เพื่อที่เจ้าจะไม่สลายกลายเป็นฟองอากาศ
รับกริชเล่มนี้ไป แทงลงบนหัวใจของเขาให้มิดด้าม
แล้วเจ้าจักหวนคืนสู่ท้องทะเลได้อีกครา…
ท้องฟ้ามืดสนิทในวันอันน่าพิศวง ช่วงเวลาที่ราตรีสีเงินทับซ้อนกับทิวาสีสด จันทราดวงใหญ่คล้อยเคลื่อนโผล่พ้นเส้นขอบฟ้าถักทอแสงสีเงินห่มคลุมไปทั่วพงพนาสีทอง ปลุกเสียงงานเลี้ยงฉลองแห่งความฝันให้เล่นบรรเลงใต้ต้นถั่วสูงใหญ่
ถึงกระนั้นกลับแว่วเสียงฝีเท้าเวียนวนไปมาอย่างร้อนใจ ในห้องนั่งเล่นที่ประดับด้วยแชนเดอเลียระยิบระยับ
'หลังจบงานพิธีได้โปรดมาหาข้าที่น้ำพุหน้าคฤหาสน์เพียงลำพัง ข้ามีของชิ้นหนึ่งจะให้กับท่าน ถือซะว่าเป็นครั้งสุดท้าย ให้โอกาสข้าได้ชดเชยความผิดทั้งหมดด้วยเถอะขอรับ'
"บัลคาร์ก…"
"อาลีบาบา หยุดเดินไปเดินมาซักทีเถอะข้าเวียนหัวจะตายอยู่แล้ว"
เด็กชายตัวเล็กผมแดงเจ้าของใบหน้าหวานน่ารัก มองเจ้าสาวที่เดินวนไปวนมาอยู่ไม่สุขขณะที่เขากังลังนั่งเติมหน้าอยู่บนโซฟากับน้องสาว พอเจ้าสาวสวยแล้วก็ถึงทีเพื่อนเจ้าสาวสวยบ้างล่ะ
"อ่ะ โทษที ข้าแค่กังวลนิดหน่อยน่ะ"
"เจ้าเคยผ่านพิธีสาบานมาแล้วครึ่งหนึ่ง ที่เหลือก็แค่ทำอีกครึ่งให้เสร็จไปนั่นแหละ"
"พี่คะ ก็บอกแล้วไงว่าอย่าพูดอย่างนั้น" โคเกียคุวางลิปสติกเนื้อแมทแท่งใหม่ลงแล้วหันไปทำเสียงดุน้อยๆใส่พี่ชาย ก่อนจะมองใบหน้าของเพื่อนสนิทที่หยุดยืนคิดหนัก ดูเหมือนว่าจะไม่ทันแล้วแฮะ...
"ข้ากับโคเอน สาบาน? เมื่อไหร่?"
"ก็ตราที่หน้าอกเจ้าไงล่ะ" โคฮาชี้ ก่อนจะยกกระจกขึ้นมาส่องแล้วนั่งปัดมาสคราร่าต่อ ราวกับกำลังแข่งความสวยความงามกับน้องสาวอยู่
'อก? ไม่เหมือนกับพี่บัลคาร์กบอกซักนิด'
มีเรื่องอะไรที่บัลคาร์กโกหกไว้อีกกันแน่? หากก่อนหน้านี้ข้าจะต้องแต่งงานกับโคเอนอยู่แล้วล่ะก็.. มีความจำเป็นอะไรถึงเอาไปขังที่หอสมุดนั่นล่ะ? การที่ข้าแต่งงานกับเขามันเป็นเรื่องไม่ดีอย่างนั้นหรอ?
"ปวดหัวชะมัด" หลังมือเย็นๆยกขึ้นแตะหน้าผากเบาๆ หลังจากที่พยายามนึกเรื่องราวต่างๆให้ออก แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเหมือนกับทุกที โคเอนเองก็ดูไม่ใช่คนไม่ดีแบบที่โมเซียน่าบอกจริงๆ โคเกียคุกับโคฮาก็เหมือนกัน ทุกคนที่นี่ไม่เหมือนกับพวกคนที่เจอในหอสมุดตอนนั้นเลยซักนิด และที่สำคัญเลยคือ…
'งานแต่งงานนี่เหมือนจะเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง'
"โคเกียคุ ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อยสิ"
"อื้อ ได้สิ" เด็กสาวผมแดงเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
"ก่อนหน้านี้ข้ากับโคเอนเคยแต่งงานกันมาก่อนหรอ?"
คนที่ถูกถามจู่ๆก็มีท่าทีอึกอักไป ก่อนจะลากเสียงอืม อือในคอยาวๆไปอยู่พักหนึ่ง
"เออ..คือ จะว่าไงดีล่ะก็เกือบจะได้แต่ง...ล่ะมั้ง"
"เกือบ? แต่พวกเราก็น่าจะสาบานกันเรียบร้อยแล้วนี่นา"
คนพูดก้มมองตราสัญลักษณ์ที่หน้าอก
"ไม่ใช่...แค่เจ้า แค่เจ้าคนเดียวที่สาบาน"
โคฮาที่เงียบอยู่พักหนึ่งพูดขึ้น นั่นยิ่งทำให้อาลีบาบางงหนักเข้าไปใหญ่ ดวงหน้าหวานของเด็กชายตัวเล็กก้มลงมองพื้นก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
"นั่นเป็นก่อนที่เจ้าจะกลับไปที่บัลแบดแล้วไม่มีใครได้ข่าวคราวของเจ้าอีกเลย แม้จะส่งจดหมายไปกี่ฉบับแต่เจ้าก็ไม่ตอบกลับมา จน13ปีให้หลัง ในที่สุดก็มีข่าวคราวของเจ้าส่งมาที่เจิดจรัส ข่าวแรกในรอบ13ปี" ริมฝีปากบางสวยของโคฮาคลี่ยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาบางๆในขณะที่สีหน้าของโคเกียคุหดหู่ลงไปถนัดตา
"วันนั้นข้าเป็นคนยื่นจดหมายให้พี่เอนกับมือ เจ้าคิดภาพสิ..ตอนนั้นเขาทำสีหน้าดีใจมากขนาดไหนหลังจากที่รอเจ้าตอบจดหมายกลับมา13ปี เขายิ้มเหมือนกับคนที่ไม่เคยร้องไห้มาก่อนในชีวิต 'วันนี้เป็นวันที่ดีมากจริงๆ' ท่านพี่พูดกับข้าแบบนั้นแล้วก็หัวเราะออกมา" โคฮาหยุดน้ำเสียงได้ครู่หนึ่งพลางยิ้มออกมาด้วยแววตาที่ดูเจ็บปวดราวกับเข็มที่ตำฝังเข้ามาลึกสุดขั้วหัวใจ
"ก่อนที่เขาจะร้องไห้เหมือนคนที่ไม่เคยพบเจอความสุขมาก่อนในชีวิต"
อาลีบาบามองใบหน้าเศร้าๆของสองพี่น้องตรงหน้า ก่อนจะทรุดตัวลงไปนั่งข้างๆโคฮาที่ทำสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เขาจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ด้วยซ้ำ
"โคฮา..ข้า...ขอโทษนะ"
"มะ..ไม่ต้องขอโทษหรอกน่าอาลีบาบาจัง วันนี้เป็นวันมงคลเราเลิกพูดเรื่องเศร้าๆกันเถอะเนอะ! อีกอย่างอาลีบาบาเองก็ยังไม่ได้จากพวกเราไปไหนซักหน่อย" โคเกียคุพูดขึ้นก่อนจะยิ้มอย่างสดใสเรียกบรรกาศครึกครื้นให้กลับคืนมา ก่อนจะลุกขึ้นดึงมือของคนทั้งสองให้ลุกขึ้นจากโซฟาตัวใหญ่ "ยิ่งกว่านั้น นี่มันถึงเวลาแล้วนะคะ!"
"นั่นสินะ พวกเราควรลงไปรวมกับคนอื่นๆที่ลานพิธีได้แล้ว" โคฮาพยักหน้าเบาๆเห็นด้วยก่อนจะหันไปมองด้านหลังเมื่อได้ยินเสียงของรองเท้าแก้วกระทบพื้นดังก๊อกแก๊กตามมา ดวงตากลมโตหรี่ตามองคนที่เดินตามมาเหมือนลูกเป็ดเดินตามแม่อย่างเหนื่อยหน่าย
"พวกเรายกเว้นเจ้าอาลีบาบา"
"ข้าหรอ?"
ยังไม่ทันที่เจ้าสาวในชุดออกงานจะอ้าปากพูดอะไรต่อก็โดนประตูบานใหญ่ปิดใส่หน้าทันที
อ่า..จะว่าไปแล้วเจ้าสาวต้องออกไปที่ลานพิธีพร้อมกับเจ้าบ่าวนี้นา...
พิธีสาบานนั้นไม่มีอะไรมากนัก แค่ต้องทำต่อหน้าดวงจิตแห่งเทพเท่านั้น เพื่อให้คนธรรมดาสามารถใช้คามิลเคียตส์*ได้โดยที่ไม่มีผลย้อนกลับ แลกรอยประทับไว้บนดวงจิตของกันและกันเหมือนกับที่มนุษย์แลกแหวนในงานแต่งงาน
แต่คามิลเคียส์เป็นสิ่งที่ยิ่งกว่านั้น โดยเฉพาะกับการแลกตราประทับเพื่อให้พันธสัญญานิรันดร์สมบูรณ์แล้ว คำพูดของเราจะเป็นดั่งมหามนตราที่มีอำนาจเหนือเวทมนต์ทั้งปวง ยิ่งกว่าแหวนที่นิ้วนาง ยิ่งกว่าด้ายแดงแห่งโชคชะตา เป็นสิ่งที่แน่นอนยิ่งความตายบนคมเคียวของยมทูต ไม่ว่าเมื่อไหร่ ไม่ว่าสถานที่ใด หรือจะต้องเกิดใหม่ซักกี่หน พันธสัญญาก็จะทำตามหน้าที่ของมันจนกว่านิจนิรันดร์จะสิ้นสุดลง...
