เสียงแห่งกล่องแพนโดร่าเริ่มบรรเลง
หากแต่เพียงไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเป็นเสียงเพรียกหาถึงสิ่งใด
จุดเริ่มต้น หรือ จุดจบ
"แค่โลกที่มีฉันกับนายอยู่ด้วยกัน ขอแค่นี้มันมากไปหรือ"
...ถ้างั้นก็สร้างมันขึ้นมาใหม่ก็ได้นี่...
เสียงของเงามืดกระซิบ
...ยังไงซะโลกที่สร้างจากเลือดเนื้อและวิญญาณของมหาเทพอาลาดินมันก็ไม่สมดุลอยู่แล้ว โลกที่สร้างขึ้นมาอย่างฉาบฉวยชั่วคราวนี้อีกไม่นานก็จะพังทลายลง...
"เสียง? ใคร? ใครกำลังพูดอยู่?"
...หึหึ ข้าก็เป็นเพียงแค่เสียงจากจิตใต้สำนึกของเจ้าเท่านั้น...
เสียงทุ้มต่ำกังวาลก้องไปในความมืดไร้ที่สิ้นสุด ก่อนจะเริ่มเอ่ยถ้อยคำหวานหอมเชื้อเชิญให้ดวงจิตที่หลงทางโต้ตอบกับตน
...ช่างน่าขันนัก นี่หรือคือโลกที่ผู้คนมีแต่ความสุข นี่หรือคือโลกใบใหม่ที่พวกเทพสละเลือดเนื้อสร้างมันมา แม้แต่โลกใบนี้เองก็ยังมีคนที่ต้องทุุกข์ทน สายเลือดที่แบ่งแยกเผ่าพันธุ์ช่างน่ารังเกียจ อะไรคือสิ่งที่เท่าเทียม? สิ่งใดคือความสุข?...
...ความสุขที่เจ้าตามหาอยู่ที่นี่จริงหรือ ซินแบด...
"เจ้าเป็นใครกันแน่?"
...นานมาแล้วครั้งหนึ่ง ข้าเคยถูกเรียกว่ามหาเทพ...
.
.
.
...ผู้ใดครองวิหารศักดิ์สิทธิ์ ผู้นั้นครองชะตาทุกสรรพชีวิต…
เสียงหนึ่งยังคงดังก้องอยู่ภายในหัวของราชาฟากฟ้าตะวันตก
ตัวข้าคือผู้ถือครอง ปีกข้างขวา 'ประกายสีทองแห่งความเกรี้ยวกราด'
และเขา ผู้ถือครอง ปีกข้างซ้าย 'ประกายสีม่วงอันห่างไกลจากสรวงสวรรค์ทั้งปวง'
ปีกข้างขวาทำหน้าที่ประหัดประหารศัตรู ปีกข้างซ้ายมีไว้เพื่อปกป้องมิตรสหาย หากไม่มีทั้งสองสิ่งนี้ ทันทีที่ข้าก้าวเข้าไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์ สมดุลอันเปราะบางของโลกใบนี้ก็จะสบั้นลง
เพื่อปกป้องครอบครัวและโลกใบนี้ โคเอนจะต้องบินตรงมาหาข้าอย่างแน่นอน…
และแผนการของข้าก็จะสำเร็จลุล่วง
ชายร่างสูงเจ้าของเลือนผมสีน้ำเงินเข้มยืนอยู่เคียงข้างกันกับร่างสีขาวซีดที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดเหนือหมู่เมฆในคืนพระจันทร์ทอแสงสีทองสว่างอย่างเศร้าสร้อย เช่นเดียวกันกับปีกของผู้ครองนครซินเดรีย
"ซิน.."
ดวงหน้าหวานยิ้มบาง ก่อนจะค่อยๆเขยื้อนตัวมาซบแผงอกกว้างของซินแบดอย่างแผ่วเบา ด้วยรอยยิ้มหวานพริ้ม ผมสั้นสีเงินทอประกายวูบไหวกับแสงยามค่ำอย่างอ่อนโยน ขัดกับประกายอำมหิตในดวงตาคู่นั้นที่ดูไม่เหมาะกับรอยยิ้มนั้นเสียเลย
แม้เสียงนั้นจะเป็นเสียงอันคุ้นเคย แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกถวิลหาเหมือนดั่งวันวาน
ตรงกันข้าม...
