แสงสีทองที่ขับขานผ่านห้วงเวลาแห่งอดีต
แบกรับพันธกิจแห่งอนาคตไว้ด้วยอุดมคติต้องสาป
"เอกซ์คาลิเบอร์"
"มีดของแม่มดแห่งท้องทะเล"
คนตัวเล็กมองมีดสีเงินที่วาว เทียบรูปวาดในหนังสือเล่มใหญ่ ลักษณะรายละเอียดของมันแกะออกมาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน ดวงตากลมโตของเด็กชายมองสีหน้าของพี่ชายอย่างไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์ของพี่ชายตนเองนัก
"อาลีบาบาซ่อนมันไว้ในชุดแต่งงาน" เสียงทุ้มเอ่ยอย่างเรียบๆ ท่าทางของเขากลับไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก เรื่องที่เมื่อคืนนี้เกือบจะเป็นศพคาห้องหอ
"เลยรีบไปซินเดรีย เพราะศรีภรรยาเกลียดขี้หน้าสินะ" โคเมย์บ่นพึมพำ ก่อนที่จะโดนน้องชายตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆกระทุ้งศอกใส่
"ท่านพี่อย่าเพิ่งน้อยใจไปเลยนะ ข้าว่ามันต้องเป็นแผนของเข้าภูติแมลงปอที่มาจากบัลแบดนั่น! อาลีบาบาเขาไม่ได้เกลียดท่านพี่หรอกนะ"
"เจ้าก็พูดได้หนิโคฮา คู่นอนเจ้าไม่ได้ซ่อนมีดเอาไว้ใต้หมอนตอนที่เจ้าลุกไปถอดเสื้อนี่" คนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเค้นยิ้มออกมาราวกับประชด ก่อนจะเก็บมีดเข้าหีบไม้มิดชิด
"พี่เอนคือว่านะ.. ความจริงแล้วอาลีบาบาเขา…"
.
.
.
"จะ..เจ็บ! โมลเซียน่าเบาๆหน่อย"
ภูติสีทองตัวเล็กโวยขึ้นทั้งน้ำตาในขณะที่สาวน้อยหมาป่าที่เมื่อวานนี้หายตัวไปทั้งวันกำลังเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้อยู่บนเตียงที่มีแต่ดอกไม้เต็มไปหมด
"ตรงนั้นมัน ขะ ข้าทำเอง อ๊าา เจ็บบบบ"
"ไม่มีแรงก็นอนต่อไปนิ่งๆเถอะค่ะ" เด็กสาวตัวเล็กถอนหายใจก่อนจะใช้ผ้าขนหนูซับน้ำอุ่นๆเช็ดทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมของร่างกายเย้ายวนที่เต็มไปด้วยรอยแดงจ้ำสีกุหลาบและรอยฟันขบกัดอย่างเงียบๆ
"มะ โมล เจ้าไม่ต้อง ทำความสะอาดเข้าไปลึกขนาดนั้น!" คนตัวบางเอามือปิดใบหน้าแดงฉ่าแน่น ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอเรื่องหน้าอายเท่านี้มาก่อน แถมเด็กสาวตรงหน้าเขาก็ยังทำหน้าตายเช็ดตรงส่วนที่มีของเหลวขุ่นไหลเยิ้มออกมาด้วยสายตาเรียบเฉย
"ถ้าไม่รีบทำความสะอาดทายามันจะยุ่งเอานะคะ"
เด็กสาวหมาป่ามองรอยช้ำตามที่ต่างๆก่อนจะส่ายหัวน้อยๆอย่างหนักใจ โดยปรกติแล้วเธอไม่มีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของเหล่าผู้เป็นนายหรอกนะ แต่ว่านี่มันจะไม่มากไปหน่อยหรอ? ตั้งแต่หัวค่ำยันเช้าแบบนี้มีที่ไหนกัน!?
เหมือนจะรู้แล้วว่าทำไมพวกกุยถึงโดนสาปให้กำเนิดลูกได้ยากเย็นนัก...
"มะ โมลเซียน่า อะ เอววววว เอวข้าจะหักแล้ว!"
"อีกแปปเดียวก็จะเสร็จแล้วอดทนหน่อยๆนะคะ"
"อ้ากกกกกก"
อาลีบาบาจิกทึ้งผ้าห่มอย่างสุดแรงเมื่อผู้ติดตามคนสนิทกำลังเอายาป้ายตรงส่วนที่เป็นแผลช้ำ แถมยังล้วงลึกเข้ามาอย่างไม่ปราณี
"มะ โมลเซียน่า!!!"
"เสร็จแล้วค่ะ"
คนตัวเล็กละมือก่อนจะเก็บถาดยา ผ้าและน้ำอุ่นออกไปเก็บ ก่อนจะกลับมาพร้อมกับเสื้อตัวบางหลวมๆสีครีมที่ให้สัมผัสนวลราวกับกลีบของดอกส้ม ค่อยๆจับคนที่นอนครวญครางขึ้นมาแต่งตัวให้เรียบร้อย ดวงหน้าหวานสวยทำหน้ามุ่ยไปพลางถอนหายใจไปพลางระหว่างที่กำลังถูกจับแต่งตัว จนโมลเซียน่ารู้สึกได้ว่าคงจะต้องออกปากถามซักหน่อย
"เป็นอะไรไปคะ"
คนที่ถูกถามอ้ำอึ้งอยู่ซักพัก ก่อนจะถามออกมาด้วยเสียงแผ่วๆ
"เจ้าว่าโคเอนเขาจะ...เกลียดข้ามั้ย?"