"ก่อนหน้านี้ข้ากับเขาคงเป็นคนรักกัน... แต่ทำไมในระหว่าง13ปีนั่นข้าถึงไม่เคยตอบจดหมายของเขาเลยล่ะ?" ดวงตาเป็นประกายดั่งสะเก็ดดาวสีทองมองไปยังดวงจันทร์ดวงใหญ่ด้วยความสงสัยมากมาย เพราะหากนำเรื่องที่โคโฮเล่ามาคิดดูดีๆแล้ว
...เลขอายุของข้ามันไม่ลงตัว...
ข้าอายุ18 แต่เพิ่งจำความได้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในหอคอยคนเดียวตอนอายุ13 หมายความว่าก่อนหน้านั้นคือช่วงเวลาที่ข้าหายไปจากเจิดจรัส13ปี แล้วก่อนหน้านั้นล่ะ!? ข้ายังไม่เกิดเลยไม่ใช่หรอ?
'หรือข้าอายุมากกว่านั้น แต่บัลคาร์กปิดบังข้าเอาไว้?'
ในขณะที่ดวงตาสีทองคู่งามมองออกไปไกลนอกหน้าต่างพร้อมด้วยคำถามมากมายในใจจนลืมเรื่องเจ้าบ่าวและงานพิธีไปหมดสิ้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของบุรุษร่างสูงโปร่งในชุดสีขาวปักลวดลายที่เข้ากับชุดของเขา เสื้อด้านในไม่ได้ติดกระดุมจนถึงคอ แต่กลับแหวกลงมาจนถึงกลางแผ่นอกกว้าง และใบหน้าที่ดู...เด็กลงกว่าเดิมนิดหน่อย???
ข้าลืมไปเลยว่าข้ากำลังทำตัวไม่ถูกนี่! ข้าควรจะพูดอะไรกับเขาดี?
ในขณะที่ยังไม่ทันได้เตรียมใจอะไร โคเอนก็เดินเข้ามาในห้องเสียแล้ว
"เจ้าเหมาะกับชุดนี้มากจริงๆ" คนตัวใหญ่หยุดพินิจมองเจ้าสาวในชุดสีขาวพิสุทธิที่ส่องประกายระยิบระยับใต้แสงของวันมหาจันทรา งดงามราวกับภาพฝัน ที่เขาเคยคิดว่ามันจะไม่มีวันได้เป็นจริงเสียอีก
มือใหญ่ค่อยๆประคองใบหน้าของเจ้าสาวขึ้นมา ก่อนจะโดนปัดมือออกไปอย่างช้าๆ ยิ่งไปกว่านั้นแก้วตาสีทองสวยนั่นไม่แม้แต่จะสะท้อนภาพของเขาแม้แต่น้อย
หรือว่าจะยังโกรธเรื่องตอนนั้นอยู่...
"จริงสิ ข้ายังไม่ได้ขอโทษเรื่องในตอนนั้นเลย เจ้ายังคงโกรธข้าอยู่สินะอาลีบาบา... " เสียงทุ้มเอ่ยอย่างเศร้าๆ กังวาลไปอย่างแผ่วเบาในห้องนั่งเล่นที่ประดับไปด้วยแสงสีส้มของเทียนและประกายของแชนเดอเลีย
"ข้าขอโทษ ไม่ว่าข้าจะพูดอะไรไป มันก็คงจะเป็นแค่คำแก้ตัวสำหรับเจ้าสินะ"
'เรื่องตอนไหน? ข้าไม่ได้โกรธ ข้าจำอะไรไม่ได้! ข้าแค่ทำอะไรไม่ถูก!!!'
"พะ..พักเรื่องนี้ไว้ก่อนเถอะ วันนี้เป็นวันมงคล อย่าพูดเรื่องเศร้าๆเลย" ภูติสีทองหันไปทางอื่น หลังจากคัดลอกประโยคของเพื่อนสาวโคเกียคุมาพูดเป๊ะๆ
"เมื่อกี้เจ้าพูดว่าวันนี้เป็นวันมงคลหรอ?"
โคเอนเอนพูดขึ้น แก้วตาสีแดงเหมือนเมล็ดทับทิมนั่นมองมาทางภูติสีทองตัวน้อยราวกับไม่ค่อยเชื่อหูตัวเองนัก
"อะ..อือ" คนตัวเล็กพยักหน้าเบาๆด้วยใบหน้าที่แดงเรื่อเล็กน้อย "ทำไม?"
"เปล่า ข้าแค่กำลังคิดว่า..วันนี้เป็นวันที่ดีมากจริงๆ"
ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มกว้างจนแทบไม่อยากเชื่อว่าใบหน้านั้นเคยเปียกปอนน้ำตามามากเพียงใด รอยยิ้มที่ดูราวกับรวบรวมความสุขทั่วทั้งโลกใบนี้มารวมกันอยู่ในดวงตาสีทับทิมสวย ดูสว่างจ้าเสียจนต้องหลบสายตา...
.
.
.
"พวกเราลงมาท้ายสุดเลยหรือเนี่ย"
สองพี่น้องกุยมองไปยังสวนกว้างหลังคฤหาสน์อันเป็นที่ปลูกต้นถั่ววิเศษต้นยักษ์ รอบๆถูกประดับด้วยดอกไม้ที่เรืองแสงหลากสี และแสงส่องสว่างของต้นแพรแสงตะวัน ผลของมันส่องแสงสุกสว่างสีทองสะท้อนกับสวนดอกไม้ทองคำจนเกิดประกายแสงระยิบระยับ ในขณะที่วันนี้เถาดอกมูนโรสสีฟ้าอ่อนก็ส่องแสงแรงกล้าไม่แพ้กัน แต่งแต้มบรรกาศของงานด้วยสีทองและฟ้า ขณะที่พิณวิเศษบรรเลงเพลงที่ทำให้ช่วงเวลานี้ดูราวกับต้องมนต์
"เจ้าสาวโคเอนเป็นใครกันแน่เนี่ย ข้าอยากรู้จะตายอยู่แล้ว ทำไมสองคนนั้นถึงยังไม่ออกมาซักที คงไม่ได้กำลังแอบจู๋จี๋กันอยู่บนห้องหรอกนะ" ฮาคุเรนพูดอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก อีกมือหนึ่งก็หยิบของกินในชามที่ฮาคุริวถืออยู่เข้าปากไม่หยุดมือ จนอดสงสัยไม่ได้ว่าอยากจะเจอหน้าน้องสะใภ้หรือจริงๆแล้วหิวข้าวกันแน่
"โถ่ท่านพี่ โคฮากับโคเกียคุก็เพิ่งจะลงมาเองนะครับ"
"พวกโคเมย์ก็ไม่ยอมบอกอะไรข้าเลย ไหนจะพวกนิมฟ์ต้นถั่วพวกนี้อีก นี่พวกเจ้าสุมหัวกันแกล้งข้าอยู่ใช่มั้ย" ฮาคุเรนหันไปพูดกับเหล่านิมฟ์ต้นถั่วตัวน้อยหลายสิบตนที่กำลังหัวเราะคิกคักๆอยู่ ก่อนจะโดนโคเมย์ดีดมะกอกเข้าที่หลังมือใหญ่ที่กำลังล้วงขนมในชาม
"หยุดกินซักทีเถอะ พวกเขามากันแล้วนะครับ"
เหล่าพี่น้องตระกูลเรนและนิมฟ์น้อยหันไปมองคู่บ่าวสาวที่คล้องแขนกันเดินเข้ามา คลอไปกับเสียงพิณบรรเลงด้วยใบหน้ายินดี ต่างจากขุนพลจากบัลแบดที่ยืนทำหน้าเรียบๆอยู่ห่างออกไป ขณะที่สาวน้อยหมาป่ายืนหลบอยู่ในเงาด้านหลังของเสาต้นใหญ่ดูงานพิธีที่ดำเนินคลอไปกับเสียงพิณอย่างเงียบสงบ
"อาลีบาบา?"
ฮาคุเอย์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบอย่างแปลกใจ ดูเหมือนว่าความจริงแล้วโคเอนจะไม่ได้ทำใจได้แบบที่พวกเขาคิดแม้แต่น้อย ถึงแม้จะไม่อยากเชื่อก็ตาม แต่มันเกิดขึ้นได้ยังไง
"กลิ่นนี้มันเป็นกลิ่นของภูติสีทองไม่ผิดแน่"
องค์หญิงฮาคุเอย์เอ่ยกับตนเองเบาๆ
ทันทีที่รองเท้าแก้วประกายงามแตะลงบนพื้นสนามหญ้า ดอกมูนโรสทั่วทั้งบริเวณก็ค่อยๆปลิดกลีบสีฟ้าอ่อน แต่แทนที่กลีบของมันจะร่วงหล่นลงสู่พื้น กลีบเรืองแสงสีฟ้าสวยของมันกับลอยล่องไปตามเส้นแสงสีเงินของดวงจันทร์ดวงใหญ่ราวกับฟองน้ำใต้มหาสมุทร เติมเต็มงานเลี้ยงฉลองแห่งมนตรานี้ให้เต็มไปด้วยสีของความสุข
"ว้าวว ฟองจันทร์นี่นา สวยจังเลย"
โคเกียคุอุทานขึ้น มองคู่บ่าวสาวที่เดินผ่านฟองสีฟ้าอ่อนไปยังต้นถั่วยักษ์อันเป็นที่ ที่เศษเสี้ยวดวงจิตของเทพซากานสถิตอยู่เพื่อแลกเปลี่ยนพันธสัญญา ขณะที่เหล่าพี่น้องฮาคุทั้งหลายมองไปที่เจ้าสาวอย่างไม่เชื่อสายตา บ้างก็ขยี้ตาอีกทีแล้วมองใหม่
ฮาคุเรนผู้ทำหน้าเหวอหลุดมาดองค์ชายมากที่สุด หยิกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนจะโผล่งขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาของตนเอง
"มะ..ไม่จริง อาลีบาบา!? นี่ข้าฝันอยู่หรอ?"
"ข้าว่ามันแปลกๆ"
น้ำเสียงขององค์พรรดิฮาคุยูลดต่ำลงเล็กน้อยแต่ก็ยังอยู่ที่ระยะที่ฮาคุเอย์ได้ยิน เธอหันหน้าไปมองพี่ชายอย่างงุนงง ดูท่าพี่ชายคนนี้ของเธอจะไม่ได้มีอาการที่แสดงความตกใจประดับอยู่บนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย ไม่เหมือนกับพี่ฮาคุเรนที่ตอนนี้...เอ่อ..หยิบฟ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา ดะ เดี๋ยวนะ ใจคอจะตกใจแค่แปปเดียวเองหรอ!!!
