...ทำไมเจ้าถึงได้มีใบหูที่ใหญ่ขนาดนั้น...
'ก็เพราะจะได้ ได้ยินเสียงของท่านได้ถนัดๆไงล่ะ'
...แล้วทำไมเจ้าถึงได้มีเขี้ยวเล็บแหลมคมกัน...
'ก็เพราะจะได้ปกป้องท่านได้ยังไงล่ะ'
ก่อนที่ความมืดภายใต้นามของ 'อัลซาแมน' จะถูกทำลายจนหมดสิ้นไปพร้อมๆกับโลกใบเก่า จนกระทั่งเพลลูมถือกำเนิดขึ้นมา วิญญาณของเทพองค์หนึ่งก็ได้ถูกกอบกู้มาไว้ในร่างของเอลฟ์ แต่ด้วยพลังที่มากมหาศาลและขีดจำกัดของร่างที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่นั้นจึงทำให้ไม่อาจใช้พลังได้มากเกินไปกว่าเอลฟ์ธรรมดาๆได้เลย อีกทั้งร่างกายที่ถูกสร้างขึ้นให้ปรับตัวได้ง่ายจากภูมิปัญญาของเผ่ากุยนั้นนานวันเข้าก็ได้เปลี่ยนไปเป็น 'โอเมก้า' เสียดื้อๆ จากการกระตุ้นด้วยสภาวะแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเผ่าพันธุ์ที่ให้กำเนิดบุตรยากที่สุดอย่างกุย
วีรกรรมความเจ็บแสบต่างๆ และความเฉลียวฉลาดด้านเวทมนต์เหนือผู้ใดนั้นรู้จักกันในนาม
'ปัญญาแห่งโลกเก่า จูดัล'
"นี่มันไม่ต่างจากหีบใบใหญ่ๆที่ใส่กลอนเอาไว้เท่านั้นเอง แถมมีช่องให้ใส่สูตรคำสั่งบางอย่างด้วย ไปถามหากุญแจจากทางนั้นไม่ดีกว่าหรอ เจ้าลุงกับยัยหมาน้อยสีแดงนั่นน่ะ ไม่เห็นจะต้องถึงมือข้าเลย" หนุ่มเอลฟ์ส่งสายตาเบื่อหน่ายไปทางผู้ดูแลหอสมุดทั้งสองคนที่ยืนห่างออกไป
"ถ้าเขาอยากให้ ข้าก็ไม่เรียกเจ้ามาหรอก"
โคเอนบ่นเรียบๆ ในขณะที่จูดัลกำลังแก้สูตรคำสั่งบนกำแพงหอสมุด
"เฮ้อ เป็นแค่ภูติแท้ๆ แต่กลับสร้างของยุ่งยากพวกนี้ขึ้นมาซะได้"
จูดัลคอตกเล็กน้อยเมื่อกำแพงเวทปรากฏภาษาโบราณขึ้นมานับพันๆคำและสูตรคำสั่งเวทอีกหลายร้อยสมการ แน่นหนารัดกุมดั่งป้อมปราการแห่งนิมฟ์ที่ไม่มีวันแตกพ่าย การจะแก้เวทที่ซับซ้อนจากการใช้สมการสูตรคำสั่งเป็นร้อยๆคำสั่งปิดผนึกซ้อนทับกัน แม้แต่ไฮเอลฟ์ที่สั่งสมความรู้มาเป็นพันปียังตั้งใช้เวลาเป็นวันๆในการแก้สูตรเวทมนต์พวกนี้ ปัญญาแห่งโลกเก่าเองพอเจอสูตรเวทที่รัดกุมแน่นหนาขนาดนี้ก็คงจะกลืนไม่ลงเหมือนกัน...
นั่นคือสิ่งที่บัลคาร์กคิด...
"ของยุ่งยากแบบนี้ใช้เวลานานโคตรๆเลย แถมการแก้สูตรมันก็ยุ่งยากกว่าการสร้างซะอีก แต่ก็เอาเถอะ..."
