ทั้งๆที่งานจะเริ่มแล้วแท้ๆ ท่านพ่อเรียกคุณลุงซินแบดไปคุยเรื่องอะไรนะ...
อาลีบาบาครุ่นคิดอย่างแปลกใจ หลังจากเดินออกมาจากตำหนักของเสด็จพ่อทั้งที่ยังไม่ได้เข้าเฝ้าแม้แต่น้อย เพราะเห็นว่าองค์ราชาทรงอยากคุยกับลุงซินแบดเป็นการส่วนตัว
"ว้าย ดูนี่สิยัยเด็กจากสลัมนั่นออกมาเดินเอ้อระเหยอะไรแถวนี้ก็ไม่รู้"
เสียงของเหล่านางกำนัลที่อยู่ในตำหนักขององค์ชายลำดับที่หนึ่งอับหมัดดังขึ้น
"คงจะมาให้ท่าราชาแห่งซินเดรียกระมัง สมกับเป็นสายเลือดโสเภนีจริงๆ"
"แหมของมันก็แน่ๆกันอยู่ว่าท่านอับหมัดจะได้ขึ้นเป็นราชาแห่งบัลแบดองค์ต่อไป พอถึงเวลานั้น
ยัยขยะนี่ก็ต้องถูกเขี่ยออกจากวังอย่างแน่นอน คงจะจนตรอกแล้วล่ะมั้งถึงต้องมาทำเรื่องชั้นต่ำพรรค์นี้"สายตาของพวกเธอมองมาที่อาลีบาบาอย่างรังเกียจ ราวกับเป็นขยะเน่าเหม็นทั้งยังหัวเราะซุบซิบกันเสียงดังราวกับจงใจให้อีกฝ่ายได้ยิน
"พวกเจ้ากล้าดียังไง! ถึงมาว่าองค์หญิงอาลีบาบา เป็นแค่นางทาสีขององค์ชายอับหมัดแต่กลับทำกริยาล่วงเกินองค์หญิงเช่นนี้! พวกเจ้ามัน..."
"พอเถอะซินงิน!"อาลีบาบาขึ้นเสียงใส่หญิงสาวรับใช้ที่เดินถือม้วนเอกสารจนตัวสาวใช้ตกใจสะดุ้งโหยงก่อนจะพยายามข่มเสียงให้กลับมาอยู่ในโทนปรกติ " พวกเราไม่มีเวลาหรอกนะ มีอีกหลายที่ที่ต้องเช็คดูให้เรียบร้อย"
"เจ้าคะ..." สาวรับใช้เสียงหงอย แล้วรีบเดินดุ่มๆตามเจ้านายไปโดยทั้งโมโหและไม่เข้าใจ ถึงแม้จะเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานแต่เธอก็ชื่นชมในตัวขององค์หญิงอาลีบาบาเป็นอย่างมาก แต่ทำไมท่านถึงต้องยอมก้มหัวให้กับพวกนางทาสีทาสาไร้มารยาทนั่นด้วย ไม่ใช่แค่เธอแต่นางกำนัลที่ตำหนักเองก็คงคิดแบบเดียวกัน
ในสายตาของซินงินแล้วอาลีบาบาไม่ใช่เพียงแค่เจ้าหญิงที่เก่งกาจ สำหรับเธอแล้วคนตรงหน้านั้นเป็นมากกว่านั้น...
ดวงตาของซินงินมองแผ่นหลังที่ใหญ่กว่าของเธอด้วยความชื่นชม
"ขอโทษนะซินงิน เจ้ามาใหม่คงยังไม่ชินสินะ" อาลีบาบายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆโดยไม่หันมามอง
สาวใช้ที่อยู่เบื้องหลัง
"หามิได้เพคะองค์หญิง อย่าได้ทรงตรัสแบบนั้นเลย" สาวใช้ตอบอย่างลนลาน "อีกอย่างคนพวกนั้นต่างหากที่สมควรจะมาขอโทษท่าน" ซินงินพูดโดยไม่ปิดบังน้ำเสียงอันฮึดฮัดหงุดหงิดแม้แต่น้อย
"ไม่หรอกข้าเองก็ชินแล้ว อีกอย่างที่เรื่องที่ข้าเป็นเด็กต่ำต้อยที่เกิดในสลัมก็เป็นเรื่องจริง ข้าน่ะไม่ได้เก่งกาจหรือสูงส่งอย่างที่พวกเจ้าคิดหรอกนะ"
"ก็แค่คนขี้ขลาดคนนึง.."
น้ำเสียงที่ฟังดูเศร้าสร้อยบีบคั้นหัวใจสะท้อนก้องกังวานตามทางเดินอันโอ่โถงในสวนอันเงียบสงัดของพระราชวังบัลแบดก่อนจะค่อยๆกลืนหายไปพร้อมกับเสียงฝีเท้าของคนสองคน
"เรื่องนั้นข้ารู้ดีค่ะ!!!"
