ชั่วชีวีนั้นผลิบานสองยาม หญิงเป็นชาย ชายเป็นหญิง
พริบตาเดียวปลิดกลีบใบแสนโศกา แม้นหยั่งรู้โลกหล้า
ไม่อาจผ่าธาราลิขิตสวรรค์...
"พลลาดตระเวนอย่างนั้นหรอ.."
เสียงแผ่วเบาดังขึ้นในห้องบรรทมกว้างของผู้เป็นเหนือหัวแคว้นเหมันต์
'โชว ทันเซย์'
(ดวงจันทร์สีทอง)
"แค่ทหารหายไปสองนาย ถึงกับต้องส่งหนังสือมาถึงข้าโดยตรงเลยรึ"
ใบหน้างดงามชวนหลงไหลกระตุกยิ้มบางก่อนจะโยนมันเข้าไปในเตาผิงท่ามกลางความตกใจของข้าทาสบริวารที่อยู่โดยรอบ
"อะ องค์ราชินี ตะ แต่ว่าวันพรุ่งนี้ทหารจากเจิดจรัสจะมาเข้าเฝ้านะขอรับ"
ผู้นำสารมาทูลราชินี มองกระดาษที่ค่อยบิดไหม้เป็นเศษธุลีในเตาผิงอย่างหวาดหวั่น เป็นที่รู้กันดีว่าจักรวรรดิ์เจิดจรัสนั้นเป็นประเทศใหญ่ที่ปกครองถึง3แว่นแคว้น เมื่อเทียบกับอูกิแล้วก็เหมือนเสือใหญ่กับลูกแมว
"ต้อนรับพอเป็นพิธีก็พอไม่ต้องมากมายหรอก คงจะมากดดันเรื่องตามหาพลลาดตะเวนที่หายไปแถวผาคีตาสิ้นสุดนั่นแหละ"
"แล้วจะเอายังไงดีล่ะขอรับ"
"ส่งคนแถวหมู่บ้านชายแดนไปกู้ศพก็พอ ตกลงไปแถวนั้นไม่ตายก็เลี้ยงไปโต.." นิ้วมือเรียวสวยที่กำลังจับพู่กันหยุดชะงัก ก่อนแววตาสีทองอร่ามจะมองออกไปด้านนอกหน้าต่างชั่วครู่
"ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่ามีพายุหิมะพัดมาถล่มแถวชายแดนจนปิดทางเข้าออกใช่มั้ย?"
"ขะ..ขอรับ มีอะไรหรือขอรับ"
"ไม่มีอะไร"
...
ก็อกๆๆ
"ข้าน้อยชินอามาขอเข้าเฝ้าองค์เหนือหัวขอรับ"
เสียงแหบพร่าดังขึ้นหลังประตูไม้บานใหญ่ ก่อนประตูจะค่อยๆเปิดออกต้อนรับขุนศึกมือหนึ่งของวังเหมันต์ผู้มีน้ำเสียงแหบแห้งขัดกับภาพลักษณ์ที่ดูน่าหวั่นเกรงและใบหน้างดงามแต่ก็ดูเยียบเย็นหม่นหมองดั่งจันทร์ข้างแรม
"ชินอา? ไม่ใช่ว่าข้าสั่งให้เจ้าดูแลเยลปารึ หวังว่าจะมีคำแก้ตัวที่เข้าท่านะ"
องค์ราชินีโฉมงามเลิกคิ้วพลางกระตุกยิ้มที่มีแรงกดดันมากมายมหาศาลจนเหล่าธารกำนัลที่คอยรับใช้ยังรู้สึกหวาดหวั่น แต่นั่นไม่อาจทำให้ขุนพลหนุ่มหน้ามนหวั่นไหวแม้แต่น้อย
น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยอย่างใจเย็น "อดีตสาวใช้ขององค์หญิงเยลปากับผู้เกี่ยวข้องอีกหนึ่งคนตายในระหว่างภารกิจจับกุมภายใต้การบังคับบัญชาของนายกองยากันขอรับ"
ดวงหน้าสวยดั่งผลงานปติมากรรมชิ้นเอกของพระผู้เป็นเจ้าถอนหายใจอย่างแผ่วเบาก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างขึ้น รอยยิ้มนั้นยิ่งทำให้ผู้คนที่อยู่รอบข้างยิ่งหวาดหวั่นเข้าไปใหญ่
"เด็กล่ะ?"
