หอม นั้นทำให้หลั่งน้ำตา
หอม นั้นคือความเศร้า
ลงมีดเสีย ก่อนที่น้ำตาจักร่วงหล่น
"ฮาคุริว"
ชายหนุ่มเจ้าของชื่อมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเย็น ทำไมเวลาที่เขามาเจอพี่สาวตัวเอง ถึงต้องมาเจออยู่กับเจ้าเคราแพะนี่ตลอดด้วยนะ
"ฮาคุริวฟังอยู่รึเปล่า.."
ทำไมท่านพี่ถึงไปออกไปไหนกับหมอนั่นด้วยท่าทางสนิทสนมขนาดนั้น เดินกระหนุงกระหนิงไปซื้อของด้วยกันข้างนอกกันมาหรอ อย่าบอกนะว่าไปเดทกันมา มันจะมากเกินไปแล้วนะโคเอน! ว่างงานก็ฉวยโอกาสพาพี่ข้าออกไปเดินเล่นนอกวังเลยนะ
"เจอเจ้าก็ดี ข้ามีเรื่องจะขอร้องเจ้าหน่อย"
น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียบๆ ไม่สนใจสายตาที่ดูจะไม่พอใจของเด็กหนุ่มตรงหน้า
"ฮาคุริว? เป็นอะไรไป ท่านโคเอนอุตส่าห์มาขอร้องด้วยตัวเองขนาดนี้ เจ้าไม่คิดจะฟังคำขอร้องนั้นหน่อยหรอ" ฮาคุเอย์มองสีหน้าของผู้เป็นน้องชายอย่างเป็นกังวล ดูแล้วคงจะไม่ยอมรับของโคเอนง่ายๆเป็นแน่
"เรื่องที่ขนาดแม่ทัพใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดในเจิดจรัสยังทำไม่ได้จนต้องมาขอร้องผู้อื่นแบบนี้ องค์ชายในตำหนักเล็กๆอย่างข้าก็คงเป็นที่พึ่งพิงอะไรให้ท่านไม่ได้หรอกครับ" ดวงตาสีน้ำแข็งบอกปัดคำขอร้องออกไปด้วยสายตาเย็นชา
"เรื่องนี้มีแต่เจ้าเท่านั้นที่ทำได้ และเจ้าก็เป็นคนที่ข้าไว้ใจมากที่สุดแล้วด้วยฮาคุริว"
เด็กหนุ่มมองสีหน้าจริงจังขององค์ชายใหญ่ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายของเขาอย่างหนักใจ ก่อนจะเหลือบไปมองใบหน้าอมยิ้มพี่สาวที่ดูจะชื่นมื่น(?)ผิดปรกติ ดวงตาคู่สีนิลวาวขยิบตาให้กับเขาเป็นนัยน์ๆราวกับจะบอกอะไรบางอย่าง
...นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?...
.
.
.
เสียงของจักจั่นหน้าร้อนดังขึ้นแสบหูทันทีที่ดวงตะวันแตะขอบฟ้า แสงร้อนๆและอากาศที่เริ่มอบอ้าวขึ้น ส่องลอดผ่านหน้าต่างบานเล็กๆในห้องอึดอัดคับแคบ เบียดด้วยอุณหภูมิร่างกายร้อนของเด็กตัวน้อยที่คลานมานอนที่ห้องของเขาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทั้งๆที่เมื่อวานเอาไปส่งถึงมือโมลเซียน่าแล้วแท้ๆ..
อีกทั้งนี่เป็นวันแรกตั้งแต่กลับมาจากแคว้นอูกิ วันแรกที่ไม่มีเสียงเรียกหาตั้งแต่เช้าตรู่ ไม่มีเสียงดังมากวนใจ เรียกใช้ให้ทำนู่นทำนี่
'ก็ดี..'
คนที่ตัวสูงกว่าค่อยๆลุกขึ้นโดยไม่ปลุกให้เด็กน้อยตื่นขึ้นมางอแง แอบลุกไปจัดการแต่งตัวเพื่อที่จะเริ่มงานในเช้าวันใหม่ ใบหน้าหวานสวยเกินเด็กผู้ชายมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกบานเล็ก เปลือกตาบางค่อยๆปิดลง ตามด้วยเสียงทอดถอนหายใจหน้ากระจก
"กลับไปอยู่ในที่ๆข้าควรอยู่ซักที"
ก่อนหน้านี้โคเอนสงสัยว่าตัวเขาเป็นผู้หญิงมาตลอด เรื่องเมื่อวานนี้อย่างน้อยก็ทำให้อะไรต่อมิอะไรชัดเจนขึ้นซักที เพียงแต่...
ถ้าถอดกางเกงแล้วเขาเป็นผู้หญิงขึ้นมา โคเอนจะทำยังไงต่อล่ะ?
ใบหน้าหวานแดงซ่านร้อนไปจนถึงปลายหูราวกับกาน้ำที่กำลังเดือดพล่าน ก่อนสองมือเรียวตบหน้าตัวเองเรียกสติจนแก้มแดงเป็นปื้น
"ไม่ ไม่มีทาง! เรื่องแบบนั้นมัน..."
