วันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2560

[FIC MAGI] ESCAPE เราจะหลบหนีจากโชคชะตา (เรน โคเอนXอาลีบาบา) CHAPTER9 [real]





ไม่ว่าใครก็ต่างหลงใหลในดวงไฟที่เปล่งประกายโชติช่วง
แม้จะสวยงามเพียงใด ความร้อนนั้นก็ยังคงทำให้ทองคำต้องหลอมละลาย




       ราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นอยู่ในอากาศทุกหนทุกแห่งในห้องโถงประชุมในขณะนี้ ทุกฝ่ายต่างหยุดนิ่งจนรู้สึกได้ว่าแม้แต่มวลอากาศก็ยังหยุดเคลื่อนไหว ต่างฝ่ายต่างจ้องมองเข้าไปในดวงตาของกันและกันราวกับจะดูดกินเลือดเนื้อ แต่ผู้ที่ตกที่นั่งลำบากที่สุดในตอนนี้คงจะไม่พ้น
มือขวาหน้าใหม่ 'อาลี'


“น่าผิดหวัง เห็นทีว่าข้าคงจะต้องขอตัวกลับล่ะ...” น้ำเสียงของชายชราราวกับเสแสร้งแกล้งทำ ก่อนปลายเท้าในรองเท้าหนังสัตว์ราคาแพงจะค่อยๆหมุนตัวออกจากห้องประชุมอย่างช้าๆ ช้าซะจนเหล่าทหารผู้ติดตามองค์ชายและองค์หญิงแห่งเจิดจรัสต่างก็อยากจะช่วยเตะตูดเจ้าแก่นี่ออกไปให้พ้นวังเร็วๆซะใจแทบขาด ทุกสายตามองย่างก้าวที่เนิบนาบนั่นอย่างลุ้นระทึก ในใจของทุกคนต่างภวนาให้เจ้าพวกคนเขาคนดอยนี่ออกไปให้พ้นๆห้องซะที แล้วก็ไม่ต้องกลับมาอีก!
 ก่อนเสียงของดาบที่กระทบเข้ากับฝักโลหะเนื้อดีจะดังเสียดขึ้นมา เรียกให้ทุกสายตาหันกลับไปมองไม่เว้นแม้แต่ท่านทูตและเหล่าผู้ติดตามที่กำลังเดินออกจากห้องก็ยังต้องหยุดฝีเท้า...
 ร่างสูงเก็บดาบลงก่อนจะค่อยๆย่อตัวลงท่ามกลางสีหน้าแตกตื่นของผู้คนในห้องประชุมและผู้ติดตามทั้งหลาย แม้แต่อาลีที่รู้ว่าโคเอนนั้นเป็นคนรักศักดิ์ศรีมากเพียงใดก็ยังคงต้องหน้าถอดสีเมื่อเห็นแม่ทัพแห่งเจิดจรัสผู้เกรียงไกรก้มลงคุกเข่าต่อหน้าทูตจากแคว้นเล็กๆต่อหน้าตน

"ต้องขอประทานอภัยด้วยหากคนของข้าได้ล่วงเกินท่านไป"
 "ท่านโคเอน!" ร่างบางที่ยังคงทรุดอยู่เบื้องหลังเรียกชื่อผู้เป็นนายเสียงหลง ก่อนเสียงซุบซิบ และสายตาไม่พอใจจะมองมาทางเขาโดยที่เขาเองไม่เข้าใจแม้แต่น้อย 


"เป็นแค่แคว้นเล็กๆแท้ๆ บังอาจนัก..."
"ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนั้นล่ะก็.."
"นังผู้หญิงนั่นทำให้ศักดิ์ศรีของท่านโคเอนต้องแปดเปื้อน"
เสียงซุบซิบดังระงมทั่วท้องห้องประชุมใหญ่อันครุ่กครุ่นไปด้วยบรรยากาศที่แสนอึดอัดใจ ในขณะที่ใบหน้าของเหล่าทูตที่มาเยือนกลับกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างผู้มีชัย 
 "ถ้าหากท่านพูดถึงขนาดนั้นล่ะก็ หากข้าทำเมินเฉยก็คงจะเสียน้ำใจแย่สินะเนี่ย" ชายท่าทางมีอายุพูดด้วยน้ำเสียงที่ชวนป่วนประสาทท่ามกลางความไม่พอใจของทุกคนที่อยู่ในห้องประชุม


"เจ้านั่น ตั้งใจจะให้ท่านโคเอนคุกเข่าขอร้องมันแต่แรกแล้วสินะ" ฮาคุเอย์พูดกระซิบกระซาบกับชายร่างเล็กที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างหงุดหงิด "น่าสงสารเด็กนั่นที่ต้องมาเป็นแพะรับบาปเรื่องนี้ไป"
ดวงตาสีนิลสวยมองไปยังเด็กสาวที่ช่วยประคองโคเอนให้ลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างเป็นห่วง
เห็นได้ว่าเด็กสาวผู้นี้ไม่ได้เป็นที่ยอมรับของเหล่าทหารหรือผู้ติดตามของโคเอนเลยแม้แต่น้อย 
"ไม่ว่าใครก็อยากจะเป็นผู้ที่ท่านโคเอนไว้ใจกันทั้งนั้น แต่อยู่ๆตำแหน่งมือขวาก็โดนเด็กสาวที่ไหนก็ไม่รู้ ที่อยู่ๆก็โผล่มาแย่งไป เจ้าพวกนั้นคงจะเจ็บใจกันน่าดูเลยสินะ" ฮาคุเอย์เอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา ท่ามกลางคลื่นเสียงกระซิบที่ถาโถมมุ่งทำลายเด็กสาวผมทองเบื้องหน้าของเธอให้ย่อยยับ 
 "แต่ว่านางก็ไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อยนี่ขอรับ ดูยังไงฝ่ายนั้นก็เป็นฝ่ายหาเรื่องก่อนเห็นๆ" ชายหนุ่มร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีฟ้าขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจกับผลของเรื่องที่เกิดขึ้นซักเท่าไหร่
ก็เห็นๆกันอยู่ว่ามือขวาของท่านโคเอนไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่น้อย

"จะผิดหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกัน ปัญหาก็คือ' สถานะ' ของท่านโคเอนต่างหาก"

ชายผู้ติดตามนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนพยายามคิดตามคำพูดของผู้นายตน 
ไม่ว่าจะผิดหรือไม่แต่ถ้าหากท่านฮาคุเอย์ต้องมาคุกเข่าขอโทษคนที่มีศักดิ์ต่ำกว่าเพราะอีกฝ่ายเอาเรื่องของตนมาอ้าง สรุปว่าตัวของข้าก็จะผิดอยู่ดีแม้ว่าจะไม่ได้ทำผิดก็ตามสินะ...

"ท่านโคเอนกำลังคุกเข่าเพื่อปกป้องหญิงที่รัก แต่เพราะฐานะต่างกันเกินไปที่เป็นอุปสรรคขวางกั้นความรักระหว่างพวกเขาทั้งสอง ทำให้เด็กสาวผู้นั้นต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบาก นี่แหละที่เรียกว่าความรักนำมาซึ่งบาดแผล.." ฮาคุเอย์พูดสิ่งที่เหมือนกับบทนิยายรักน้ำเน่าด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นและแววตาส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับเหมือนมีออร่าสีชมพูปลิวว่อน

หนุ่มผู้ติดตามร่างเล็กถึงกับกุมขมับก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ 
"ไม่ใช่มั้งขอรับ" 



ความตรึงเครียดที่ไม่มีแววจะยุติลงง่ายๆนี้ ในขณะที่โคเอนยังคงมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้อนต่อรอยยิ้มเหยียดหยามของเหล่าคณะทูตเบื้องหน้า ร่างกายสูงใหญ่ขยับขึ้นมาบังผู้ติดตามหน้ามนที่ยืนอยู่เบื้องหลังของตนเมื่อเห็นถึงสายตาไม่น่าไว้วางใจมองมา
 "น่านับถือใจท่านจริงๆองค์ชายโคเอน เอาเรามาคุยเรื่องที่ค้างกันเอาไว้ซักหน่อยเป็นไง" จิ้งจอกเฒ่าจอมเจ้าเล่ห์ยิ้ม ก่อนจะเบนสายตาไปยังผู้ติดตามที่อยู่เบื้องหลังร่างสูงเป็นเชิงว่า พวกเขาจะไม่เริ่มคุยตราบใดที่คนคนนี้ยังอยู่ในห้องประชุม


"อาลีนายออกไปซะ"


“ตะ แต่ว่า...” 


“ออกไป”
เสียงเรียบเย็นกระตุกหัวใจของอาลีให้ลงมาอยู่ที่ตาตุ่ม 
ดวงตาคู่สวยบัดนี้ไม่อาจแม้แต่จะสบตาเหล่าทหารหรือใครก็ตามที่อยู่ห้องนี้ได้ซักวินาที สายตาคาดโทษของเหล่าผู้คนที่อยู่ในห้องมองไล่หลังออกมาจนรู้สึกได้ถึงมวลอากาศหนักอึ้งที่กดทับเขาจนรู้สึกหายใจไม่ออก
 ใบหน้าสวยที่ชาเสียจนรู้สึกเพียงแค่ความเย็นวูบที่พัดผ่านมาก้มรับคำจากผู้เป็นนายเหนือหัว ก่อนจะเดินออกจากห้องโถงรับรอง ในทุกย่างก้าวเจ็บปวดราวกับคมมีดทิ่มแทง...
      ทันทีที่ประตูบานใหญ่ปิดสนิทขาคู่นั้นของอาลีก็พาวิ่งออกไปจากหน้าห้องโถงใหญ่
 วิ่งออกไปไกลสุดเท่าที่จะไกลได้ โดยที่ก็ไม่รู้ว่ามันจะนำพาเขาไปทางไหน รู้เพียงแต่จะต้องวิ่งออกไปจากตรงนี้เท่านั้น!
 