เอลฟ์หนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากราวกับกำลังเยอะเย้ยกำแพงเวทที่ใส่สูตรสมการเอาไว้แน่นหนา ก่อนที่จะยกมือขึ้นแตะข่ายเวทที่ถูกกั้นเอาไว้อย่างแผ่วเบา
"ความพยายามหลายเดือนหลายปีของพวกเจ้า ข้าจะมันบดขยี้ภายใน3นาทีเลยคอยดู"
"วีเกียไฮ วา เอลูเฟีย เดอารา วีเกีย โนนาวา จูดิลรู"
(ตัวข้าคือเอลฟ์นามว่าจูดัล)
(ตัวข้าคือเอลฟ์นามว่าจูดัล)
"วีเกีย โน อาซิเอีย โน ทีราเนีย ซิลมีเอีย ฮิมราคีเย"
(ด้วยบัญชาแห่งข้า ประตูจงเปิดออก)
(ด้วยบัญชาแห่งข้า ประตูจงเปิดออก)
***ไปศึกษาภาษาเอลฟ์ตั้งนานสุดท้ายจบด้วยการเอาภาษาญี่ปุ่นมาเปลี่ยนเสียง กร๊ากกกก
"น่ะ..นั่นมัน! คามิลเคียตส์* มะ ไม่จริง เป็นแค่เอลฟ์แต่ทำไมถึงใช้เวทระดับ1ได้!"
*ถ้อยคำของพระเจ้า
ก่อนหน้าในยุคที่ยังมีเทพอยู่นั้นสูตรเวทมนต์มี4ระดับ เผ่าพันธุ์ของเทพผู้สร้างจะสามารถใช้ระดับ4 ไปจนถึงระดับสอง2 ทว่า การก้าวไปถึงระดับที่2นั้นถือว่ายากมากหากไม่ใช่ผู้มีสายเลือดของผู้รับใช้เทพโบราณ และระดับ1มีเพียงเทพเท่านั้นที่ร่ายมนต์ระดับนี้ได้
แต่ในตอนนี้ เมื่อเทพทุกองค์ได้เข้าสู่การหลับไหลไปหมดแล้ว เวทมนต์จึงเหลือทั้งหมดแค่3ระดับเท่านั้น
'คาซิลเคียตส์*' เวทระดับ2จึงเป็นสูตรคำสั่งที่มีอำนาจมากที่สุด!
*ถ้อยคำของผู้รับใช้
บัลคาร์กมองกำแพงเวทที่กำลังคลายตัวเองออกเป็นส่วนๆด้วยสีหน้าที่ค้างเหวอไป ในขณะที่โมลเซียน่าที่ยืนอยู่ข้างๆ ยืนมองสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าด้วยแววตานิ่งเฉยเพราะเธอไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แต่ว่ามันต้องเป็นเรื่องที่สุดยอดมากแน่ๆ…
'เอลฟ์นี่สุดยอดจังเลย' (=_=)
"นี่มัน..ไม่ได้แก้สูตรเวทอะไรเลยนี่!"
"แก้สูตร? ทำไมข้าจะต้องทำอะไรแบบนั้น? ผู้รับใช้น่ะจะต้องฟังนายอยู่แล้วไม่ใช่รึไง รูปแบบของเวทมนต์มันถึงได้ถูกออกแบบมาให้มีลำดับชั้นยังไงล่ะ พวกภูติเนี่ยในหัวมีแต่ดอกไม้บานอยู่รึยังไง"
คนตัวบางทำหน้าตาเย้ยหยันก่อนที่ประตูบานใหญ่ของหอคอยจะปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
"นี่ไง ประตู ไปๆ รีบเข้าไปเอาตัวเจ้านั่นออกมาแล้วก็กลับกัน"
ทันทีที่จูดัลเปิดแง้มประตูออกแส้ไม้ก็พุ่งตวัดออกมาจากด้านในกระแทกร่างบางๆของเอลฟ์หนุ่มลอยปลิวออกไปทันที
"จูดัล เจ้าบินได้.."
โคฮามองร่างบางที่ลอยหมุนติ้วออกไปก่อนคอเสื้อจะไปเกี่ยวห้อยต่องแต่งอยู่บนกิ่งไม้ใกล้ๆ ก่อนจะกระโดดหลบรากไม้ที่ตวัดเหวี่ยงออกมาจากช่องประตูเล็กๆ ราวกับกำลังเล่นกระโดดเชือกไปมา ขณะที่โคเมย์ลี้ภัยหนีห่างออกไปไกล
"ทำไมต้นพอลพลักมันถึงอาละวาดได้ล่ะคะ.."