"งืม..พี่อาลี? ตบหน้าตัวเองทำไมหรอครับ"
เด็กน้อยที่นอนตัวกลมพอพูดจบก็หาววอดใหญ่ เดินงัวเงียมากอดพันแข้งพันขาพี่เลี้ยงคนโปรด
ร่างบางค่อยๆแกะเด็กน้อยออกจากขา ดูเหมือนวันนี้คงจะต้องบ่นซักหน่อยแล้ว เพราะไม่ว่าจะเอาไปฝากที่ตำหนักเล็กซักกี่ครั้งยุนก็จะวิ่งกลับมาติดหนึบที่ขากางเกงของเขาเสมอเหมือนคราบหมากฝรั่งที่ซักไม่ออก ก่อนที่จะจัดการล้างหน้าแต่งตัวให้เด็กน้อยตัววุ่นที่ยืนสะลืมสะลือ
"ยุน..รู้มั้ยการที่เจ้าหนีออกมาแบบนี้ พี่โมลเซียน่าเขาลำบากนะ"
"งืมม ก็ข้าอยากอยู่กับพี่อาลีนี่"
หนุ่มหน้าหวานทำหน้าหนักใจกับท่าทางออดอ้อน เพราะเขาจะต้องใจอ่อนอยู่ร่ำไปเวลาที่เด็กตัวน้อยงอแง อีกอย่างยุนเองไม่มีเพื่อนเล่นก็คงจะเหงา ส่วนโมลเซียน่าเองก็ใช่ว่าจะเป็นพี่เลี้ยงที่ดีนักแถมยังมีงานมากมายที่จะต้องทำอีก
"วันนี้ตอนเช้าพี่ต้องไปที่ห้องหนังสือ ถ้าพาไปด้วยสัญญานะว่าจะไม่ซน"
"อื้อ! ข้าก็จะไปช่วยพี่อาลีทำงานด้วย!"
เด็กตัวน้อยขานรับด้วยดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะเดินจูงมือกันออกจากห้องไปอย่างตื่นเต้น ไม่ปริปากหิวข้าวเช้าแต่น้อย เดินตามอาลีไปจนถึงห้องหนังสือของโคเอนที่เมื่อคืนนี้เจ้าตัวใช้ห้องซะวินาศสันตะโรไปหมด หยั่งกะเอานางกำนัลมาเล่นจ้ำจี้ด้วยในห้องทั้งคืน
"ดูทำเอาไว้สิเนี่ย ไม่อยู่ด้วยแค่คืนเดียว"
ร่างบางกุมขมับก่อนจะเริ่มลงมือเก็บกวาดห้องหนังสือรกๆที่เหมือนไม่ได้เก็บกวาดมาเป็นอาทิตย์
"หนังสือพวกนี้มีค่ามากเลย.."
เสียงใสๆพึมพำ มือเล็กป้อมจับหนังสือที่กองอยู่บนพื้นพลิกไปมา
"นี่เจ้าอ่านหนังสือเป็นด้วยหรอ?"
อาลีมองเด็กน้อยที่นั่งพลิกหน้าหนังสือไปมาพลางขมวดคิ้วด้วยแววตาสงสัย ตัวเล็กแค่นี้แต่กลับรู้จักหนังสือตำราราคาแพง
"ยุนอ่านได้นะ เมื่อก่อนยุนกับท่านแม่เคยอยู่ในวังเหมันต์ ท่านแม่สอนยุนอ่านหนังสือด้วยล่ะ.."