มันกับทำให้โทสะคุกรุ่นขึ้นมาในใจอย่างเงียบๆ
"เข้าใจแล้วๆ ไม่เห็นต้องทำสายตาน่ากลัวขนาดนั้นเลยนี่นา"
ชายผมสีเงินที่ลอยตัวอยู่เหนือกลุ่มทะเลเมฆ เปลี่ยนน้ำเสียงและท่าทีในทันควัน ใบหน้ายียวนหยอกเย้ามองไปยังสีหน้าเรียบนิ่งของราชารูปงาม
ซินแบดมองไปยังร่างตุ๊กตาไม้ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
"เริ่มกันเลย จูดัล.."
.
.
.
.
ความรู้สึกราวกับวันเวลาค่อยๆพร่าเลือนเข้าด้วยกันจนไม่อาจรับรู้ได้ถึงสิ่งใดได้อีกต่อไป ความเงียบสงบเข้าโอบล้อมดวงวิญญาณที่ทอแสงสีม่วงอย่างเศร้าสร้อย
ในขณะที่ภาพในดวงตาพลันเปลี่ยนเป็นสีดำนั้น…
เสียงในหูมากมายก็ดังทับซ้อนกัน…
"จูดัลกับซินแบดไปที่วิหารศักดิ์สิทธิ์แล้ว"
"ไม่คิดเลยว่าจะใช้ร่างที่สร้างจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นเก่ามารองรับวิญญาณของเทพแบบนี้ งั้นลำดับของอาลีบาบาก็จะตกลงมาเป็นเทพอันดับที่สองรึเปล่า ยุ่งล่ะสิ.."
"ลำดับสอง? หมายความว่าแม้จะกู้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์คืนมาได้ก็ไม่มีความหมายหรอ!"
"เดิมทีลำดับของจูดัลสูงกว่าอาลีบาบาอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่แน่หรอกนะ"
"ข่าวจากทางเรมกับปัลเทเบียล่ะ?"
"ซินเดรียถูกกลืนหายไปแล้ว หมู่เกาะทางใต้ก็เหมือนกัน"
"ท่านพ่อ! ท่านพ่อฟื้นแล้ว ท่านลุง! ท่านอา!"
...เสียงของเด็ก?...
ทำไมเสียงที่อื้ออยู่ในหูมันถึงได้ชัดขึ้นได้ล่ะ
"นี่มัน.."
เปลือกตาหนักอึ้งกระพริบตาเพ่งมองไปยังสิ่งรอบตัวอย่างไม่เข้าใจ เมื่อกี้นี้สติข้าพึ่งจะดับวูบไปได้ไม่กี่นาทีเองนะ แล้วนี่ทุกคน ทำไมถึงมารวมตัวอยู่ที่ห้องข้าได้ล่ะ?
"ท่านพ่อ! ท่านหลับไปตั้งอาทิตย์หนึ่ง ท่านแม่น่ะ.."
นิมฟ์ตัวเล็กผมทองกระโดดเข้ามากอดแขนแน่น ก่อนจะหยุดคำพูดไว้เมื่อองค์จักรพรรดิฮาคุยูเดินเข้ามาขัดจังหวะ
...หนึ่งอาทิตย์? ทั้งที่สติเพิ่งจะวูบไปเมื่อกี้นี้เองแท้ๆ...
โคเอนขมวดคิ้วมุ่น หัวของเขาตื้อไปหมด ทั้งที่เรื่องราวทั้งหมดเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้แท้ๆ เมื่อกี้เขายังรู้สึกได้ว่ายังยืนอยู่ในหอสมุดอยู่เลย
"โคเกียคุเอาเด็กออกไปก่อน"
น้ำเสียงขององค์จักรพรรดิแห่งเจิดจรัสออกเสียงสั่งน้องสาวคนสุดท้องเรียบๆ ก่อนที่เธอจะรีบเดินเขามาอุ้มเด็กตัวน้อยผมสีทองออกไปทันที แม้ว่าเด็กน้อยจะทำตาละห้อยน่าสงสารมองมาที่โคเอนก็ตาม แต่เหล่าคนที่อยู่ในห้องกลับมีสีหน้าตึงเครียดและอึดอัดใจ แม้พี่น้องจะมารวมตัวกันพร้อมหน้าแต่ก็เงียบราวกับไม่มีใครอยู่ในห้อง
ทันทีที่เสียงประตูปิดลง ฮาคุยูก็พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นเฉียบเยียบพลางมองไปที่คนป่วยที่ลุกขึ้นนั่งตาลอยอยู่บนเตียงด้วยสายตาตำหนิ
"นี่เจ้าไม่เห็นหัวพวกเราเลยใช่มั้ยโคเอน?"
"ข้าตั้งใจรับผลย้อนกลับของเวทมนต์เอง ไม่มีขั้นตอนไหนที่ทำผิดพลาด.."
เพี้ยะ!!!