"ปลอดภัยดีขอรับ"
เสียงแหบพร่าตอบอย่างเรียบๆ ราวกับไร้ซึ่งความรู้สึกกดดันใดๆจากรอยยิ้มเบื้องหน้า ก่อนใบหน้าใต้ผ้าคลุมสีดำจะถูกแรงประทะจากผ่ามือเรียวสวยจนใบหน้าเบือนหันไปทางอื่น ผิวขาวซีดเกิดเป็นรอยนิ้วมือแดงประทับบนใบหน้าราวกับปานแดง ท่ามกลางสีหน้าหวั่นกลัวของข้าทาสบริวารในห้องนั้น แววตาสีซีดของขุนศึกหนุ่มนั้นก็ยังคงนิ่งสงบ...
ฝ่ามือเรียวสวยนั่นก็แดงไม่ต่างกับใบหน้าของขุนศึกแห่งอูกิเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นดังนั้น
มือหยาบใหญ่ที่เปรอะเปื้อนเลือดของศัตรูและผู้บริสุทธิมานักต่อนักจึงค่อยๆบรรจงประคองนิ้วมือเรียวสวยที่ไร้ซึ่งมลทินใดๆของหญิงสาวสูงศักดิ์ตรงหน้าขึ้นมาประทับจูบผ่านผ้าคลุมหน้าบางอย่างแผ่วเบา
"ไปเตรียมเสื้อคลุมให้ข้า"
ทันเซย์หญิงสาวผู้เป็นเหนือหัวของแคว้นเหมันต์หันไปออกคำสั่งกับสาวใช้ด้วยแววตาเกรี้ยวกราดดั่งมีเพลิงสีทองโหมลุกไหม้อยู่ในดวงตาคู่สวยนั่น ไม่สนใจการกระทำของชายที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าแม้แต่น้อย ก่อนสาวใช้สองคนจะนำเสื้อคลุมขนสัตว์อ่อนนุ่มผืนหนามาบรรจงใส่คลุมให้กับร่างอรชรอย่างระมัดระวัง
"ข้าอยากจะลงไปเห็นหน้าหลานซักหน่อย"
.
.
.
"แงงงง พี่ชาย!!!"
"หยุดนะ! จะเอาเด็กไปไหนน่ะ!"
"หยุดโวยวายไร้สาระซักทีได้มั้ย นี่มันใช่เวลาที่ที่เจ้าจะมาห่วงคนอื่นหรอ?"
นายทหารที่ถูกเรียกว่าหลี่เอ่ยขึ้นเรียบๆ ใบหน้าเข้มนั้นคือใบหน้าเดียวกันกับที่ฉันเห็นที่ตลาดตอนเย็นไม่มีผิด
อีกอย่างนี่มันอะไรกัน ทำไมโคเอนถึงได้ทำตาเป็นประกายระยิบระยับมีกะจิตกะใจมาชื่นชมสิ่งก่อสร้างในวังได้อยู่อีก! นี่มันสถานการณ์คับขันนะเฟ้ย!
"อาลี นายคิดว่าหอคอยสูงๆเมื่อกี้เป็นไงบ้าง สีมันซีดไปมั้ย"
"สีมันจะซีดจะเข้มก็เรื่องของมันสิ อีกอย่างสถานการณ์แบบนี้ยังมีเวลามาตื่นเต้นอีกหรอ!" ฉันหันไปโวยใส่โคเอนที่ถูมันรวบมือสองข้างไข้วไว้ด้านหลังไม่ต่างจากตนเอง ดูเหมือนโคเอนจะไม่ยอมหยุดหันมองนู่นนั่นนี่ไปมาอีกต่างหาก
"พูดอะไรของเจ้า นี่มันประเทศลับแลที่ปิดประเทศมานับร้อยปีเลยนะ"
นี่นาย! ใช่เวลามาทำหน้าเหมือนแม่พามาเที่ยวดิสนีย์แลนด์ครั้งแรกหรอห๊า!
"อาลี เรือนสีแดงตรงนั้นเหมือนที่ราคุโชเลยว่ามั้ย"
"อาลี ดูโคมไฟสลักที่ทำจากน้ำแข็งตรงนั้นสิ"
"อาลี เห็นแสงเหนือที่คลุมอยู่บนยอดหอคอยนั้นมั้ย"
อาลี อาลี อาลี อาลี อาลี
(ΦωΦ ╬)
"ถ้าจะขังฉันล่ะก็ ขอแยกห้องกับหมอนี่นะ!"