พอน้ำเสียงสั่นๆพูดจบแก้มยุ้ยๆก็มีหยดน้ำกลมไหลอาบสองแก้ม
"ยุนคิดถึงท่านแม่"
อาลีวางกองหนังสือก่อนจะย่อตัวลงดึงเด็กน้อยเข้ามาในอ้อมกอด มือเรียวลูบแผ่นหลังเล็กๆไปมาให้เด็กน้อยรู้สึกดีขึ้น เขาเข้าใจดี ในตอนที่อายุประมาณเท่านี้เขาเองก็ต้องเสียแม่ไปเพราะโรคร้าย แต่ว่ากับเด็กคนนี้แล้วมันไม่ใช่…
แม่ของยุนไม่จำเป็นต้องมาตายแบบนั้น เธอไม่ได้ป่วย ไม่ได้เป็นโรคร้าย เธอยังคงสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้กับลูกน้อยของเธอได้อีกยาวนาน แต่หากวันนั้นเขาไม่ชะล่าใจ หันไปมองด้านหลังซักนิดล่ะก็ เด็กคนนี้ก็คงจะไม่ต้องเสียแม่ไป
"ไม่เป็นไรนะ ข้ารับปากแม่ของเจ้าเอาไว้แล้วว่าจะดูแลเจ้า จะไม่ให้ใครมารังแกเจ้าได้อีก เพราะงั้นไม่ต้องร้องนะ"
มือเรียวลูบกลุ่มเส้นผมที่นุ่มเหมือนเส้นไหมอย่างเบามือ จนกระทั่งเสียงร้องในอ้อมแขนค่อยๆซาลง หน้าผากมนแตะกับหน้าผากเล็กๆของเด็กน้อยอย่างแผ่วเบา ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ
"เอาล่ะ ไม่ร้องแล้วนะ พอทำงานเสร็จแล้วก็ไปหาอะไรอร่อยๆกินกันดีกว่าเนอะ" อาลีหยิกจมูกเล็กสีแดงเรื่อของเด็กน้อยเบาๆ โดยที่ไม่ได้รับรู้ถึงการมาของใครบางคนที่กำลังยืนอัดอัดใจกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า
"ท่านคงเป็น อาลี มือขวาคนสนิทขององค์ชายโคเอนสินะ"
เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงติดเกรงใจ พลางค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาในห้องหนังสือที่ยังไม่ได้ปัดกวาด
ใบหน้าหวานสวยหันมองตามเสียงเรียก ดวงตาสีบุษราคัมงามนั้นทำเอาผู้มาเยือนนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง แม้เขาจะเคยได้ยินว่าผู้ติดตามคนสนิทขององค์ชายโคเอนเป็นหญิงงามแต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะงดงามตรึงใจถึงเพียงนี้…
"พอดีข้าให้คนไปตามท่านที่ห้องแล้วแต่ดูเหมือนว่าท่านจะไม่อยู่ ข้าเลยมาดูที่ห้องหนังสือน่ะ"
"ท่านคือ.."
อาลีที่ฉุกคิดได้รีบคุกเข่าทำความเคารพองค์ชายสี่แห่งเจิดจรัสทันที พร้อมกับเด็กน้อยที่อยู่ข้างๆกัน
"องค์ชายฮาคุริว ขออภัยด้วยที่ทำให้ต้องลำบากมาเยือนถึงที่นี่ ไม่ทราบว่าท่านมีธุระอันใดกับข้าหรือขอรับ?"
เด็กหนุ่มผมทองตอบกลับอย่างนอบน้อม แต่ด้วยหางเสียงทำให้องค์ชายเบื้องหน้าแสดงสีหน้ามึนงงเล็กน้อย
"ไม่ต้องพิธีรีตองเยอะขนาดนั้นหรอก ข้าก็แค่องค์ชายในตำหนักเล็กๆ อีกอย่างก็ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรในกองทัพด้วย.."
ฮาคุริว มองเด็กสาว(?)ตรงหน้า ความจริงแล้วผู้รับใช้ใกล้ชิดขององค์ชายโคเอนล้วนแต่มองเขาด้วยสายตาไม่ดีนัก แต่คนตรงหน้าเขากลับดูต่างออกไป
ได้ยินจากท่านพี่มาบ้างว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ชอบใส่ชุดวางตัวเหมือนเด็กผู้ชาย เว้นแต่เวลามีงานอะไรสำคัญถึงจะแต่งเป็นผู้หญิง ฟังแล้วก็ดูแปลกคนจริงๆ แต่หน้าตาสะสวยขนาดนี้ไม่แปลกเลยที่โคเอนจะเก็บไว้รับใช้ใกล้ชิดขนาดนั้น
ร่างผอมบางค่อยๆลุกขึ้นพร้อมกับประครองเด็กตัวน้อยผมสีเงินยวงเหมือนเส้นไหมให้ลุกยืนขึ้นมา ก่อนที่เด็กตัวป้อมจะขยับไปหลบด้านหลังของพี่เลี้ยงคนโปรดทั้งยังเกาะขาแน่น เมื่อฮาคุริวเห็นแล้วก็เกิดความรู้สึกเอ็นดู นึกถึงตัวเองกับพี่สาวในตอนยังอยู่ในวัยเยาว์ขึ้นมา ใบหน้าที่ครึ่งหนึ่งมีรอยแผลเป็น คลี่ยิ้มอย่างเป็นมิตร
