังไปเลยนิ มีแต่ข่าวลือว่าแกจะได้เป็นรัชทายาทแห่งบัลแบดแพร่สะพัดไปหมด"
"ข้างนอกเขาลือกันอย่างนั้นหรอ.."
คนฟังเองก็ยังคงไม่ยี่หระสนใจฟังอะไรเท่าไหร่ ยังคงฮัมเพลงขุดขุ้ยหาหม้อต้มยากับอุปกรณ์เครื่องครัวในตู้ไม้จนเละเทะอย่างไม่สนใจ ทำให้เจ้าของบ้านเริ่มมีน้ำโหนิดๆ
"พอๆ เดี๋ยวฉันทำเอง! ขืนให้แกต้มยาให้ ยาคงกลายเป็นยาพิษกันพอดี แกน่ะเข้าไปหามาเรียมโน้นไป"
"รู้แล้วน่าๆ ยังขี้โวยวายเหมือนเดิมเลยนะ" อาลีบาบาหันมาทำหน้าตาทะเล้นใส่ก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไป
หนุ่มเจ้าของบ้านกุมขมับอย่างรู้สึกปวดหัว แต่มุมปากก็แอบกระตุกรอยยิ้มเล็กๆไม่ได้เช่นกัน ฐานะของอาลีบาบานั้นไม่ได้ให้ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย แม้ในอนาคตข้างหน้าเธออาจเป็นถึงราชินีผู้ปกครองบัลแบดก็ตาม
คาซิมเทยาในหม้อต้มใส่ในชามกระเบื้องแล้วยกเข้าไปในห้องของน้องสาว โดยมีเด็กสาวผู้ติดตามยืนทำหน้าเข้มอยู่และมีอาลีบาบานั่งอยู่ข้างเตียงของมาเรียมที่กำลังคุย
เม้าส์มอยตามภาษาผู้หญิงอย่างออกรส สีหน้าของเธอแทบจะเหมือนกับคนที่หายขาดจากอาการป่วยแล้ว สำหรับมาเรียมเองอาลีบาบาก็เป็นเหมือนกับพี่สาวคนหนึ่ง การมาเยี่ยมครั้งนี้เองก็คงจะทำให้เธอดีใจไม่น้อย
"จริงสิมาเรียมฉันคงต้องไปแล้ว ช่วงบ่ายๆนี้งานค่อยข้างจะยุ่งน่ะ"
อาลีบาบาพูดพลางยิ้มให้กำลังใจกับเด็กสาวที่กำลังนอนป่วย เสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน
"จะกลับแล้วหรอคะ อยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้หรอ"เด็กสาวพูดเสียงหงอยๆ
"มาเรียม อาลีบาบาเขาก็มีงานที่ต้องทำเยอะนะ อย่าเอาแต่ใจสิ"คาซิมเอ็ดน้องสาวพลางวางถาดยาไว้บนโต๊ะข้างๆเตียง
"งั้นฉันกลับล่ะนะคาซิม ว่างๆจะมาใหม่"
"เออ จะกลับก็รีบกลับรอเกี้ยวมารับรึไง" คาซิมพูดเสียงกวนประสาททำให้เด็กสาวผมทองแอบหมั่นไส้ต่อยเบาๆเข้าไปที่ไหล่ของคาซิมทีหนึ่ง ก่อนจะโบกมือลา
โมลเซียน่าเองก็ค้อมตัวลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการเอ่ยลา
วันนี้อาลีบาบาเองก็งานยุ่งจริงๆนั่นแหละ เพราะไหนจะต้องต้อนรับเพื่อนที่มาเยือนจากจักรวรรดิ์เจิดจรัส ราชาและคณะทูตจากซินเดรียก็จะมาถึงในบ่ายนี้ ท่านพ่อเองสุขภาพก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ งานส่วนใหญ่เลยถูกโยนมาเป็นภาระของเธอแทบทั้งหมด
อาลีบาบาแอบเข้ามาในวัง โดยอาศัยความช่วยเหลือจากโมลเซียน่าในการหลบเหล่า
ทหารยาม กับเหล่านางกำนัลในวัง หากถูกจับได้คงจะต้องโดนบ่นยับเยินเป็นแน่แท้
อาลีบาบาถอดเสื้อคลุมสีตุ่นๆนั่นออกแล้วเอาไปซุกไว้ตรงพุ่มไม้ข้างๆตำหนักของตัวเองก่อนจะทำเป็นเดินเข้ามาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และก็ต้องพบกับเหล่าธารกำนัลที่ดูท่าทางร้อนรนรออยู่ด้านหน้าตำหนัก ดูเหมือนว่าจะเกิดเรื่องใหญ่น่าดู...