เสียงของฝ่ามือกระทบเข้ากับเนื้อดังสนั่นในห้องที่เงียบสงัด
ฮาคุยูตบเข้าไปที่ใบหน้าของน้องชายเต็มแรงท่ามกลางสีหน้าตกใจของพี่น้องคนอื่นๆในห้อง แรงตบนั้นทำให้ใบหน้าเรียวเจ็บจนชาไปทั้งใบหน้า มีเลือดไหลซิบออกมาจากมุมปากที่ปริแตกก่อนที่โคเอนจะหันใบหน้ากลับมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรกับบาดแผลเหล่านั้นแม้แต่น้อย
"นี่เจ้ายังมีหน้ามาพูดแบบนี้หรอ!? เคยคิดบ้างมั้ยว่าตัวเองมีครอบครัว! มีพี่น้อง! เคยนึกถึงหัวอกของคนเป็นพี่เป็นน้องบ้างมั้ยว่าพวกเขาเป็นห่วงเจ้าแค่ไหน อยู่ๆก็หายออกจากบ้านไปแล้วก็กลับมาในสภาพแบบนี้อีก! บ้าไปแล้วรึไง!"
"อย่างน้อยก็น่าจะคิดถึงหัวอกภรรยาของเจ้าบ้าง! คิดบ้างมั้ยว่าใครที่ต้องมาลำบากดูแลเจ้าในหลายวันที่ผ่านมานี้!"
ฮาคุยูขึ้นเสียงอย่างเดือดดาล เป็นครั้งแรก…
มือที่แดงไม่ต่างกับเสี้ยวหน้าของคนป่วยบนเตียงกำแน่น
แน่นเสียจนสั่นระริกไปทั่วทั้งกาย
"ข้าขอโทษ..."
โคเอนเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิดก่อนที่ฮาคุยูจะถอนหายใจออกมา
"หลังจากนี้เรามีเรื่องต้องทำกันอีกมาก เพลลูมกำลังต้องคำสาปเพราะซินแบดบุกรุกเข้าไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์ พวกเอลฟ์ทางตะวันตกแทบจะคลั่งตายกันอยู่แล้ว รีบรักษาตัวให้หายดีเถอะ มีงานให้เจ้าทำอีกมากนัก"
"ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องยุ่งยาก ท่านก็น่าจะรู้อยู่แล้ว.." โคเอนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงบางเบาปนอ่อนแรงก่อนจะก้มหน้าลง "ส่งข้าไปที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่างก็..."
"ก็จะเข้าทางซินแบด"
ฮาคุเรนที่เงียบอยู่พักหนึ่งพูดขัดขึ้นมาทันที
"ฟังให้ดีนะเจ้าน้องชายโง่! พวกข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเจิดจรัสและโลกใบนี้ให้ถึงที่สุด!"ฮาคุเรนขึ้นเสียงดังสนั่นด้วยสีหน้าที่เจืออารมณ์หลากหลาย แววตาคมเข้มทอประกายมุ่งมั่นจนโคเอนนิ่งตะลึงงันไป
"เหมือนกับสงครามทุกครั้งที่ผ่านๆมา ที่เราต่อสู้มาถึงตอนนี้ นั่นไม่ใช่เพื่อประชาชนหรือโลกใบนี้ แต่เพื่อปกป้องครอบครัวพวกเราถึงยืนหยัดต่อสู้ และข้าก็คิดว่าพวกคนอื่นๆก็คงคิดเหมือนกัน"
โคเมย์ที่อยู่มุมห้องแอบคลี่ยิ้มเล็กน้อยใต้พัดขนนกสีดำ
นานๆทีฮาคุเรนก็พูดอะไรดีๆออกมาได้เหมือนกันแฮะ...
"อ่า..."
คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหายกลับเข้าไปในลำคอของโคเอนที่นั่งเหวอไปเล็กน้อยด้วยสายตาเรียบนิ่งเหมือนปลาตาย เปลือกตาหรี่ลงจนปิดนัยน์ตาสีทับทิมไปครึ่งหนึ่ง
"แล้วท่าทางแบบนั้นมันหมายความว่ายังไงฮะ?"
ฮาคุเรนขมวดคิ้วแน่นมองท่าทางของคนบนเตียงอย่างไม่พอใจ พร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงจนถึงใบหูมองดูเหมือนลูกท้อสุก
"การที่ต้องให้ท่านพูดแบบนี้ใส่ข้า..." โคเอนมองใบหน้าของฮาคุเรนก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่นแล้วเอ่ยน้ำเสียงเรียบนิ่งออกมา "ถือเป็นความอับอายอย่างหนึ่งในชีวิตเลย"
"หมายความว่ายังไงฟะ!!! เจ้านี่มัน!"