"จะว่าไปองค์ชายโคเอนไม่ได้บอกท่านหรือว่าให้ท่านย้ายไปอยู่ที่ตำหนักของข้าเป็นการชั่วคราว"
อาลีขมวดคิ้วมุ่นหลังจากได้ฟังคำพูดจากคนตรงหน้า
'ย้ายหรอ? บอกไว้แค่ว่าจะไปตำหนักขององค์หญิงฮาคุเอย์ด้วยกัน แล้วก็หายต๋อมไปเฉยๆ ไม่โผล่หัวมาตั้งแต่เช้า'
"ถ้ายังไง ก็..ไปดูห้องที่ตำหนักของข้าก่อนแล้วค่อยให้คนของท่านขนของไปให้ดีมั้ยครับ"
เด็กหนุ่มพูดอย่างน้อมนอบ ต่างจากเหล่าขุนนางและองค์ชายคนอื่นๆที่อาลีเคยได้พบเจอ ดวงตาสีน้ำแข็งไร้ซึ่งสายตาดูหมิ่นดูแคลนอย่างสิ้นเชิงจนอดที่จะชื่นชมในอากัปกริยานั้นไม่ได้
คนตัวผอมเดินตามชายหนุ่มตรงหน้าไปอย่างไม่มีข้อกังขาสงสัยใดๆ โดยที่มีเด็กน้อยตัวป้อมหน้าตาน่ารักเกาะหนึบไปด้วย
ชายหนุ่มร่างสมส่วนในชุดสีโทนขาวสะอาดตาพาพวกเขามาถึงตำหนักเล็กที่ทหารยามเฝ้าเบาบางกว่าที่อื่นๆ เป็นเหตุให้เมื่อครั้งก่อนเขาใช้ชุดพุ่มไม้ในคลังเก็บของ ของโคเอนบุกเข้ามาที่นี่ได้โดยที่ไม่โดนจับ พึ่งสังเกตว่าไอ้ชุดพุ่มไม้นั่นมันคนละพันธ์คนกอสุดๆเลยนี่หว่า เหมือนหญ้าในป่าดงดิบที่อยู่ท่ามกลางสวนหย่อมหลังบ้าน
"ห้องนี้แหละ... หากว่าเล็กไปละก็จะเปลี่ยนห้องใหม่ก็ได้นะครับ"
ยังไม่ทันที่อาลีจะได้พูดตอบอะไร เด็กชายตัวเล็กก็วิ่งดุ๊กๆนำหน้าเข้าไปก่อนเสียแล้ว อีกทั้งยังเกลือกกลิ้งไปตามพรมอย่างสนุกสนาน
"ว้าววว พี่อาลี นี่มันใหญ่กว่าห้องเดิมของพวกเราตั้งเยอะแหน่ะ!"
"ใหญ่กว่า?"
คนที่อยู่หน้าห้องมองอย่างตกใจเล็กน้อยกับท่าทางดีใจเกินเหตุของเด็กน้อยผมสีเงิน ที่เข้าไปวิ่งเล่นในห้องอย่างสนุกสนาน
ยุนปีนป่ายขึ้นไปบนเตียงอย่างซุกซน ไม่สนท่าทางกระอักกระอ่วนของอาลีที่พยายามกวักมือส่งซิกให้แม้แต่น้อย
"ดูสิเตียงกว้างตั้งขนาดนี้เลยนะ สุดยอดเลย! ผ้าห่มก็นุ้มนุ่ม"
องค์ชายฮาคุริวทำสีหน้าที่เหมือนกับไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ถ้าเทียบกับตำหนักของโคเอนแล้วนี่มันก็ห้องเล็กๆธรรมดาๆเท่านั้นเอง คนที่เป็นถึงมือขวาองค์ชายใหญ่ปรกตินอนห้องขนาด15เสื่อ พร้อมกับข้าทาสบริวารรับใช้ส่วนตัวปรนนิบัติรับใช้ กินอยู่ออกจะสบาย เทียบกับที่นี่แทบจะไม่ได้ด้วยซ้ำ
"ขอโทษด้วยขอรับองค์ชาย น้องข้ายังเด็กไม่รู้ประสีประสา"
"เรียกข้าว่าฮาคุริวก็พอแล้ว ยังไงซะท่านก็มีศักดิ์เป็นถึงเสนาธิการ เป็นถึงมือขวาขององค์ชายโคเอนไม่ต้องมากพิธีขนาดนั้นหรอก อีกอย่างพวกเราเองก็ดูอายุไล่เลี่ยกัน น่าจะเป็นเพื่อนกันได้นะ" ชายหนุ่มร่างสมส่วนยิ้มด้วยสีหน้าเป็นมิตร จนอาลีรู้สึกหายเกร็งขึ้นมาหน่อยๆ
ใบหน้าหวานสวยยิ้มก่อนจะโค้งตอบกลับเป็นการขอบคุณ
"ยังไงก็ต้องขอบคุณด้วย ที่เตรียมห้องอย่างดีขนาดนี้เอาไว้ให้"
"ห้องอย่างดีอะไรกันไม่หรอกครับ"
'ผู้หญิงคนนี้เป็นถึงมือขวาของโคเอนแต่จะถ่อมตัวไปถึงไหนกัน ดูผู้ติดตามโคเอนแต่ละคนถือตัวว่าเป็นคนขององค์ชายใหญ่เชิดหน้าชูคออวดกันจะตายไป…'
"ถ้าอย่างนั้นให้คนของท่านขนของมาที่นี่เลยเถอะ พวกเราจะได้เริ่มงานกัน"
ฮาคุริวพูดอย่างยิ้มแย้ม ก่อนจะสังเกตเห็นว่าท่าทีของอีกฝ่ายดูอึกอัก
"คนของข้าหรอ?"