โมลเซียน่าหันไปมองบัลคาร์กด้วยสีหน้าไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก
"คงจะตอบสนองต่อความรู้สึกขององค์ชายที่เป็นผู้ให้กำเนิดมันน่ะ"
โคเอนที่อยู่ไม่ไกลมองบัลคาร์กที่หน้าเสีย อีกทั้งยังได้ยินประโยคสนทนานั้นได้อย่างชัดแจ๋ว
"ให้กำเนิด?"
ดวงตาสีทับทิมมองรากไม้ที่พุ่งผ่านตัวเขาไปโดยที่ไม่ทำอันตรายใดๆ ก่อนจะเริ่มคิดบางอย่างอยู่ในใจ ดูท่าแล้วคำตอบทั้งหมด หอสมุดต้องห้ามแห่งนี้คงจะตอบเขาได้เป็นแน่ หากรากไม้มันไม่พยายามกันทางเข้าเอาไว้น่ะนะ
โมเซียน่าเมื่อเห็นว่าทางเข้าจะปิดจึงพุ่งตัวเข้าไปด้วยความเร็วและพลังอันน่าเหลือเชื่อ ก่อนจะอาศัยข้อได้เปรียบของขนาดตัวพุ่งแทรกเข้าไปในช่องว่างเล็กๆในขณะที่ต้นพอลพลักกำลังขยับปิดทางเข้า แน่นอนว่าเข้ารากไม้ที่ระโยงระยางนั่นเองก็ยังคงตามรังควาญหมาป่าสีแดงไม่หยุดหย่อน แต่แม้จะพยายามเหนี่ยวรั้งแค่ไหนก็ไม่อาจตามความเร็วนั้นได้เลย
ดวงตาคมกริบมองไปยังยอดบนสุดของหอคอย ก่อนจะกระโดดหลบกิ่งไม้และเถาวัลย์ที่เคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต
ยังไงซะเธอก็จะต้องคุยกับอาลีพันเซลให้ได้ ไม่สิ อาลีบาบา…
ในฐานะอดีตอัศวินแล้ว ตัวของเธอเองก็มีเรื่องที่ทำพลาดไปมากมายเหลือเกิน เพราะความไร้เดียงสาในวัยเยาว์ของเธอเอง มันได้บดขยี้สิ่งที่ต้องการจะปกป้องไปหมดสิ้น
แต่ครั้งนี้จะไม่มีทางทำพลาดเป็นหนที่สองเด็ดขาด!
"องค์ชายอาลีพันเซล ได้โปรดขอให้ข้าได้คุยกับท่านด้วยเถอะ!"
เสียงของหมาป่าแดงดังก้องไปทั่วหอสมุด
เสียงของเด็กสาวอันไม่คุ้ยเคยนั้นเองทำให้ภูติสีทองที่นั่งอยู่บนยอดสุดชะเง้อลงมามองพื้นเบื้องล่างด้วยความอยากรู้อยากเห็น เนื่องจากว่าเขาไม่เคยเห็นเด็กผู้หญิงเข้ามาในหอสมุดนี้มาก่อน
"เจ้าเป็นใครกัน?"
เด็กสาวมองกิ่งไม้ที่ขยับช้าลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นไป ตะโกนกลับเสียงนั้น
"ข้าคือฮาร์ฟบีสต์ ผู้เฝ้าหอสมุดต้องห้ามอยู่ภายนอก นามว่าโมลเซียน่า.."
"โมลเซียน่า?"