"เกลียด? เรื่องนั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ"
"ละ แล้วถ้าสมมุตินะ สมมุติว่าข้าซ่อนมีดเอาไว้ในหมอน แบบว่าข้าไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเขาหรอกนะ.."
โมลเซียน่ามองท่าทีลนลานอย่างจับพิรุธได้ไม่ยากนักของผู้เป็นนายก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น นี่หมายความว่าเขาทำลงไปจริงๆใช่มั้ย!?
"นี่ท่านจะบอกว่า..."
"ปะ เปล่านะ ข้าไม่ได้ทำอะไร แบบว่าสมมุติว่าข้าตื่นมาแล้วมีดมันหายไปหาไม่เจอ เอ่อ..แบบว่า.."
"ท่านโคเอนเอามีดของท่านไปแล้ว?"
'ให้ตายสิ'
ดวงตาคมหรี่ตาก่อนหางฟูฟ่องจะแกว่งไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย นี่มันเรื่องอะไรกันอีกล่ะเนี่ย
"ท่านก็เลยนอนถอนหายใจอยู่บนเตียงอยู่อย่างนี้?"
ใบหน้าจ๋อยพยักหน้าหงึกหงักเบาๆอย่างรู้สึกผิด
"ก็บัลคาร์กเขาให้ข้าไว้นี่นา.. โคเอนคงต้องเกลียดขี้หน้าข้าแล้วแน่ๆ ข้าได้ยินว่าหลังจากงานแต่งเขาจะออกเดินทางไปที่ซินเดรีย" อาลีบาบาเอาหน้าซุกหมอนถูไปถูมา ถึงจะบอกไปว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดเอาป่านนี้ก็คงไม่ได้แล้วด้วย
"นั่นมันก็อาจจะเป็นเรื่องงานก็ได้นี่คะ ท่านโคเอนเป็นสมาชิกสภาระดับสูง งานยุ่งก็ไม่แปลก"
"แล้วข้าก็ยังไม่ได้บอกเรื่องที่ตัวเองความจำเสื่อมเลยยย ฮือออ"
โมลเซียน่าหัวเราะออกมาน้อยๆ เรียกคนที่เอาหน้าถูหมอนให้หันไปมองแก้มป่อง
"น่าแปลกนะคะ ที่อยู่ๆท่านอาลีบาบาก็เป็นห่วงเรื่องของเขาคนนั้นขึ้นมา"
"ข้าไม่ได้ห่วง! ว่าแต่เจ้านั่นแหละเมื่อวานนี้หายไปไหนมาทั้งวัน" คนบนเตียงพูดด้วยใบหน้าหน้าแดงก่ำ ก่อนจะชวนเปลี่ยนเรื่องทันที
"ข้าเป็นหมาป่านะคะ วันมหาจันทราก็ต้องไปวิ่งเล่นอาบแสงจันทร์อยู่แล้ว เป็นสัญชาตญาณโดยธรรมชาติที่ขัดขืนไม่ได้น่ะค่ะ"
'อ่า.. นั่นสินะ โมลเซียน่าเป็นหมาป่านี่นา'
ภูติสีทองเอามือลูบหูตั้งที่มีขนฟูนุ่มเบาๆอย่างเพลินมือ
"หูเจ้านุ่มนิ่มจัง"
"ข้าไม่ใช่หมาบ้านนะคะ"
เด็กสาวผมแดงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยติดกระด้าง แต่พวงแก้มน้อยๆทั้งสองข้างกลับแดงเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย "ข้าจะลงไปเก็บถาดอาหารแล้ว อยากจะได้อะไรเพิ่มอีกมั้ยคะ?"
"อือ..น้ำที่อุ่นๆ หอมๆมันๆ สีน้ำตาลอ่อนๆ หวานๆ ขมนิดๆ"
"..........."
'หวานๆ ขมๆ มันๆ หอมๆ สีน้ำตาลอ่อน?'
"อยู่ในแก้วกระเบื้องสีขาวทรงเหมือนดอกลิลลี่ระฆังที่วางบนจานอ้าาา แล้วก็มีกลิ่นเหมือนผิวมะกรูดกับผิวส้มนิดๆ"
".........."
โมลเซียน่านิ่งไปครู่หนึ่งพยายามจินตนาการภาพตามสิ่งที่อาลีบาบาพูด ก่อนจะมีคำว่า 'อะไรฟะนั่น?' ตัวใหญ่เป้งแปะติดอยู่กลางหน้าผาก
"ชานมน่ะ" เสียงทุ้มอันคุ้นหูของปีกที่3แห่งฟากฟ้าตะวันออกดังขึ้น "เจ้านายเจ้ากำลังหมายถึงชานม" คนตัวใหญ่เดินเข้าห้องมาอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะส่งสายตาไล่ให้หมาป่าสีแดงลุกออกไปจัดการธุระของตัวเองซะเรียบร้อย
ทันทีที่ประตูปิดลง คนตัวใหญ่ก็เดินเข้ามานั่งข้างๆเตียงทันที ในขณะที่อาลีบาบาเขยิบตัวถอยออกไปเล็กน้อยอย่างรู้สึกหวาดๆ เขามั่นใจว่าโคเอนคงจับพิรุธได้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วแน่ๆ
"รู้สึกดีขึ้นรึยัง"
"อะ..อือ"
ดวงหน้าสวยก้มหน้างุดไม่กล้ามองตาเหมือนเด็กน้อยที่ทำผิดแล้วโดนจับได้
"โคฮาบอกข้าแล้วเรื่องที่เจ้าความจำเสื่อม ข้าเลยคิดว่า.."