วิ่งออกไป ก่อนที่ความรู้สึกที่เก็บกลั้นไว้จนถึงตอนนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นหยาดน้ำ ดวงตาร้อนผ่าวไม่แม้แต่จะหันไปมองผู้คนที่เดินสวนมาแม้แต่น้อย...
      ทุกสิ่งที่สะท้อนอยู่ในดวงตาคู่งามบิดเบี้ยวไปตามม่านน้ำใสที่ก่อตัวดั่งเมฆฝน ทั้งเปียกชื้นและไม่สบายตัว จนแม้แต่
สายลมที่พัดปลอบประโลมก็มีแต่จะทำให้ความรู้สึกรบกวนใจเพิ่มพูนขึ้นเท่านั้น 


   ชายหนุ่มผมสีดำขลับแต่งกายด้วยเสื้อผ้าดูดี มองไล่ตามแผ่นหลังเล็กๆของหญิงสาวที่ก้มหน้าก้มตาวิ่งผ่านเขาไปเมื่อกี้นี้อย่างไม่คุ้นเคย ด้วยเพราะกลิ่นหอมๆที่สะบัดพริ้วไปตามแรงลมจากเส้นผมสีทองสวยนั่น ทำให้เขาอดที่จะอยากรู้อยากเห็นใบหน้าของเธอผู้นั้นไม่ได้

"หรือว่าจะเป็นองค์หญิงจากแคว้นเหมันต์?"ชายหนุ่มหันหน้ากลับมามองทางอีกครั้งก่อนจะสะบัดความคิดวอกแวกออกไป
จริงสิ! ถ้าเราไม่รีบหาโมลเซียน่าให้เจอล่ะก็เป็นเรื่องใหญ่แน่...


.

.

.

ทั้งๆที่มันไม่ใช่ความผิดของฉันเลยซักนิด!
คนที่เอาแต่พูดอะไรเอาแต่ใจก็คือโคเอนนั่นแหละ!
ถ้าหมอนั่นไม่พูดออกมาอย่างนั้นล่ะก็...

"ว้ายยยยยย" เสียงหวานร้องออกมาอย่างเคยชิน ก่อนจะเผลอเอามือปิดปากอย่างลืมตัวโดยที่ไม่สนว่าตัวเองกำลังล้มกระแทกพื้น ร่างอรชรล้มก้นจ้ำเบ้าก่อนจะค่อยๆเงยหน้ามองบุคคลที่เธอพึ่งวิ่งชนเมื่อครู่นี้

ชายร่างท้วมผู้มีหนวดเครายาวสีเข้มที่ยืนอยู่เบื้องหน้านั้นมีบางสิ่งที่ทำให้อาลีสะดุดตาหากจะบอกว่าหนุ่มก็คงไม่ใช่เมื่อมองตามรอยย่นบนใบหน้า แต่ก็ไม่ได้ดูแก่ถึงขนาดนั้น...
ชายร่างท้วมสูงใหญ่มองมาที่เด็กสาวอย่างพินิจพิจรณาก่อนจะก้มตัวลงมาค่อยๆประคองร่างที่ล้มกองอยู่บนพื้นอย่างทะนุถนอมราวกับเป็นดอกไม้กลีบบาง จนดวงหน้าสวยได้แต่รับความช่วยเหลือนั้นอย่างแปลกใจจนลืมที่จะเอ่ยปากกล่าวคำขอโทษ
"เจ้าร้องไห้มางั้นรึสาวน้อย" ชายร่างท้วมที่มีเส้นผมปล่อยยาวและเคราเฟิ้มสีเข้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่นก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในอกเสื้อให้เด็กสาวที่ดวงตารื้นไปด้วยหยาดน้ำใส โดยที่ไม่คิดกล่าวตำหนิแม้แต่น้อย

     อาลีรับผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดมาอย่างกล้าๆกลัว ชายตรงหน้าเขานี้หาได้ใส่ชุดสีเขียวที่บ่งบอกถึงสีของข้าทาสบริวาณไม่ แต่กลับใส่ผ้าไหมที่ปักลวดลายประณีตงดงามราคาแพงของผู้มีฐานะที่ไม่ธรรมดา เกรงว่าอาลีคงจะเสียมารยาทกับท่านผู้นี้ไปเสียแล้ว
ร่างบางถึงกับรีบคุกเข่าลงกับพื้นอย่างแรงจนแม้แต่ชายที่ยืนอยู่ก็สัมผัสได้ถึงระดับความแรงที่หัวเข่ากระแทกกับพื้นทางเดินที่เป็นหินขรุขระ 
"ท่านผู้สูงศักดิ์ ต้องขอโทษด้วยที่ล่วงเกินท่าน ขะ ข้า.." 

"หึหึ" ชายร่างท้วมหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นมือที่กุมกันแน่นของคนเบื้องหน้านั้นสั่นไหว จนอดที่จะเอ็นดูไม่ได้ "เจ้าอยู่ในวังแต่ไม่รู้จักข้างั้นรึ?" 

"อ่ะ..เอ่อ...คือ ข้า" ดวงตาคู่สวยสั่นระริก ก่อนจะพยายามคิดหาชื่อเรียกอะไรซักอย่าง แต่ก็กลับไม่มีอะไรผุดขึ้นมาในหัวอันว่างเปล่าแม้แต่น้อย แค่ให้ไล่ชื่อน้องสาวของโคเอนทั้งหมดเขาก็เรียกไม่ถูกแล้ว 
"ลุกขึ้นมาเถอะ ข้าคิดว่าหัวเข่าเจ้าคงเป็นแผลถลอกหน้าดู" ชายร่างท้วมลูบเคราเล่นไปมาอย่างอารมณ์ดีพลางหัวเราะหึหึในลำคอเหมือนครูสอนภูมิศาสตร์ที่อาลีเคยเรียนด้วยตอนเด็ก