ริมฝีปากบางพึมพำชื่อนั้นซ้ำไปซ้ำมา ดูเหมือนกับว่าจะเป็นชื่อที่คุ้นหูเอาเสียมากๆ แต่ว่าบางอย่างในร่างกายของเขามันกับตะโกนบอกว่าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนในชีวิต
เรียวเท้าคู่เล็กสีแดงเรื่อค่อยๆเหยียบลงบนก้อนเมฆและกิ่งก้านของต้นพอลพลัก ก่อนกิ่งของต้นไม้วิเศษจะค่อยๆน้อมลงมา ปรากฏร่างของภูติสีทองผู้งดงามในชุดผ้าสีขาวบางที่ถูกเย็บติดกันดูไม่ป็นชิ้นเป็นอัน ใบหน้าน้อยเอียงคออย่างสงสัย มองใบหูที่กระดิกได้ และพวงหางที่แกว่งไปมาอย่างสงสัยใคร่รู้
"หางตาของเจ้าดูประหลาดนัก"
มือเรียวเอื้อมไปสัมผัสใบหูที่กระดิกไปมาอย่างกล้าๆกลัวๆ ก่อนจะชักมือกลับมาเมื่อหูนั่นกระดิกเล็กน้อยเนื่องจากถูกสัมผัส
"หูของเจ้ามีขนนุ่มๆเต็มไปหมด"
"ความเร็วและพลังก็น่าอัศจรรย์นัก"
ภูติสีทองเดินวนรอบตัวของเด็กสาวอย่างสงสัยใคร่รู้ ก่อนจะถามคำถามหนึ่งแก่ผู้มาเยือน
"เจ้าจะเป็นผู้ที่พาข้าออกไปอย่างนั้นหรอ?"
"ข้าไม่ได้เข้ามาที่นี่เพื่อการนั้นหรอกค่ะ"
"เช่นนั้น กำลังและความเร็วที่เจ้าได้รับมาจากผู้สร้างมีไว้เพื่อเหตุใด?"
"ทั้งหมดมีไว้เพื่อปกป้องท่านในวินาทีต่อจากนี้ องค์ชาย.."
ร่างเล็กคุกเข่าลง ก่อนตราแสงที่มือจะส่องประกาย
"นั่นมันตราอารักษ์? ของข้า?"
ภูติสีทองทำหน้าไม่อยากเชื่อ ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่นั้นเขาไม่อาจจำได้เลย รู้เพียงแต่เด็กสาวตรงหน้าคือผู้ที่เขาผูกพันธะด้วย หรือนั่นหมายถึงเธอคนนี้คือองครักษ์ของเขาแต่เพียงผู้เดียวนั่นเอง…
"งั้น เจ้าปกป้องข้าจากพวกที่จะพาข้าออกไปจากที่แห่งนี้ได้มั้ย?"
"หากนั่นเป็นประสงค์ขององค์ชายแล้วล่ะก็...เพียงแต่ท่านแน่ใจหรอคะว่าไม่อยากออกไปเห็นโลกภายนอก? แม้ว่าราชาภูติจะปฏิบัติกับท่านเหมือนกับสิ่งของแต่ผู้คนที่อยู่ข้างนอกนั่นทุกคนล้วนต่างจากประกายแสงเย็นชาของราชาอับหมัดนัก ท่านแน่ใจแล้วอย่างนั้นหรือคะ?"
"ขะ..ข้า" ดวงตาคู่สวยเหมือนสะเก็ดดาวสีทองเลื่อนหลบสายตาอันมั่นคงของเด็กสาวตรงหน้าอย่างลังเลก่อนจะถามคำถามต่อ "เจ้ารู้จักกับคนที่จะมาพาตัวข้าออกไปหรอ?"
"แน่นอนค่ะ"
โมลเซียน่าตอบกลับไปอย่างเรียบๆทั้งที่ยังคงอยู่ในท่าคุกเข่า
"เขาคือใคร? เป็นคนดีรึเปล่า.."
"บุรุษผู้นั้นคือกุย ปีกที่สามแห่งฟากฟ้าตะวันออก เรน โคเอน ลอร์ดผู้ปกครองผืนดินด้านล่างของเจิดจรัสอันมีอณาเขตกว้างขวางที่สุดในทวีปอูเจีย หากจะพูดถึงลักษณะนิสัยแล้วก็...นิสัย..ระ รวยค่ะ"
...ตอนนี้บัลแบดถูกเพ่งเลงจากสภาโลกในฐานะประเทศที่กำลังจะล้มละลาย และต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดคือเรน โคเอน...