"คะ คือข้า ไม่ได้… ข้า..ขอเวลาซักหน่อยก็คิดว่าน่าจะจำได้...เพราะงั้น.." คนตัวเล็กยังคงก้มหน้าด้วยพวงแก้มที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงเรื่อ "เจ้าจะไม่..โกรธข้าใช่มั้ย?"
ในขณะที่ภูติตัวน้อยกำลังอ้ำอึ้งด้วยท่าทางที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูนั้นเองไหล่บางก็ถูกคว้าเอาไปกอดแน่น แม้คนตัวบางจะสะดุ้งตกใจแต่ก็กลับรู้สึกโล่งใจในเวลาเดียวกัน ที่โคเอนดูจะไม่ได้โกรธอะไรเขามากนัก ทั้งเรื่องมีดนั่นด้วย
"ไม่หรอก เจ้าลืมมันไปซะให้หมดๆน่ะดีแล้ว"
อาลีบาบาขมวดคิ้วจนพันกันยุ่ง หลังจากที่ได้ยินคำพูดนั้น
"ลืมหรอ? ทั้งที่เจ้าอุตส่าห์พยายามทำอะไรตั้งมากมายขนาดนั้น แต่ข้ากลับจำอะไรไม่ได้เลย...เรื่องของเจ้ากับข้า เรื่องที่เคยอยู่ด้วยกันที่เจิดจรัส หรือเรื่องเมื่อก่อนของเจ้า"
คนตัวเล็กๆค่อยๆถูกผละออกจากอ้อมอกช้าๆ ก่อนที่จะสบเข้ากับดวงตาสีทับทิมหนักแน่นที่ชวนให้ใบหน้าร้อนวูบวาบ
"ในสายตาเจ้าตอนนี้ข้าเป็นยังไง ดูเป็นสามีที่ดีของเจ้ารึเปล่า?"
"กะ ก็ดูเป็นคนดี แล้วก็ช่างเอาใจ..ล่ะมั้ง"
แก้วตาสีทองมองล่อกแล่กไปมาอย่างไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกว้าวุ่นใจนี้ยังไงดี ก่อนที่คนตรงหน้าจะคลี่ยิ้มที่ดูพึงพอใจกับคำตอบนั้นออกมา
"งั้นก็ดี ลืมเรื่องผู้ชายนิสัยแย่ๆคนนั้นไปซะ ต่อไปนี้เจ้ามองแค่สามีช่างเอาใจตรงหน้าเจ้าก็พอ"
ผิวสีน้ำนมกระจ่างของภูติสีทองตัวน้อยผลันเปลี่ยนเป็นสีแดงซ่านเหมือนมะเขือเทศ ใบหน้าสวยมองเจ้าของรอยยิ้มก่อนจะตอบกลับไปด้วยเสียงอู้อี้
"จะ ให้ข้ามองแต่เจ้าทั้งวันทั้งคืนได้ยังไง.."
"แต่เมื่อวานนี้เจ้าก็ทำมาแล้วนี่"
โคเอนยิ้มอย่างขี้แกล้งก่อนจะก้มลงประทับจูบเบาบางลงบนกระหม่อมน้อยๆของคนที่ตัวแดงวูบวาบเหมือนระเบิดเวลาที่ใกล้จะระเบิดตู้มออกมา "หึหึ เจ้าแบบที่สงบเสงี่ยมเรียบร้อยแบบนี้ก็ดูน่ารักดีเหมือนกัน"
คนที่เขินหน้าแดงแอบทำแก้มป่องน้อยๆดูน่ารักเกินอายุก่อนมองหน้าคนตัวใหญ่กลับไปด้วยสายตาที่ดูเว้าวอนออดอ้อน "แล้ว..เมื่อก่อนข้าไม่น่ารักหรอ?"
"เมื่อก่อนก็น่ารัก แต่แผลงฤทธิ์เยอะไปหน่อยน่ะ" โคเอนหัวเราะเบาๆ ก่อนจะดึงภูติตัวบางขึ้นมานั่งกอดบนตักอย่างอดใจไม่ไหว ก่อนจะสังเกตเห็นใบหน้าที่ข่มกลั้นความรู้สึกเจ็บพร้อมกับเสียงครางบ่นเล็กๆเอาไว้ในลำคอของคนบนตัก
"ยังเจ็บอยู่หรอ?"
"เพราะใครกันล่ะ!" อาลีบาบาทำตาเขียวใส่กุยหนุ่มตัวใหญ่เจ้าของรอยยิ้มขี้แกล้ง แทบจะแยกเขี้ยวกระโดดกัดคอ "หลังข้า สะโพกข้าร้าวระบมไปหมด จนข้าเกือบคิดว่าตัวเองจะต้องพิการไปตลอดชีวิตเลยนะ!"