ฉันหันไปหาทหารยามที่เดินคุมตัวฉันอยู่ด้านหลังด้วยสีหน้าเหลืออดเต็มที ก่อนจะทรุดลงเข่ากระแทกพื้นอย่างแรงเมื่อถูกกดไหล่ให้นั่งคุกเข่ากระทันหันบนลานกว้างหน้าเรือนอะไรซักอย่าง แต่ดูจากเครื่องไม้เครื่องมือรอบๆแล้วน่าจะเป็นลานที่ใช้ตัดสินคดีนะ
ฉันเบี้ยวหน้าด้วยความเจ็บเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางทหารสองคนที่ยืนห่างออกไปไม่ไกล ยืนคุยกันด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
"นายกองยากันกับเจ้าพวกนี้ปล่อยเอาไว้แบบนี้หรอ"
"เห็นว่าอีกซักพักองค์ราชินีทันเซย์จะเสด็จมานะ"
"องค์ราชินีหรอ? งานนี้คงได้มีคนศพไม่สวยแน่ๆ"
ราชินี? ประเทศนี้ปกครองโดยผู้หญิงอย่างนั้นหรอ?
ฉันเงี่ยหูฟังอย่างไม่ค่อยถนัดนัก ก่อนจะได้ยินเสียงลมหายใจหอบหนักดังแทรกขึ้นมาแทน
เสียงของคนที่เหล่าทหารยามเรียกเขาว่า 'นายกองยากัน' นั่นเอง ทั้งที่อากาศหนาวขนาดนี้แต่เหงื่อของเขากับไหลท่วมร่างกาย แสงไฟสลัวสีส้มจากโคมไฟฉายให้เห็นใบหน้าซีดเผือดของชายมีอายุที่นั่งคุกเข่าห่างจากฉันและโคเอนไปไม่ไกลนัก
สีหน้านั่นทำเอาฉันจิตนาการภาพที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไม่ออกเลย
.......
'หนาวชะมัด'
ยิ่งมืดเท่าไหร่ก็เหมือนจะยิ่งหนาวขึ้นเท่านั้นนะ แถมคืนนี้ลมดันพัดแรงซะด้วยสิ
แล้วหลังจากนั่งมาราวๆเกือบค่อนครึ่งชั่วโมง ฉันหันหน้าไปหาโคเอนที่สงบเงียบไปได้ซักพักหนึ่งแล้ว ดูสีหน้านั่นแล้วเหมือนไม่ได้จะตายเพราะอากาศหนาวหรือเชือกรัดแขนแน่นไป แต่จะตายเพราะเบื่อเสียมากกว่า
นี่โดนจับมาในฐานะนักโทษนะ! ไม่ใช่มาทัวร์วังชาวบ้านเขาเล่น นั่งหาววอดๆเหมือนไกด์บรรยายไม่สนุกอย่างนั้นแหละ
"เจ็นแขนเป็นบ้า"
โคเอนพึมพำเบาๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะหาวต่อจนหยดน้ำตาไหลเกาะปลายหางตา
"นี่ขนาดเจ็บแขนนะ.." ฉันจิกกัดคนที่ดูไม่มีอารมณ์ความรู้สึกร่วมใดๆกับสถานการณ์ตอนนี้ก่อนจะเบ้ปากหันหน้าไปทางอื่น
"ก็เจ็บแขนน่ะสิ ทำไม? ต้องครวญครางเหมือนไอ้ผู้ชายที่นั่งข้างนายรึไงถึงจะพอใจ อีกอย่างนี่มันก็ใกล้เวลาเข้านอนฉันแล้วด้วย"
"ช่วงนี้นายเอาแต่กินกับนอนอย่างเดียวเลยนะ แถมยังชอบนั่งแช่อ่านหนังสือไม่ขยับตัว ระวังเถอะอีกปีเดียวได้เป็นลุงแก่ๆพุงพลุ้ยแน่!"
"หึหึ นังโง่"
เสียงของชายที่นั่งตัวสั่นเทาดังขึ้นหลังจากที่นั่งเงียบมานาน
"แกคิดว่าจะมีโอกาสรอดไป นั่งนอนกินจนกลายเป็นตาแก่ลงพุงหรอ?"