"องค์หญิงอาลีบาบา!! ท่านโมลเซียน่า!! ท่านไปอยู่ที่ไหนกันมาเจ้าคะพวกหม่อมชั้นตามหากันจนจะทั่ววังแล้วไม่มีวี่แววของพวกท่านทั้งสองเลย"
"เอ่อ..พวกข้าก็ไปเดินเล่นน่ะสิ พวกเราอาจจะคลาดกันน่ะ ว่าแต่เกิดเรื่องอะไรกัน ทำถึงได้ดูร้อนรนอย่างนั้นล่ะ"เด็กสาวพยายามเปลี่ยนเรื่องทันที เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าเป็นกังวลใจมาก
"คนจากจักรวรรดิ์เจิดจรัสมาถึงแล้วเจ้าค่ะ! องค์หญิงรีบไปเตรียมตัวเถอะค่ะ!"
ว่าแล้วเหล่านางกำนัลก็กรูกันเข้ามาแทบจะอุ้มองค์หญิงเข้าไปในตำหนัก...
"ดะ เดี๋ยว ไหนว่าคนจากเจิดจริสจะมาถึงตอนบ่ายๆนี้ไง! นี่มันเพิ่งจะเที่ยงเองไม่ใช่หร๊อ!!"
หากองค์หญิงของพวกเขามัวแต่อิดออดคงจะไม่ทันแน่ ...
"ท่านโมลถอดเสื้อผ้าองค์หญิงออกเลยเจ้าค่ะ พวกเราจะจัดการอาบน้ำ ผลัดเปลี่ยนเครื่องแต่งกายขององค์หญิงให้เรียบร้อย" หัวหน้านางกำนัลสั่งด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว
"รับทราบค่ะ"
ว้ากกกกกกกกกก~~~~~
องค์หญิงถูกจับลากลงไปอ่างน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกเตรียมรอไว้แล้ว ก่อนที่เหล่านางกำนันจะวิ่งวุ่น ขัดสีฉวีวรรณ ตระเตรียมเสื้อผ้า และเครื่องหอมที่จะใช้ใส่ลงไปในน้ำอาบ
อาลีบาบาที่ไม่ค่อยชินกับการถูกเนื้อต้องตัวเท่าไหร่ ก็นั่งบิดกระมิดกระเมี้ยน ไม่ยอมให้ความร่วมมือซักเท่าไหร่นัก
"โถ่องค์หญิงช่วยทำตัวให้สมกับเป็นผู้หญิงซักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ หน้าอกของท่านมันก็ขึ้นมาตั้งขนาดนี้แล้วจะใหญ่กว่าของท่านโมลเซียน่าอยู่แล้วนะคะ"
"เฮ้ยยยย" อาลีบาบาร้องเสียงหลงพร้อมกับสะดุ้งทันทีเมื่อถูกจับหมับเข้าที่หน้าอก
และถูกทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมของร่างกาย เมื่อเสร็จเหล่านางกำนัลก็หิ้วปีก
องค์หญิงที่หน้าแดงแปล้ด วิญญาณกึ่งๆจะหลุดออกจากร่างขึ้นมาเช็ดเนื้อเช็ดตัว
...แล้วตอนออกเหย้าออกเรือนจะขนาดไหนกันเนี่ยองค์หญิงของบ่าว!...
ไม่แปลกใจเลยว่าหากองค์หญิงของพวกเธอเกิดช็อกหมดสติระหว่างงานแต่งงาน หรือน้ำลายฟูมปากในห้องหอ เพราะอย่างนี้องค์ราชาถึงยังไม่อยากให้ออกเรือนแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาซะที
เหล่านางกำนัลแปลงผมทองที่ฟูนุ่มเหมือนขนแกะอย่างเบามือ แล้วจัดแจงทำผมให้ดูเป็นเจ้าหญิงขึ้นมาหน่อย แต่งแต้มใบหน้าหวานด้วยเครื่องสำอางและเครื่องหอมราคาแพง
...ต้องทำให้องค์หญิงแห่งบัลแบดดูดีไม่แพ้องค์หญิงจากเจิดจรัส!!!...
โมลเซียน่าที่เงียบนิ่งมานานทำหน้าตะลึงนิดๆ
"ท่านอาลีบาบา..."