"ไร้สาระน่า พูดหยั่งกับว่าเจ้าพึ่งเคยทำครั้งแรกอย่างนั้นแหละ" ใบหน้าเรียวก้มลงซุกไซร้ซอกคอหอมอันเต็มไปด้วยรอยแดงจ้ำที่เขาทำเอาไว้เมื่อคืนเต็มไปหมด ก่อนจะถอนหายใจรดลงบนผิวเนียนสวย "มะรืนนี้ข้ามีธุระต้องไปทำที่ซินเดรีย เจ้ากลับไปรอข้าที่เจิดจรัสก่อนนะ"
"มะรืนนี้เลยหรอ? อ่ะ..ดะ เดี๋ยวสิ"
อาลีบาบาเริ่มที่จะปัดป่ายมือที่เริ่มจะซุกซนของโคเอนออก ก่อนจะผลักใบหน้าที่ฝังลงบนคอตัวเองให้ออกไปห่างๆ "คิดจะทำอะไรน่ะห๊าาา"
"ก็เปล่านี่ ข้าก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรกับเจ้าซะหน่อย"
โคเอนพูดหน้าตายในขณะที่มือเล็กๆของคนบนตักพยายามดันตัวออกห่างจากเขา
"แต่แววตาเจ้ามันไม่ได้บอกแบบนั้น ออกไปเลยนะ!" ภูติสีทองตัวน้อยนิ่วหน้า หลังจากอาการระบมเมื่อวานยังคงตามมารุมเร้าไม่หาย ก่อนโคเอนจะแอบทำเสียงหึไม่พอใจในลำคอเบาๆ แล้วยอมลุกออกไปแต่โดยดี พอดีกับที่โมลเซียน่ายกถาดและถ้วยน้ำชามาถึงห้อง
"วางไว้ตรงนั้นแหละเดี๋ยวข้าจัดการต่อเอง"
"เข้าใจแล้วค่ะ"
โมลเซียน่าแม้จะกระดิกหูอย่างแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็ทำตามคำสั่งของโคเอนแต่โดยดีแล้วเดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้ากังวลใจเล็กน้อย ก่อนจะนึกถึงหลักที่ยึดถือกันมาอย่างเคร่งครัดของผู้เป็นบ่าวขึ้นมาได้ จึงรีบดับความคิดที่ผุดขึ้นในใจโดยทันที
'เป็นบ่าวจะตั้งคำถามต่อตัวเจ้านายไม่ได้'
. . . . .
คนตัวใหญ่เดินไปที่บานประตูก่อนจะหมุนตัวล็อคลงกลอนประตูให้เรียบร้อย โดยขณะที่คนบนเตียงยังคงให้ความสนใจกับชานมอุ่นๆและเมอแรงค์อัลมอนด์สีสวยในโถแก้วคริสตัลสีใส
"จนกว่าจะถึงมะรืนนี้ข้าจะคอยดูแลเจ้าเอง"
"แอ้วเอ้าไอ่อีอาน อ้องไออำอ๋อ"
(แล้วเจ้าไม่มีงานต้องไปทำหรอ)
อาลีบาบาหันมาพูดแก้มตุ่ยเหมือนกระรอกที่เก็บถั่วเอาไว้ในกระพุ้งแก้ม อีกทั้งในมือเล็กๆก็ยังถือเจ้าเมอแรงค์ชิ้นเล็กๆเอาไว้เป็นกอบเป็นกำ ราวกับว่ากำลังเอนจอยอิ๊ดติ้งมากๆ
"งั้นเจ้าไม่อยากกินนี่สินะ"
โคเอนยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนในมือจะปรากกฏสิ่งของบางอย่างที่อาลีบาบาไม่เคยเห็นมาก่อน คนที่อยู่บนเตียงทำตาลุกวาวก่อนจะคลานมาหยุดตรงขอบเตียงเพื่อที่จะมองเจ้าสิ่งกลมๆเหมือนไข่อีสเตอร์ มีหลากหลายสี หลากหลายลวดลายในตะกร้าเล็กๆที่โคเอนถือเอาไว้ในมือได้อย่างถนัดตา
ท่าทางไร้เดียงสาที่ราวกับเด็กน้อยที่เห็นแม่ซื้อของเล่นใหม่ติดมือกลับบ้านมานั้นของอาลีบาบาทำให้โคเอนกระตุกยิ้มเย็นยะเยือกราวกับปีศาจที่กำลังหลอกล่อลูกแกะน้อยให้หลงทาง
"กาชาปองช็อกโกแลต เป็นไข่ช็อกโกแลตเวทมนต์ที่ข้างในจะใส่ขนมที่เจ้าไม่เคยกินมาก่อนเอาไว้ น่าสนุกใช่มั้ยล่ะ หึหึหึ" คนตัวสูงหัวเราะเสียงต่ำ ใบหน้าและแววตามีแต่คำว่าน่าสงสัยเขียนแปะเต็มไปหมด
"ขนมที่ข้าไม่เคยกินมาก่อนหรอ เอาสิๆ ข้าอยากกิน!"
...ติดกับอย่างง่ายดาย…
.
.
.
รุ่งสาง วันสีทอร์ควอยส์
จูดัลมองคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่กอดร่ำลากันกระหนุงกระหนิงไม่เลิกซักทีอย่างหมั่นไส้อยู่อีกฟากหนึ่งของราชรถที่เทียมด้วยเพกาซัสตัวใหญ่สีขาวเจ็ดตัว ก่อนจะเดินตามฮาคุริวเข้าไปในราชรถคันใหญ่
'หวานกันจริงๆโว้ยยยยยยยย ลำไย!!'
"พอเจ้าไปถึงวังแล้ว ติดต่อมาหาข้าทันทีเลยรู้มั้ย"
"อือ.."