"อาลีบาบา~ เจ้าสวยมากกก มาแต่งกับข้าเหอะ!" ฮาคุเรนโบกฟ้าเช็ดหน้าในมือไปมาด้วยน้ำตานองหน้า ก่อนที่จะโดนโคเมย์เอาพัดฟาดก้านคอไปอย่างเอือมระอา ฮาคุเอย์มองเหตุการณ์นั้นก่อนจะเห็นว่าโคเอนที่ยืนอยู่ใต้ต้นถั่ววิเศษแอบชูนิ้วกลางกลับมาอย่างเงียบๆด้วยสายตาอาฆาตแค้น(ที่โดนโกนเครา) จนเธออดที่จะขำออกมาไม่ได้ ก่อนจะหันมาหาพี่ชายคนโตที่ทำสีหน้าเรียบๆพินิจพิจรณาเจ้าสาวไม่วางตา
"แปลกอะไรหรอคะ"
"ก็ภูติสีทองมีกลิ่นที่คล้ายพวกเราปนอยู่ด้วยน่ะสิ เป็นกลิ่นเหมือนกับกุย"
ฮาคุเอย์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะอมยิ้มหน้าแดง ตีแขนของพี่ชายเบาๆ
"ท่านพี่พูดอะไรคะ ทะลึ่ง"
ฮาคุยูขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะหันไปเห็นโคเกียคุหน้าแดงก่ำ และโคฮาเองก็มองมาทางเขาด้วยสายตาที่เหมือนกำลังมองคุณลุงโรคจิต คือ...ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างน้านนนนนนน พวกเจ้านี่คิดอะไรกันอยู่!
…
"อย่าหันไปมองทางอื่นสิ"
เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆด้วยน้ำเสียงที่เหมือนไม่พอใจใจเล็กน้อย เมื่อพี่ชายตัวป่วนของเขาอยู่ๆก็โหวกเหวกเสียงดังขึ้นมา
"โทษที"
อาลีบาบาหันหน้ากลับมา หลังจากที่ได้ยินชายแปลกหน้าคนหนึ่งตะโกนเรียกชื่อพร้อมทั้งโบกฟ้าเช็ดหน้าปักลูกไม้หวานแหวว อีกอย่างบรรยากาศรอบงานก็ตกแต่งได้สวยงามมากๆจนอดที่จะมองไปรอบๆไม่ได้
"มันสวยมากๆเลย ยิ่งกว่าภาพในหนังสือซะอีก"
โคเอนยิ้มบางก่อนจะกุมมือข้างหนึ่งของคนตรงหน้าเอาไว้
"ทั้งหมดนี้เพื่อเจ้าคนเดียว อาลีบาบา"
ภูติสีทองเมื่อได้ยินคำพูดนั้นก็หลบสายตาคู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าที่แดงเรื่อ ดวงตาสีสวยมองไปยังพื้นหญ้าที่ฟองจันทร์กำลังเต้นระบำอย่างเขินอาย พอๆกับปลายนิ้วที่ถูกกอบกุมไว้นั้นเองก็สั่นเทาไม่แพ้กัน ก่อนที่ฝ่ามือที่กำลังสั่นริกจะถูกยกขึ้นมาทาบลงบนแผ่นอกกว้างของคนที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เขารับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นแรงได้อย่างชัดเจน เต้นแรงเสียจนดูเหมือนว่ามันจะหลุดกระดอนออกมา
"คะ โคเอน?"
ดวงหน้าสวยเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองเจ้าของเสียงหัวใจตรงหน้า ภายใต้ดวงตาที่นิ่งสงบชวนหลงใหลคู่นั้นที่ที่ความถวิลหา ความยินดี และความปรารถนาหลอมรวมกันงดงามเสียจนขโมยสายตาทั้งหมดของภูติสีทองไปเสียสิ้น
"ประกายไฟในดวงตาของเจ้าสวยงามมากจริงๆ"
เจ้าของเรือนผมสีทองพูดออกมาราวกับกำลังละเมอฝัน เมื่อครู่ที่แสงเงินต้องกับแก้วตาสีทับทิมนั้นเขากลับเห็นประกายไฟสีม่วงงดงามนั่นโดยบังเอิญจนเผลอพูดชมออกมาต่อหน้าเสียได้ ก่อนที่เจ้าของประกายในตาคู่นั้นนั้นจะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ
"ถ้าเจ้าชอบมันละก็ เอ่ยเวทมนต์บทนั้นออกมาสิ" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างนุ่มละมุน พลางกระชับฝ่ามือคู่บางให้กดลงมาที่กลางแผ่นอกของตนแรงขึ้นอีก "ให้ดวงตานี้ไม่มองใครอื่นนอกจากเจ้า ทำให้ข้าเป็นของเจ้าชั่วนิรันดร์..."
ภูติสีทองมองใบหน้าที่ปราศจากความลังเลนั่นก่อนจะสูดหายใจเข้า ปิดเปลือกตาบางลงเพื่อที่จะไม่หลงไปกับกระแสแห่งความคิดอันวุ่นวายสับสน ขณะที่ต้นถั่ววิเศษค่อยๆเรืองแสงสีมรกตยามเย็นเป็นสักขีพยานแก่ทุกคำพูดนั้น
"วีเกียไฮวา คีเซย์ยา เด อารา วีเกียโนนาวา ซารูเจยา อาลีบาบา"
(ข้าคือภูติสีทองนามซารูจา อาลีบาบา)
"วีเกียไฮวา กุอิล เด อารา วีเกียโนนาวา เรเนีย โคอิล"
(ข้าคือกุยนามเรน โคเอน)
สิ้นเสียงถ้อยคำ ดวงแสงสีขาวสว่างก็ปรากฏขึ้นกลางหน้าออกของคู่บ่าวสาวทั้งสอง ปฐมวิญญาณอันบริสุทธิ์ที่ถูกผูกมัดกันอย่างไม่สมบูรณ์กำลังกระพริบแสงส่องแสงแข่งกันใต้เงาจันทราอันเงียบสงัด ส่งเสียงไพเราะของกระดิ่งเงินยามต้องแรงลม เสมือนกำลังร่ำร้องเรียกขานกันและกัน
"วิญญาณของทั้งสองคน..กำลังเรียกหากัน"
โคเกียคุอุทานออกมาอย่างเงียบเชียบ มองพิธีสาบานตรงหน้าตาไม่กระพริบ เช่นเดียวกันกับคนอื่นๆที่อยู่ในพิธี
"เอมอัลวา วีเกียทิเมอร์นุย เอราคิลมิลน์ ครูเดรคียา"
(เจ้าคือผู้ที่จะเดินข้างข้าใช่หรือไม่)
"ไฮอิล"
"ซามีม อิกคีอิลเจลเย อิลส์เตมี โยราเคียบ์
เอมอัลวา วีเกียทิเมอร์นุย เซเอลมิลน์ ครูเดรคียา"
(บาป สุขทุกข์ ความเจ็บปวด ความยินดี
เจ้าคือผู้ที่จะแบกรับร่วมกับข้าใช่หรือไม่)
"ไฮอิล"
"ซิลเรมนิลรา เอมอัลวา วีเกียโน อัลลูเอล ครูเดรคียา"
(เช่นนั้นแล้ว เจ้าคือผู้เป็นนิจนิรันดร์เพียงหนึ่งเดียวของข้าใช่หรือไม่)
"อัลลูเอลเกีย โอเวลลูเมลด์ เดรคีเซย์เบรียลน์ อิลซาเซนต์คีดาซิล"
(ได้โปรดให้ข้าอยู่เคียงข้างเจ้า จนกว่านิจนิรันดร์จะจบลง)
ดวงตาสีทองเปิดเปลือกตาบางช้าๆ ลืมตามองแสงสีขาวที่ถูกเชื่อมต่อกันค่อยๆเลือนหายไปเช่นเดียวกับแสงสีมรกตของต้นถั่วและเสียงของกระดิ่งเงิน
และในทันทีที่แผ่นอกว่างเปล่าถูกแทนที่ด้วยตราสัญลักษณ์แห่งพันธนิรันดร์ แสงหนึ่งก็พุ่งขึ้นสู่ฟ้าแตกกระจายเป็นสะเก็ดไฟระยิบระยับส่งเสียงกัมปนาทไปทั่วบริเวณ เป็นสัญญาณบอกว่าถึงเวลาของงานเลี้ยงฉลองแล้ว!
ทันทีทีแสงประกายระยิบระยับบนฟ้ามอดลง
เสียงของไวโอลิน กลอง และทัมเมอร์ลินของเหล่านิมฟ์ต้นถั่วก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงกระดิ่งจากปลายรองเท้าเล็กๆที่เต้นระบำเข้ากับจังหวะเพลงอย่างเหลือเชื่อ เติมเต็มบรรยากาศอันครึกครื้นในค่ำคืนแห่งมนตราและงานเลี้ยงฉลองระยิบระยับให้ส่องสว่างไปพร้อมกับแสงจันทร์
"ท่านบัลคาร์กจะกลับแล้วหรือคะ? งานเพิ่งจะเริ่มเอง"
องค์หญิงฮาคุเอย์ผู้เป็นแม่งานการจัดงานในครั้งนี้ถามแขกผู้มาร่วมงานอย่างเป็นกังวล บัลแบดเองก็ใช่ว่าจะอยู่ใกล้ๆ อีกอย่างแขกของเธอยังไม่ได้แม้แต่จะแตะสุราเลิศรสที่เธอเตรียมเอาไว้แม้แต่น้อย
"ต้องขออภัยองค์หญิงด้วยจริงๆ พรุ่งนี้ข้าเองก็มีงานสำคัญถ้าไม่รีบกลับเห็นทีจะไม่ได้" ภูติปีกแมลงปอยิ้มบางๆก่อนจะโค้งเล็กน้อยแล้วเดินออกไปด้วยท่าทางติดรีบร้อน
"ถ้าจะมีใครที่ไม่ยินดีกับงานแต่งครั้งนี้ ก็คงเป็นหมอนั่นแหละ"
โคฮาที่ยืนอยู่ออกไปไม่ห่างนักพูดแทรกขึ้น
"นั่นสิ ข้าอยากจะรู้จริงๆว่าทำไม?"
โคเกียคุที่ยืนอยู่ข้างๆตอบรับคำของพี่ชายอย่างเงียบๆ
. . .