"ว้ายยยย งามมมม งามมากเพคะองค์หญิง"
"งามไม่แพ้องค์หญิงจากเจิดจรัสเลยเพคะ"
"ถ้าคณะทูตจากซินเดรียมาถึงจะต้องตกตะลึงในความงามขององค์หญิงเป็นแน่"
"จริงด้วยๆ ข้าได้ยินว่าราชาซินแบดก็จะมาด้วย"
"ไม่แน่ซินเดรียกับบัลแบดอาจจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันก็ได้"
เหล่านางกำนัลและพี่เลี้ยงต่างตื่นเต้นระริกระรี้ โดยไม่ลืมที่จะกำชับกับองค์หญิงจอมแก่นของพวกตนว่าให้วางตัวเป็นกุลสตีหน่อยเถอะ จริงอยู่ที่ว่านางเป็นองค์หญิงที่เก่งกาจและเพรียบพร้อมไม่แพ้บุรุษ เผลอๆอาจจะเก่งกว่าองค์ราชาซะด้วยซ้ำแต่ชายใดเล่าจะหมายปองสตรีที่องอาจสามารถเสมอกับตน
อาลีบาบามุ่งไปยังตำหนักรับรองแขกพร้อมกับโมลเซียน่า แถมยังบ่นเกี่ยวกับเสื้อผ้าที่ดูหรูหราฟู่ฟ่าเกินความจำเป็น ซึ่งปรกติเขาเองก็ไม่ค่อยได้ใส่เว้นแต่จะมีงานพิธีการสำคัญจริงๆ
"อาลีบาบาจัง~~~♡" เสียงเล็กๆขององค์หญิงลำดับที่8แห่งเจิดจรัสดังมาแต่ไกล พร้อมกับกระโดดโบกมือหยองๆ ก่อนจะปรี่เข้ามาหาอาลีบาบาอย่างรวดเร็วอย่างเพื่อนสาวที่ไม่ได้เจอกันนานจนผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลังของเธอต้องรีบวิ่งตามมาแทบไม่ทัน
"โคเกียคุ! นึกว่าเธอจะอยู่ที่ตำหนักรับรองซะอีก"
"เพราะอยากเจออาลีบาบาจังไวๆไงล่ะ คงทำให้ทางนี้วุ่นวายหน้าดูสินะ"
"อ่ะ...ไม่ขนาดนั้นหรอก"เด็กสาวผมทองเกาแก้มนิดๆ
อ่า...ความจริงก็วุ่นวายสุดๆเลยล่ะนะ
ครั้งก่อนที่โคเกียคุมาบัลแบดในฐานะคณะทูตก็ทำเอาเขาปวดหัวหนักอยู่เหมือนกันทั้งท่าทางการวางตัวที่ดูเย่อหยิ่งนั่นทำให้เขาแอบหวั่นๆ แต่บ่อยครั้งที่เธอมักซ่อนใบหน้าของความเหนื่อยล้าไว้ใต้ชายแขนเสื้อยาวๆนั่น ทำให้อาลีบาบารู้ว่าโคเกียคุเองก็ต้องแบกภาระหน้าที่หนักอึ้ง วางตัวตามฐานะหน้าที่ของเธอเองเช่นเดียวกับเขา แต่หลังจากนั้นก็เผอิญคุยกันถูกคอซะอย่างนั้นแหละ
คงเป็นเพราะพวกเรามีหลายๆอย่างที่เหมือนกันล่ะนะ...
"อาลีบาบาจังผมยาวไวจังเลยนะ ครั้งก่อนยังสั้นๆอยู่เลย" โคเกียคุพูดอย่างประหลาดใจ
ความจริงลึกๆเธอแอบจะอิจฉาเรือนผมยาวเป็นคลื่นของอาลีบาบาอยู่ไม่น้อยปลายผมขมวดขึ้นมาเล็กน้อยเหมือนขนแกะนุ่มๆนั่นอีก มองแล้วก็อดน้อยใจในเส้นผมสีแดงเข้มที่ตรงแด่วของตัวเองไม่ได้
"ความจริงก็เพิ่งจะตัดไปเองนะ ซ้อมดาบไม่ค่อยถนัดเลย พันหน้าพันตาไปหมด พอยาวมากๆปลายผมก็ดันขมวดขึ้นมาเป็นก้อนๆอีก"คนตัวสูงกว่าพูดอย่างรำคาญใจ
"ตรงนี้แดดค่อนข้างแรง ข้าว่าพวกท่านน่าจะเข้าไปคุยกันด้านในก่อนนะขอรับ"
ชายผู้ติดตามโคเคียวคุพูดแทรกขึ้นอย่างนอบน้อม ใบหน้ามีเหงื่อแตกพลั่กเพราะอากาศร้อนอบอ้าวของบัลแบด
แต่ดูจากชุดที่ใส่เองก็สมควรจะร้อนอยู่ล่ะนะ...