อาลียิ้มแห้งๆ อย่างไม่ค่อยเข้าใจคำพูดเมื่อกี้ซักเท่าไหร่
"จะให้คนในตำหนักข้าไปบอกเขาไว้ก่อนเลยมั้ยครับกลับมาก็คงจะย้ายของเสร็จพอดี"
"คือ..ข้าไม่มีบริวารรับใช้ส่วนตัวหรอก"
ดวงตาสีทองงดงามมองไปทางองค์ชายตรงหน้าอย่างรู้สึกประหม่า ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปกันแน่ใบหน้าของอีกฝ่ายถึงได้ขมวดคิ้วยุ่งไปหมด ตัวของเขาเองก็ไม่มีนางกำนัลส่วนตัวด้วย หากจะให้ไปขนของตอนนี้ก็คงคงจะต้องปลีกตัวออกไปเก็บเอง จะใช้ยุนไปเก็บของให้ก็ใช่เรื่องอีก
แถมดูท่าแล้วงานที่องค์ชายฮาคุริวคนนี้พูดถึงคงจะเป็นเรื่องเร่งด่วนซะด้วย ไม่งั้นคงไม่มาถึงตำหนักปุ๊บก็ลากไปดูงานปั๊บแบบนี้ ทำไงดีล่ะเนี่ย!?
"เอ่อ..งั้นเราไปดูงานก่อนก่อนเลยดีมั้ยครับ ส่วนเรื่องของ เสร็จจากงานแล้วข้าจะไป.."
"ไปเก็บของกันเถอะครับ"
"เอ๊ะ.."
"ยังไงเรื่องที่ข้าได้รับฝากฝังมามันก็ไม่ได้เร่งด่วนอะไรขนาดนั้น เพราะงั้นพวกเราไปเก็บของกันก่อนเถอะครับ"
ฮาคุริวยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินออกไป อาลีที่เกรงใจเองก็จำต้องเดินตามออกไปด้วย พ่วงมาด้วยเจ้าตัวน้อยจอมยุ่งที่กลิ้งคลุกลงจากเตียงวิ่งมาเกาะชายกางเกงเดินดุ่มๆตามไปด้วย
มือขวาอะไรไม่มีผู้รับใช้ส่วนตัว โคเอนดูแลลูกน้องภาษาอะไรกันปรกติงบประมาณก็ไปลงตรงนั้นเป็นว่าเล่น เจิดจรัสก็ใช่ว่าจะขาดแคลนนางกำนัลซักหน่อย แค่คนรับใช้ทำเป็นประหยัดไปได้ เป็นถึงองค์ชายลำดับหนึ่งจะงกไปไหน…
ฮาคุริวเดินไปบ่นในใจไปพลางจนเข้ามาในตำหนักของโคเอน ดวงตาทุกคู่ของคนที่อยู่ที่นี่ นางกำนัลที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างมองมาที่พวกเขา ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไม แต่นั่นไม่ใช่สายตารับแขกแน่ๆ
"เอ่อ..ฮาคุริว คือไม่ใช่ตรงนั้นหรอก"
คนที่ถูกรั้งไว้ทำสีหน้างุนงง ก่อนจะหันหน้ากลับมามองคนที่เดินอยู่ด้วยกันข้างๆ
"ฝั่งนั้นเป็นที่พักของพวกคุณกาคุกิน กับพวกผู้ติดตามคนอื่นๆขององค์ชายโคเอนน่ะ"
"อ่า นั่นสินะครับคุณอาลีเป็นถึงมือขวาคนสนิท คงจะไม่มาอยู่รวมกับคนพวกนี้หรอก" ฮาคุริวหัวเราะแห้งๆ ดูเหมือนเขาจะทำอะไรเสียมารยาทไปนิดหน่อย
ได้ยินมาจากท่านพี่ว่าเธอเป็นคนโปรดที่โคเอนจะชอบเรียกใช้บ่อยๆ ที่พักคงจะเป็นด้านในตำหนักสินะ จะมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง
"จากนี้ไป ข้าไปเองดีกว่า เอ่อ..ฮาคุริวกลับไปเถอะนะ"
"พูดอะไรอย่างนั้นครับ ช่วยกันก็น่าจะเร็วกว่านิครับ"
ฮาคุริวมองท่าทางแปลกนั่น มันดูแล้วไม่สมกับเป็นผู้ติดตามของโคเอนเอาซะเลย
"อาลี! ไงไม่เห็นหน้าตั้งนาน เจ้ามาก็ดีเลยข้ามีผ้าที่จะให้เจ้าเอาไปซักอยู่พอดี"
"เดี๋ยวสิ พื้นระเบียงชั้นสองยังไม่ได้ขัดเลย เจ้าต้องไปขัดเดี๋ยวนี้เลยนะ!"
เสียงของนางกำนัลที่เดินอยู่ห่างออกไปลิบๆโบกไม้โบกมือให้กับคนผมทองเด่น พวกเธอซุบซิบกันครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าใกล้ๆโดยที่ไม่ได้สังเกตว่าคนที่เดินมาข้างๆด้วยกันกับมือขวาผมทองเป็นใคร
"อะ องค์ชายฮาคุริว?"