คนตัวเล็กปิดตาครู่หนึ่งเมื่อ โคเอนก้มลงจุ๊บเหม่งน้อยๆของตน ก่อนจะเลื่อนลงมาหอมแก้มน่ารักสีชมพูหวานทั้งสองข้างฟอดใหญ่อย่างไม่แคร์สายตาพี่น้อง
"ไปได้แล้วม้างงง โคเอนเจ้าจะไปทำงานนะ ไม่ได้ไปออกรบ!"
ฮาคุเรนเท้าสะเอวแซวก่อนจะโดนฮาคุยูที่ก้าวขาขึ้นรถไปแล้วครึ่งหนึ่งเอื้อมมือเป็นแม่นาคมาคว้าคอเสื้อลอยหายปิ้วเข้าไปในราชรถคันงาม
"แล้ว..เจ้าจะไปนานมั้ย?"
"ไม่ทำให้เจ้าต้องคิดถึงข้านานหรอกน่า"
ใบหน้าคมยิ้มอย่างขี้แกล้ง โดยที่ไม่ทันตั้งตัวนั้นเองภูติตัวน้อยก็เขย่งปลายเท้าจนสุดจุ๊บเข้าที่มุมปากของคนตัวสูงเบาๆ จนดวงตาสีทับทิมนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง
"รีบไปรีบกลับล่ะ"
คนตัวบางพูดเสียงอู้อี้อยู่ในลำคออย่างเขินอาย ใบหน้าเรียวสวยแดงแปร๊ดเป็นผลตำลึงสุกดูน่าเอ็นดู ก่อนที่โคเอนจะก้มลงมากระซิบข้างหูแหลมๆนั่นเบาๆ
"แทบจะรอไม่ไหวเลยล่ะ"
โคเอนกระตุกยิ้มด้วยนัยน์ตามันวาว ก่อนจะโดนมือเล็กผลักให้ออกห่างไปเบาๆ ขืนเป็นแบบนี้พวกเขาคงจะไม่ได้แยกย้ายกันซักทีแน่ๆ
"รีบๆไปได้แล้วน่า"
โคเอนเดินขึ้นรถไปก่อนจะหันมายิ้มให้กับศรีภรรยาคนงามที่โบกมือไล่เขาอยู่กลายๆ จนกระทั่งรถเคลื่อนออกไปไกลจนมองเห็นแต่เพียงเงาเมฆ ระหว่างการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลอันแสนไกลมือคู่ใหญ่ก็หยิบหนังสือสองสามเล่มที่หยิบติดมือมาตอนแอบเข้าไปในหอสมุดต้องห้ามเพียงลำพังในคืนนั้นขึ้นมาเปิดเล่น เล่มหนึ่งเป็นสมุดเล่มหนาที่ครึ่งหนึ่งเขียนด้วยหมึกและอีกครึ่งที่เหลือถูกเขียนด้วยอะไรซักอย่างที่มีกลิ่นเหมือนกับลูกเบอร์รี่
'ที่แรกคิดว่าจะเป็นบันทึกประจำวันซะอีก เป็นนิยายหรอกหรอ?'
โคเอนอ่านชื่อและตัวละครอันไม่คุ้นเคยอย่างสนอกสนใจ ก่อนจะพลิกหน้าสมุดอ่านไปทีละหน้าฆ่าเวลาระหว่างเดินทาง
...เคยมีตำนานของเพลลูมกล่าวไว้ว่า เมื่อครั้งก่อนเทพธิดาในวัยเยาว์ได้ตกหลุมรักกับวิหคเพลิง เมื่อเทพลามุชบิดาของเทพธิดาล่วงรู้เข้า จึงจับเธอขังเอาไว้ในหอคอยห่างไกลอีกฟากหนึ่งของดวงดาวที่ที่วิหคเพลิงจะไม่สามารถตามมาถึง
ภูติสีทองข้ารองบาทอันซื่อสัตย์ของเทพธิดาได้รู้สึกสงสารเทพธิดาผู้โศกเศร้า จึงได้ช่วยเธอหลบหนีออกจากหอคอย พาเทพธิดาบินข้ามผ่านหมู่ดาวและท้องฟ้าสามสี เพื่อให้คู่รักทั้งสองได้พบกันในที่สุด แต่ถึงกระนั้นเทพลามุชก็ยังคงไม่อาจยอมรับให้ลูกสาวคนโปรดตกไปเป็นเจ้าสาวของเทพอสูรวิหคเพลิงได้ ความโกรธเกรี้ยวของลามุชจึงก่อให้เกิดสงครามครั้งใหญ่ เทพทั้ง5ก่อสงครามอันยาวนาน ก่อนจะจบลงด้วยความปราชัยของวิหคเพลิงที่ถูกช่วงชิงหัวใจแห่งความอมตะ และภูติสีทองที่สูญเสียปีกอันเรืองรองไป…
"ก็เขียนออกมาใช้ได้นี่นา…"
โคเอนพลิกอ่านไปจนกระทั่งจบเล่ม จากนั้นจึงหยิบหนังสือประวัติศาสตร์อีกสองสามเล่มขึ้นมาอ่านต่อ ก่อนจะต้องสะดุดกับชื่อบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์และชื่อเทพองค์ต่างๆที่เขาไม่คุ้นเคยเลยแม้แต่น้อย เรียวนิ้วยาวพลิกแล้วพลิกอีก ทั้งที่ปกรูปเล่มก็เหมือนกับหนังสือที่เขามีอยู่แท้ๆแต่เนื้อหาด้านในกลับมีแต่สิ่งที่เขาไม่เคยอ่านเจอมาก่อน อีกทั้งชื่อตัวละครยังเหมือนกับในนิยายที่อาลีบาบาเขียนไว้เป๊ะๆ
"ลาชิน่า ลามุช วิหคเพลิง?"