ฮาคุเรนโวยวายอย่างหัวเสียก่อนจะหันไปหาพี่ชายคนโต
"ขอชกหน้ามันซักหมัดก่อนไปได้มั้ย!"
ฮาคุยูที่ยืนเงียบนิ่งไม่โต้ตอบใดๆกับคำพูดเมื่อครู่ ปล่อยให้ฮาคุเรนโวยวายคนเดียวอยู่แบบนั้น
"ฮาคุริวเข้ามาดูอาการให้โคเอนหน่อยเถอะ" ฮาคุเรนพูดขึ้นก่อนจะส่งสายตาไปยังฮาคุริวที่ยืนทำหน้าเครียดอยู่ข้างๆฮาคุเอย์ ในขณะที่ฮาคุเอย์ใช้ศอกกระทุ้งเบาๆไปที่แขนของน้องชายเล็กน้อย
"ฝากด้วยล่ะ"
ฮาคุยูตบบ่าของน้องชายเบาๆก่อนจะเดินถอยห่างออกมาด้วยแววตาที่เก็บซ่อนความรวดร้าวเอาไว้ ในขณะที่องค์ชายฮาคุริวลอบถอนหายใจอย่างเงียบๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มบางดูอ่อนโยน
"ขอดูแผลหน่อยนะครับ"
มือใหญ่ของโคเอนปัดมือของฮาคุริวที่ค่อยๆยื่นมาแตะใบหน้าของตนอย่างแผ่วเบา ก่อนจะส่ายหัวเป็นเชิงปฎิเสธ
"ข้าไม่เป็นไร.."
เสียงอ่อนล้าของโคเอนเอ่ยขึ้นก่อนพยายามจะลุกขึ้นจากเตียง
"โคเอน ร่างกายยังไม่แข็งแรงดีให้ฮาคุริวดูแผลให้เถอะ"
ฮาคุเรนผลักโคเอนให้อยู่นิ่งๆลงกับเตียงเบาด้วยความสามารถในการถนอมแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะปรกติแล้วเขามักจะกระทำอะไรรุนแรงไปเสมอด้วยนิสัยโผงผาง แต่ตอนนี้กลับอ่อนโยนอย่างน่าประหลาดจนโคเอนขมวดคิ้วงุนงง
"โคเอนให้ฮาคุริวดูแผลให้เถอะนะ"
ฮาคุเอย์ที่ยืนเฝ้ามองเหตุการณ์มาโดยตลอดเดินเข้ามาก่อนเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ช่วยกล่อมคนไข้จอมดึงดันให้นอนลงบนเตียงเงียบๆด้วยอีกแรง
"ข้าไม่เป็นไร..อีกอย่างมีเรื่องที่จะต้องไปทำอีก..."
โคเอนยังคงยืนกรานที่จะลุกออกจากเตียงให้ได้ ก่อนจะหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆห้อง
"อาลีบาบาล่ะ?"
ชั่วอึดใจเสียงครึกครื้นเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความเงียบสงัด คนอื่นนอกเหนือจากโคเมย์ที่ยืนถือพัดขนนกปิดบังใบหน้าเอาไว้และฮาคุยูผู้เป็นนายเหนือหัวแห่งเจิดจรัสแล้วทุกคนกลับแสดงสีหน้าและสายตาไม่สู้ดีนัก ก่อนที่โคเมย์จะพูดขึ้น
"มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นตั้งแต่ที่ท่านพี่บินหายออกไปจากวังคืนนั้น... คงไม่สายไปนักหากท่านจะฟังรายงานไปพร้อมกับให้องค์ชายฮาคุริวทำแผลให้ก่อนจะไปพบอาลีบาบา"
ดวงตาสีทับทิมของโคเอนมองไปยังสีหน้าเป็นห่วงของเหล่าพี่น้องของเขาอย่างอ่อนใจ แม้ว่าตัวของเขาเองจะไม่ได้ใส่ใจอะไรกับบาดแผลและความเจ็บปวดของตัวเองนัก แต่ตัวเขาที่ทำเรื่องบุ่มบ่ามลงไปตอนนั้นจนมาลงเอยเป็นผักต้มเปื่อยบนเตียงแบบนี้ คงไม่มีสิทธิโต้แย้งอะไรล่ะนะ…
แต่เวลาแบบนี้ยังมีกะจิตกะใจมารายงานเรื่องนู่นนั่นนี่ ราวกับเป็นพนักงานในบริษัทนรกที่ให้พนักงานหามรุ่งหามค่ำโดยที่ไม่ได้ค่าล่วงเวลาอย่างไงอย่างงั้น…
โคเอนคิดในใจ
จะว่าเป็นความผิดของเขาคนเดียวก็ไม่ได้ เพราะในวังราคุโชเองก็มีผู้มีอำนาจที่ใช้ตำแหน่งของตัวเองในทางมิชอบ โยนการโยนงานให้คนอื่นทำอยู่เป็นนิจเหมือนกัน
ใบหน้าซีดเซียวของโคเอนมองไปยังชายหนุ่มท่าทางโผงผาง ท่าทางอึดอัดกับการที่ต้องยืนอยู่นิ่งๆโดยไม่พูดอะไร ราวกับว่านั่นมันเป็นเรื่องที่ยากเย็นมากสำหรับชายที่ชื่อฮาคุเรน..