นางกำนัลสาวทั้งสองคนดูหน้าเหวอไปเล็กน้อยเมื่อเดินเข้ามาใกล้ๆแล้วพบว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆอาลีคือองค์ชายฮาคุริว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้คิดที่จะทำความเคารพองค์ชายที่อยู่ตรงหน้าแต่อย่างใด
"พวกเจ้ามาก็ดี ไปช่วยท่านมือขวาเก็บของที่ห้องหน่อยสิ"
"เอ่อ..ฮาคุริว...แบบนั้นมัน"
อาลีมองฮาคุริวสลับกับหน้าของนางกำนัลอีกสองคนไปมา
หลังจากที่ฮาคุริวออกคำสั่ง พวกเธอก็กลับทำสีหน้าเลิ่กลั่กแล้วเดินจากไปทั้งๆอย่างนั้น ปากพึมพำบางอย่างที่ฮาคุริวเผอิญไปได้ยินเข้าอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งเต็มสองรูหู
"เก็บของให้นังนั่นเนี่ยนะ?"
"นังนี่ โดนไปคราวนั้นเหมือนจะยังไม่เข็ด"
'นี่มันเรื่องอะไรกัน?'
คำถามนี้ผุดขึ้นมาในหัวของฮาคุริวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"มาเถอะห้องข้าอยู่ตรงนี้เอง ใกล้แล้วล่ะ"
อาลีกับเด็กน้อยผมเงินเดินจูงมือลัดเลาะมาข้างตำหนักใหญ่ใกล้ๆกับสวนเล็กๆ ข้างๆห้องเก็บพลั่วเสียมมีห้องเล็กๆห้องหนึ่งอยู่ ห้องเล็กๆที่เคยเป็นห้องเก็บของแต่ตอนนี้ทิ้งร้างและกลายห้องของอาลีไปโดยปริยาย
"โคเอน เจ้าทำข้าพูดไม่ออกเลยจริงๆ"
เสียงนุ่มทุ้มพึมพำเงียบๆกับตนเองโดยที่ไม่ให้อีกคนได้ยิน ก่อนจะเดินตามเข้าไปเมื่อเห็นว่าหนูน้อยตัวเล็กเดินประตูกวักมือเรียกเขาหน้าตาแป้นแล้นอยู่หน้าประตู
'นี่มันเล็กกว่าห้องที่โมลเซียน่าอยู่ซะอีก...'
ดวงตาสีน้ำแข็งมองไปรอบๆห้องอันอึดอัดคับแคบที่มีเครื่องเรือนไม่กี่ชิ้น นอกจากเสื้อผ้าที่อาลีกำลังรื้อออกจากตู้เตี้ยๆแล้ว สิ่งของอื่นๆก็มีราคาเท่ากับของเก่าที่ขาดทอดกันในตลาด เตียงเล็กๆที่ปูจากฟูกเก่าแข็งๆกับหมอนที่มีรอยนุ่นทะลักออกมา ผ้าห่มสากๆรุ่ยๆ ในห้องนี้มันดูไม่มีอะไรดีเลยซักอย่าง ผิดกับสิ่งที่เขาคิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง ไม่สิ นี่มันห่างไกลจากห้องนอนเสียด้วยซ้ำ แทนที่จะเรียกว่าห้อง เรียกว่ารูแคบๆที่พออาศัยอยู่ได้จะถูกเสียกว่า
หลังจากที่มองรอบๆห้องจนพอใจ ฮาคุริวก้มตัวลงช่วยอาลีและยุนเด็กน้อยจอมป่วนเก็บของ ซึ่งนอกจากเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวไม่กี่อย่างก็ไม่มีอะไรต้องเก็บมากนัก
"แบบนี้แสดงว่าไม่ต้องอยู่ที่นี่อีกแล้วใช่มั้ยฮะ" เด็กน้อยพูดด้วยหน้าตาเบิกบานขณะที่ถือหอบของเล็กๆเดินออกมาจากห้อง
"ไม่ใช่ซะหน่อย ย้ายออกแค่ชั่วคราวต่างหาก"
เด็กน้อยช่างพูดช่างจาทำแก้มป่อง ก่อนจะหันไปเขย่ามือขององค์ชายที่อยู่ข้างๆ
"พี่ฮาคุริว รับพี่อาลีไปเป็นมือขวาหน่อยสิ พี่อาลีอ่านหนังสือยากๆออกด้วยนะ สู้กับผู้ร้ายก็ได้ด้วย เท่มากเลยนะรับพี่อาลีเป็นมือขวาทีสิครับ"
"ไม่เอาน่ายุน อย่าไปรบกวนองค์ชายฮาคุริวสิ"