"อย่างน้อยก็คงไม่ได้ตายก่อนใครบางคนแถวนี้แน่ๆ"
โคเอนชะโงกหน้าไปพูดกับชายประสาทเสียที่นั่งถัดจากฉันออกไปไม่ไกล สงครามทางสายตาปะทุขึ้นอยู่เบื้องหน้าฉันที่นั่งเป็นหัวหลักหัวตอก่อนเสียงของฝีเท้าพลุกพล่านจะดังขึ้น เป็นสัญญาณบอกว่าเวลาตัดสันชีวิตของพวกเราทั้งสามได้เริ่มขึ้นแล้ว...
หญิงสาวร่างสูงอรชรในชุดผ้าคลุมขนสัตว์สีขาวงาช้างกลืนกับทัศนียภาพของภูเขาหิมะที่ล้อมรอบแคว้นอูกิย่างก้าวเข้ามาในเขตลานตัดสินนักโทษ ถึงแม้จะเป็นแค่เพียงการก้าวเดินธรรมดาแต่มันไม่อาจที่จะทำให้ฉันละสายตาไปได้เลย ในทุกอิริยาบทนั้นราวกับแสงสีเงินของดวงจันทร์ที่กำลังร่ายรำในคืนมืดสนิท เสื้อผ้าสวยงามตัดเย็บอย่างประณีตด้วยด้ายเงินและทองเมื่อห่มคลุมบนเรือนร่างน่าหลงไหลนั่นแล้วดูราวกับเสื้อของเทพธิดาก็มิปาน แม้แต่แสงสลัวของโคมไฟยามค่ำคืนก็ไม่ได้ยังไม่อาจบั่นทอนความงามนั้นลงได้เลย
ร่างสูงสง่าขึ้นประทับบนบัลลังก์ที่ตั้งไว้กลางแจ้ง ดวงตาสีทองเป็นประกายวาววาบดั่งอัญมณีกวาดตามองมาที่เหล่านักโทษสามคนอย่างเงียบงัน ดั่งสัตว์ร้ายที่รอคอยให้เหยื่อดิ้นรนแล้วค่อยบดขยี้ร่างกายให้แหลกเหลวไปพร้อมกับความสิ้นหวัง
ฉันมองใบหน้าที่ราวกับถูกแกะสลักอย่างประณีตโดยช่างประติกรหลวงอย่างมิอาจละสายตาไปได้แม้แต่วินาทีเดียว ก่อนจะต้องตื่นจากภวังค์เมื่อเสียงหัวเราะหนึ่งดังขึ้น
"ฮ่ะๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ"
"หมอนี่ท่าจะบ้าแล้วจริงๆ"
โคเอนที่นั่งก้มหน้าอยู่พึมพำพลางแอบถอนหายใจอย่างเงียบเชียบ
"เป็นแค่ผู้หญิงแท้ๆ ทำมาเป็นเล่นบทผู้ครองแคว้นหรอ? น่าขำ ที่แคว้นเราต้องหดหัวมานับร้อยๆปีก็เพราะมีนังแพศยาพวกนี้ปกครองอยู่ไม่เห็นรึไง! พวกแกยังเป็นลูกผู้ชายกันอยู่รึเปล่า! จะเอาแต่มุดอยู่ใต้กระโปรงนังเลวนี่ไปถึงเมื่อไหร่!"
"ก็แค่ผู้หญิง ผู้หญิงคนเดียวจะทำอะไรได้!"