ในขณะที่โคเมย์เดินจากมุมห้องเข้ามาใกล้และนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างเตียง ฮาคุริวเองก็ขยับเข้ามาพร้อมกัน ฝ่ามือของเด็กหนุ่มเปล่งแสงจางๆ คลอไปกับรายงานอันหน้าเบื่อหน่ายพอๆกับน้ำเสียงและสีหน้าของคนรายงานที่สมควรจะไปพักมากกว่าโคเอนในตอนนี้
อ่า...
เสียงโคเมย์ไม่ได้เข้าหัวเลย…
"คนอย่างเจ้าถูกจองจำอยู่ในหอคอยไปชั่วชีวิตก็ดีอยู่แล้ว"
ทำไมตอนนั้นข้าถึงพูดแบบนั้นออกมานะ ไม่รู้ว่าทำไมทั้งภาพเหตุการณ์ในคืนที่เราเจอกันเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อหลายปีก่อน หรือแม้กระทั่งหยดน้ำตาในคืนนั้นของเจ้า ทั้งหมดนั้นมันพร่าเลือนเหลือเกิน..
มันทั้งเลือนลาง และ เบาหวิว
เสร็จจากนี่แล้วข้าคงจะต้องรีบไป...
รีบไปขอโทษ…
ขอโทษ? ขอโทษ? ขอโทษหรอ?
แก้วตาสีทับทิบของโคเอนกระตุกวาบ ก่อนความรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างอธิบายไม่ถูกตีขึ้นมาจุกอยู่กลางอก มือของเขาขยับไปตามสัญชาตญาณ ปัดมือคู่ที่เล็กกว่าขององค์ชายฮาคุริวออกไปอย่างแรงจนร่างเพรียวเซถอยหลังไป ก่อนจะหอบหายใจหนัก ไหล่กว้างที่เคยดูมั่นคงดุจภูผาของโคเอนนั้นบัดนี้กลับสั่นสะท้าน
โคเอนรวบรวมคำพูดที่มัดแน่นอยู่ในคอ คลายคลี่ออกส่งออกไปผ่านปลายลิ้นอย่างสับสัน ก่อนจะมองไปยังฮาคุยูผู้เป็นพี่ชายคนโตของเขาอย่างหวาดกลัว
"พวกท่านพยายามลบความทรงจำข้า?"
+++++++++++++++++++++++++++++
อ่า.. นี่ผ่านมากี่เดือน กี่ปีแล้ว ตอนนี้พวกเราอยู่โลกอนาคตแล้วรึยังคะ? _(┐「ε:)_
หากถามว่าเราไปไหนมา คือเรื่องมันยาวมากกกกกกก เอาเป็นว่าตอนนี้ไม่มีเน็ตใช้
และเหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีเงิน!!! โฮกกกกกก (TOT)
คือเอาจริงๆ ตอนนี้พักอยู่ห้องเพื่อนกินนอนประดุจกาฝากค่า(ノ≧ڡ≦) เนื่องจากหอที่พักอยู่ปัจจุบันยุบตัวกะทันหันและหอใหม่อยู่ไกลโรงเรียนมาก (ประมาณว่าค่ารถไป-กลับต่อวันแพงกว่าค่าข้าว3มื้อของไรต์) แก้ปัญหาโดยการมาอยู่(เป็นภาระ)เพื่อนชั่วคราวในวันที่มีเรียนค่ะ
ติดขัดหลายเรื่องมากจริงๆ ต้องขอโทษทุกคนที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าด้วยค่ะ มีบางคนส่งข้อความไปที่เพจด้วย(รู้สึกผิดจังT^T) แต่ก็ขอบคุณที่ยังติดตามเรื่องนี้อยู่แม้ว่ามันจะกาวแค่ไหนก็ตาม ราตรีสวัส ฝันดีทุกคนค่าาา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น