"ดีเลยคะโคบุน เจ้าช่วยเตรียมน้ำชาให้ทีนะ"
"ขอรับท่านโคเกียคุ"
โคเกียคุจูงมือเพื่อนสาวเข้าไปในห้องที่จัดเอาไว้รับรองแขก โมลเซียน่าเองก็ถูกเชิญให้เข้าร่วมโต๊ะน้ำชาเช่นกัน แม้ว่าเจ้าตัวเองจะขัดเขินบ้างก็เถอะ
การร่วมนั่งดื่มน้ำชากับเจ้าหญิงเป็นอะไรที่เธอไม่สมควรจะทำอย่างยิ่งแม้ว่าองค์หญิงทั้งสองคนจะยังยืนยันให้เธอนั่งร่วมโต๊ะด้วยก็ตาม
"ได้ข่าวว่าโคเกียคุเองก็พิชิตดันเจี้ยนได้เหมือนกันสินะ" อาลีบาบาเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมาก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆ
เมื่อเห็นโคเกียคุทำหน้าหงอยๆไปจนอดสงสัยไม่ได้ ดวงตาสีทับทิมนั้นฉายแววความไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด เหมือนมีเรื่องบางอย่างที่อยากจะกับบอกเขา
"แม้ว่าจะพิชิตดันเจี้ยนได้แล้วแต่ข้าเองก็ต้องออกมาแต่งงานกับองค์ราชาของประเทศไหนซักประเทศอยู่ดี"
"ความจริงที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะ...ข้าแค่อยากจะยืดเวลานั้นออกไปเท่านั้นเอง"
โคเกียคุทำหน้าเป็นเชิงสื่อว่าขอโทษที่ทำให้อีกฝ่ายต้องมาวุ่นวายเป็นธุระให้หลายๆอย่างเพราะเรื่องความเอาแต่ใจของตน
"ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องแต่งก็ได้นี่คะ" โมลเซียน่าออกความเห็นอย่างไม่ค่อยพอใจ ในสายตาของเธอแล้วเรื่องแบบนี้มันจะมาบังคับกันได้ยังไงล่ะ!
โคเกียคุส่ายหัวเล็กน้อย "ตอนนี้เจิดจรัสกำลังขยายอำนาจ ที่ข้าต้องทำก็เพื่อท่านพี่
เพื่อประเทศของเรา...ถึงแม้ข้าจะไม่ชอบมันก็เถอะ"
"พี่ของโคเกียคุหรอ? หมายถึงคนที่ไว้เคราแพะใช่มั้ย?" อาลีบาบาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง"ถ้าได้เจอเขาล่ะก็ฉันจะถอนเคราแพะหมอนั่นให้เกลี้ยงเลย ถึงจะเป็นองค์หญิงก็ควรได้มีทางเลือกเป็นของตัวเองสิ!"
"อ๊ะ ไม่ได้นะอาลีบาบาจัง Σ(゚д゚;) " โคเกียคุมีท่าทีลนลานขึ้นมากระทันหัน
"ท่านพี่ตอนโกรธน่ะน่ากลัวมากเลยนะ แล้วก็ห้ามทำอะไรกับเคราแพะของท่านพี่น้าาาา"
ท่าทีของโคเกียคุทำให้โมลเซียน่าหลุดขำออกมาเล็กน้อย
"จอมเผด็จการแบบนั้นน่ะ ไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงหรอก ไม่เห็นต้องแต่งงานประเทศก็อยู่ได้หรอกน่าไร้สาระที่สุด"อาลีบาบาเชิดใส่ เขารู้สึกไม่ถูกชะตากับพี่ชายของโคเกียคุซักเท่าไหร่
จากที่ได้ยินจากท่านลุงซินแบดมาว่ากันว่าพี่ชายของโคเกียคุผู้นี้เป็นพวกบ้าสงคราม ชอบรุกรานประเทศอื่น มีเคราแพะแถมหน้าตายังทุเรศด้วย
"เพราะอย่างนี้ท่านอาลีบาบาถึงได้ไม่มีคู่หมั้นคู่หมายกับเขาซักทีใช่มั้ยล่ะคะ"โมลเซียน่าพูดติดตลกก่อนมองไปทางองค์หญิงโคเกียคุก่อนจะหัวเราะพร้อมกัน
"ดะ..เดี๋ยวสิ ไม่เห็นจะเกี่ยวกันซักหน่อยนี่ヽ(≧Д≦)ノ"
ในระหว่างที่กำลังคุยเรื่องสัพเพเหระตามประสาเด็กผู้หญิงจนลืมเวลา รู้สึกตัวอีกทีเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
"องค์หญิงเพคะตอนนี้คณะทูตจากซินเดรียมาถึงแล้วเจ้าค่ะ"
"คุยจนลืมเวลาไปเลย รีบไปที่ท้องพระโรงกันเถอะพวกท่านลุงซินแบดคงจะคอยแย่แล้ว"
อาลีบาบามองมาทางโคเกียคุก่อนส่งยิ้มที่มีความหมายบางอย่าง
"อะ..อื้ม ⁄(⁄ ⁄•⁄ω⁄•⁄ ⁄)⁄ "
โมลเซียน่ามองไปทางองค์หญิงทั้งสองอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
ก็เรื่องนี้น่ะ เป็นความลับระหว่างโคเกียคุกับอาลีบาบาเท่านั้น
.