กลิ่นของเหล้าเชอร์รี่ พุดดิ้งลูกแพร น้ำพุฟองดูช็อกโกแลต ทุกสิ่งทุกอย่างดูเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับภูติสีทอง โดยเฉพาะเสียงเพลงอันไพเราะพวกนั้น
"มาเถอะ"
โคเอนยิ้มก่อนจะจูงมือเจ้าสาวเดินเข้าไปกลางฟลอร์เต้นรำ
"ดะ..เดี๋ยววว"
'ข้าเต้นไม่เป็นนนนนน'
ในขณะที่โอดครวญอยู่ในใจเบาๆนั้น เจ้าสาวภูติเคาะจังหวะด้วยส้นเท้า เต้นวนไปรอบๆตามจังหวะกลองอย่างประหม่า แต่ก็กลับออกมาดูสวยงามเข้ากับจังหวะ และพร้อมเพรียงกับเหล่านิมฟ์ตัวน้อยอย่างเหลือเชื่อ
'อ่ะ ข้าก็เต้นเป็นนิ'
คนที่ถูกลากมากลางฟลอร์คลี่ยิ้มออกมา หลังจากเริ่มที่จะรู้สึกสนุกขึ้นมาบ้างแล้ว มองใบหน้าของคู่เต้นรำด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองกำลังเต้นอยู่ ก่อนที่จะถูกมือคู่ใหญ่ของโคเอนจับเอวยกสูงหมุนไปตามจังหวะของดนตรีที่เร่งเร็วขึ้น ความรู้สึกของปลายเท้าเบาหวิวราวกับกำลังบินร่อนอยู่กลางอากาศ
เสียงหัวเราะของทั้งสองค่อยๆเติมเต็มวงล้อมเต้นรำโพลก้าแห่งความสุขให้เปี่ยมสีสันด้วยจังหวะอันมีชีวิตชีวา ก่อนที่คนอื่นๆจะเริ่มจับคู่เดินขึ้นมาเต้นบ้างแล้ว
"ฮาคุเอย์!!!"
องค์ชายลำดับสอง(ที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะหิว)เรียกชื่อน้องสาวลั่น ก่อนจะดึงข้อมือบางลากขึ้นไปกลางฟลอร์เต้นรำอย่างหมั่นไส้คู่รักหวานแหววที่เต้นหมุนจู๋จี๋กันอยู่บนฟลอร์ ด้วยเหตุผล(ความหมั่นไส้)บางประการเขาไม่มีทางน้อยหน้าคู่รักข้าวใหม่ปลามันนี่เด็ดขาด!
"เรื่องเต้นนี่ขอให้บอก ใช่มั้ยฮาคุเอย์!"
ทันทีที่เขาหันกลับมา ใบหน้าหล่อเหลากลับต้องผงะไปเมื่อพบกับคู่เต้นรำของเขาที่ใบหน้าสุดแสนจะมีอารมณ์ร่วมที่สุดในโลก
"โคเมย์!?"
"อาราย" คนที่เต้นโพลก้าตามจังหวะเพลงถามกลับมาด้วยเสียงยานคางและใบหน้าที่เฉยเมย ในขณะที่ร่างกายขยับไปตามเสียงของทัมเมอร์ลิน "ปล่อยข้าลงไปได้ยัง?"
"นี่เจ้าขึ้นมาได้ไงเนี่ย!"
อาลีบาบาหัวเราะคิกคักออกมา เมื่อเห็นทั้งสองคนที่กำลังเต้นไปทะเลาะไป ก่อนจะหันไปหาโคเอนที่กำลังมองเหตุการณ์นั้นอยู่เช่นกัน
"จะไม่ไปห้ามหน่อยหรอ"
"ปล่อยให้ทะเลาะกันต่อไปเถอะ"
ใบหน้าหล่อคมคลี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนจูงเจ้าสาวลงจากมาฟลอร์เต้นรำที่สะท้อนแสงจันทร์อย่างเงียบๆ เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าที่ล้าเล็กน้อยของคู่เต้นรำ ทันทีที่พามาถึงโต๊ะจัดเลี้ยงมือใหญ่ยื่นแก้วเหล้าเชอร์รี่รสหวานให้กับภูติสีทองตัวเล็ก ก่อนเจ้าสาวของเขาจะกระดกเอาเป็นเอาตาย จนเขาแอบกลัวว่าจะสำลักออกมา
"ไอ้นี่มันอร่อยมากเลย ข้าอยากกินอีก!"
ดวงตาสีทองเป็นประกายยื่นจอกสีทองจอกใหญ่ให้กับเจ้าบ่าวที่ยืนกระพริบตาปริบๆ
'นี่กระดกไอ้เหล้าจอกใหญ่เท่าเหยือกเข้าไปหมดในทีเดียวได้ยังไง เป็นต้นไม้หรอ?'
โคเอนคิดในใจแต่ก็ไม่อยากจะขัดใบหน้าเว้าวอนน่ารักที่ส่งสายตาเป็นประกายวิ้งๆนั้นให้ต้องมัวหมอง เทเหล้ารสหวานล้ำลงไปในจอกจนปริ่ม
"อย่ากระดกทีเดียว..."
"ฮร้าาาาา อร่อย!!"
ยังไม่ทันจะพูดจบอาลีบาบาก็กระดกหมดไปอีกหนึ่งจอก...
'ไม่ทันล่ะ'
ดวงหน้าน้อยๆหันมองไปทั่วงานเมื่อนึกขึ้นได้ว่าบัลคาร์กบอกว่ามีเรื่องที่อยากจะคุยกับตนหลังจบพิธีสาบาน ดูเหมือนตอนนี้คงต้องปลีกตัวออกไปก่อนเสียแล้ว ดวงตาสีทองมองไปที่อาหารบนโต๊ะจัดเลี้ยงตาละห้อย ก่อนจะส่ายหัวไปมาเบาๆ
"จะ จริงสิ คือข้าคงต้องขอตัวก่อน บัลคาร์กเองตอนนี้คงจะกำลังเตรียมตัวกลับ ข้ามีเรื่องที่อยากจะคุยกับเขาอยู่น่ะ"
"ดูเจ้าไม่ค่อยสบายใจเลยนะ ให้ข้าไปด้วยมั้ย?"
"อ่ะ..เอ่อ"
'หลังจบงานพิธีได้โปรดมาหาข้าที่น้ำพุหน้าคฤหาสน์เพียงลำพัง ลำพัง ลำพัง ลำพัง…..'
"ไม่เป็นไร ก่อนหน้านี้พวกเราทะเลาะกันนิดหน่อย อีกอย่างตอนที่ข้าอยู่คนเดียวเขาก็เป็นคนดูแลข้ามาตลอด เพราะงั้น..ก่อนจากกันก็อยากจะปรับความเข้าใจกันน่ะ"
"งั้นหรอ" คนตัวสูงก้มลงจุมพิตขมับของคนตัวเล็กเบาๆ "อย่านานนักล่ะ"
"อะ อือ"
ดวงหน้างามพยักหน้ารับดวยสีหน้าประหม่าเล็กน้อย ก่อนจะเดินเซๆออกจากงานไป
.
.
.
ใจจริงผมก็อยากจะอยู่ในงานเลี้ยงต่อ…
เมื่อกี้ผมเพิ่งเหลือบไปเห็นตะเกียงแก้วที่มีเมฆสายไหมลอยออกมา! ช่อดอกลิลลี่กลางโต๊ะก็มีเกสรยาวๆยื่นออกมา ตรงปลายเป็นแอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาลหอมชินาม่อนส่องประกายน่ากิน เหล้าเชอร์รี่ที่ไม่มีวันหกลงพื้น และอาหารหน้าตาประหลาดอื่นๆที่ผมไม่เคยกินมาก่อน มันเป็นงานเลี้ยงที่แสนวิเศษที่สุดเท่าที่เคยจำได้เลย ยกเว้นแต่อาการมึนๆกับร่างกายที่อยู่ๆก็ร้อนขึ้นนี่น่ะนะ
'อยากจะเดินย้อนกลับไปจะแย่อยู่แล้ว'
ผมเห็นบัลคาร์กยืนรออยู่หน้าหน้ำพุทองคำ พร้อมกับรถม้าเตรียมตัวที่จะกลับ เช่นเดียวกับที่ผมพร้อมที่จะสะสางเรื่องโกหกทั้งหมดทั้งมวลที่ปั้นแต่งชีวิตผมขึ้นมาของคนๆนี้เต็มทีแล้ว
"มีอะไรก็พูดมา"
"อะ องค์ชาย คือข้าตั้งใจจะขอโทษ"
"เจ้าพูดออกมาแล้ว และความรู้สึกของข้าตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม" ผมมองใบหน้าของบัลคาร์ก ราวกับว่าพวกเราไม่มีอะไรที่ติดค้างกันอีก "ขอบคุณมากนะบัลคาร์กที่ดูแลข้า ส่วนข้าโดนพวกท่านหลอกมาตั้งแต่ที่เริ่มจำความได้ทั้งหมดนี้ถือว่าหายกันไปแล้วกัน ข้าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับพวกเขาที่เจิดจรัส ส่วนเจ้าก็ไม่ต้องมีข้าคอยเป็นภาระถ่วงความเจริญของเจ้า"
"ไม่ใช่นะขอรับ ไม่มีวันไหนเลยที่ข้าคิดว่าเป็นภาระ! อีกอย่างท่านไม่ห่วงประเทศบัลแบดที่ท่านพ่อของท่านเฝ้าทะนุถนอมมารึขอรับ เป็นแบบนั้นซักวันหนึ่งก็คงจะถูกผนึกรวมไปกับเจิดจรัสเป็นแน่! ท่านจะไม่ต่อต้านหรือทำอะไรเลยหรือขอรับ?"
"พูดตามตรงนะบัลคาร์กข้าจำไม่ได้ ทุกๆอย่างเกี่ยวกับบัลแบดและท่านพ่อ ที่ข้าจำได้มีแต่หนังสือกองเท่าภูเขากับทิวทัศน์ของท้องฟ้าที่มองจากสวนขวด และถ้าจำไม่ผิดบัลแบดได้เงินล้างหนี้จากการแต่งงานของข้า ข้าไม่รู้หรอกนะว่าโคเอนทำอะไรเอาไว้ แต่ตอนนี้เขากับข้าก็จ่ายทุกอย่างคืนให้กับบัลแบดหมดแล้ว!"