ไม่มีบรรทัดไหนที่กล่าวถึงสงครามโบราณระหว่างอัลซาแมนหรือเทพโซโลมอนแม้แต่น้อย หรือแม้กระทั่งอวตารแห่งโซโลมอนมหาเทพอาลาดินก็ไม่มีบันทึกเอาไว้ จนโคเอนรู้สึกได้ถึงกลิ่นแปลกๆโชยหึ่งออกมาเต็มไปหมด ถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของอาลีบาบาและบางอย่าง บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับวิหารศักดิ์สิทธิ์
...แต่มันคืออะไร?...
มือใหญ่เปิดเช็คหนังสือเล่มที่เหลือดูให้แน่ใจอย่างไม่รอช้า เขาอ่านทุกหน้า ทุกบรรทัด ทุกตัวอักษรในขณะที่อีกมือหนึ่งก็ขีดเขียนปากกาขนนกลงบนกระดาษสีขาวสะอาดตาจนมันเปรอะไปด้วยหมึกสีเข้ม ก่อนจะวางปากกาขนนกลง
"ไม่ว่าจะเล่มไหนก็มีแต่เรื่องโกหกทั้งนั้น"
กริ๊งงงงง กริ๊งงงงง กริ๊งงงงง
ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรมากเสียงเรียกเข้าจากโทรตับในกระเป๋าสูทตัวงามก็ดังขึ้น...
มือใหญ่คว้าเจ้าเครื่องอุปกรณ์สื่อสารอันเล็กเมื่อเทียบกับขนาดมือของตนออกมา ก่อนที่หน้าจอแก้วจะปรากฏชื่อของเลขหมายปลายทางเป็นชื่อของน้องสาวคนสุดท้อง 'โคเกียคุ' ที่กดคอลแบบวิติโอมา ปลายนิ้วแตะปุ่มกดรับสายเบาๆก่อนเสียงอันสดชื่นร่าเริงของเด็กสาวจะดังขึ้นทะลุตำโพง
"ท่านพี่!! ตอนนี้พวกเราถึงแล้วนะคะ!" ภาพของเด็กสาวตัวเล็กผมสีแดงเข้มโบกมืออย่างร่าเริงในจอแก้ว ก่อนที่มันจะสั่นไหวไปมาจนหน้ามึนหัว "เดี๋ยวสิ อาลีบาบาจัง มายืนตรงนี้ แบบนี้พี่เอนเขาจะเห็นเจ้าได้ไงเล่า!"
โคเอนยิ้มมองภาพของคนตัวบางที่ถูกลากมาอยู่หน้าตล้องอย่างอายๆ
"จริงสิอาลีบาบา เจ้าลองไปเจอพวกกาคุกินกับเซย์ชูรึยัง พวกเขาน่าจะตกใจนะ"
"ใครหรอ?"
ใบหน้าน่ารักเอียงคอถามกลับมาอย่างสงสัย ก่อนที่โคเอนจะเอามือกุมขมับเล็กน้อยเหมือนกับว่าลืมเรื่องบางอย่างไปเสียสนิท
"อ่า จริงสิข้าลืมไปเลย เอาเป็นว่าเดี๋ยวให้โคเกียคุแนะนำให้แล้วกันนะ พักผ่อนเยอะๆเข้าใจมั้ย"
"อะ อือ เจ้าก็ด้วย"
คนจากปลายสายพูดอย่างเขินๆ
"เดี๋ยวข้าจะถึงแล้วซินเดรียแล้ว กลับถึงเจิดจรัสเมื่อไหร่คงได้เจอกัน"
โคเอนยิ้มก่อนจะกดวางสายไปเมื่อมาถึงสถานที่ที่ถูกนัดเอาไว้ คนตัวสูงเดินลงมาจากราชรถคันงามก่อนจะพบกับชายหนุ่มผมสีเงินผู้มีใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตรกับใบหน้าที่มีกระขึ้นเล็กน้อยออกมาต้อนรับ
"ท่านเรน โคเอน ราชาซินแบดกำลังรอพบอยู่ที่วังเก่า เชิญทางนี้เลยขอรับ" ชายหนุ่มตัวสูงเพรียวดูคล่องแคล่วผายมือเชิญชวนให้เดินตามเข้าไปในพระราชวังโอ่โถงที่รายล้อมด้วยเมืองที่เป็นสิ่งก่อสร้างสูงใหญ่ทันสมัย
ชายหนุ่มผมสีเงินพาเขาเดินมาถึงห้องรับแขกห้องใหญ่ ที่ที่เจ้าของจดหมายประทับตราสารสีน้ำเงินกำลังนั่งเอนหลังอ่านเอกสารงานอย่างสบายใจ ก่อนที่เลขาเจ้าของรอยยิ้มน่ารักจะปล่อยให้ทั้งสองอยู่เพียงลำพังในห้อง
"ไง โคเอน ไม่ได้เจอกันนานเท่าไหร่แล้วล่ะเนี่ย" ชายหนุ่มแก้วตาสีอำพันยิ้มทักทายพลางผายมือเชิญชวนให้แขกที่เพิ่งมาถึงนั่งตามสบายอย่างเป็นกันเอง
"ประชุมสภาถอดยศข้าครั้งก่อน"
"จริงสิ ไม่กี่วันก่อนเจ้าจัดงานแต่งนี่นะ"
"ข่าวไปไวดีนะ"
คนตัวสูงที่อยู่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะตอบกลับห้วนๆนั่งหลังตรงแด่ววางมาดทุกกระเบียดนิ้ว ในขณะที่ซินแบดพูดไปยิ้มไป ด้วยท่าทีสบายๆ
"อุตส่าห์นึกว่าเจ้าจะทำใจได้แล้วซะอีก ที่ไหนได้…อะไรที่ทำให้เจ้ายึดติดกับคู่หมั้นเก่าของข้าขนาดนั้นกัน" ใบหน้าหน้ายิ้มเรียบๆภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์สีอำพันมองสีหน้าอันเรียบนิ่งของคนตัวสูงตรงหน้าอย่างจิกกัด
"ไม่คิดว่างานอดิเรกเจ้ามันแย่ไปหรอซินแบด แอบฟังข้าคุยโทรตับกับฮันนี่แบบนี้"
'พรวดดดดดดดด'
ราชาแห่งฟากฟ้าตะวันตกถึงกับพ่นกาแฟในแก้วออกมาจนหมด
ดะ เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เจ้าหน้าตายไร้อารมณ์ตาเป็นปลาตายนี่มันพูดว่า ฮันนี่!!! ร้อยวันพันปีก็เป็นผู้ชายหยาบๆกระด้างๆ นี่การแต่งงานมันทำให้เจ้าเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยหรอ!!!