.
.
ในท้องพระโรงชองพระราชวังบัลแบด เมื่อทั้งสามคนเดินเข้ามาก็พบกับองค์ราชาและคณะทูตจากซินเดรียที่เพิ่งเดินทางมาถึง ราชาซินแบดและที่ปรึกษาอีกสองคน จาฟาลและมัสรูลฮถึงอาลีบาบาจะเคยเจอพวกเขาแค่สองสามครั้งแต่ก็พอจะจำหน้าได้ อีกอย่างโมลเซียน่าเองก็เป็นชนเผ่าที่แข็งแกร่งที่มาจากทวีปดำเหมือนกับชายร่างสูงมัสรูลที่ยืนอยู่ข้างๆท่านลุงซินแบดอีกด้วย
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะอาลีบาบา" ซินแบดทักทายด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นกันเองโดยไม่ถือตัวเลยแม้แต่น้อย "แล้วก็..องค์หญิงโคเกียคุด้วย" ดวงตาสีเหลืองอำพันแม้ว่าจะมองไปทางองค์หญิงแห่งเจิดจรัสแต่ก็แอบสนใจองค์หญิงของบัลแบดไม่น้อย หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานไม่คิดว่าจะสวยขนาดนี้ มองๆแล้วองค์หญิงอาลีบาบาช่างละม้ายคล้ายกับองค์ราชามากซะกว่าเหล่าพี่ชายที่ไม่เอาไหนของเธอซะอีกนะ
จาฟาลใช้ศองกระทุ้งเข้าที่เอวของซินแบด ก่อนจะเข้ามากระซิบกระซาบด้วยเสียงอันเบาเกินกว่าที่องค์หญิงที่ยืนห่างออกไปจะได้ยิน
"อย่าส่งสายตาเจ้าชู้ออกนอกหน้าขนาดนั้นดิฟะ ราชาแห่งบัลแบดกำลังมองมาทางนี้นะเว้ย"
องค์หญิงทั้งสองโค้งทักทายพอเป็นพิธี ก่อนที่จะไปยืนประจำตำแหน่งของตนเอง
โคเกียคุดูจะหน้าแดงเป็นพิเศษ เมื่อได้สบตากับดวงตาสีเหลืองอำพันของราชารูปงามแห่งซินเดรีย
"เอาหล่ะ เรามาเข้าเรื่องกันเถอะ" น้ำเสียงที่ดูอ่อนแรงขององค์ราชาแห่งบัลแบดเอ่ยขึ้น ตอนนี้ท่านเองก็อายุมากแล้วจะให้มานั่งนานๆแบบนี้เห็นทีจะไม่ไหว
"ที่พวกข้ามาในวันนี้อยากจะมาขอให้ช่วยพิจารณาเรื่องการเปิดเส้นทางการเดินเรือให้กับซินเดรียหน่อยน่ะยังไงบัลแบดกับซินเดรียเองก็เป็นเหมือนพี่น้องกันมาตั้งนานแล้วนี่
ข้าอยากจะให้ท่านอาจารย์ช่วยทบทวนเรื่องนี้หน่อยนา.." ซินแบดพูดด้วยท่าทีสบายๆอีกเช่นเคย
"อืม...อย่างนี้เองรึ" องค์ราชาแห่งบัลแบดหลับตาลงราวกับกำลังคิดทบทวนเกี่ยวกับคำพูดชองซินแบดเมื่อกี้นี้"เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไรล่ะอาลีบาบา"
คนถูกเรียกชื่อสะดุ้ง แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วยล่ะเนี่ย!