ใช่แล้ว… ตลอดเวลาที่ผ่านมาชีวิตของผมมันมีแต่เรื่องโกหก
แล้วมีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องย้อนกลับไปหามันอีก?
ทำไมจะต้องปกป้องคนที่ขายคนในครอบครัวตัวเองให้กับคนอื่นได้อย่างเลือดเย็นนั่นด้วย?
"ท่านจะบอกว่าตราบใดที่ท่านมีความสุข ประเทศจะเป็นยังไงก็ไม่สนอย่างนั้นหรือขอรับ? แบบนั้นมันต่างจากราชาอับหมัดพี่ของท่านตรงไหน?" บัลคาร์กตะคอกกลับมาเสียงดัง พร้อมกับกำมีดที่ซ่อนเอาไว้ตรงขอบเข็มขัดแน่น
"ข้าแค่อยากจะเป็นอิสระ! อยากจะมีชีวิตที่เป็นชีวิตของข้าจริงๆ มันผิดตรงไหน? ถ้าหากข้ามีบุตรให้กับโคเอนได้บัลแบดก็จะสุขสบายไม่ใช่รึไง!? ไม่ใช่ทางนั้นหรอที่มีแต่ได้กับได้ พวกเจ้าขังข้า! หลอกลวงข้า! ทำลายเกียรติข้า!"
ดวงตาคู่สวยบัดนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาแห่งความโกรธ
ทั้งโกรธ ทั้งเศร้าใจ ทั้งสับสน แต่ก็ไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกของตนเองยังไง จนได้แต่ก้มหน้าร้องไห้ออกมาท่ามกลางเสียงดนตรีงานเลี้ยงที่คลอมาตามสายลม
บัลคาร์กมองใบหน้าที่เปรอะน้ำตาจนนองหน้าอย่างน่าสงสาร จนถึงเมื่อกี้นี้เขาก็ยังรู้สึกได้ว่าสายตาที่องค์ชายมองมาก็ยังคงเป็นสายตาดังเช่นวันวาน มองเขาเหมือนกับเป็นพ่อคนหนึ่ง แต่ดูความผิดพลาดที่เขาทำอย่างไม่รู้จักจบสิ้นนี่สิ เป็นอีกครั้งแล้วที่เขาทำให้คนที่เฝ้าทะนุถนอมมาดั่งลูกในอุราต้องเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
มือที่ซ่อนมีดสีเงินวาวกำด้ามมีดเอาไว้อย่างสั่นเทา ในขณะที่เงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ดวงใหญ่เพื่อหลบจากความรู้สึกผิดทั้งหมดทั้งมวล เฝ้าแต่ถามคำถามต่อดวงวิญญาณที่ล่วงลับไปอย่างไม่สิ้นสุด
'องค์ราชา..ฉไหนเลยท่านถึงมอบภาระอันหนักอึ้งไว้กับข้าเยี่ยงนี้? ข้าทนกระทำผิดต่อองค์ชายต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ข้าฆ่าพวกเขาอีกไม่ได้แล้ว...'
มีดสีเงินในมือที่ง้างขึ้นในมือที่สั่นเทานั้นแทนที่จะแทงผ่านเนื้อและกระดูกขอคนที่เอาแต่ยืนก้มหน้าร้องไห้ สัมผัสอันเย็นชาของเหล็กอันแหลมคมนั้น ก็กลับกลายเป็นความอบอุ่นของผืนผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่ถูกหยิบยื่นออกมาแทน
"หากโลกนี้มีค่าเท่ากับความเศร้าของท่านแล้วล่ะก็ ข้าคงไม่ต้องการมัน...ชายผู้นั้นก็คงคิดเหมือนกัน" บัลคาร์กมองใบหน้างดงามที่เขาเฝ้าทะนุถนอมดูแลมาค่อยๆเช็ดคราบน้ำตาด้วยมือเล็กๆที่เปียกชื้นก่อนจะฝืนคลี่ยิ้มออกมาด้วยหัวใจอันเศร้าโศก หยิบยื่นมีดสีเงินวาวที่ถูกตีขึ้นอย่างประณีตสวยงามให้กับภูติน้อยตรงหน้าโดยไม่เอื้อนเอ่ยถ้อยคำใด
"นี่มัน..อะไรหรือบัลคาร์ก"
อาลีบาบารับมีดเล่มเล็กนั้นมาอย่างระมัดระวัง
"ท่านคิดว่าพวกราชวงศ์เรน โดยเฉพาะเรน โคเอนไม่มีอะไรปิดบังท่านอยู่เลยหรอ?" บัลคาร์กถามกลับไปยังภูติสีทองในชุดเจ้าสาวที่หน้าแดงก่ำหลังจากร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปยังร่างเล็กด้วยแววตาที่หนักแน่นเท่าที่เขาจะทำได้ "ทุกสิ่งที่ท่านปรารถนา ชีวิต อิสระ ความฝัน ความสุขที่แท้จริง พรทุกประการที่ท่างหวังมันจะดลบันดาลให้เป็นจริง"
"ความสุขที่แท้จริง..."
"เพียงแค่ท่านกดมันลงไปบนอกข้างซ้ายของเจ้าบ่าวของท่านในคืนเข้าหอคืนนี้ ความทรงจำ ความสุข อิสระ ทุกสิ่งที่เคยเป็นของท่านก็จะกลับคืนมา"
คนที่รับมีดมาหน้าถอดสี "นี่จะหมายความว่าจะให้ข้าฆ่าโคเอนอย่างนั้นหรอ!?"
"สิ่งนั้นท่านควรจะตัดสินใจเอง ส่วนตัวข้าคงจะต้องขอลาท่านตรงนี้" บัลคาร์กก้มโค้งคำนับองค์ชายผู้เปรียบเหมือนลูกชายคนหนึ่งของเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้าวขึ้นรถไป
"ดะ เดี๋ยว แล้วที่ท่านบอกว่าโคเอนปิดบังอะไรข้าอยู่ล่ะ?"
"เรื่องนั้นเดี๋ยวท่านก็ได้รู้เอง.."
ทันทีที่พูดจบรถลากที่เทียมด้วยแมลงปอตัวใหญ่ก็บินผ่านหน้าของภูติตัวน้อยออกไป ทิ้งไว้แต่เพียงภาระแห่งการตัดสินใจสีเงินที่ส่องแสงสะท้อนกับเส้นแสงของจันทรา
. . .
"ท่านพี่ เลิกโกรธข้าซักทีเถอะ ท่านก็รู้ว่าข้าขัดขืนคำสั่งองค์จักรพรรดิไม่ได้ อีกอย่างเกมออฟโ*รนซีซั่น8 จอน ตโนว์ยังไม่ตายนะท่านพี่ ข้าก็พูดไปอย่างงั้นแหละ" โคเมย์เดินเข้ามาง้อที่ชายด้วยแข้งขาอันอ่อนล้าหลังลงมาจากฟลอร์เต้นรำได้
"นั่นน่ะสิ อีกอย่างเจ้าควรจะเป็นห่วงเรื่องที่ข้าใช้เวทรักษากับเจ้ามากกว่า มันทำให้กล้ามเนื้อล้านะ คืนนี้เจ้าจะลุยศึกหนักไหวมั้ยข้ายังเป็นห่วงอยู่ เจ้าควรจะคิดเรื่องทายาทไว้ด้วยนะรู้มั้ย"
ฮาคุยูพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่แดงก่ำนิดๆด้วยฤทธิ์สุรา
โคเมย์ได้ทีเปลี่ยนเรื่อง ก็เออออไปกับพี่ชายคนโตฮาคุยูด้วยอย่างแนบเนียน
"จริงด้วย น่าจะให้ท่านพี่ดื่มยาบำรุงกำลังซักหน่อย"
"เหมือนฮาคุเรนจะพกอยู่นะ เห็นว่าเป็นยาที่ทำจากปิ๊กกาจู๊มังกรบดผสมกระชายดำได้ผลดีชะงักเชียวกินเม็ดเดียวเฟี้ยวยันเช้า หรือจะยาเ*ร็กคูก็มีนะ เห็นหน้าเจ้าเหนื่อยๆแล้วน่าเป็นห่วง" ฮาคุยูมองหน้าน้องชายก่อนจะตบบ่าเบาๆ นี่เขาอยากอุ้มหลานจะแย่แล้ว ถ้าน้องชายสุดรักจอมบ้างานมาปิ้วตอนเข้าหอ แล้วชาติไหนเขาจะได้อุ้มหลานกัน
'เหนื่อยเพราะมีพี่น้องแบบนี้นี่แหละ!!!'
โคเอนหรี่ตามองฮาคุยูที่กำลังเมากึ่มได้ที่พลางพูดบ่นเบาๆกับตัวเองในใจ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่เดินออกไปจากงานเลี้ยงไปด้วยอีกคน
"ดะ เดี๋ยวสิ จะไปไหนของเจ้าน่ะโคเอน?"
ฮาคุยูมองแผ่นหลังของน้องชายหัวรั้นที่เดินจากไปเงียบๆ ก่อนจะหันไปมองที่โต๊ะอาหาร ที่ฮาคุเรนกำลังสนุกอยู่กับเหล้าเชอร์รี่ห้อมล้อมด้วยนิมฟ์น้อยน่าตาจิ้มลิ้มสองสามคน
"อย่างน้อยก็มีคนสนุกอยู่ล่ะนะ" คนตัวสูงกุมขมับส่ายหัวไปมาก่อนจะหันไปหาโคเมย์ที่ยืนอยู่ข้างๆ
"แล้วจูดัลไปไหนล่ะเนี่ย ไม่เห็นหน้าเลยตั้งแต่เช้า"
"เหมือนว่าฤดูจะมา ฮาคุริวเลยตามขึ้นไปดูอาการข้างบนน่ะครับ"
.
.
.