อาลีพูดด้วยน้ำเสียงดุๆ ในขณะที่ฮาคุริวได้แต่หัวเราะแห้งๆกับความไร้เดียงสาของเด็กน้อย ก่อนจะโดนมือป้อมๆรบเร้าต่อไม่เลิก
"นี่ๆพี่ฮาคุริวฟังนะ ที่นี่ข้าวก็ไม่อร่อยมีแต่ข้าวเย็นชืดๆให้กินทุกมื้อเลย พอยุนไปขออะไรกินก็โดนดุ แถมยังทำให้พี่อาลีไม่เล่นกับข้าด้วย ทุกคนที่นี่ใจร้ายๆๆ"
"เป็นมือขวาของคุณลุงโคเอนน่ะไม่ดีเลย ต้องตื่นเช้าแถมวันนี้ก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้าด้วยนะ แล้วลุงโคเอนก็ชอบว่ายุนว่าเป็นเด็กดื้อด้วย ความจริงแล้วยุนเป็นเด็กดีจะตาย ลุงโคเอนชอบใส่ร้าย"
เด็กน้อยบ่นไฟแล่บไม่หยุด แม้จะโดนอาลีตักเตือนเป็นพักๆก็ตาม แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เขารู้ถึงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้เป็นมือขวาของแม่ทัพใหญ่มากขึ้น ว่านอกจากมันจะไม่ได้ดีเลิศเลอแล้ว ยังรันทดอับจนสุดๆ
เด็กน้อยบ่นกระปอดกระแปดตลอดทางจนมาถึงตำหนักเล็ก ท้องน้อยๆก็ร้องโครกครากประท้วงหาข้าวเช้าทันทีที่เอาของไปวางที่ห้องเสร็จ
"จะว่าไปแล้วก็เหมาะพอดีเลยนะครับ..พวกเรามาเริ่มงานกันเลยดีกว่า"
น้ำเสียงนุ่มทุ้มพูดพลางคลี่ยิ้มบาง ท่าทางที่ดูสบายๆเกินไปนั้นเมื่อมองแล้วก็อดที่จะรู้สึกเกรงใจหน่อยๆไม่ได้
"จะว่าไปแล้ว งานที่ว่านี่คืออะไรหรอครับ"
ฮาคุริวมองร่างผอมบางที่ยืนเอียงคอสงสัย นี่โคเอนไม่พูดอะไรกับมือขวาตัวเองบ้างเลยรึไงกัน? ทั้งๆที่ออกจะไปไหนมาไหนด้วยกันแท้ๆ
"องค์ชายโคเอน ฝากฝังคุณอาลีไว้ให้ผมกับท่านพี่ช่วยสอนสิ่งต่างๆเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในวังราคุโชให้น่ะครับ แล้วเรื่องที่กำชับมากที่สุดก็คือ.."
"คือ?"
.
.
.
"นี่มันเรื่องอะไรกัน.."
น้ำเสียงสั่นเอ่ยขึ้น ใบหน้าสวยบัดนี้แดงก่ำ แพขนตายาวชุ่มเปียกปอนไปด้วยน้ำตา ขณะที่หยดน้ำใสยังพรั่งพรูออกมาจากดวงตาไม่หยุด ดวงตาคู่งามเลื่อนลอยมองผ่านซี่กรงไม้ออกไปไกลแสนไกล
"ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้"
"คุณอาลี ถ้าไม่รีบหั่นหอมให้เสร็จ น้ำตาก็ไหลไม่หยุดหรอกนะครับ"
ชายร่างสมส่วนที่ความสูงไล่เลี่ยกันเดินกลับเข้ามาในห้องครัวหลังเอาปลาคาร์ฟไปปล่อยกลับลงบ่อ เขาไม่เข้าใจเลยว่าโมลเซียน่ามีความแค้นยึึดติดอะไรกับปลาคาร์ฟของโคเมย์นักหนา ทุกครั้งที่เข้ามาในครัวจะต้องเห็นมันดิ้นกระแด่วทุรนทุรายอยู่บนเขียง
"สะ..เสร็จ แล้วววว"
"ฝีมือการใช้มีดใช้ได้เลยนะครับเนี่ย"
ฮาคุริวพินิจมองผักทุกอย่างที่ถูกสับไว้อย่างละเอียดสวยงาม แม้จะใช้เวลานานไปซักหน่อยก็ตาม
(ท่านโคเอนให้น้องอ.มาเข้าคอร์สทำกับข้าวเป็นศรีภรรยาที่ดีนี่เอง(ㆁᴗㆁ✿) วรั๊ยยยย)
"ทีนี้เราก็มาเริ่มทำข้าวผัดง่ายๆกันเถอะครับ ครั้งนี้ผมจะทำให้ดูก่อนแล้วกัน"
มือเรียวถกแขนเสื้อขึ้นสูง ก่อนจะเริ่มตั้งกระทะ
"ก่อนอื่นใส่กระเทียมกับหอมลงไปผัดให้เหลืองก่อน ตามด้วยเนื้อแบบนี้.."