หลังจากที่ได้ยินชื่อนั้นภูติสีทองที่กำลังชั่งใจก็กลับลังเลหนักขึ้นทันที ในขณะที่คำพูดของบัลคาร์กลอยว่อนไปมาอยู่ในหัวนั้นเอง…
"...แล้วก็ข้ามั่นใจเลยว่า เขาจะไม่มีทางทำร้ายท่านอย่างแน่นอนค่ะ" สายตาของเด็กสาวมองไปยังใบหน้าที่ลังเลอย่างมาดมั่น
"ข้าเองก็อยากออกไปเห็นโลกข้างนอก แต่ว่าข้าไม่อยากถูกขายให้กับชายผู้นั้น ที่บัลแบดกำลังแย่ก็เพราะฝีมือของเรน โคเอนไม่ใช่อย่างนั้นหรอ?"
โมลเซียน่ามองใบหน้าที่กล้ำกลืนตรงหน้าอย่างเงียบๆ บางทีนี่คงอาจเป็นผลกรรมที่ชายชื่อเรน โคเอนจะต้องเป็นคนรับมันเอาไว้ก็เป็นได้ ยามที่ได้มองเข้าไปในสายตาว่างเปล่านั้น แม้แต่เธอยังรู้สึกเจ็บปวดถึงเพียงนี้ สำหรับโคเอนแล้วคงไม่ต่างจากกอดเศษแก้วเอาไว้จนสุดแรง
แต่ทั้งหมดนี่มันสมควรแล้วล่ะ…
"ค่ะ เขาคือผู้ที่ทำให้เศรษฐกิจของบัลแบดถึงขั้นจนตรอก จนถูกสภาโลกเผ่งเลงเป็นประเทศที่กำลังจะล้มละลาย เขามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องทั้งหมดก็จริงอยู่ แต่ที่เขาทำไป ท่านไม่คิดว่ามันจะมีสิ่งใดแอบแฝงอยู่บ้างหรอคะ?"
"สิ่งที่แอบแฝง?"
ภูติน้อยมองหน้าเด็กสาว อะไรบางอย่างบอกกับเขาว่าสามารถเชื่อใจเธอได้อย่างแน่นอน แต่ทว่า เขาเองก็กลับกลัวการต้องก้าวออกจากหอสมุดแห่งนี้ไปเสียแล้ว
"งั้น เจ้าจับมือของข้าเอาไว้ตลอดได้มั้ย"
"หากนั่นคือสิ่งที่ท่านปารถนาล่ะก็"
เด็กสาวตอบรับมือเรียวเอาไว้อย่างนุ่มนวล ก่อนรากไม้ที่บดบังทางเข้าออกจะค่อยๆถอยร่นออกมากลับคืนสู่สภาพปรกติ
บัลคาร์กบินเข้ามาเป็นคนแรกทันทีที่ประตูเปิดออก ก่อนจะตามมาด้วยแขกผู้มาเยือนชาวกุยสามคนเมื่อวานนี้ และเอลฟ์ผมดำที่เขาไม่คุ้นหน้าแม้แต่น้อย
"องค์ชายขอรับ.."