สายตาของคนในท้องพระโรงหันมาจับจ้องที่อาลีบาบาเป็นตาเดียว ทำให้เขารู้สึกประหม่าไม่น้อย
"ท่านพ่อ คือ...ข้ามีความเห็นว่า การเปิดเส้นทางเดินเรือให้ซินเดรียนั้นเป็นเรื่องที่ดี
นอกจากเรื่องการค้าจะสะดวกขึ้นแล้วยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างบัลแบดกับซินเดรียอีกด้วย"
"งั้นหมายความว่าตกลงจะเปิดเส้นทางเดินเรือให้ใช่มั้ย" องค์ราชาหันมาถามอีกครั้ง
"เอ่อ...ความจริงแล้ว..ข้าเองก็อยากจะพิจรณาเกี่ยวกับรายละเอียดดูก่อน..."
"ช่างเป็นองค์หญิงที่รอบคอบอะไรเช่นนี้" จาฟาลพึมพำ ถึงแม้องค์หญิงอาลีบาบาจะมีท่าทีประหม่าไปหน่อยแต่ดูแล้วเป็นคนที่ฉลาดเฉลียวมากเลยทีเดียวแม้จะขาดความมั่นใจในตัวเองไปหน่อยก็เถอะ
"งั้น เรื่องนี้ข้าขอมอบให้เป็นหน้าที่ขององค์หญิงอาลีบาบาก็แล้วกัน ข้าเองก็แก่มากเกินกว่าจะมาทำเรื่องพวกนี้แล้วอีกอย่างนางจัดการเรื่องพวกนี้ได้ดีมากอยู่แล้ว" องค์ราชาแห่งบัลแบดเบนสายตามาทางลูกสาวคนเดียวของตนเป็นเชิงว่าเขายกหน้าที่ทั้งหมดนี้ให้เธอรับผิดชอบแล้วก่อนที่จะลุกออกจากบัลลังก์โดยที่มีเหล่าธารกำนัลช่วยกันพยุงกลับไปพักผ่อนที่ห้องทำให้อาลีบาบาต้องรับช่วงดูแลเหล่าคณะทูตต่อจากนี้
"องค์ราชากำลังสอนองค์หญิงบริหารราชการงั้นหรอ? ข้าว่าองค์หญิงอาลีบาบาท่าทางจะไม่ธรรมดาซะแล้ว"ซินแบดหันไปพูดกับจาฟาลด้วยน้ำเสียงกระซิบ แต่จาฟาลเองก็ไม่ได้ออกความเห็นอะไรเพิ่มเติมกลับมา
"เรื่องรายละเอียดเห็นทีว่าคงจะต้องคุยกันพรุ่งนี้แล้วล่ะ เพราะคืนนี้จะมีงานเลี้ยงต้อนรับคณะทูตจากซินเดรียพวกท่านควรจะพักผ่อนจะได้สนุกกับงานอย่างเต็มที่"อาลีบาบายิ้มอย่างเป็นมิตร แม้ว่าจะยังมีอาการเขินๆอยู่บ้างที่ต้องมารับหน้าที่แทนท่านพ่อ แต่เธอเองก็จะพยายามอย่างเต็มที่ให้สมกับที่ท่านพ่อไว้วางใจ
"นั่นสินะ ข้าเองก็ชอบงานเลี้ยงฉลองซะด้วยสิ ฮ่ะๆๆ เรื่องรายละเอียดให้จาฟาลจัดการแล้วกันเนอะ" (*´ω`*)
ซินแบดยังคงพูดอย่างอารมณ์ดี
"เรื่องแบบนี้ล่ะ โยนขี้เลยนะซิน (=_=)" จาฟาลแอบบ่นอย่างเอือมๆ
"พวกเจ้าเชิญคณะทูตจากซินเดรียไปพักผ่อนก่อนเถอะ" อาลีบาบาหันไปออกคำสั่งกับเหล่านางกำนัลที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งพวกนางก็ยินยอมพร้อมใจเป็นอย่างดีเมื่อเห็นราชาซินแบดส่งสายตาเจ้าชู้มาให้
"หากพวกท่านต้องการอะไรเพิ่มเติมล่ะก็ บอกกับพวกนางได้เลยไม่ต้องเกรงใจ"
"ขอบพระทัยมากองค์หญิง" จาฟาลกล่าวอย่างนอบน้อมตามมารยาท ก่อนที่จะเดินออกจากท้องพระโรงไปพร้อมกับซินแบดและมัสรู
"ข้าชักมีลางสังหรณ์ว่าราชาองค์ต่อไปของบัลแบด คงจะไม่ใช่เจ้าองค์ชายอ้วนอับหมัดนั่นซะแล้วสิ"
ซินแบดพูดด้วยท่าทีสบายๆราวกับกำลังพูดเรื่องลมฟ้าอากาศ ระหว่างที่กำลังเดินไปที่ตำหนักรับรองแขก
"ข้าเองก็ได้ยินข่าวลือจากข้างนอกวังมาพอสมควร ถ้าเป็นอย่างที่ลือกันก็น่าเป็นห่วง