ซินงินขึ้นเสียงราวกับต้องการจะให้เสียงของตนส่งเข้าไปให้ถึงแผ่นหลังอันโศกเศร้าที่เคลื่อนออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ
"ท่านน่ะ!...เป็นคนที่เก่งแล้วก็ยังสง่างามยิ่งกว่าใครๆ! ไม่ว่าท่านจะกล่าวโทษตนเองอีกซักกี่ครั้ง
หรือแม้ว่าจะมีคนว่าร้ายท่านยังไง ข้าก็จะปฏิเสธคำกล่าวโทษนั้นแล้วก็จะพูดประโยคนี้ออกไปไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็เพราะว่าท่านอาลีบาบาน่ะ!..."
"เพราะว่าท่านอาลีบาบาน่ะ..."
"ท่านน่ะ....ข้า..."
เสียงเล็กๆค่อยๆแผ่วลงก่อนหน้าของซินงินแดงเถือกไปจนถึงใบหู แขนคู่เล็กนั้นกอดม้วนกระดาษม้วนใหญ่แน่นขึ้นกว่าเดิมราวกับจะหลอมรวมไปกับมัน...
"ฮ่ะๆ แบบนั้นน่ะน่าอายจะตาย...แต่ก็ขอบคุณนะ" เสียงสั่นๆตอบกลับมาอย่างแผ่วเบา
ดูเหมือนไม่เพียงแต่สวนอันเงียบสงัดในราชวังที่เสียงเล็กๆนั้นดังก้องไปทั่ว แต่ภายในหัวใจที่หนักอึ้งของอาลีบาบาเองก็ก้องกังวานไปด้วยเสียงของสาวน้อยเช่นกัน
ดวงหน้าสวยหันมายิ้มให้กับสาวใช้ที่กอดม้วนกระดาษจนยับยู่ที่ยืนสั่นเทิ้มอยู่ด้านหลังของเธอ
หัวใจของผู้เป็นองค์หญิงพองโต หยดน้ำใสจากดวงตาไหลลงไปตามพวงแก้มสีชมพูสะท้อนกับแสงสีทองยามเย็นของบัลแบด ราวภาพของเทพธิดาในนิทานที่ร้องไห้ออกมาเป็นอัญมณี
สาวใช้เมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบวางม้วนกระดาษแผ่นใหญ่เท่าครึ่งหนึ่งของส่วนสูงเธออย่างลนลานก่อนจะก้มลงคุกเข่าก้มหัวจนหน้าผากเปรอะดิน
"เดี๋ยวๆ ซินงินนี่เจ้าทำอะไรเนี่ย! ไม่ต้องคุกเข่าขนาดนั้นก็ด้ายยยย"
"ขะ ข้า...ล่วงเกินองค์หญิงไป ขอประทานอภัยด้วยเจ้าค่ะ!"
สาวใข้ร่างเล็กแทบจะหมอบกราบพื้นด้วยแขนและมือที่สั่นเทิ้ม
"ไม่หรอกลุกขึ้นมาเถอะน่า" อาลีบาบาประคองร่างเล็กให้ลุกขึ้นมาช้าๆ
ใบหน้าของสาวใช้คนใหม่แดงเป็นทับทิมสุกจนไม่กล้าสบหน้าอาลีบาบา
"เอาล่ะพวกเราไปพิสูจน์ให้พวกนั้นเห็นกันเถอะ ว่าข้านี่แหละคือองค์หญิงแห่งบัลแบด!"
อาลีบาบากลับมายิ้มอย่างร่าเริงสดใสอีกครั้งก่อนจะใช้มือปัดดินที่เปื้อนหน้าผากของซินงินออก
"ค่ะองค์หญิง!"
"องค์หญิง~~~ ถ้าไม่รีบเปลี่ยนชุดแต่งองค์ทรงเครื่องจะไม่ทันการนะเพคะ"
ทันใดนั้นหัวหน้านางกำนัลของตำหนักอาลีบาบาพ่วงด้วยเหล่านางกำนัลอีกนับสิบวิ่งตรงดิ่งกันมาห้อมล้อมองค์หญิงที่กำลังเดินตรวจงานอยู่กับสาวใช้อย่างรีบร้อน
"เดี๋ยวสิพวกเจ้า! เร็วเข้าหนีเร็วซินงิน!"อาลีบาบาหันไปหาซินงินที่มีท่าทีสับสน
"ซินงินเจ้าจับองค์หญิงไว้เดี๋ยวนี้! นี่คือคำสั่ง! เรื่องนี้มีอนาคตของบัลแบดเป็นเดิมพัน!!!"