บัลคาร์กที่พุ่งเข้ามาต้องหยุดฝีเท้าชะงัก เมื่ออาลีบาบาหลบไปซ่อนอยู่ด้านหลังโมลเซียน่าในทันทีทันใดที่เขาเรียก และกิ่งของต้นพอลพลักก็มีท่าทางไม่เป็นมิตรต่อเขาเอาเสียเลย
"ทีนี้ก็กลับๆกันได้แล้วใช่มั้ย เร็วเข้าเจ้าภูติตัวจ้อย รีบๆแต่งงานกับเจ้าหมอนี่ซักที ข้าจะได้กลับบ้าน" เอลฟ์ผมสีดำยาวที่ยาวพูดออกมาอย่างรำคาญกับการต้องมาทำงานนอกสถานที่ ท่าทางของเอลฟ์ตนนั้นหาได้สนใจต่อสิ่งรอบข้างไม่
"ดูเหมือนอาลีบาบาจะโกรธพี่เอนมากเลยนะ"
เด็กชายผมสีแดงทับทิมกระซิบกระซาบกับคนที่กำลังโบกพัดขนนกในมือไปมา
"ไม่อยากจะพูดหรอกนะ เป็นข้า ข้าก็โกรธมากอ่ะ"
โคเมย์กระซิบตอบกลับไปทันที ขณะเหลือบตามองคนตัวสูงผู้เป็นพี่ที่กำลังยืนจ้องว่าที่เจ้าสาวตาไม่กระพริบเหมือนกับเมื่อวานนี้
"ออกไปจากที่นี่กันเถอะ"
เสียงทุ้มของโคเอนเอ่ยอย่างเรียบๆ ก่อนจะยื่นมือออกมา เบื้องหน้าของภูติสีทองและองครักษ์หมาป่า
ภูติสีทองมองมือใหญ่ที่ราวกับจะรวบข้อมือทั้งสองข้างของตนด้วยมือเดียว ก่อนก้มลงมองมือที่เกาะกุมมือของโมเซียน่าอย่างแนบแน่นแล้วเอามือข้างที่จับกันอยู่นั้นวางลงไปบนผ่ามือใหญ่ท่ามกลางสีหน้าตกใจของเหล่าพี่น้องตระกูลเรนอีกสองคน รวมทั้งโมลเซียน่าด้วย
"นี่มันโกรธมากๆเลยนี่หว่า"
โคเมย์ก้มลงไปกระซิบกับคนที่ตัวเล็กกว่าโดยเอาพัดขนนกปิดบังใบหน้าเอาไว้
"เรียกว่าเกลียดขี้หน้าพี่เอนเลยจะดีกว่า.."
โคฮายืนมองใบหน้าที่คลี่ยิ้มออกมามาบางๆของผู้เป็นพี่ชายตนเองอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่พี่เขาจะจูงมือที่กุมกันแน่นทั้งสองข้างออกไปทั้งๆอย่างนั้น
'เดี๋ยวสิพี่เอน จะลากไปทั้งๆแบบนั้นตลอดเลยจริงๆหรอ?'
"อ่อโคเมย์เจ้าอยู่ที่นี่ย้ายหอสมุดไปไว้ที่วังด้วย อย่าโอ้เอ้ล่ะ เอาให้ทันบ่ายของวันพรุ่งนี้"
โคเอนหยุดฝีเท้าหันมาสั่งงานน้องชาย ก่อนจะจูงทั้งสองคนเดินออกจากหอสมุดหายเข้าไปในรถม้าที่เทียมด้วยสัตว์ประหลาดครึ่งสิงโตน่าเกรงขาม
"เอาเป็นว่านี่งานเจ้าแล้วโคเมย์ ข้าจะไปรอที่งานพิธีแล้วกัน บัยยย"
เอลฟ์หุ่นเพรียวโบกมือยิ้มร่า พร้อมกับหัวเราะเย้ยคนที่ต้องทำงานต่ออย่างรู้สึกมันส์ในอารมณ์ เพราะทุกความทุกข์ ทุกปัญหาวายป่วงที่เกิดขึ้นกับคนรอบข้างคือความสุขของจูดัลนั่นเอง
"ไปน้าาา พี่เมย์เจอกันในงานแต่งพี่เอนแล้วกัน"
โคฮาโบกมือก่อนจะเดินหายต๋อมเข้าไปในราชรถคันงามด้วยอีกคน ทิ้งให้โคเมย์ยืนหัวเดียวกระเทียมลีบมองหน้าบัลคาร์กไปมา
"เอ่อ..."
"งั้นข้าย้ายที่นี่เลยแล้วกันนะครับ"
.
.
.
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ข้าก็ยังเกลียดท่านอยู่บัลคาร์ก!!!
กลับมาแล้ว อุอิอุอิ ครั้งนี้ไรท์มีอะไรมาฝากด้วยน้าาา
***ใครอายุไม่ถึง18ก็กดปิดไปเลยนาจา (????)
พร้อมแล้วก็เลื่อนลงโลดดดด
?*???*
?(????)?
.
.
.
.
.
นาจา(????)
.
.
.
จิ้มที่รูป
หรือจะเข้าไปค้นที่เพจที่บล็อคเองก็ได้นะ
//ตอนนี้กลายเป็นเพจทำซับเพลงไปแล้วค่ะ กลุ้มมม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น