"แค่กๆๆ"
ซินแบดสำลักกาแฟเล็กน้อย กับคำพูดที่ช่างแสนจะขัดกับท่าทางบุคลิกของคนตรงหน้าก่อนจะปรับท่าทางตัวเองให้กลับมาเป็นปรกติ
"ข้าคิดว่าเจ้าหาวิญญาณมาใส่ในร่างนั่นไม่ได้ซะอีก"
"หึ ก็นะ อย่างเจ้าเห็นไปนั่นแหละ"
กุยผมแดงกระตุกยิ้มมุมปากอย่างไม่แยแส ราวกับเขาไม่ได้จริงจังกับการตอบคำถามเท่าไหร่นัก เพราะก็รู้ๆอยู่ว่าคนตรงหน้าคงรู้คำตอบอยู่แล้ว เพราะงี้ไงเขาถึงได้ชอบใช้จดหมายมากกว่าส่งตีเมล ส่งไตน์
"ไม่มีความทรงจำสินะ... เฮ้อ คนอย่างเจ้านี่มันยึดติดเกินไปจริงๆ คิดจะกอดของปลอมๆนั่นไปตลอดรึไง"
"พูดไม่ดูตัวเองเลยนะ ตุ๊กตาตัวเมื่อกี้เจ้าก็นอนกอดมันทุกคืนแท้ๆ อะไรที่ทำให้เจ้ายึดติดกับมนุษย์ธรรมดาขนาดนั้นกัน ถ้าให้ข้าเดา...ตายในสงครามครั้งสุดท้ายล่ะสิใช่มั้ย?" โคเอนยังคงทำหน้าไม่แยแสต่ออะไรต่อมิอะไรเช่นเคยในขณะที่ตัวเองพูดย้อนคำพูดของซินแบดกลับไปอย่างเจ็บแสบ เขารู้ดี เพราะว่าเขาเองก็อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วย วันที่เลขาผมเงินคนนั้นของราชาแห่งฟากฟ้าตะวันตกตายในสนามรบ…
"ฮ่ะๆ เจ้านี่ยังเป็นคนที่พูดด้วยยากเหมือนเดิมเลยนะ....สมแล้วที่เจ้ากับข้าต่างก็มีอะไรพิเศษๆเหมือนๆกัน" ราชาหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์เท้าคางมองชายหนุ่มท่าทางเงียบขรึมตรงหน้า "จะเก็บซ่อนมันไปอีกนานเท่าไหร่? เอาแต่หลบอยู่ใต้ปีกของฮาคุยูไม่กล้าที่จะแสดงมันออกมาล่ะสินะ"
"กลัวว่าพวกเขาจะรังเกียจเจ้าหรอ?"
ซินแบดยิ้มสบายๆในขณะที่ดวงตาของเขากำลังทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม
"ตัวคนเดียวอย่างเจ้า จะเข้าใจความรักระหว่างครอบครัวรึเปล่านะ" โคเอนพูดเรียบๆ มองไปยังแก้วกาแฟอุ่นๆตรงหน้าที่ตนเองยังไม่ได้แตะต้องแม้แต่น้อย
"อย่ามาพูดให้ขำหน่อยเลย ลึกๆแล้วเจ้าก็กลัวนั่นแหละ 'ประกายสีม่วงอันห่างไกลจากสรวงสวรรค์ทั้งปวง' ปีกข้างซ้ายของภูติสีทองล่ะสิใช่มั้ย?" ซินแบดพูดด้วยน้ำเสียงยียวนพลางเลิกคิ้ว จ้องมองไปยังสีหน้าเรียบนิ่งดุจรูปปั้นหิน " เจ้าก็น่าจะรู้ เรื่องของเทพที่กุยนับถือบูชามากที่สุดในยุคโบราณ ผู้เป็นเจ้าของปีกเพลิงที่สละมอบให้กับเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดสืบทอดต่อๆกันและลักษณะพิเศษที่จะปรากฏอยู่ในเหล่าผู้นำไม่กี่คนเท่านั้น.."