อาลีบาบาเห็นท่าไม่ดีจึงทำท่าจะวิ่งหนี ก่อนที่จะโดนซินงินกระโดดเกาะขาทั้งน้ำตา
"ขอโทษเพคะองค์หญิง กระหม่อมไม่อยากทำแบบนี้เลย ฮึก ฮึก ฮือออ อภัยให้หม่อมฉันด้วยยย" ซินงินพูดพลางสะอึกสะอื้น
"ไม่อยากทำก็ปล่อยเด้~ ความภักดีที่เจ้าแสดงต่อข้าเมื่อกี้มันหายไปไหนหมดห๊ะ!"
ไม่ว่าจะสลัดออกเท่าไหร่ก็ไม่หลุดแถมยังทำให้วิ่งไม่ได้ด้วย นี่ชาติก่อนเจ้าเป็นปลิงหร๊ออออ
"ท่านโมลเซียน่าของแรงด้วยค่ะ!"
เด็กสาวผมแดงเดินแหวกออกมาจากลุ่มสาวใช้อย่างเงียบงัน
"ม่ายยยยยยยยยยยย"
นี่มันเหมือนเมื่อตอนเที่ยงเลยนี่นา! ก็พึ่งจะอาบน้ำไปเองไม่ใช่หรอ!
"องค์หญิงของพวกเราจะต้องเปร่งประกายที่สุด! งานสำคัญแบบนี้อย่าให้พลาดเด็ดขาด!"
หัวหน้านางกำนัลออกคำสั่งอย่างหนักแน่นราวกับขุนพลที่กำลังจะไปออกรบแนวหน้า เหล่านางกำนัลเองก็มีท่าทีหึกเหิมเช่นเดียวกันกับทหารเดนตาย
"นี่มันอะไรกันเนี่ยพวกเจ้า!!!"
อาลีบาบาถูกโมลเซียน่าอุ้มไปทั้งๆอย่างนั้น ก่อนจะส่งต่อให้เหล่านางกำนัลที่กระหายในการปรนนิบัติรับใช้(?)
...ข้าเกลียดการอาบน้ำ...
อาลีบาบาร้องไห้ในใจเบาๆ
ใบหน้าตอนนี้บ่งบอกได้ว่าแทบจะทนไม่ไหวกับเครื่องหอมสารพัดที่ถูกเอามาใส่ในน้ำไม่ได้อยู่แล้ว
ขนาดตัวเองที่ประสาตรับกลิ่นไม่ค่อยจะดียังแทบจะหายใจไม่ออกขนาดนี้ ถ้าให้โมลเซียน่ามาอาบคงหายใจไม่ออกตายตั้งแต่หน้าห้องอาบน้ำ
ครั้งนี้อาลีบาบาได้แต่ปฏิญาณตนในใจ
...ข้าจะไม่อาบน้ำไปอีกสามวัน!!!... ก่อนจะถูกจับใส่ชุดที่หรูหราอู้ฟู่กว่าเดิม แล้วถูกพรมน้ำหอมซ้ำ
"พอแล้ว! พอได้แล้ว! แค่นี้ข้าก็แทบจะกลายเป็นอุทยานอนุรักษ์พันธุ์ดอกไม้อยู่แล้วเจ้าจะเอามาพ่นใส่ข้าอีกทำไมเนี่ย"
"อย่าเอาแต่ใจเป็นเด็กๆได้ไหมเพคะ เดี๋ยวตอนแต่งเข้าไปอยู่ซินเดรียคนเขาจะติฉินนินทาได้
ถ้าองค์หญิงแห่งบัลแบดมีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ แล้วอีกอย่างนี่เป็นน้ำหอมจากเรมเชียวนะเพคะ"
"กลิ่นอันไม่พึงประสงค์มันก็คือน้ำหอมของพวกเจ้านั่นแหละ! แล้วทำไมข้าจะต้องไปอยู่ซินเดรียด้วย ข้าเป็นเจ้าหญิงจะทำตัวยังไงก็ด้ายยยย"
พออยู่ในสภาพที่ทำอะไรไม่ได้อาลีบาบาก็ได้แต่เพียงร้องโยเยออกมาอย่างเอาแต่ใจ
"แต่ท่านจะทำตัวซกมกไม่ได้!" เครื่องสำอางบนหน้าของหัวหน้านางกำนัลแทบจะปริแตกเป็น
แก้วร้าว ก่อนดีดนิ้วเรียกช่างทำผมให้เข้ามา ในขณะที่ช่างทำผมอีกสองคนกำลังทำผมอย่างขมักเขม่น ช่างแต่งหน้าอีกสามคนก็รุมล้อมตัวของอาลีบาบาจนแทบจะไม่มีช่องว่างให้หายใจ
แก้วร้าว ก่อนดีดนิ้วเรียกช่างทำผมให้เข้ามา ในขณะที่ช่างทำผมอีกสองคนกำลังทำผมอย่างขมักเขม่น ช่างแต่งหน้าอีกสามคนก็รุมล้อมตัวของอาลีบาบาจนแทบจะไม่มีช่องว่างให้หายใจ