เหล่าทหารยามมองหน้ากันเลิกลั่กก่อนจะเงียบสนิทเมื่อหญิงสาวที่ถูกกล่าวหาลุกขึ้นจากบัลลังก์เดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าของอดีตนายกองจิตป่วยที่ร่างกายซีดสั่นตรงข้ามกับคำพูดกำเริบเสิบสานเมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิง หญิงสาวผู้เป็นเหนือหัวแห่งแคว้นเหมันต์ย่อตัวลง นิ้วเรียวจับปลายคางของนักโทษจอมโอหังให้เงยขึ้นสบเข้ากับดวงตาคู่สวยดุดันดั่งสัตว์ร้าย ก่อนจะคลี่ยิ้มบาง
ใบหน้าสวยงามยิ้มเย็นแทนที่จะรู้สึกว่างดงาม กลับให้ความรู้สึกเหมือนหัวใจถูกควักออกมาทั้งๆที่ยังเต้นอยู่แล้วถูกมือคู่เรียวนั้นบีบจนเละคามือ
"เป็นชายหรือหญิงแล้วยังไง? ปากอย่างเจ้าน่าจะเคี้ยวลิ้นเน่าๆนั่นให้แหลกเป็นชิ้นๆไปซะ"
"คะ..แค่ผู้หญิง เป็นแค่เบี้ยล่าง ก้มหัวอยู่ใต้ฝ่าเท้าของ..อั่ก"
ใบหน้าซีดที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ขากรรไกรทั้งสองข้างขยับอย่างเชื่องช้าและหนักหน่วงทั้งๆที่ริมฝีปากปิดสนิท ก่อนเลือดและน้ำลายจะค่อยๆไหลออกมาตามมุมปาก เช่นเดียวกับน้ำมูกและน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาอาบใบหน้าที่เบี้ยวบิดดูน่าอดสู
มีบางอย่างที่ฉันไม่อาจเข้าใจได้กำลังเกิดขึ้นในระหว่างที่ฉันกำลังก้มหน้าก้มตาอยู่นี่ แต่ไม่นานเสียงกรีดร้องที่แผดเสียงหวีดอยู่ในลำคอของชายผู้นั้นก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงนับเลขอย่างช้าๆของหญิงสาวผู้เป็นประมุขแห่งอูกิ
"1..2..3..4..5..6..7...........................................28..29..30 เอาล่ะอ้าปากหน่อยซิ"
"อ่ะ โอ่ก"
เลือดสีแดงเจือไปกับเมือกน้ำลายถูกบ้วนออกมาเต็มพื้นพร้อมกับเศษชิ้นเนื้อเละที่ถูกบดขาดอย่างหยาบๆ ดวงตาโปนถลึงมองภาพตรงหน้าจนเหมือนลูกตาทั้งสองข้างจะหลุดออกมา ก่อนจะส่งเสียงครวญครางในลำคอไม่ต่างจากคนเสียสติ
"ดีมากๆ" มือเรียวสวยลูบเส้นผมของชายที่อยู่ต่ำกว่าพลางหัวเราะเบาๆราวกับกำลังเล่นสนุกก่อนลำตัวของชายที่นั่งคุกเข่าอยู่เอนล้มลง ตามมาด้วยเสียงดีดนิ้ว
"เอามันไปมัดไว้ที่ลานโล่ง"
เสียงฝีเท้าของทหารสามสี่คนดังเข้ามาก่อนร่างที่นอนแน่นิ่งนั้นจะถูกลากออกไปอย่างเงียบๆ ก่อนเสียงฝีเท้าหนึ่งจะดังขึ้นตามด้วยเสียงอันคุ้นหู ที่ไม่ใช่เสียงของใครอื่น มันคือเสียงของทหารหน้าเข้มแซ่หลี่ที่เป็นคนพาพวกเขามานั่งรอรับโทษอยู่ตรงนี้นั่นเอง...
"องค์ราชินี..."
"สองคนนี้หรอผู้เกี่ยวข้อง?" ดวงตาคมกริบมองท่าทางของนักโทษทั้งสองที่นั่งปิดปากเงียบไม่ส่งเสียงใดๆ ไม่แม้แต่จะร้องอ้อนวอนขอชีวิตอย่างรู้สึกประหลาด ก่อนจะเอ่ยถามต่อเรียบๆ "ได้ความมาว่ายังไงมั่ง"
"เหมือนจะเป็นพระที่มาแสวงบุญจากที่อื่นขอรับ ส่วนผู้หญิงได้ข่าวว่าเป็นภรรยาเก่าที่ติดตามมาปรนนิบัติรับใช้ แต่บางข่าวก็บอกว่าเป็นพวกต้มตุ๋นหลอกขายของขอรับ"
"ภรรยาเก่าที่ติดตามมารับใช้สามีที่บวชเป็นพระหรอ ฟังดูเหมือนนิยายเลยนะ ข้าชักอยากรู้ซะแล้วว่าผู้หญิงที่ถูกผู้ชายที่ตัวเองรักฆ่าตายเนี่ยจะส่งเสียงกรีดร้องออกมาน่าเพลิดเพลินขนาดไหน.." เสียงหัวเราะน่าขนลุกดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่อึมครึมลงเรื่อยๆ หญิงสาวร่างอรชรเดินลากชายกระโปรงยาวก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าของโคเอน
"เอาล่ะเงยหน้าขึ้นมา"
สิ้นเสียง ใบหน้าเรียวได้รูปของพระหนุ่มก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาด้วยแววตานิ่งสงบ ใบหน้าเรียวกับคิ้วที่พาดไปตามกระบอกตาเรียวดูคมเข้มนั่นดูหล่อเหลาเอาการ จนองค์ราชินีแห่งแคว้นเหมันต์อดไม่ได้ที่จะแสดงความชื่นชมออกมาทางสายตา แววตาสีทองบ่งบอกให้รู้ว่าเขาค่อนข้างรู้สึกพอใจกับรูปโฉมนั้น พอๆกับที่รู้สึกอยากจะทำลายมัน
"ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผู้ทรงศีลจะมีแววตาที่เย่อหยิ่งถึงเพียงนี้"
"..."