    ร่างบางที่ยันกายขึ้นมาอย่างโงนเงนเพราะความเจ็บปวดที่เล่นริ้วบริเวณแผลถลอกเป็นไปดั่งคำพูดของชายตรงหน้าไม่มีผิดเพี้ยน  ก่อนอาการล้าจากการวิ่งมาราธอนรอบวังทำให้ต้องล้มจุ้ม
ปุ๊กลงไปกับพื้นอีกหน ครานี้ทำให้ใบหน้าหวานแดงแปร๊ดขึ้นมาด้วยความอับอายต่อหน้าชายรุ่นราวคราวพ่อตัวเองที่กำลังหัวเราะกังวาลไปทั่วทั้งสวน หรืออุทยานที่ไหนซักที่ในวังราคุโชว
เอาจริงๆแล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาวิ่งออกมาจนมาอยู่ตรงส่วนไหนของวังกันแน่

   ชายสูงศักดิ์ลดตัวลงมานั่งคุกเข่าในระดับเดียวกันกับเด็กสาวตรงหน้า ก่อนที่อาลีจะพยายามหุบขาและเท้าเข้าหาตัวแต่ก็ถูกมือใหญ่และหนาจับข้อเท้าเอาไว้ได้ มือนั่นทำให้เขานึกถึงโคเอนขึ้นมาวูบหนึ่ง จะต่างกันก็ตรงที่มือของโคเอนออกจะหยาบกระด้างกว่า ใช่แล้วคนอย่างโคเอนน่ะแม้แต่หัวใจก็ยังหยาบกระด้างไม่ต่างกับฝ่าเท้าของรีเซชูหรอก! 
กลีบปากบางอดที่จะเม้มแน่นอย่างเจ็บใจไม่ได้ เมื่ออยู่ๆก็นึกเห็นภาพใบหน้าของคนที่มักจะทำเรื่องให้ตนเองวุ่นวายใจอยู่เรื่อย...
ชายกระโปรงยาวถูกเลิกขึ้นจนถึงบริเวณต้นขาเผยให้เห็นเรียวขาสวยและผิวพรรณผุดผ่องที่ซ่อนไว้ใต้ผ้าไหมเนื้อดี ทำให้คนที่อยู่ในภวังค์ความคิดสะดุ้งเฮือก โดยที่ได้แต่ทำสีหน้าสีหน้ากระอักกระอ่วนลิ้นพันกันจะพูดออกมาไม่เป็นภาษากับการกระทำของชายตรงหน้า
 "อ่ะ คือ ท่าน ไม่...คือข้า" 


"เจ้าอยู่เฉยๆไปจะดีกว่า"
ชายร่างท้วมมองปฎิกริยาของเด็กรุ่นลูกตรงหน้าอย่างเอ็นดู มือที่ออกจะหนาอวบจะค่อยๆปัดเศษหินและฝุ่นรอบๆบาดแผลอย่างระมัดระวัง ก่อนจะหยิบขวดเล็กๆเท่าหัวแม่มือออกมาจากแขนเสื้อกว้างและผ้าเช็ดหน้าอีกผืนออกมา จนอาลีแอบสงสัยไม่ได้ว่าลุงตรงหน้าเขาพกผ้าเช็ดหน้ากี่ผืนกันแน่ แล้วพกไว้ทำไมมากมาย
(สำรองไงล่ะแหม่ ตอนประถมไรท์ก็พกวันล่ะ3ผืน เห่อลายโดราเอม่อน อิอิ)

ดวงตาสีทองคำสุก มองของเหลวสีประหลาดในขวกเล็กจิ๋วอย่างระมัดระวังก่อนที่มันจะราดลงมายังบาดแผลตรงหัวเข่า จนใบหน้าสวยต้องยี๋อย่างเจ็บแสบ เสียงหวานแอบครางในลำคอด้วยเพราะฤทธิของยาที่เทราดลงมามันทำให้เขาอยากจะชักขากลับมาซะเดี๋ยวนี้
"แสบงั้นหรอ?" ชายร่างท้วมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะนำผ้าเช็ดหน้าผืนใหม่พันรอบแผลบนหัวเข่าแล้วผูกอย่างเรียบร้อย 

"ขอบคุณท่านมาก...เอ่อคือ.." ดวงหน้าสวยที่พวงแก้มแดงเรื่อเล็กน้อยพยายามก้มหน้าก้มตาไม่สบตากับชายตรงหน้าโดยตรงเพราะกลัวจะเสียมารยาท ถึงแม้ว่าท่านผู้นี้จะไม่มีท่าทีถือสาอะไรก็ตาม 
อาลีได้แต่คิดในใจว่าหากเป็นชนชั้นสูงคนอื่นเขาอาจไม่โชคดีแบบนี้...