หลังจากที่มะลุมมะตุ้มกันอยู่พักหนึ่ง ซินงินก็เดินถือกระจกบานใหญ่เข้ามาด้วยดวงตาเป็นประกาย "งดงามมากเพคะองค์หญิง"
"ห๊ะ" อาลีบาบามองกระจกอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ดวงตาสีบุษราคัมงดงามจ้องมองหญิงสาวในกระจกราวกับว่าไม่ใช่ใบหน้าของตนเอง ก่อนจะต้องหยุดชื่นชมเงาในกระจกเมื่อเสียงของหัวหน้านางกำนัลดังขึ้น
"ไม่ทันการแล้วเพคะ ฟ้ามืดแล้วพวกเราต้องรีบไปเดี๋ยวนี้"
อาลีบาบากับโมลเซียน่าและเหล่านางกำนัลทั้งหลายเดินออกมาจากตำหนักเดินไปยังสถานที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับอย่างรีบร้อน แม้ว่าจะดูเหมือนเดินธรรมดา แต่ขาของแต่ล่ะคนสับฉับๆจนความเร็วเท่ากับวิ่งเหยาะๆก็มิปาน
เมื่อมาถึงท้องพระโรงที่ใช้จัดงานที่ยังโล่งโจ่งเพราะงานยังไม่เริ่มดวงตาสีทองเป็นประกายกวาดสายตาทั่วห้องก่อนจะตรงดิ่งไปหาหญิงสาวผมแดงที่อยู่เกือบมุมท้องพระโรงโดยทันที
โดยที่โมลเซียหน้าพยายามเดินห่างๆเพราะทนกลิ่นที่ฟุ้งเกินไปของน้ำหอมไม่ไหว
"อาลีบาบาจัง!" โคเกียคุทำหน้าเหวออีกรอบ เพราะเธอแทบจะจำหน้าเพื่อนไม่ได้เลย
"โทษทีนะ พวกเราไม่ค่อยมีเวลาได้คุยกันส่วนตัวเท่าไหร่เลย ฉันคิดว่าท่านพ่อจะเตรียมงานพวกนี้ไว้แล้วซะอีกแน่ะ"
อาลีบาบาพูดด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนจะยิ้มแห้งๆ
โคเกียคุกลับยิ่งทำหน้าเหวอเข้าไปใหญ่ "ทั้งหมดนี่ใช้เวลาเตรียมไม่กี่ชั่วโมงเองหรอ ยอดไปเลย!"
จู่ๆหญิงสาวผมแดงก็ทำจมูกฟุดฟิด ทำให้อาลีบาบาก้าวขาถอยออกมาโดยอัตโนมัติเพราะนึกขึ้นได้ว่าคืนนี้โมลเซียน่าเองก็ขอออกห่างจากตัวเธอจนกว่าจะไปอาบน้ำ เพราะกลิ่นที่ฉุนเกินไปของน้ำหอมจะทำให้จมูกเธอพัง
"คือว่านะอาลีบาบา ไม่ใส่น้ำหอมมากไปหรอ"
"อืม ก็ว่าอย่างนั้นแหละ " อาลีบาบาคอตก พลางทำหน้าสีหน้าเจ็บปวด นี่คงจะต้องโดนล้อว่าเป็นเจ้าหญิงอุทยานพันธุ์ไม้ดอก ไม่ก็เป็นองค์หญิงที่ฉีดน้ำหอมฉุนที่สุดในงานแน่ๆ
"ทั้งๆที่ก็บอกไปแล้วแท้ๆแต่เจ้าพวกนั้นก็ยังจะพรมเข้ามาอีกอ่า จะไปเปลี่ยนเสื้อตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วด้วย" (´;ㅿ;`)
"งั้นมาเถอะ! มาที่ห้องของข้าก่อน เรือนรับรองอยู่ใกล้ๆนี่เอง ตอนนี้แขกยังมาไม่ครบเราน่าจะยังมีเวลาอยู่"
โคเกียคุกำมือทั้งสองข้างของอาลีบาบาแน่น
.
.
.
"ท่านโมเซียน่า ท่านอาลีบาบาหายไปไหนน่ะ แขกใกล้มากันอยู่แล้ว ไม่ตามไปจะดีหรือคะ"
ซินงินหันไปถามด้วยความเป็นห่วง แต่ต้องพบกับโมลเซียหน้าในสภาพที่เอาไม้หนีบผ้ามาหนีบจมูกแล้วนั้น...