ดวงตาสีทองดั่งดวงจันทร์ในคืนเพ็ญมองลึกเข้าไปในแววตาของอีกฝ่าย ก่อนจะคลี่ยิ้มที่เหมือนดั่งมนต์สะกด พาให้ดวงตาสีทับทิมอ่อนนั้นเคลิบเคลิ้มดั่งห้วงความนึกคิดในหัวถูกชะล้างเป็นสีขาวโพลน
"ทำให้ข้าได้ยินเสียงกรีดร้องของภรรยาที่น่ารักของเจ้าหน่อยซิ"
สิ้นเสียงของหญิงสาว ตรวนที่พันธนาการข้อมือของโคเอนก็ถูกคลายออก ก่อนจะถูกทหารผู้น้อยสองคนพยุงตัวให้ลุกยืนขึ้นอย่างช้าๆ
"ส่งดาบให้เขาด้วย"
ฉันเงยหน้าขึ้นมาทันที ก่อนหญิงสาวร่างสง่าจะสะบัดผ้าคลุมเดินออกไป และโคเอนที่ถือดาบยืนอยู่ด้านหลังของฉัน ทำเอาหัวสมองปั่นป่วนไปหมด
ดะ..เดี๋ยวนะ โคเอน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?
...
ทันเซย์ ผู้เป็นเหนือหัวแห่งแคว้นเหมันต์ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายอยู่ห่างๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงเส้นผมสีดอกงิ้วแดงเด่นเงื้อคมดาบสูง ราวกับตั้งใจจะฟันลงมาให้สุดแรง
"น่าเบื่อ.."
"อ้ากกกกก"
"นี่แก ทำไมถึงได้!"
"จับตัวนังผู้หญิงไว้ก่อน!"
"!?"
เกิดอะไรขึ้น?
...มันเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีก็ว่าได้...
ชายผู้นั้นไม่ได้ตกอยู่ใต้มนต์ของเรา? เรื่องแบบนี้มัน...
"ถึงว่าล่ะพวกลูฟถึงได้เอะอะกันนัก.."
.
.
.
"10...25...35 ราวๆ35คน นายคิดว่าจะไปถึงตัวผู้หญิงคนนั้นได้มั้ย?"
โคเอนเอ่ยขึ้นอย่างเรียบๆกับคนที่อยู่อีกฝากหนึ่งของแผ่นหลังกว้างท่ามกลางวงล้อมของศัตรู
"พูดแบบนี้ไม่ไว้ใจกันรึไง มันก็ต้องได้อยู่แล้วสิ!"
"ครั้งนี้จะระวังหลังให้ก่อนก็แล้วกัน" โคเอนหัวเราะหึหึในลำคอ
ไม่รู้ว่าทำไมเสียงหัวใจที่เต้นเร่าผ่านแผ่นหลังที่แนบชิดติดกันนั้นถึงทำให้อาลีรู้สึกเบาใจจนเผลอยิ้มออกมา นี่เขาติดเชื้อโคเอนไปแล้วรึไงนะ?
"ว่าแต่ขอดาบที่ถือหน่อยสิ"
"แล้วข้าจะใช้อะไรเปิดทางมิทราบ" (눈_눈)
"แล้วถ้าตรูไม่มีดาบจะเข้าไปจับราชินีมาต่อรองยังไงฟะ!" (╬● ∇ ●)
"แกก็เก็บเอาตามทางก็ได้หนิ มันก็ต้องมีร่วงกันบ้างแหละ"
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังหัวร้อนเถียงกันไปพลางดูเชิงศัตรูไปพลาง ทหารกล้าผู้หนึ่งก็เปิดงาน(โดนถีบออกมา)อย่างกล้าหาญชาญชัย
"ระวัง..." โคเอนใช้ดาบฟันลงบนบ่าของทหารที่กระโดดเข้ามาอย่างไม่ลังเลก่อนจะถีบตัวให้ล้มหงายหลังลงไปเหมือนแม่เต่าทะเลหงายท้อง
เพล้ง!!