"เจ้ามาจากแคว้นอูกิงั้นหรอ ดูจากเสื้อผ้าแล้วเจ้าคงไม่ใช่สาวใช้ใช่มั้ยล่ะ"ร่างสูงท้วมค่อยๆลุกขึ้นจากพื้นโดยมีเสียงกระดูกลั่นบ้างตามประสาคนอายุเยอะ ก่อนพินิจเด็กสาวอย่างละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนอุ้งมือใหญ่จะลูบเคราของดกหนาของตนเองเล่นไปมา

"หามิได้..ตัวข้าเป็นเพียงแค่เด็กรับใช้เท่านั้น"  ร่างบางยันกายขึ้นมาอย่างช้าๆ ไม่กล้าที่จะปัดฝุ่นและเศษดินออกจากชายกระโปรงออกเพราะกลัวจะเป็นการเสียมารยาท 
โดยที่ไม่รู้สาเหตุ
เขาไม่กล้าที่จะจ้องมองดวงตาของชายผู้นี้กลับไปได้ตรงๆได้เลย หรือเป็นเพราะบรรยากาศแปลกประหลาดรอบตัวชายผู้นี้กันแน่นั้นก็ไม่อาจรู้ได้ 

"หืมมมม สาวใช้งั้นรึ เจ้ารับใช้อยู่ตำหนักใดกัน" ดวงตาที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของชายที่อยู่ในวัยกำลังวังชาเริ่มโรยรามองอย่างเป็นประกายสงสัยใคร่รู้ 
"ตำหนักประจิมขององค์ชายโคเอนพะ.." เอิ่ม..แล้วข้าควรจะต่อท้ายประโยคว่าอะไรดีล่ะ?! เพคะ หรือพะย่ะค่ะดี ตอนนี้ข้าใส่ชุดผู้หญิงอยู่งั้นเพคะก็แล้วกัน โอ้ยเลือกไม่ถูกโฟ้ยยยย 
"พะ..เพคะ"
หลังจากที่อาลีทะเลาะกับตัวเองเสร็จ หางเสียงก็ออกมาจากกล่องเสียงอย่างยากลำบาก ก่อนที่จิตคิดฟุ้งซ่านของอาลีจะหวนกลับเข้าไปทะเลาะกับตัวเองต่อถึงผลที่จะตามมา

"หืม..โคเอน?" ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอบย่นแสดงสีหน้าครุ่นคิดบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมายิ้มอ่อนให้กับเด็กสาวที่ยืนทำตัวไม่ถูกอย่างเอ็นดู "จริงสินะเรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลย เจ้าชื่ออะไรรึแม่หนู" ดวงตาของคุณลุงตรงหน้ายิ้มหยีเป็นรูปสระอิอย่างอบอุ่น อดทำให้อาลีรู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อยไม่ได้ คุณลุงท่าทางใจดีผู้นี้ไม่ถือตัวกับสาวใช้(?)ต้อยต่ำแม้แต่น้อย

"ข้าชื่ออาลี แล้วท่าน..ถ้าไม่ถือว่าเป็นการเสียมารยาทมากไป ข้าขอทราบชื่อของท่านได้หรือไม่ท่านผู้อาวุโส" ร่างบางยังคงแสดงท่าทางเกรงใจนอบน้อมชายท่าทางดูแก่ประสบการณ์ตลอดเวลาไม่คิดจะทำเรื่องเสียมารยาทไปมากกว่านี้อีก
คุณลุงร่างท้วมลูบเครายาวเฟื้อยของตนเองท่าทางเหมือนกับกำลังครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่าง"นั่นสินะ..เจ้าเรียกข้าว่าคุเรไนก็แล้วกัน"

"คุเรไน?" ใบหน้าหวานใสทำสายตาไม่เชื่อว่านั่นคือชื่อจริงๆ เหตุใดชนชั้นสูงเช่นท่านผู้นี้ถึงได้มีชื่อที่เรียบง่ายซะยิ่งกว่าสามัญชนซะอีก แต่ก็ไม่ได้คิดจะถามไถ่สิ่งที่คิดออกไป เพราะเกรงว่าจะเป็นการล่วงเกินมากไป 

"เจ้ามีเรื่องอะไรที่อยากจะพูดเจ้าก็พูดออกมาเถอะไม่ต้องเกรงใจลุงแก่ๆคนนี้หรอก" ชายร่างท้วมหัวเราะอบอุ่นจนอาลีที่เกร็งๆอยู่เริ่มจะรู้สึกตัวเบาขึ้นมานิดหน่อย 
"วันนี้อากาศดีจริงๆมันทำให้ข้ารู้สึกสงบถึงได้ออกมาเดินเล่น แล้วก็มาเจอเจ้าที่วิ่งทำตาแดงๆ
เข้ามา ไหนอาลีเจ้าบอกข้ามาซิว่ามีอะไรรบกวนจิตใจของเจ้าอยู่อย่างนั้นหรือ" 

ดวงตาสุกใสราวอัญมณีหันไปมองกิ่งไม้ที่พัดไหวไปตามลมอ่อน พลางถอนหายใจยาว ตอนนี้หัวใจที่ต้องแบกรับเรื่องราวมากมายของเธอเริ่มรู้สึกที่จะเบาขึ้นหน่อย ก่อนที่จะตัดสินใจระบายความรู้สึกที่ทับถมดั่งภูเขาบนอกให้กับชายผู้นี้รับฟัง
"หลายวันมานี้ ข้ารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่เง่าที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทุกวันที่ข้าลืมตาตื่นมันเหมือนกับทุกครั้งที่ข้าหลับตาลงฝัน" ไหล่เล็กห่อลงเล็กน้อยอย่างกลัดกลุ้ม แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกดีที่มีคนคอยรับฟังความรู้สึกของเธอ ยังไงซะเนื้อแท้แล้วเธอก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องการให้ใครซักคนมารับฟังความรู้สึกของเธอบ้างเหมือนกัน
"หึหึ องค์ชายโคเอนมักทำให้ผู้คนรอบตัวของเขารู้สึกอย่างนั้นแหละ หัวใจของเขาไม่ค่อยจะเปิดรับสิ่งใดซักเท่าไหร่หรอก.."
"ไม่มีอะไรที่จะทำให้ข้าเข้าใจเขามากขึ้นเลยงั้นหรอ.." ร่างบางพึมพำพลางทำหน้าหงอ จนน้ำเสียงหัวเราะทุ้มกังวาลจะดังขึ้นอีกครั้ง "หรือว่าท่านรู้วิธีการอย่างนั้นหรอท่านคุเรไน?"