"เอ่อ..."
นี่ก็หายไปกับองค์หญิงแห่งเจิดจรัสได้พักหนึ่งแล้ว จะเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย
ซินงินมองไปรอบๆอย่างกังวลใจ จนคอแทบจะเคล็ดอยู่แล้ว ก่อนจะไปสะดุดเข้ากับชายผมสีน้ำเงินสะดุดตาเจ้าของดวงตาสีอำพัน เป็นองค์ราชาแห่งซินเดรียไม่ผิดแน่
"แย่แล้ว ท่านอาลีบาบาอยู่ที่ไหนเนี่ย"
ซินงินมองไปรอบๆอย่างร้อนรนในขณะที่ราชาแห่งซินเดรียกำลังเดินตรงเข้ามาทางนี้
ทั้งๆที่ท่านหัวหน้านางกำนัลบอกว่านี่เป็นโอกาสที่บัลแบดกับซินเดรียอาจจะได้รวมเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้วแท้ๆท่านอาลีบาบาอยู่ไหนกันเนี่ย!
"ท่านโมลเซียน่าข้าฝากรับหน้าราชาซินแบดแทนองค์หญิงไปก่อนนะเพคะ หม่อมฉันคงต้องรีบไปตามองค์หญิงแล้ว"ซินงินพรวดพลาดวิ่งออกไปทันทีที่เห็นราชาซินแบดเดินตรงดิ่งเข้ามา
"ไง โมลเซียน่าทำไมเอาไม้หนีบผ้ามาหนีบจมูกไว้อย่างนั้นล่ะ"
ซินแบดเดินเข้ามาตบบ่าเด็กสาวเฟอนาริสเบาๆแล้วหัวเราะอย่างเป็นมิตร
"เพราะกลิ่นน้ำหอมมันจะทำให้จมูกฉันพังค่ะ"โมลเซียน่าตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉยเหมือนเช่นเคย
"จะว่าไป แล้วอาลีบาบาไปไหนซะล่ะ"
ยังไม่ทันสิ้นเสียงของราชาซินแบด เสียงฮือฮาทางหน้าประตูทางเข้าท้องพระโรงก็ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของอาลีบาบาในชุดกระโปรงยาวสีชมพูอ่อนพริ้วไหวที่ตัดเย็บด้วยผ้าหลายชั้นอย่างซับซ้อนและประณีตตามสไตล์ของเจิดจรัส
"ทำไมองค์หญิงอาลีบาบาถึงได้ไปแต่งชุดของเจิดจรัสได้ล่ะ"
"เดี๋ยวสินี่มันหมายความว่านางยอมก้มหัวให้กับพวกเจิดจรัสงั้นหรอ"
เสียงวิพากย์วิจารณ์ของเหล่าขุนนางดังเซ็งเซ่เป็นกระแสเหมือนไฟลามทุ่ง ทำให้อาลีบาบาไม่กล้าเดินเข้าไปในงาน ส่วนโคเกียคุที่เพิ่งคิดถึงผลกระทบที่จะตามมาก็ยืนหน้าเสียอยู่หน้าทางเข้างาน
"เจิดจรัสกับบัลแบดช่างมีไมตรีแน่นเหนียวอะไรกันขณะนี้ แบบนี้สหพันเจ็ดคาบสมุทรของข้าคงต้องระวังตัวไว้มั่งแล้วสิ สมแล้วที่เป็นองค์หญิงอาลีบาบาช่างมีความสามารถในด้านการทูต"
เสียงของซินแบดดังก้องไปทั่วทั้งท้องพระโรงราวกับตั้งใจ ถึงแม้น้ำเสียงจะดูเหมือนกับพูดหยอกล้อเล่น แต่ทันใดนั้นเองเสียงวิจารณ์ของเหล่าขุนนางก็เงียบกริบ และเปลี่ยนเป็นเห็นด้วยกับความคิดนั้นแทนอย่างหน้าอัศจรรย์ ราวกับราชาแห่งซินเดรียนั้นมีเวทมนต์ในการชักนำจิตใจของผู้คน
ซินแบดเดินเข้ามาหาองค์หญิงอาลีบาบาที่ยืนอยู่หน้างาน แล้วดึงมือคู่เรียวสวยขึ้นมาจุมพิษ
ทักทายเบาๆ
ทักทายเบาๆ
จาฟาลที่ยืนมองไกลๆแอบบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ "นั่นมันมุกหลีหญิงที่งัดมาใช้ประจำชัดๆ"
"เสือผู้หญิงเจ็ดคาบสมุทร"มัสรูลพูดสมทบจาฟาลด้วยอีกคน พลางพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงเห็นด้วย
"งดงามมากอาลีบาบา"
"ขอบคุณมากนะท่านลุงซินแบด กำลังคิดอยู่เลยว่าแต่งชุดแบบนี้เข้ามาจะหาข้ออ้างอะไรดี พอดีเมื่อกี้ชุดของข้ามันมีปัญหานิดหน่อย ดีที่ได้โคเกียคุช่วยเอาไว้"อาลีบาบาเกาแก้มพูดอย่างเก้อเขิล
"ไม่ต้องห่วงหรอก เจ้าใส่อะไรก็สวยทั้งนั้นแหละ" ซินแบดพูดด้วยท่าทีสบายๆ ปล่อยมุกไปพลางหัวเราะไปพลางเพื่อหาโอกาส แต๊ะอั๋งไหล่ของอาลีบาบาอย่างแนบเนียน
"อ่อ ข้าจะพักอยู่ที่นี่อีกพักหนึ่งด้วย ระหว่างนั้นจะช่วยเจ้าฝึกควบคุมภูษาเวทต่อจากคราวที่สอนให้คราวก่อนดีมั้ย?"