ยามบ่ายเริ่มจะคล้อยเคลื่อน ดวงจันทร์สีเงินค่อยๆโปรยละอองจันทร์สีวับวาวคลุมห่มแปลงดอกไม้ทองคำในคฤหาสน์ต้นถั่วทีละนิด ราวกับหิมะแรกที่จะโปรยปรายในค่ำคืนของวันนี้ของทุกปี ภูติสีทองที่นั่งอยู่บนขอบของน้ำพุทองคำเอามือสัมผัสละลองสีสวยก่อนจะพบว่ามันอบอุ่นเหลือเชื่อ ในขณะที่ร่างกายเริ่มจะโงนเงนเล็กน้อยเมื่อถูกฤทธิ์ของสุราที่เพิ่งลิ้มลองเป็นครั้งแรกเล่นงานเข้าเสียเต็มเปา
"อาลีบาบา...มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้" น้ำเสียงทุ้มที่แสดงความเป็นห่วงดังขึ้น ก่อนที่เจ้าของชื่อจะพยายามซ่อนจมูกและขอบตาแดงเรื่อจากการร้องไห้เมื่อครู่อย่างสุดความสามารถ
"เห็นเจ้าไม่กลับเข้าไปซักทีเลยมาตามน่ะ"
"ขะ ข้ากำลังจะกลับเข้าไปแล้ว"
คนตัวเล็กรีบลุกขึ้นเดินผ่านโคเอนไป แต่ก็ถูกรั้งข้อมือเอาไว้ได้เสียก่อน ยังที่ไม่ทันจะได้พูดอะไรมากนัก ร่างบางก็ถูกดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอุ่นของคนตรงหน้าเสียแล้ว ดวงหน้างามถูกมือคู่ใหญ่ประคองขึ้นมาอย่างอ่อนโยน ก่อนดวงตาสีทับทิมของโคเอนจะเหลือบไปเห็นกองดอกไม้หล่นอยู่ตามพื้นเต็มไปหมด
"เจ้าร้องไห้"
"ขะ..ข้ากลัวว่าพวกโคเกียคุจะเป็นห่วง เลยคิดว่าเดี๋ยวอีกซักพักค่อยกลับเข้าไปน่ะ"
"งั้นหรอ" โคเอนมองใบหน้าที่พยายามหลบสายตาให้พ้นจากเขาก่อนจะก้มหน้าลงมาอีกจนปลายจมูกเกือบจะชนกัน "งั้นข้าเป็นห่วงเจ้าได้รึเปล่า?"
ดวงตาสีทองมองคนตรงหน้าอย่างประหม่า ในขณะที่กำลังอ้ำอึ้งทำอะไรไม่ถูกนั้นเองริมฝีปากได้รูปก็ค่อยๆแตะสัมผัสกลีบปากนุ่มสีแดงเรื่อของภูติสีทองตัวน้อยอย่างแผ่วเบา จนรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นของเจ้าของจุมพิตอ่อนละมุนที่ราวกับถ้อยคำปลอบประโลมนั้น ก่อนที่คนตัวสูงจะผละออกจากริมฝีปากอันหน้าหลงใหลตรงหน้า ไล้ปลายจมูกโด่งไปตามพวงแก้มแดงเรื่อน่ารัก ก่อนจะประทับริมฝีปากอย่างแผ่วเบา
"ทั้งๆที่กับโอเมก้าคนอื่นๆข้าไม่เคยจะรู้สึกอะไรเลยแท้ๆ แต่พอเป็นเจ้า แค่กลิ่นเพียงนิดเดียวมันก็ทำให้ร่างกายข้าร้อนจนแทบคลั่ง"
"โคเอน? อ่ะ ดะ เดี๋ยวก่อน!?" คนที่ถูกช้อนตัวอุ้มกอดคอเจ้าบ่าวแน่น "แค่งานเลี้ยงแค่นี้ข้าเดินไปเองได้น่า!"
"ไม่..เราจะไม่กลับไปงานเลี้ยงหรอก" โคเอนคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับท่าทางไม่ประสีประสานั่น ในขณะที่คนในอ้อมแขนยังไม่เข้าใจสถานการณ์
"อ่ะ เอ๊ะ?"
"ข้าอยากจะกอดเจ้าจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว"
อาลีบาบาก้มหน้างุดอย่างเขินอาย แต่ในขณะเดียวกันก็เกร็งจนมือสั่น กลัวว่าโคเอนจะสังเกตเห็นมีดที่ซ่อนเอาไว้ใต้กระโปรงชุดแต่งงาน
คนที่ถูกอุ้มมองดูทิวทัศน์เบลอๆรอบๆตัวอย่างมึนๆ ก่อนที่โคเอนจะอุ้มเขามาถึงห้องๆหนึ่ง ที่อย่างน้อยตัวเขาก็จำได้ว่ามันไม่ใช่ห้องของตัวเองแน่ๆ มันเป็นห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามและสามารถมองเห็นดวงจันทร์ดวงใหญ่จากเตียงได้อย่างชัดเจน
ร่างบางถูกวางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ในขณะที่โคเอนถอดเสื้อคลุมไปแขวน มือเล็กๆก็หยิบมีดที่ซ่อนเอาไว้ออกมาซุกเอาไว้ใต้หมอนอย่างแนบเนียน ก่อนที่เจ้าบ่าวของเขาจะกลับมาพร้อมกับแก้วที่รินสุราเอาไว้จนเกือบปริ่มสองแก้ว
"ยังไงวันนี้ก็เป็นวันมหาจันทราเรามาดื่มชมจันทร์กันก่อนเถอะนะ"
อาลีบาบารับแก้วมาก่อนจะยิ้มกลบท่าทีพิรุธของตนเอง มองโคเอนที่นั่งลงข้างๆกันจิบสุราเลิศรสที่รินไว้ในแก้ว ก่อนจะลองลิ้มรสของเหลวสีประหลาดที่ส่งกลิ่นหวานๆในแก้วดูบ้าง
ทันทีที่ริมฝีปากบางจรดขอบแก้ว กลิ่นหอมมึนเมารสชาติหวานล้ำของลูกท้อก็ดูเหมือนจะทำให้อาลีบาบาติดกับน้ำเมไรนี่อย่างง่ายดาย กระดกมันเข้าไปรวดเดียวราวกับว่ากำลังดื่มน้ำหวาน
"อ่ะ..นะ นี่มัน"
อาลีบาบาเอนตัวเข้าไปเกาะแขนของคนที่นั่งอยู่ข้างๆทันทีที่ดื่มสุรารสเลิศกลิ่นหอมในแก้วจนไม่เหลือซักหยด มือเล็กๆสั่นระริกก่อนจะปล่อยแก้วทิ้งลงกับพื้นส่งเสียงดังกังวานไปทั่วห้อง
"ข้าเคยบอกแล้วใช่มั้ย ว่าอย่าดื่มรวดเดียวหมดน่ะ"
ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองรึเปล่า แต่เสียงของโคเอนกลับดูเรียบเย็นอย่างหน้าประหลาด มือเล็กพยายามเกาะเกี่ยวแขนของคนข้างๆให้ทรงตัวนั่งอยู่ได้ ขณะที่โคเอนกำลังดื่มด่ำกับน้ำเมไรในแก้วอย่างช้าๆ อีกแขนหนึ่งก็โอบไหล่ร่างบางอันอ่อนเปลี้ยเอาไว้ในอ้อมแขนขณะที่มือคลี่มวยผมและมงกุฎดอกไม้ออกอย่างช้าๆ จนผมสีทองถูกปล่อยยาวสยาย
"คะ โคเอน หัวใจของข้ามันเต้นแรงมากเลย รู้สึกแปลกๆ"
มือใหญ่ๆยังคงลูบไปตามเรือนผมนุ่มอย่างช้าๆ ราวกับไม่ได้ยินน้ำเสียงที่ฟังดูทรมาณของคนที่ซบแผ่นอกกว้างของตัวเองอยู่แม้แต่น้อย กลับยังคงเพลิดเพลินกับแก้วสุราในมือ ทอดสายตามองพระจันทร์ดวงใหญ่ตรงหน้า
"โคเอน.. ระ ร้อน คะ โคเอน…"
นี่มัน..เหมือนกับตอนที่ฤดูจะมาเลย ทำไมถึงได้ร้อนขนาดนี้กัน? นี่คือฤทธิ์ของสุราพวกนั้นน่ะหรอ ทั้งๆที่กินเป็นจอกยังไม่รู้สึกร้อนวูบวาบขนาดนี้แท้ๆ
"เจ้านี่คออ่อนจริงๆ"
โคเอนวางแก้วลงบนโต๊ะเล็กๆข้างเตียง ก่อนจะก้มลงกดจูบหนักหน่วงลงบนขมับน้อยๆของเจ้าสาวที่ยังคงไม่ได้เปลี่ยนชุด ไล้ปลายจมูกไปตามใบหูแหลมๆที่แดงเรื่อน่าขบกัด ในขณะที่มือไม้เริ่มที่จะอยู่ไม่สุขเลื้อยไปตามรอยผ่ายาวของชุดกระโปรง เล้าโลมต้นขานุ่มนิ่มและสะโพกมนอย่างเชื่องช้าเนิบนาบ
"คะ...โคเอน ขะ ข้ายังไม่เข้าไม่เข้าฤดูพะ เพราะงั้น..."
"ข้ารู้..แต่ข้าทนให้ถึงตอนนั้นไม่ไหวหรอก" ดวงตาสีทับทิมจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีทองฉ่ำน่าหลงใหลก่อนจะประกบจูบหวานหอมที่มึนเมายิ่งเสียกว่ารสเมไรใดๆ เร่าร้อนเสียยิ่งกว่าอุณหภูมิร่างกายที่กำลังเดือดพล่าน ริมฝีปากได้รูปที่เจือรสสุราดูดดุนกลีบปากนุ่มให้โอนอ่อนคล้อยตามแต่โดยดี ก่อนที่จะผ่อนลมหายใจแล้วดันริมฝีปากให้ประกบติดกันแน่นขึ้นจนไม่มีแม้แต่พื้นที่ให้อากาศได้แทรกเข้าไป หลอมละลายลมหายใจร้อนให้เป็นหนึ่งเดียวกันช้าๆ ก่อนจะถอนจุมพิตอันมึนเมาออกอย่างอ้อยอิ่ง
"ข้าต้องการเจ้าเดี๋ยวนี้ อาลีบาบา"
ภูติสีทองมองดวงตาสีทับทิมที่ดูเว้าวอนงดงามนั่นด้วยใบหน้าแดงก่ำ ก่อนที่จะสะดุ้งอีกครา เมื่อโคเอนก้มลงประทับจูบอันมึนเมานั่นอีกหนอย่างแนบแน่นกว่าครั้งไหนๆ ลิ้นอุ่นผ่านการขัดขืนเล็กๆอันไร้เรี่ยวแรงเข้ามาเชยชมโพรงปากหวานที่หอมหวนไปด้วยเมไรอย่างง่ายดาย ซุกไซร้ไปทั่วเพดานปากอย่างชำนาญการ ก่อนจะตวัดเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กๆที่พยายามดิ้นหนีอย่างเปล่าประโยชน์
"อะ..อือออ..."