"เจ้าลองนับก้อนกรวดบนยอดขุนเขาทุกแห่งในเจิดจรัสดูรึยังล่ะแม่หนู" คุณลุงเคราดกยิ้มด้วยดวงตาเป็นประกายกรุบกริบ ก่อนจะลูบเครายาวเฟิ้มของตนอย่างเคยชิน
"นับก้อนกรวดงั้นหรอ" คิ้วเรียวสวยขมวดย่น ก่อนจะหันไปมองชายสูงวัยที่อยู่ใกล้ๆด้วยแววตาฉงนงงงวย "ข้าจะนับก้อนกรวดทุกยอดขุนเขาในเจิดจรัสหมดได้ยังไง?"
ลุงแก่หัวเราะชอบใจกับคำถามของเด็กสาว ก่อนอุ้งมืออวบๆจะลูบเส้นผมนุ่มลื่นเหมือนกับเส้ยใยสับปะรดอย่างเบามือ "เด็กโง่ ฮ่ะๆๆ เด็กโง่ เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้ยังไงล่ะ ฮ่าๆๆ" ลุงคุเรไนกุมพุงกลมๆของตัวเองที่หัวเราะจนแข็งเป็นก้อนไตก่อนจะไอเล็กน้อยเพราะเสมหะติดคอตามประสาลุงแก่ๆ ดวงตาที่เป็นประกายกว่าคนแก่ทั่วๆไปมองไปยังเด็กสาวที่ยืนหน้าแดงก่ำทำแก้มป่องออกมาอย่างลืมตัว 
   ชายร่างท้วมได้แต่มองภาพนั้นแล้วยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะลูบหัวที่มีหงอนตั้งเด่นั้นอย่างเพลินมือ เธอทำให้เขาอดนึกถึงลูกสาวคนหนึ่งขึ้นมาไม่ได้ ก่อนจะพูดหยอกล้อให้เด็กสาวหายงอน "ฮ่ะๆ ก็นะข้ามันก็เป็นคนแก่สติฟั่นเฟืองเจ้าอย่าถือสาเลย"

"ท่านดูไม่เหมือนกับพวกชนชั้นสูงที่ข้ารู้จักเลย ข้าไม่ได้ความท่านดูไม่ดีอะไรหรอกนะ แต่พวกเขาส่วนใหญ่มักจะถือตัว แววตาก็เย็นชา.." ดวงหน้าสวยหันไปทางอื่น ก่อนจะนึกถึงเหล่าผู้คนที่เคยพบปะตั้งแต่เข้ามาในวัง
"หึหึ ข้าจะถือว่าเป็นคำชมแล้วกันนะแม่หนูน้อย" ลุงร่างท้วมยิ้มจนตาที่เต็มไปด้วยตีนกาและรอยย่นห่อตัวเป็นรูปสระอิ 

"จริงสิท่านเป็นขุนนางอยู่ตำแหน่งใดกัน? ทำไมข้าถึงไม่เคยพบหน้าท่านเลย" 
ลุงร่างท้วมลูบเครายาวๆ ก่อนจะมองเด็กสาวด้วยแววตาเป็นประกายสุกใสดั่งผู้ที่ยังมีไฟไม่แพ้หนุ่มสาววัยรุ่น ริมฝีปากหนาแห้งผุดเผยรอยยิ้มอ่อนละมุน
"เมื่อก่อนนี้ข้าเคยสอนเหล่าองค์ชายองค์หญิงหลายพระองค์อยู่"

สอนองค์ชายองค์หญิง? คิดไม่ถึงจริงๆ หรือท่านผู้นี้จะเป็นท่านปรมจารย์อาวุโส
ทั้งไม่ถือตัว กริยาวาจาก็น่าเลื่อมใสนัก...
อาลีทำหน้าผิดคาด แต่นี่ก็คงเป็นความโชคดีท่วมหัวแล้วล่ะที่เขายังไม่โดนทหารลากไปกุดหัว

"แต่ตอนนี้ข้าก็ไม่ได้สอนอะไรใครแล้วล่ะ เป็นตาแก่ที่เกาะลูกชายกินไปวันๆ ฮ่าๆๆๆ"
ลุงแก่พูดพลางหัวเราะอย่างภาคภูมิใจด้วยใบหน้าอิ่มเอม จนแม้แต่ผิวน้ำในบ่อปลายังต้องสั่นไหวไปตามเสียงหัวเราะที่ก้องกังวาลดั่งระฆังใบใหญ่

นั่นมันเป็นน่าภูมิใจตรงไหนกันล่ะนั่น (  =__=;) 