"ดีเลย! โคเกียคุเองก็จะมาช่วยสอนด้วย ใช่มั้ยโค..."
อ่าวเมื่อกี้ยังเดินอยู่ข้างหลังเราอยู่เลยนิ
อาลีบาบาหันซ้านหันขวา จนสายตาไปสะดุดเข้ากับออร่าสีชมพูเปล่งประกายของสาวน้อยที่ตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งรักซ่อนอยู่หลังบานประตูท้องพระโรง ก่อนจะรีบไปดึงตัวออกมา แล้วส่งยิ้มแห้งๆ
"มีคนช่วยกันหลายๆคนต้องสนุกกว่าอยู่แล้วเนอะ!"
อาลีบาบากระทุ้งศอกเข้าไปที่เอวของโคเกียคุเบาๆ เรียกสติเจ้าตัวให้กลับเข้าร่าง
"อ่ะ..ใช่ๆ...นั่นสิเนอะ" โคเกียคุหน้าแดงแปร๊ดพลางหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้
"ไม่ได้สิ หลังจะจบงานเลี้ยงแล้วข้าถูกท่านพ่อเรียกตัวกลับเจิดจรัสทันทีนี่นา..."
"อะไรกัน"
อาลีบาบาทำหน้าเสียดายแต่ก็เข้าใจว่าพวกเธอนั้นเป็นถึงเจ้าหญิงจะให้มาเล่นมาคุยกันทุกวันเหมือนเด็กธรรมดาคงเป็นไปไม่ได้
"หน้าเสียดายจริงๆ ข้าอุตส่าห์คิดว่าเราจะได้มีโอกาสทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้อีกซักหน่อย"
ซินแบดหันไปขยิบตายิ้มหวานให้องค์หญิงจากเจิดจรัส ที่ตัวแดงวูบวาบราวกับร่างกายจะระเบิดออกมา
"องค์หญิงทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันแท้ๆซินทำแบบนี้มันจะไม่โหดร้ายไปหน่อยรึไง เขาจะทำสงครามกันก็เพราะอีตานี่เนี่ยแหละ"จาฟาลหันไปบ่นกับมัสรูลที่ยืนโซ้ยอาหารบนโต๊ะจัดเลี้ยงอย่างไม่สนใจใคร
"แต่องค์หญิงทางบัลแบดก็ดูปรกติดีนะ ไม่เห็นมีท่าทีชอบซินแบดขนาดนั้นซะหน่อย"
มัสรูลชี้เปรียบเทียบท่าทางของหญิงสาวทั้งสองที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
"องค์ราชาเสด็จ!!!"
ท้องพระโรงเงียบไปชั่วขณะ เนื่องจากองค์ราชาแห่งบัลแบดเดินขึ้นไปประทับบนบัลลังก์
ก่อนกล่าวอวยพรแก่แขกผู้มาร่วมงาน
มัสรูหุบนิ้วกลับทันทีก่อนเดินไปอยู่ข้างหลังซินแบดเช่นเดียวกับจาฟาลอย่างเงียบๆ
เพราะต่อจากนี้ไปจะเข้าสู่แผนการที่ซินแบดได้ตระเตรียมเอาไว้แล้ว...
องค์ชายอับหมัด องค์ชายลำดับที่หนึ่งแห่งบัลแบดที่พึ่งเดินเข้ามาเองก็ส่งสายตาเหยียดหยามให้กับอาลีบาบาโดยไม่คิดจะลดตัวไปเสวนาด้วยเหมือนเช่นเคย ดวงตามาดร้ายราวกับจะพุดพรายความคิดทั้งหมดที่มีอยู่ในหัวอ้วนๆกลมๆนั้นออกมา
ขนาดหาทางล่อให้ออกวังไป แต่ก็ดันกลับมาได้แถมยังเป็นผู้พิชิตดันเจี้ยนอีก หึ แต่คราวนี้แหละ...