"เห็นมั้ย ฉันบอกแล้วว่ามันต้องมีทำร่วงกันบ้างแหละ" โคเอนส่งรอยยิ้มแบบผู้ชนะ ก่อนจะปะทะคมดาบดาบกับทหารที่เริ่มกรูกันเข้ามาในจังหวะที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังคุยกัน
"เออ เข้าใจแล้ว เปิดทางให้ทีนะครับท่านโคเอนคนเก่ง" อาลีตอบด้วยเสียงประชดประชันเล็กน้อย ก่อนจะพุ่งตัวออกไปยังทิศที่หญิงสาวร่างสง่ายืนยิ้มอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักด้านหลังของปราการทหารนับสิบ แยกจากแผ่นหลังกว้างชื้นเหงื่อนั้นที่ส่งผ่านความรู้สึกสบายใจผ่านไอร้อนที่ตัดผ่าอากาศหนาวเย็นให้สะบั้น
เพื่อที่จะเคียงข้างกัน ดั่งปีกที่โผบินสู่ห้วงนภาอันกว้างใหญ่อย่างอิสระ…
อาลีเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติโดยไร้ซึ่งความกดดันใดๆ ดวงตาทั้งสองข้างจับจ้องการเคลื่อนที่ของคมดาบที่ผ่านตัวไปทั้งด้านซ้ายและขวา โดยที่มีโคเอนช่วยระวังศัตรูนอกระยะให้ ในทุกท่วงท่าทุกจังหวะของทั้งสองสอดประสานเข้ากันได้เป็นอย่างดีราวกับสหายที่เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมานาน
อาลีจับดาบในแนวขนานกับพื้น อาศัยแรงพุ่งตัวจากอีกฝ่ายและระยะของดาบเสียบศัตรูที่พุ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาจนมิดไปครึ่งด้าม ก่อนโคเอนจะใช้แรงถีบผลักร่างของศัตรูออกไปด้วยแรงที่มากกว่า
ท่วงท่าที่พริ้วไหวคล่องแคล่วของอาลีเมื่อเสริมกับความเฉียบคมและดุดันในเพลงดาบของโคเอนแล้ว มันแทบจะเป็นเพลงดาบที่สมบูรณ์แบบ ทั้งจังหวะและลมหายใจประสานกันได้อย่างดีเยี่ยมราวกับกำลังร่ายรำท่ามกลางคมหนามสีเงิน
"จังหวะนี้แหละ อาลี!"
อาลีพุ่งตัวผ่ากำแพงทหารด่านสุดท้ายออกมาได้อย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะหลุดออกจากวงล้อมไปประจันหน้ากับองค์ราชินีแห่งแคว้นเหมันต์ โดยมีโคเอนทำหน้าที่คอยสกัดคมดาบที่หมายจะฟาดฟันลงบนแผ่นหลังอันบอบบาง
ด้วยความพริ้วไหวของอาลี ทำให้สามารถเข้าไปข้างหลังได้อย่างง่ายดายโดยที่องค์ราชินีร่างสูงสง่าได้แต่ยืนนิ่ง ดาบในมือกดลงบนลำคอระหงจนผิวขาวน้ำนมเกิดรอยแดง ก่อนที่การต่อสู้ชุลมุนจะหยุดลงกลางคันท่ามกลางสายตาแตกตื่นของเหล่าทหารนับสิบ
"หึหึ ดื้อดึงเสียจริงนะ"
หญิงสาวผู้เป็นประมุขแห่งแคว้นส่งรอยยิ้มที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งก่อนที่จะจับข้อมือที่ถือดาบบิดไขว้จนอาลีต้องปล่อยดาบในมือด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะถูกจับทุ่มด้วยแรงมหาศาลจนล้มนอนราบลงไปกับพื้น
เคล้ง!!
โคเอนหันมาตามเสียงดาบที่ตกลงกับพื้น ก่อนจะโวยขึ้นอย่างหัวเสีย
เจ้าอาลีนี่มันเคยทำอะไรสำเร็จซักอย่างบ้างมั้ยเนี่ย!!!
"อาลี นี่นายเสียงท่าให้กับผู้หญิงเหรอ!"