"จริงสิ คืนนี้เจ้าพอจะมีเวลาว่างหรือไม่สาวน้อย ข้าอยากจะชวนเจ้ามาดื่มชมจันทร์ซักหน่อย คืนนี้ดวงจันทร์สวยน่ามองเชียว ข้าเองก็ไม่ได้มีคนพูดคุยสนุกๆมานานแล้วด้วย" ลุงแก่ร่างท้วมหัวเราะเบาๆ อุ้งมืออวบๆลูบเคราเฟิ้มก่อนจะหันหน้ามองท้องฟ้าสีครามสดที่ไร้เมฆหมอกประหนึ่งว่าท้องฟ้าในยามนี้สามารถที่จะมองเห็นดวงจันทร์ได้

"คือ..ข้า ไม่แน่ใจ ปรกติแล้วข้าทำงานรับใช้องค์ชายโคเอนในช่วงตะวันพ้นขอบฟ้าจนถึงกลางดึก เกรงว่าคงจะไม่สะดวกนัก" 

ดวงตาเป็นประกายของลุงร่างท้วมคุเรไนเบิกกว้างหลังจากได้ฟังคำของเด็กสาวตรงหน้า ใบหน้าเหี่ยวย่นนั้นแสดงอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัดเสียจนทำให้คู่สนทนาต่างวัยเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"ท่านคงไม่ได้โกรธที่ข้าปฏิเสธไปใช่หรือไม่"

"หึหึ โกรธหรอ?" เสียงหัวเราะกังวานขึ้นในลำคอที่เต็มไปด้วยชั้นไขมันอวบตามประสาคนอายุมากอย่างเรียบเย็น "ข้าจะโกรธเจ้าเรื่องอะไร ข้าเพียงแค่แปลกใจเท่านั้น"

จะว่าไปเราเองก็คงจะอยู่ในสภาพนี้ต่อไปคงจะไม่ดีแน่ ถ้าไม่ใช่เพราะรีเซชูเร่งก็คงจะมีเวลาเปลี่ยนเสื้อก่อนหรอก ตอนนี้เราเองก็ไม่ใช่เด็กผู้หญิงอยู่ในสภาพนี้ต่อไปก็คงจะรู้สึกผิดต่อคนที่เข้ามาเห็นแล้วเข้าใจผิดเปล่าๆ 
อาลีตัดสินใจที่จะเอ่ยลา พลางคิดไปว่าซักวันเขาคงจะได้มีโอกาสกลับมาบอกความจริงเรื่องที่เขาเป็นเด็กผู้ชายกับชายผู้นี้
"ข้าขอบคุณท่านมากท่านคุเรไนสำหรับผ้าเช็ดหน้านี่ แล้วก็ต้องขอโทษที่ข้าทำเสียมารยาทตั้งหลายเรื่อง ถ้าหากท่านไม่ว่าอะไร ข้าเกรงว่าจะต้องขอตัวก่อน" 

"นั่นสินะ เจ้าเองก็คงมีเรื่องต้องทำอยู่หลายเรื่อง" หลังจากพูดจบ อุ้งมือใหญ่คว้ามือเรียวสวยของเด็กสาวตรงหน้าขึ้นมา จนร่างบางต้องสะดุ้งกับการกระทำแปลกๆของชายแก่ผู้นี้
"อืมมม...มือเจ้านี่สากนะงานในวังคงจะลำบากไม่น้อย" ลุงแก่พุงพลุ้ยปล่อยมือคู่สวยอย่างเบามือก่อนใบหน้าเหี่ยวย่นจะแต้มด้วยรอยยิ้มอ่อนๆอีกครั้ง "เจ้าไปเถอะ จากนี้ข้าเองก็มีเรื่องที่จะต้องทำเช่นกัน หวังว่าคงจะได้พบกันอีกนะแม่หนู" 
ร่างบางคำนับให้กับผู้อาวุโสแปลกประหลาดที่เพิ่งได้พบกันอย่างนอบน้อม ในขณะที่ชายแก่ร่างอวบผู้นี้ก็ได้แต่ยิ้มโบกมือหยอยๆดูน่าตลกเหมือนกับว่าเขานั้นเป็นชายแก่สติเฟื่องดังที่พูดจริงๆ
ดูภายนอกแล้วคนทั่วไปก็คงเห็นเช่นนั้น
อาลียิ้มตอบกลับก่อนจะวิ่งออกไปด้วยหัวใจที่เบาหวิวราวกับเขาได้ยกภูเขาออกจากอก แผ่นหลังเล็กๆเคลื่อนออกไปไกลจากชายแก่ผู้ยืนส่งยิ้มอย่างอบอุ่นเรื่อยๆ จนกระทั่งลับตา...ก่อนรอยยิ้มของชายแก่ฟั่นเฟือนนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่เรียบเย็น ดั่งผู้ผ่านประสบการณ์ในชีวิตมามากมาย 

"เจ้าอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่"
ชายร่างท้วมลูบเคราไปมาโดยไม่คิดจะหันกลับไปมองบุรุษชุดดำที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านหลังตนที่จู่ๆก็ปรากฎตัวขึ้นอย่างไร้ซุ่มเสียง 