องค์ชายรูปร่างอ้วนเตี้ยยิ้มในใจ
"ก่อนหน้างานเลี้ยง ที่องค์ราชาเรียกฉันเข้าไปพบน่ะ เพราะว่าคืนนี้จะมีการประกาศตัวรัชทายาท
ถึงจะยังไม่เป็นทางการก็เถอะ แต่เขาขอให้ข้ามาเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ด้วยน่ะ" ซินแบดพูดด้วยกระซิบกระซาบข้างๆกับอาลีบาบา
อับหมัดที่อยู่ไม่ไกลนักพอได้ยินคำพูดของซินแบดก็ยิ้มเชิดหน้าชูคออย่างผู้มีชัย
นอกจากองค์ชายลำดับที่หนึ่งผู้มีสายเลือดสูงศักดิ์อย่างเขาแล้วรัชทายาทจะเป็นใครไปได้อีก
คราวนี้แหละที่จะได้เขี่ยน้องสาวนอกไส้นี่ออกไปพ้นๆซะที
"...ข้าขอถือโอกาสที่พวกเรามารวมตัวกันพร้อมหน้า ทั้งขุนนาง คณะทูตจากเจิดจรัส คณะทูตและองค์ราชาจากซินเดรียขอให้เป็นสักขีพยานต่อการตัดสินใจของข้า"องค์ราชาแห่งบัลแบดเว้นช่วง ก่อนจะมีเสียงกระซิบกระซาบดังเซ็งแซ่ทั่วท้องพระโรงบัลแบด
ยิ่งราชาแห่งบัลแบดพูดกระชับเข้าเรื่องมากเท่าไหร่คอสั้นเป็นชั้นๆขององค์ชายอับหมัดก็เหมือนจะยื่นเผยอไปติดกับเพดานท้องพระโรงเสียให้ได้ อีกทั้งยังยิ้มออกนอกหน้าซะจนน่าขนลุก
"อย่างที่รู้กันว่าข้าคงอยู่ได้ไม่นาน...เพราะอย่างนั้นข้าจึงอยากจะฝากอนาคตของบัลแบดไว้กับลูกสาวเพียงคนเดียวของข้า องค์หญิงลำดับที่1 อาลีบาบา ซารูจา"
ท้องพระโรงที่ดังก้องไปด้วยเสียงกระซิบเมื่อกี้นั้นเงียบกริบ เงียบซะจนแม้แต่เข็มตกกระทบกับพื้นก็ยังได้ยินเสียง ทุกสายตาจับจ้องมาที่อาลีบาบาโดยไม่ได้นัดหมาย แม้แต่ซินงินที่พึ่งเดินหอบมาถึงหน้าประตูงานก็ยังถึงกับผงะอ้าปากหวอลืมหายใจ ก่อนจะล้มตึงหงายหลังลงทั้งๆอย่างนั้น
และแม้แต่องค์ชายอับหมัดที่เชื่อมั่นว่าตนเองจะได้รับเลือกอย่างแน่นอนก็ทำสีหน้าราวกับพึ่งโดนตบหน้าฉาดใหญ่ ยังไม่ทันที่จะได้เอื้อนเอ่ยถ้อยคำใดๆ เสียงของราชาแห่งซินเดรียก็แทรกขึ้นมาขจัดความเงียบในท้องพระโรงตัดหน้าองค์ชายอับหมัดที่กำลังจะพูดท้วง
"องค์หญิงรัชทายาท"
ซินแบดคุกเข่าก้มหัวลงต่อหน้าของอาลีบาบาที่ตื่นตะลึงจนทำตัวไม่ถูก รวมทั้งมัสรูและจาฟาลเองก็เช่นกัน
"องค์หญิงรัชทายาท"
โคเคียคุคุกเข่าลง ท่ามกลางความตกใจของคนในท้องพระโรงและผู้ติดตาม
"แม้แต่ราชาผู้พิชิตเจ็ดคาบสมุทรกับองค์หญิงจากเจิดจรัสยังก้มหัวให้เชียวรึ"
เสียงดังซอกแซกดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนเหล่าทหารและขุนนางทั้งหลายจะคุกเข่าลงและเปล่งเสียงอันกึกก้องออกมาพร้อมๆกัน
"องค์หญิงรัชทายาท!"
"องค์หญิงรัชทายาท!"
"องค์หญิงรัชทายาท!"
...นี่มันเรื่องอะไรกัน!!!...