องค์หญิงอาลีบาบาอยู่นะ"จาฟาลพูดพร้อมกับแววตาที่ค่อนข้างจริงจังเป็นพิเศษ
"งั้นหรอ แต่ข้าว่าไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่นะ เจ้าคิดว่ายังไงล่ะมัสรู" ชายรูปร่างสมส่วนหันไปถามคนที่ตัวสูงกว่า
"ข้าคิดว่า..." มัสรูเว้นช่วงไปพักหนึ่งมองออกไปยังทางเดินด้านหน้า เหมือนกำลังจะคิดหาคำพูดที่จะตอบก่อนจะหันหน้ากลับมา "นางก็สวยดี..." (= _ =)
หนุ่มร่างสูงหน้าตายตลอดเวลาตอบกับมาด้วยน้ำเสียงเนิบๆ
จาฟาลกุมขมับอย่างปวดหัว (つω-`)
ที่เจ้ายักษ์นี่มันเงียบ นี่คือไม่ได้คิดอะไรอยู่เลยสินะ
"ฮ่ะๆๆ ข้าก็คิดเหมือนเจ้านะ ถ้าหน้าอกใหญ่..."
จาฟาลใช้มือฟาดป้าบ!เข้าที่แผ่นหลังของชายร่างสูงอย่างแรงก่อนจะส่งสายตาพิฆาตให้
"เสียงดังไปแล้วนะซิน... (ΦωΦ ) "
"เค้าแค่ออกความเห็นเองอ่ะ (;▽;) "ราชาแห่งซินเดรียลูบหลังตัวเองปอยๆพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า
"องค์หญิงอาลีบาบาเพิ่งจะ17เองนะ.." จาฟาลพึมพำ พร้อมกับมีสีหน้าไม่สบายใจ
ซินแบดเป็นราชาที่ยอดเยี่ยมก็จริง แต่ความคิดและวิธีการของเขายังไงก็ทำใจให้ชินไม่ได้ซักที เหตุผลในการมาบัลแบดในครั้งนี้ไม่ใช่แค่ต้องการเปิดเส้นทางการเดินเรือเท่านั้น ตัวเขาเองรู้อยู่เต็มอก
...ไม่ชอบเลยนะแบบนี้น่ะ...
.
.
.
จู่ๆก็โดนโยนงานมาให้ทำแบบนี้ ถึงจะบอกว่าจะไม่ทำให้ท่านพ่อผิดหวังก็เถอะ
"เฮ้อ~~" สาวผมทองมองม้วนกระดาษที่คลี่ยาวจนถึงพื้น
นี่ฉันต้องทำทั้งหมดนี่จริงๆหรอวะเนี่ย! (°ㅂ° ╬) มีเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ!
ตั้งแต่เรื่องการต้อนรับแขกยันเรื่องของประดับจุกจิก หรือแม้แต่อาหารในงานเลี้ยง
อย่างน้อยอาศัยแรงช้างสารของโมลเซียน่าคอยยกนุ่นนั่นนี่ก็ช่วยให้งานเสร็จเร็วกว่าเดิมขึ้นเยอะ
อาลีบาบามองไปยังเด็กสาวตัวบางที่กำลังแบกโต๊ะหินอ่อนที่ใหญ่กว่าตัวเองหลายเท่าตัวอยู่เพียงลำพังอีกทั้งใบหน้าของเธอไม่แสดงว่ารู้สึกหนักเลยแม้แต่น้อย
"วันนี้เหนื่อยหน่อยนะโมลเซียน่า..."
อาลีบาบาหันกลับมามองงานของตัวเองอีกครั้ง
ฉันเองก็พยายามอย่างหนักเพื่อให้ทุกคนยอมรับในตัวฉัน จนมาถึงขั้นนี้แล้ว เรื่องแค่นี้ทำไม่ได้ก็คงเป็นองค์หญิงต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ ทันใดนั้นภายในดวงตาคู่สวยราวกับมีไฟลุกโชติช่วงขึ้นมาก่อนจะถือม้วนกระดาษเดินออกไป เธอต้องตรวจเช็คอย่างละเอียดว่าทุกตารางนิ้วของงานนั้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
อาลีบาบาเดินดูทุกอย่างด้วยตัวเอง และกำชับคำสั่งทุกอย่าง อย่างเข้มงวด เธอไม่อยากให้มีอะไรพลาดในงานเลี้ยงคืนนี้เด็ดขาด โดยที่ไม่รู้สาเหตุความรู้สึกกระวนกระวายที่เต้นเร่าอยู่ในอกนี้ทำให้รู้สึกไม่ดีเอาซะเลย
"คืนนี้ท่านพ่อจะมาร่วมงานเลี้ยงด้วยรึเปล่านะ"
.