เสียงหวานครางออกมาราวกับกำลังประท้วงอย่างไม่พอใจ แต่กลับหารู้ไม่ว่าน้ำเสียงนั้นมันช่างเย้ายวนเชิญชวนเพียงใด กระตุ้นอารมณ์ของกุยหนุ่มที่ไม่เคยได้สัมผัสรสรักใดมาเกือบ20ปี ตั้งแต่วันที่พวกเขาต้องแยกกัน ทั้งน้ำเสียงนี้ เรือนร่างนี้ ริมฝีปากนี้ เป็นสิ่งที่เขาคิดถึงเหลือเกิน
ปลายนิ้วเรียวพันเกี่ยวเชือกไม่กี่ที ชุดสวยงามนั้นก็ค่อยๆคลายออกเล็กน้อยพอให้แทรกมือเข้าไปใต้ชุดทิ้งรอยสัมผัสไว้บนผิวขาวน้ำนมและยอดอกนวลเนียนให้ความรู้สึกดียามที่นิ้วสากสัมผัสไล้วนไปรอบๆอย่างเนิบนาบ
หากเป็นไปได้ล่ะก็เขาอยากจะทำมันไปทั้งแบบนี้เลย...
"อะ อืมมม คะ โคเอน"
คนตัวเล็กหอบหายใจด้วยเลือดในกายที่สูบฉีดอย่างรุนแรง เมื่อทุกสัมผัสที่รุกเร้าเข้ามาอย่างกระทันหันนั้นถูกถอดถอนไปจนสิ้น ก่อนร่างบางจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อสัมผัสอันไม่คุ้นชินแตะลงตรงจุดอ่อนนุ่ม
"อ้ะ!.. โคเอน จะ ทำอะไรน่ะ!"
นิ้วมือที่ชุ่มไปด้วยของเหลวลื่นๆเมือกๆสอดแทรกเข้ามายังช่องทางสีสวย จนสะโพกมนกระตุกเกร็งยกขึ้นจากเตียงนุ่ม ก่อนที่โคเอนจะประคองเอวที่ยกสูงขึ้นแล้วฝากรอยจูบสีกุหลาบไว้ที่ต้นขานวลเนียน เรียกเสียงครางฮือน่ารักเบาๆในลำคอของภูติสีทองตัวน้อย
"อ่ะ อ๊าาา มะ ไม่ ดะ เดี๋ยวก่อน"
น้ำเสียงหอบ ผสมปนเปกับเสียงคราง ชักจูงสติของกุยหนุ่มให้มึนเมาก่อนนิ้วมือเรียวทั้งสองนิ้วค่อยๆรุกล้ำเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ ป้ายสัมผัสชื้นแฉะไปตามช่องทางคับแคบ จนเอวบางบิดเกร็งด้วยความเสียวซ่านที่สอดเข้ามาหมุนเคว้งอยู่ภายในกาย มือเล็กๆเกาะเกี่ยวผ้าปูเตียงเอาไว้แน่นจนเปียกชื้น ก่อนที่ร่างกายใหญ่จะเบียดแทรกตัวเข้ามาตามเรียวขาที่ถูกจับแยกออก ขณะที่ปลายนิ้วก็ยังคงขยับวนอย่างช่ำชอง เรียกเสียงครางหวานน่าฟังได้ไม่หยุดหย่อน
"บอกข้าสิว่าเจ้ารู้สึกดี" คนตัวใหญ่ก้มลงกระซิบที่ดูราวเหมือนกับแกล้ง ยิ่งเขาก้มต่ำมากเท่าไหร่นิ้วมือก็ยิ่งถูกดันลึกเข้าไปอีกเท่านั้น
"อ๊าา อ่ะ ระ รู้สึกดี"
"อะไรนะ"
"อ่ะ อร๊าาาาาาา"
โคเอนที่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินขยับตัวก้มลงดันนิ้วเข้าไปจนลึกสุดโคน ก่อนจะแกล้งขยับสะโพกให้แรงขยับนั้นดันนิ้วมือเสียดสีเข้าออกไปมา
"อ้ะ รู้.. อึก ฮ่ะ ข้า อ๊ะ..ระ.. รู้สึก...ดี"
ลิ้นน้อยๆที่พันกันค่อยๆพูดเค้นประโยคออกมาอย่างยากลำบาก ก่อนที่ริมฝีปากแดงช้ำจะถูกประกบเข้าอีกคราโดยเจ้าของนันย์ตาสีอัญมณีงดงาม ลิ้นร้อนตักตวงความปราถนาที่เฝ้าโหยหาด้วยความต้องการอันไม่สิ้นสุด ทั้งรสสัมผัสและลมหายใจหอมหวาน กระทั่งหยดน้ำสีใสค่อยๆไหลหยดลงมาตามมุมปากและคางมนของดวงหน้าหวานสวย
ใบหน้าหวานที่มึนเมาไปกับรสจูบค่อยๆนิ่วหน้าอย่างทรมาณ เมื่อลมหายใจค่อยๆเบาบางลง เช่นเดียวกับสติความนึกคิดที่ถูกย้อมเป็นสีขาวโพลน ส่งเสียงครางออกมา พลางใช้มือที่ไร้เรี่ยวแรงตะกุยแผ่นอกกว้างก่อนที่จะขาดใจ ทำให้คนตัวใหญ่จำต้องถอนจูบออกมาด้วยใบหน้าอาวรณ์ ให้คนในอ้อมกอดได้พักหายใจ
"ฮะ แฮ่กๆ แฮ่กๆ"
"ดูหน้าเจ้าตอนนี้สิ"
มือใหญ่ประคองไปหน้าแดงซ่านที่หอบหายใจแรง ก่อนจะจูบลงบนหน้าผากน่ารักของคู่นอนอย่างหนักหน่วง "น่ารักมาก.." น้ำเสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูแหลมที่กระดิกเล็กน้อยอย่างรู้สึกเสียววาบ ก่อนนิ้วเรียวจะถอนออกมาจากช่องทางอุ่นที่ตอนนี้เฉอะไปด้วยของเหลวสีใส
"โคเอน.."
คนตัวเล็กครางชื่อของคนตรงหน้าออกมาอย่างแผ่วเบา ในขณะที่มือใหญ่ทั้งสองข้างของโคเอนลูบไล้ไปตามผิวผ่านสาบเสื้ออ่อนละมุน ริมฝีปากได้รูปค่อยๆบรรจงประทับลงบนผิวนวลอย่างอ่อนโยนชวนดวงตาคู่สวยให้พร่าเลือนไปอย่างเคลิ้มฝัน
"อย่างนั้นแหละ"
เสียงนุ่มกระซิบเบาๆก่อนจะจับสะโพกมนในยกสูงขึ้น
"อ่ะ.."
คนตัวบางนิ่วหน้าเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่หนักหน่วงยิ่งกว่านิ้วมือที่ปลายจุดช่องทางอ่อนไหว ก่อนจะผวาเกาะแขนของโคเอนแน่น ดวงตาสีทองมองสิ่งที่คนตรงหน้ากำลังสอดใส่เข้ามาก่อนจะส่ายหัวเป็นพัลวัน ด้วยขนาดของกุยที่โตเต็มวัย กับภูติสีทองที่เหมือนกับดอกตูมที่เพิ่งจะผลิกลีบ เรื่องสอดใส่ดูแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
"โคเอน ข้า มะ..ไม่ไหว จะ จริงๆนะ อ้ะ"
"ข้าไม่อยากจะใส่เข้าไปทั้งๆที่เจ้ายังเกร็งอยู่หรอกนะ" คนตัวใหญ่เอ่ยขึ้นเรียบๆขณะที่กำลังดันส่วนปลายเข้ามาเรื่อยๆ
"อ่ะ อึก ฮะ..มะ ไม่ไหว"
"ต้องไหวสิ.."เสียงทุ้มกระซิบก่อนจะเลื่อนริมฝีปากลงมาประทับกับแอ่งชีพจรเบาๆ โลมเล้าไปตามคอและแผ่นอกราบเรียบอย่างเนิบนาบ ให้คนตัวเล็กในอ้อมกอดหายเกร็ง
"อ้ะ โคเอน จะ เจ็บ! ฮึก"
คนตัวเล็กกัดฟัน กลั้นเสียงร้องอย่างทรมาณ เมื่อสัมผัสได้ว่าแท่งร้อนนั้นผ่านเข้ามาในลำตัวของเขาได้ลึกแค่ไหน และในความรู้สึกเจ็บเจียนคลั่งที่แทบจะบดขยี้ช่องทางสีสวยให้แหลกลาญ กลับมีความรู้สึกที่เบาหวิวกระจุกรวมกันอยู่ที่ท้องน้อย ให้ความรู้สึกดีปนเสียวอย่างน่าประหลาด
"ดีมากอาลีบาบา"
คนตัวใหญ่จูบซับน้ำตาเม็ดกลมที่รินไหลออกมาจากดวงตาคู่งาม ก่อนที่จะดันส่วนที่เหลือเข้าไปจนเกือบถึงครึ่งทาง "เห็นมั้ย มันเข้ามาถึงขนาดนี้แล้วนะ"
"อ่ะ...ระ..รู้ สึกแปลกๆ ทะ ท้องน้อยมัน...อ่ะ อร้า"
คนตัวเล็กหายใจไม่เป็นจังหวะ เมื่อรู้สึกว่าลมในท้องของเขาตีกันปั่นป่วนสั่นสะท้านไปทั่วทั้งกาย ในหัวเองก็ตื้อไปหมด
คนตัวใหญ่หัวเราะเบาๆในลำคอ ก่อนจะกระตุกยิ้ม "ข้างในตัวเจ้ามันสั่น รัดแน่นไปหมด จนข้าแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว" จมูกโด่งฝังลงในซอกคอขาวชื้นเหงื่อสูดกลิ่นหอมที่เหมือนกับดอกไม้ของภูติตัวน้อยก่อนจะกัดลงไปเบาๆจนเกิดรอยแดง
"อ้ะ คะ โค..เอน ยะ อย่า ละ ลึกเกินไป… ฮ่ะ"
คนตัวสูงค่อยๆขยับเอวอย่างช้าๆไปมาให้พอลื่นไหลไปได้อย่างยากลำบาก ด้วยอุณหภูมิร่างกายร้อนที่ตอดรัดตรงส่วนนั้นจนแน่นราวกับพึ่งใส่เข้ามาครั้งแรก กับกลิ่นอันน่าคิดถึงนั้นมันทำให้เขาแทบจะเป็นบ้าจริงๆ ทั้งช่วงเวลายาวนานที่ความถวิลหาทับถมกันสูงเสียยิ่งกว่าขุนเขา ทั้งความรู้สึกอันรุนแรงที่เต้นเร่าอยู่ในอก
มันทำให้โคเอนไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป
"อ่ะ ฮร้างงงงงงงงง"
ร่างสูงกระแทกส่วนที่เหลือเข้าไปอย่างหนักหน่วงจนสะโพกมนเกร็งกระตุกแอ่นสุดแรง ทันใดนั้นเองน้ำหยดสีขาวข้นของภูติตัวน้อยก็พุ่งไหลเปรอะเปื้อนชุดเจ้าสาวหลุดๆลุ่ยอย่างน่าอายย้อมตรงส่วนปลายและแก่นรับรู้ความรู้สึกให้ชุ่มไปด้วยคราบของตัญหา ก่อนที่โคเอนจะขยับเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆผสมปนเปกับเสียงครางหวานชวนคิดถึง
"ฮ่ะ..ฮ่ะ...ฮ่าา อ่ะ...ฮึก"
มือคู่ใหญ่ดึงร่างบางเข้ามากอดเอาไว้แน่นราวกับว่า หากไม่กอดเอาไว้คนตรงหน้าเขาก็จะอันตรธานหายไปอีกครา ดั่งเช่นในความฝันที่เขาฝันเห็นทุกค่ำคืน จนบ่อยครั้งนักที่เขาเริ่มจะแยกไม่ออกระหว่างความจริงกับความฝัน
ร้องออกมา จิกปลายเล็บนั้นลงมา เพื่อที่ข้าจะได้รู้ว่าเจ้ายังอยู่ตรงนี้...