ฉันที่ได้แต่ยืนทำตัวไม่ถูกหันไปมองท่านพี่อับหมัด แต่ก็เห็นเพียงแผ่นหลังที่เดินหายลับออกไปทางประตูเท่านั้น
"แล้วคำตอบของเจ้าล่ะอาลีบาบา ซารูจา"
เสียงอันไม่มั่นคงขององค์ราชาเฒ่าถามด้วยแววตาที่หนักแน่นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
"หากนั่นเป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท หม่อมชั้นก็ขอน้อมรับเพคะ"
องค์ราชาเผยรอยยิ้มอ่อนที่มุมปาก ก่อนที่ซินแบดและคนอื่นๆจะลุกขึ้นแล้วส่งเสียงอวยพรสรรเสริญแก่ว่าที่องค์ราชินีคนใหม่แห่งบัลแบด
อาลีบาบาฝืนยิ้มมองเหล่าผู้คนที่เข้ามาแสดงความยินดี บางคนหยิบยื่นแก้วสุราเลิศรสให้ดื่มฉลอง
บางคนเสนอลูกชายเพื่อหวังว่าวันหน้าจะได้แต่งงานร่วมหอและกลายเป็นผู้ปกครองบัลแบด ภาระหน้าที่ที่อยู่ๆก็ถาโถมเข้าใส่แบบไม่ทันตั้งตัว กับท่าทางที่ไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้
..ฉันน่ะหรอ ผู้ที่จะเป็นราชินีแห่งบัลแบด..
โมลเซียหน้าได้แต่ยืนกินอาหารตามมุมเสาของท้องพระโรงอย่างเงียบสงบ โดยไม่คิดจะเข้าไปรบกวน ถึงแม้จะเป็นผู้ติดตามของอาลีบาบาแต่สำหรับคนที่เคยใช้ชีวิตเป็นทาสมาก่อนนั้นการเข้าไปยืนเคียงข้างองค์หญิงที่ถูกรายล้อมด้วยเหล่าคนชั้นสูงนั้นคงไม่เป็นการเหมาะสม
นั่นเป็นความคิดของโมลเซียหน้าเอง
หากแต่อาลีบาบาในตอนนี้นั้นต้องการคนที่เคยยืนอย่างข้างกายของเธอมาตลอดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
เธอฝืนยิ้มราวกับรอยยิ้มที่เคยงดงามถูกบดขยี้ให้บิดเบี้ยวโดยภาระที่ต้องแบกรับได้เพียงลำพัง...
"ไปยืนข้างๆองค์หญิงเถอะค่ะ ท่านโมลเซียน่า" ซินงินที่พึ่งเดินเข้ามาส่งยิ้มน้อยๆให้สาวเฟอนาริสผมแดง"องค์หญิงจะต้องดีใจแน่ๆ"
"แต่ข้าน่ะ.."
"ท่านน่ะคือผู้ติดตามที่องค์หญิงไว้ใจที่สุด เวลาแบบนี้แหละสมควรที่จะไปยืนอยู่เคียงข้างองค์หญิงที่สุดไม่ใช่หรือคะ" ซินงินพูดก่อนยิ้มอย่างซื่อตรง ราวกับต้องการย้ำเตือนบางอย่าง ก่อนจะผลักแผ่นหลังที่แกร่งเกินหญิงไปข้างหน้าอย่างเบาๆ
"ขอบคุณค่ะ คุณซินงิน"เด็กสาวเฟอนาริสผมแดงส่งรอยยิ้มที่มองแล้วอบอุ่นหัวใจกลับไปยังสาวรับใช้คนใหม่
ประกายแสงยามค่ำคืนลอดผ่านหน้าต่างกระทบกับเรือนผมสีเงินของซินงินจนสะท้อนแสงเป็นประกายราวกับแสงของดวงจันทร์ที่ส่องแสงนำทางเด็กหลงในคืนที่มืดสนิท
ผู้ติดตามที่ได้ลืมหน้าที่ของตนเองไปนั้น กลับไปเคียงข้างเทพธิดาผมทองที่ได้ลืมรอยยิ้มของตัวเองอีกครั้ง คอยย้ำเตือนดั่งกระจกที่สะท้อนซึ่งกันและกัน เพื่อไม่ให้หลงลืมตัวตนของตัวเอง...
"เป็นแบบนี้ดีแล้วสินะ" เสียงของซินงินลอยหายไปกับสายลมนอกหน้าต่างของงานเลี้ยงอย่าง
แผ่วเบา
ไม่มีความสุขใดจะยั่งยืนตลอดไป ตัวข้านั้นรู้ดีอยู่แก่ใจ...
ตัวข้านั้นเป็นเพียงจิ้งจอกจอมละโมม ที่คิดแต่จะตักตวงผลแห่งความสุขจากโชคชะตา...
ถึงกระนั้นข้าเองก็ยังคงปารถนาถึงอนาคตของเธอผู้นั้นอย่างไม่จบสิ้น...
☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น