"หึ ก็เป็นเทพนิยายที่น่าสนใจดี"
โคเอนเปลี่ยนอิริยาบทไปนั่งกอดอก เสมองออกไปนอกหน้าต่างทำทีเป็นไม่สนใจเรื่องราวของคนตรงหน้า
"เราต่างก็รู้สึกได้ อย่าหลอกตัวเองอีกเลยเจ้ากับข้า ปีกข้างขวาและซ้ายมันกำลังเรียกหากัน"
" 'ประกายสีทองแห่งความเกรี้ยวกราด'ปีกข้างขวากับ'ประกายสีม่วงอันห่างไกลจากสรวงสวรรค์ทั้งปวง'ปีกข้างซ้ายงั้นหรอ เป็นนิยายที่โรแมนติกดีนะ"
"ข้ายังยืนยันคำเดิมนะโคเอน มาร่วมกับข้า และเราจะไปที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน กำจัดสงครามให้หมดไปจากโลกนี้ซะ ชี้นำโลกนี้ให้ไปสู่อนาคตที่ถูกต้อง นี่น่ะคือหน้าที่ที่ถูกลิขิตมาเพื่อพวกเรา นี่คือเหตุผลที่พวกเราครอบครองพลังนั้น!"
"อนาคตที่ถูกต้อง..."
เสียงทุ้มพึมพำออกมาเงียบๆใต้ใบหน้าที่เรียบขรึม
"เจ้ากับข้าต่างก็ครอบครองดาบอันเป็นสมดุลของกันและกัน แร็กน่าร็อคกับเอกซ์คาลิเบอร์ เจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญงั้นหรอ? ทั้งหมดนี้น่ะมันก็เพราะพวกเราถูกกำหนดให้พิเศษยังไงล่ะ"
โคเอนที่นิ่งเงียบเฉยมานานจนเกือบจะหาวออกมา แกล้งทำเป็นเนียนถอนหายใจ หากเป็นก่อนหน้านี้ซักอาทิตย์หนึ่งเขาคงจะตอบตกลงเห็นด้วย แต่ตอนนี้ไม่อีกแล้ว
"คืนนี้เจ้าดื่มรึเปล่า? พอดีข้าเห็นโฆษณาในทีวี่เมื่อคืนนี้ สถานบันเทิงเปิดใหม่ครอบวงจร มีคาสิโนกับห้างที่ขายของแบรนด์ชั้นใต้ดินด้วยใช่มั้ย?"
กุยหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเท้าคางอย่างหน่ายๆกับนิสัยคุยยากของคนตรงหน้า จนเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเคยเป็นวิญญาณหนึ่งเดียวกันมาก่อน นิสัยของพวกเขามันช่างต่างกันนัก มีแค่เรื่องๆเดียวที่เหมือนกัน…
"อาบอบนวดก็มีนะ ไปเลยมั้ยร้านเปิดห้าโมงครึ่ง เดี๋ยวข้าจัดตัวท็อปให้บริการเจ้าพิเศษเลย"ราชาแห่งฟากฟ้าตะวันตกเปลี่ยนเรื่องตามอย่างว่าง่าย ราวกับว่าเรื่องที่พวกเขาพูดกันก่อนหน้านี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
โคเอนส่ายหัวเบาๆ
"สาวๆข้าขอผ่านล่ะ เอาเป็นเหล้าแรงๆก็พอ"
"แค่เหล้าแรงๆนั่งกินร้านแถวบ้านเจ้าก็ได้ นี่ซินเดรียนะ! มาเหอะเดี๋ยวข้าแนะนำเอง นี่เจ้ากลายเป็นคนกลัวเมียตั้งแต่เมื่อไหร่!" ซินแบดลุกขึ้นยืนก่อนจะโวยขึ้นมาด้วยท่าทางหงุดหงิด "คิดถึงสมัยก่อนสิ ยุคที่พวกเรายิ่งใหญ่เกรียงไกรในสนามรบน่ะ!"
"ข้าไม่ได้กลัวฮันนี่ของข้าซักหน่อย" โคเอนพูดในขณะที่มือเลื่อนจอโทรตับไปเรื่อยๆ ดูภาพใหม่ในอินสตาแตรมของโคเกียคุที่ถ่ายคู่กับหวานใจของเขา เป็นภาพที่ทั้งสองคนกำลังนั่งกินเค้กอยู่ในร้านคาเฟ่ชื่อดังแห่งหนึ่งของเจิดจรัสก่อนจะกดส่งหัวใจให้
"งั้นจะรออะไร รีบไปกันเลยดิ!"
"แล้วทำไมจะต้องรีบด้วย" ดวงตาสีทับทิมเงยหน้าขึ้นมามองกับท่าทีรีบร้อนลนลานของคนตรงหน้าด้วยสายตาเนือยๆ
"ก็เพราะจาฟาลจะมาเห็นน่ะสิ!!!"
...ไม่ได้กลัวเมียเลยนะเจ้าน่ะ...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
ฉันว่าตอนนี้พวกนายสองคนไม่ได้ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วล่ะ (눈_눈)
อ่ะนี่ #สมาคมพ่อบ้านใจกล้า
ป.ล.1ทีวี่ ความจริงแล้วตั้งใจจะให้เป็น ตีวี แต่เพื่อนเสนอมาเลยคิดว่าเข้าท่าดีเหมือนกัน
ป.ล.2 พยายามเร่งเรื่องให้จบมาม่าค่ะ เอ้ย ไวไว //ผ่ามพาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น