"ตั้งแต่ต้นขอรับ" ชายปริศนาในชุดดำพร้อมทั้งผ้าคลุมปิดหน้าพูดด้วยเสียงนิ่งสงบ ก่อนชายร่างท้วมอวบจะหัวเราะเย็นๆในลำคอ
"เจ้าเองก็รู้งานดีเหมือนกันนะ หากเจ้าเข้ามาสอด หัวเจ้าคงไม่ได้อยู่บนบ่าเหมือนตอนนี้"
ท่าทีอบอุ่นเมื่อครู่แปรเปลี่ยนไปดั่งม่านหมอกเมื่อโดนแสงแดดสาดส่อง เหลือไว้เพียงหยดน้ำค้างไร้ค่าที่เกาะปลายยอดใบไม้ ท่าทีของชายที่ชื่อคุเรไนบัดนี้พลิกหมุนตลบราวคนล่ะคน
จนแม้แต่เงาบนผิวน้ำยังต้องงงงวย 
"องค์ชายโคเอนยังประชุมกับพวกแคว้นอูกิอยู่หรอ?"
"ขอรับ"
ดวงตาเป็นประกายคมกริบดุจดั่งเหยี่ยวทะเลทรายของผู้อาวุโสปิดลงเล็กน้อย พลางคิดถึงเรื่องบางอย่างที่เขาจะต้องจัดการหลังจากนี้ 
"คืนนี้ดวงจันทร์สวยมากซะด้วยสิ คงเป็นเป็นเวลาเหมาะที่จะเชิญองค์ชายโคเอนผู้สูงศักดิ์มาร่วมดื่มด้วย เจ้าว่างั้นมั้ย?"  เสียงหัวเราะทุ้มกังวาลในลำคออ้วนตามประสาของคนร่างท้วม โดยไร้ซึ่งคำตอบใดๆจากทหารผู้นั่งคุกเข่าเงียบนิ่งดุจตุ๊กตาตะกั่ว 
ซึ่งตัวของเขาเองก็รู้ดีว่าคำถามนั้นหาได้ต้องการคำตอบไม่...

"หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมแล้ว เจ้าไปเชิญองค์ชายโคเอนมาที่ตำหนักข้า" ชายร่างท้วมทำท่าทีจะก้าวขาเดินออกไป ก่อนจะหยุดเหมือนกับเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ อุ้งมือขนาดใหญ่ลูบหนวดเคราสีเข้มของตนเล่นอย่างติดเป็นนิสัยที่แก้ไม่ได้
.
.
.

"บอกเขาด้วยว่า พ่อคนนี้อยากจะพบหน้าลูกชายสุดที่รักหน่อย"




☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆

.


.


.


เอาล่ะครับณ.จุดจุดนี้ ท่านพ่อตาโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ครับ! เอาล่ะครับท่านพ่อตาเปิดลูก จะเข้ามั้ย จะเข้ามั้ย โอ้โห!!! ยิงนำไปแล้วครับ
หนึ่งประตูต่อศูนย์!!! เป็นประตูที่สวยงามเยี่ยมยอดจริงๆครับคุณกิติศักดิ์ครับ 
ต้องลุ้นเอาในครึ่งหลังแล้วล่ะครับว่าพระเอกของเราจะบุกเดี่ยวตีเสมอได้หรือไม่!!
เอาล่ะครับกล้องแพนมายังฮาคุริวที่ยืนอยู่กองหลังครับ  โอ้โหไม่หน้าเชื่อเลยจริงๆ!
ฮาคุริวยังหาลูกไม่เจอครับ!





จบไปอีกหนึ่งตอนโดยที่ไม่มีโมเม้นต์คู่พระนางอะไรทั้งนั้น (อ่าววว ไหนว่าจะมีซีนหวานๆ)
อาจจะสั้นไปซักหน่อยเพราะมันตัดทดมาจากตอนที่แล้วค่ะ ส่วน คุเรไน ชื่อของท่านพ่อตานั้น
ความจริงแล้วก็มาจากตัวคันจิตัวเดียวกันกับโคเอนนี่แหละค่ะ อ่านออกเสียงได้ประมาณ4แบบ
(โค,อะกะ,คุเรไน,เบนิ) ในที่นี้เราเลือกใช้ 'คุเรไน'แทนที่จะเป็น'โค' ค่ะ
ต้องขอโทษเล็กน้อยเรื่องเมื่อวานที่ไรท์เตอร์หยอกแรงไปนิ๊สนุง ฮ่าๆๆ (ยังไม่สำนึก) ความจริงก็อยากแต่งNCนะแต่ขอเวลาเกลาภาษาก่อน แต่คิดว่าคงจะไม่เขียนหรอกค่ะ เราอยากเขียนแนวใสๆมากกว่า ให้มันน่ารักฟรุ้งฟริ้งเหมือนขี่ยูนิคอร์นวิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์~~~~ เพราะท่านอาจารย์ของไรต์ได้เคยพูดเอาไว้ว่า...


***หลังจากนี้จะหายไปบ้างเพราะสอบเยอะนะคะ รักผู้อ่านทุกคน(*´▽`*) จุ๊บๆ

ป.ล.1 เกลียดระบบคอมเม้นต์dek-d จังโฟ้ย โพสเก้อไปหลายอัน
ป.ล.2 ถ้าคิดไม่ออกว่าของเหลวสีอะไร ให้เขียนว่าสีประหลาด จบปึ้ง!
ป.ล.3 เปลี่ยนปกฟิคแล้วนะ
ป.ล.4 ไรต์เตอร์เชื่อถือไม่ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น