"ขะ..ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน..อาลีบาบา..."
"ฮะ ฮะ ฮือ คะ โค..เอน..."
คนตัวเล็กร้องครางไม่เป็นภาษาจนน้ำเสียงแทบจะหลอมละลายไปกับค่ำคืนอันยาวนาน มือเล็กเกร็งจิกแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่น ก่อนจะวาดรอยเล็บเป็นรอยทางยาวบนหลังกว้าง
"ฮ่ะ ฮะ ขะ ข้าไม่ไหว.. "
'ทั้งที่เสร็จไปแล้ว แต่ทำไมกลับยังรู้สึกดีขนาดนี้...'
อาลีมองภาพของดวงจันทร์ที่กำลังพร่าเลือนไปพร้อมกับความคิดทั้งหมดทั้งมวลในหัว นอกจากเสียงเนื้อที่เสียดสีกันไปมากับร่างกายชื้นเหงื่อที่สอดประสานกัน เขาก็คิดอะไรไม่ออกอีกเลย…
"อาลี..ข้าจะ...ฮะ"
โคเอนนิ่วหน้าก่อนจะกอดรัดร่างในอ้อมแขนสุดแรงพลางกลั้นเสียงครางต่ำเอาไว้ลำคอ ก่อนที่ของเหลวอุ่นจะทะลักเข้ามาเต็มช่องทางอันคับแคบพร้อมกับความเสียวซ่านที่แทบจะลืมหายใจ
"อร้าาา.."
ความรู้สึกของบางอย่างที่พุ่งผ่านช่องท้องน้อยทำให้ภูติน้อยผวาจิกแผ่นหลังตึงแน่นจนเลือดซิบ ก่อนจะค่อยผ่อนลมหายใจร้อนรดลงบนไหล่กว้าง เมื่อโคเอนค่อยๆถอนลำตัวออกห่างพร้อมกับของเหลวที่ค่อยๆไหลออกมาจากลำตัวของเขา ย้อมผ้าปูเตียงทีขาวสะอาดด้วยสีขาวขุ่น ปนสีแดงชมพูในขณะที่ช่องทางรักสีแดงช้ำยังคงสั่นเต้นไม่หยุด
กุยหนุ่มฝังจมูกคมสันลงบนซอกคอหอม ก่อนจะประทันรอยจูบสีแดงกุหลาบตัดกับผิวสีน้ำนมสวย สำหรับเขาแล้วกับการรอมาหลายสิบปี แค่นี้มันยังไม่สาแก่ใจหรอก ใบหน้าหล่อคมถอนจูบออกมาช้า ก่อนจะใช้มือที่ชื้นเหงื่อประครองใบหน้าอันเหนื่อยอ่อนขึ้นมาจุมพิตเบาๆ
"เจ้าต้องชดใช้..ที่ทำให้ข้ารอนานถึง18ปี"
.
.
.
"ตื่นเช้ามาก็ยิ้มหน้าบานเลยนะ" เสียงนุ่มทุ้มเจ้าของเรือนผมสีน้ำหมึกและท่าทางอันสง่างามเดินลงมาในชุดคลุมหลวม มองโต๊ะอาหารที่กองพูนไปด้วยจานชามสูงเกือบท่วมหัวคนที่นั่งอยู่
"ข้ายังไม่ได้นอนต่างหากล่ะครับ" คนตัวสูงพูดเรียบๆพลางใช้มีดคมสีเงินวาวที่ปลายด้ามแกะสลักสวยงามหั่นขนมปังก้อนใหญ่กินเล่นเป็นขนมหลังอาหารเช้า(มืด)
"เจ้าควรไปอาบน้ำนะ กลิ่นของเจ้ามันตีปนกับภูติสีทองจนมั่วไปหมด ลามกจริงๆ" ดวงตาคมหรี่ตามองคนที่นั่งกินมื้อเช้าอย่างสบายใจ นี่ถ้าน้องๆเด็กๆลงมาเจอเข้าจะว่ายังไง
"ข้าอาบไปรอบหนึ่งแล้ว ท่านนั่นแหละที่จมูกดีเกินไป"
คนที่นั่งกินยังคงทำสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะเอามีดคมที่ใช้ตัดขนมปังเมื่อครู่มาเปิดซองจดหมาย ที่เพิ่งได้รับมา หน้ากระดาษถูกประทับตราด้วยสีน้ำเงินอันคุ้นตา
"แล้วนั่นมีดอะไรของเจ้า"
ฮาคุยูหยิบมีดคมสีเงินงานประณีตที่รูปร่างค่อนไปทางกริช ดูเหมือนว่ามันจะเหมาะสำหรับแทงมากเสียกว่าเอามาหั่นเปิดอะไรเสียอีก "เอามีดสวยๆมาหั่นขนมปังเล่นแบบนี้เสียของแย่"
โคเอนทำเสียงหึในลำคอ ก่อนจะยกแก้วน้ำใกล้ๆมือขึ้นมากระดก
"คงต้องปักบนหัวใจข้าล่ะมั้งถึงจะไม่เสียของ"
"พูดอะไรของเจ้า...แล้วนี่จะไปซินเดรียเมื่อไหร่ เจ้านี่มีอะไรก็ชอบมุบมิบเอาไว้คนเดียวอยู่เรื่อย" คนตัวสูงวางมีดเล่มงามลงก่อนจะนั่งลงถอนหายใจยาวให้กับนิสัยชอบมีลับลมคมนัยของน้องชายคนโปรด
"คงหลังจากงานแต่งอีกซักพัก แต่คิดว่าเขาคงจะไม่สงสัยอะไร"
"ซินแบดไม่ใช่คนที่จะต่อกรได้ด้วยง่ายๆ ทันทีที่เขาสงสัยว่าภูติสีทองยังไม่ตาย นั่นหมายความว่าเขาได้คำตอบทุกอย่างที่เขาต้องการแล้ว เจ้าควรจะระวังมากกว่านี้นะ" ผู้เป็นพี่ชายคนโตยังคงเตือนน้องชายด้วยสีหน้าเป็นห่วงเมื่อเห็นท่าทีที่ดูจะติดสบายใจเกินไป กับใบหน้าที่เรียบเฉยของเด็กน้อย(?)ตรงหน้า
"ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ครั้งนี้ข้าจะไม่มีวันพลาดอีกเด็ดขาด"
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
✿คามิลเคียตส์ - ถ้อยคำของพระเจ้า มาจาก 神の言葉(คามิโนะโคโตะบะ) เป็นภาษาที่ใช้เฉพาะในหมู่เทพเท่านั้น //อย่าถามไรท์เลยนะว่ามันมาได้ยังไง555 กลิ่นกาวนี่โชยหึ่งเชียว
ปรากฏตัวละครที่สามารถใช้คามิลเคียตส์ได้ 2 คน : จูดัล อาลีบาบา (ไม่นับโคเอน)
✿ทำไมโคเอนถึงใช้คามิลเคียตส์ได้? ไม่ใช่เทพซะหน่อย
การที่คนธรรมดาจะใช้ได้มีหลักง่ายๆอยู่ค่ะ นั่นคือการพูดคุยกับเทพซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการปฏิญาณตนหรือพิธีสาบาน เหมือนกับเวลาผู้ใหญ่พูดกับเราด้วยภาษาสุภาพ เราก็ต้องตอบกับไปด้วยภาษาสุภาพค่ะ
ตัวอย่างเช่น
แม่: เช้านี้รับประทานอะไรรึยังคะคุณหญิงลูก
เรา: ลูกรับประทานตับหมูไปเรียบร้อยแล้วค่ะเสด็จแม่
(ความจริงครอบครัวไรท์ไม่ได้พูดกันอย่างนี้นะ5555)
✿สังเกตยังไง?
รูปประโยคส่วนมากของคามิลเคียตส์จะขึ้นด้วยคำว่า "วีเกียไฮ หรือ วีเกีย" ที่มีความหมายว่า "ตัวข้า" //มาจาก吾輩(วากาไฮ)
✿ รู้สึกเหมือนว่าอาจารย์ภาษาญี่ปุ่นกำลังร้องไห้ ☆=(ゝω・)/ บรัยยยย ขอบคุณหลายๆคนที่ยังตามอ่านอยู่นะคะ เพราะเรื่ยงนี้อัพช้ามากจริงๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น