.
.
"เรียกตัวข้ามาก่อนเริ่มงานเลี้ยงแบบนี้มีเรื่องอะไรหรอครับ ท่านอาจารย์" ชายร่างสมส่วนดวงตาสีบุษราคัมเจิดจ้าพูดกับชายชราที่นั่งอยู่บนเตียง
"อาลีน่ะ...เจ้าคิดว่านางเป็นยังไง" องค์ราชาเฒ่าพูดด้วยเสียงอันแหบแห้ง
... นี่อย่าบอกนะว่าที่เรียกมานี่แค่จะถามเรื่องลูกสาวน่ะ หรือว่าจะตกลงยกองค์หญิงให้ข้าแล้วอ่ะ ...
เมื่อคิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มจึงพยายามเลือกคำตอบให้ชาญฉลาดที่สุด
"กับองค์หญิงอาลีบาบา ข้าคิดว่านางเหมือนกับท่านมาก..."
ยังไม่ทันพูดจบเสียงหัวเราะแหบๆที่กังวานในลำคอของชายชราก็ดังขึ้น ทำเอาราชาหนุ่มแห่งซินเดรียถึงกับฉงน
"ข้ากำลังหมายถึงว่า นางสวยใช่มั้ย ฮ่ะๆ"
"เอ่อ... (=_=) " นี่เรียกมาอวดลูกสาวหรอกหรอ
"แต่เรื่องที่อาลีเหมือนข้านั่นก็ใช่นะ นางเจรจาการค้าสำเร็จครั้งแรกตั้งแต่ยังไม่สิบขวบเก่งมากเลยใช่มั้ยล่ะ แถมยังชอบหนีออกไปเดินเล่นนอกวังอีก ฮ่ะๆ"ชายชราพูดไปหัวเราะไป
"อ่า...ใช่ตรงนี้แหละเหมือนท่านมาก = = "
ซินแบดคิดถึงตอนเจอกับราชาแห่งบัลแบดเป็นครั้งแรก ท่านเดินหลบพวกทหารออกมาเดินเล่นอยู่ในตลาดแถมยังจับสินค้าในแผงลอยของพ่อค้ามั่วซั่วจนโดนโวยเรียกค่าเสียหาย แล้วเขาเองก็ยังเสร่อเข้าไปจ่ายเงินก้อนสุดท้ายที่มีในกระเป๋าชดใช้ค่าเสียหายแทนให้โดยที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงราชา
"ท่านอาจารย์ ท่านคงไม่ได้เรียกข้ามาเพราะอยากจะพูดเรื่ององค์หญิงอย่างเดียวใช่มั้ย
ทำไมพวกเราถึงไม่มาเข้าเรื่องกันซักทีล่ะ" ซินแบดทำสีหน้าจริงจัง ซึ่งหาได้ยากยิ่งจากราชาเจ้าสำราญผู้นี้
ใบหน้าอันอ่อนแรงของราชาเฒ่ายิ้มอย่างเบาบาง"ชีวิตของข้าเหลืออีกไม่มากแล้ว..."
"ข้าเองก็มีลูกชายถึงสองคน แต่ทั้งสองคนเองก็ต่างไม่ได้ความเอาเสียเลย บางครั้งข้าก็เคยนึกเสียดายอยู่เหมือนกันที่อาลีเป็นผู้หญิง"
ราชาหนุ่มแห่งซินเดรียผงะ "นี่ท่านคงไม่ได้หมายความว่า..."
ชายชราที่นั่งอยู่บนเตียงผงกหัวเล็กน้อย พลางเหม่อมองออกไปยังหน้าต่างด้านนอก
ทอดสายตามองเด็กสาวผมทองผู้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวกำลังวิ่งวุ่นเตรียมงานอย่างขยันขันแข็งเมื่อได้เห็นรอยยิ้มอันชวนคิดถึงปรากฏทับซ้อนบนใบหน้าอ่อนเยาว์นั้น หัวใจของเขาก็กลับรู้สึกผิดยิ่งนัก
"อนาคตของบัลแบด...คงต้องให้เจ้าช่วยแล้ว"
.
.
.
☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น