"ก็นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่า มันก็ต้องมีทำร่วงกันบ้างแหละ..อ้าก"
ในระหว่างที่อาลีกำลังหันไปสนใจทางอื่น หญิงสาวร่างสูงก็เผยดาบสั้นที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อออกมา ก่อนแทงตรงเข้ามาที่อาลีอย่างเต็มแรง
มือเรียวกำปลายมีดที่แทงลงมาหมายจะเอาชีวิตตนเอาไว้มั่น ก่อนจะพยายามดันตัวลุกขึ้นพร้อมกับยื้อยุดชักกะเย่อกับแรงมหาศาลของหญิงสาวตรงหน้า ก่อนคิ้วเรียวสวยได้รูปขององค์ราชินีน้ำแข็งจะขมวดมุ่นเมื่อสังเกตเห็นบางอย่าง...
"นี่เจ้า...ได้สิ่งนั้นมาได้ยังไง!"
"วะ..เหวอ..."
ร่างของอาลีถูกกระชากคอเสื้อยกขึ้นมาด้วยมือเพียงข้างเดียวอย่างง่ายดายราวกับยกกระสอบปุยนุ่น ดวงตาที่สับสนประสานเข้ากับดวงตาคมสวยสีทองประกายดั่งถูกเวทมนต์สะกด
"กลิ่นของเจ้า ลูฟของเจ้า มันเหมือนกับคนคนนั้นไม่มีผิด"
"?"
ใบหน้าตื่นของอาลีมองสีหน้าดูร้อนรนของราชินีเหมันต์ที่ผิดกับเมื่อครู่อย่างชัดเจนอย่างฉงนสงสัย
"หลับไปซะ"
"อาลี!!!"
เสียงของโคเอนตะโกนดังลั่นไปทั่วลานกว้าง เมื่อร่างที่ไร้สติของอาลีถูกเหวี่ยงลงกับพื้นราวกับตุ๊กตาหุ่นเชิดที่ถูกตัดเชือกชักใย
"หลังจากเสร็จธุระของพวกเจ้าแล้ว พานางผู้หญิงคนนี้มาหาข้าด้วย..." ร่างสูงระหงของหญิงสาวผู้ทรงอำนาจทำท่าทีจะก้าวเท้าออกจากลานกว้างก่อนจะหยุดฝีเท้าแล้วหันกลับมาออกคำสั่งสุดท้าย
"อ่อ..ส่วนองค์ชายจากเจิดจรัสน่ะจะทำอะไรก็แล้วแต่พวกเจ้าเลย"
โคเอนถึงกับสะอึกเล็กน้อย เมื่อจบคำพูดนั้นทหารกองหนุนราวๆยี่สิบกว่าคนก็กรูกันเข้ามาสวนกับแผ่นหลังเรืองอำนาจขององค์ราชินีแห่งแคว้นอูกิที่เดินออกไปจากลานกว้าง
ทหารบางส่วนที่เพิ่งเข้ามา ตรงไปยังร่างของอาลีที่นอนไร้สติอยู่กับพื้นก่อนจะต้องชะงักฝีเท้า เมื่อถูกโคเอนเข้ามาขวางอย่างทันทีทันใด
"ถ้าคิดจะเอาตัวเจ้านี่ไปได้ ก็เข้ามา!"
☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆
ตัดให้ขาดเลยฉั๊บ ฉั๊บ ฉั๊บ (*≧▽≦) //ตัดตอนเนื้อเรื่องอย่างอ่อนโยน
วรั๊ยตายแล้ว(ノ∇≦*) เสาร์อาทิตย์นี้ไรท์ติดธุระอีกแล้วพอลองปรึกษากับเพื่อนนักเขียนดูแล้วก็เลยได้ข้อสรุปว่าตัดตอนมันไปทั้งๆอย่างนี้แหละ555 ถ้าเขียนต่อคงจะได้ราวๆ30กว่าหน้าค่ะ แน่นอนว่าเลื่อนไปลงอาทิตย์หน้าแน่นอน
แต่ไม่อยากให้คนอ่านรอนานอ่ะ (T△T)
✿เปิดตัวคู่ไฝว้กับเจิดจรัส
เราแต่งขึ้นมาเพิ่มทดแทนในส่วนของเมไจที่ตัดออกไปจากฟิค ส่วนจะอะไรยังไงเดี๋ยวค่อยมาต่อในเนื้อเรื่องสัปดาห์หน้าค่ะ //ปางานรีบใส่ทุกคนอย่างอ่อนโยน
เครดิต: รูมเมทคนเดิม เพิ่มเติมคือ Tanakaคุง (รูปที่ตัดเส้นฝีมือนาง55)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น