อาลีมองฮาคุริวที่จับตะหลิวกะทะอย่างคล่องแคล่วประดุจพ่อครัวมือฉมัง ใจคอตำหนักนี้จะไม่จ้างแม่ครัวเลยรึยังไงกัน? ดวงตาคู่สวยปิดลงคู่หนึ่งก่อนจมูกเล็กๆฟุดฟิดเมื่อกลิ่นหอมกับเนื้อในกะทะลอยหอมมาแตะจมูก
"ใส่ข้าวที่หุงสุกใหม่ๆลงไปพร้อมๆกับไข่ผัดให้เข้ากัน เติมซอสถั่วเหลืองผักอื่นๆแล้วก็พริกไทยนิดหน่อย" ฮาคุริวตะแคงกะทะเทข้าวผัดลงในจานสองจานหลังจากที่ไข่กับข้าวเข้ากันดีแล้ว "เท่านี้ก็เสร็จแล้วครับ"
"ว้าวว นี่มันน่ากินสุดๆไปเลย"
ผู้ช่วยพ่อครัวที่หั่นหอมไปร้องไห้ดราม่าไปเมื่อกี้มองข้าวผัดในจานตาลุกวาว ก่อนจะช่วยฮาคุริวยกจานออกไปวางไว้บนโต๊ะด้านนอกที่มีเด็กน้อยตัวป่วนนั่งตาเคลิ้มฝันสูดกลิ่นข้าวเช้าอันหอมหวน
"ข้าวร้อนๆล่ะ พี่อาลี"
"ไม่ได้กินของดีๆมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย"
คนที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะยิ้มเหงือกแห้งอย่างหวั่นๆ
"มันก็แค่ข้าวผัดธรรมดาๆเองนะครับ.."
สองหัวเงินหัวทองมองข้างผัดที่ส่งกรุ่นกลิ่นควันลอยหอมฉุยออกมาจากจานน้ำลายหกท่วมโต๊ะ จนฮาคุริวสะดุ้งตกใจเมื่อทั้งสองส่งสายตากึ่งอ้อนวอนกึ่งข่มขู่มาทางเขา พร้อมกับกดดันด้วยเสียงท้องร้องประสานกันดังเป็นเสียงวงซิมโฟนี
"ชะ เชิญ ครับไม่ต้องเกรงใจ.."
…
ทันทีที่เสียงที่เป็นดั่งเสียงระฆังสวรรค์ดังขึ้น ทั้งสองก็คว้าช้อนโกยข้าวเข้าปากอย่างหิวโหย ราวกับอดอยากมาเป็นชาติก็มิปาน
"อาหย่อยยยย!!!"
"ใส่แค่ซอสถั่วเหลืองกับพริกไทย แต่ทำไมมันถึงอร่อยขนาดนี้!!!"
ฮาคุริวมองสองน้องพี่ที่กำลังสวาปามข้าวผัดด้วยแววตาหิวโหยดั่งสัตว์ร้าย ราวกับว่าข้าวผัดธรรมดาๆจานนั้น เป็นหูฉลามน้ำแดงจากภัตคารชั้นเลิศ
สองคนนี้ ไม่ได้สัมผัสสิ่งที่เรียกว่าอาหารมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย…
ตำหนักของโคเอนมันตกต่ำถึงขั้นนั้นเชียว!?
"โถ่เอ้ยดูสิ ข้าวติดปากเต็มไปหมดเลยเสียดายของดีๆ เอ้ากินเข้าไป" อาลีใช้นิ้วจิ้มข้าวที่ติดอยู่ตามแก้มยุ้ยๆป้อนเข้าปากน้อยๆของยุน ในขณะที่เด็กน้อยนั่งอ้าปากรอด้วยดวงตาเป็นประกายวิ๊บวั๊บ เหมือนปลาคาร์ฟตอนกำลังรอให้อาหาร
"อ้ามมมมมม"
ภาพนั้นทำเอาคนที่นั่งมองอยู่อีกฝั่งหนึ่งอดอมยิ้มไม่ได้ เมื่อคิดถึงตัวเองกับพี่สาวในสมัยเด็ก สมัยนั้นเองพวกเขาก็หยอกล้อกันน่ารักแบบนี้
"ข้าวววว หน้าพี่อาลี มีข้าว ข้าวววว"
ม๊วฟ!
ยุนอ้าปากกว้างดูดเข้าไปที่แก้มของอาลีเต็มกำลังสูบ ยิ่งกว่าเครื่องสูบน้ำกำลังแรงสูงสมัยน้ำท่วมกทม.ปี54
"อ้ากกก อุน!! ออกอายยย"
"วะ หวาาา แย่แล้ว คุณอาลี!"
ฮาคุริวลุกขึ้นมองคนตรงหน้าที่พยายามแกะปลิงตัวโตออกจากแก้ม ดูท่าหากเขาไม่ไปทำกับข้าวเพิ่มตอนนี้ แก้มของอาลีคงย้วยเป็นถุงกาแฟแน่
"ผะ ผมไปทำกับข้าวเพิ่มก่อนนะคร้าบบบบบ"
.
.
.
โมลเซียน่าที่เพิ่งกลับมาจากการหายตัวไปอย่างเป็นปริศนาในทุกๆช่วงเช้า เดินย้อนกลับมาที่ครัว ดวงตาคมกริบมองไปยังเขียงอันว่างเปล่าด้วยสีหน้าอันซีดเผือด
"ปลา..หายไปไหน?"
☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น