ข่าวลือยามอาทิตย์อัสดงของสายลมสีทองแพร่กระจายไปทั่ววังหลวง
ถึงโฉมงามสะคราญผู้ทำให้เหล่าอัญมณีเม็ดงามทั้งแปดขององค์จักรพรรดิ์ต้องหม่นหมอง...
"ข่าวลือในวังเดินทางไวซะยิ่งกว่าม้าที่เร็วที่สุดในเจิดจรัสเสียอีกนะ"
เส้นผมสีแดงยาวล้อแสงสนทยาปลิวสยายใต้แรงกระพือปีกของเหล่าฝูงพิราบที่แตกฮือ
ดวงตาสีทับทิมหม่นเพียงมองฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาโดยไร้ซึ่งคำพูดใด
"ข่าวลืออะไรงั้นหรอท่านพี่โคเมย์"
เจ้าของฝีเท้าที่ทำให้เขาต้องยืนถือถั่วงาเลี้ยงนกเก้อนั้นเดินเข้ามาใกล้ก่อนดวงหน้าน่ารักจะเผยรอยยิ้มบางต้องบอกเลยว่าองค์ชายของบัลแบดทำให้เขาตกใจกับรูปโฉมมากก็จริง
แต่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรก...
"กลับมาแล้วหรือโคฮา"
.
.
.
"ในที่สุดก็ผ่านไปได้ด้วยดีนะคะ องค์จักรพรรดิ์จะต้องทรงพอพระทัยแน่"
"อ่า...นั่นสินะ"
เสียงทุ้มนุ่มก้องกังวานไปตามโถงทางเดินอันเงียบสงัด เส้นผมยาวประบ่าสีแดงดอกงิ้วเป็นประกายดั่งเปลวเพลิงยามต้องกับสีอัสดงชวนลุ่มหลง
"กำลังกังวลเรื่องเด็กคนนั้นอยู่หรอคะ ท่านโคเอน?" น้ำเสียงหวานจากหญิงสาวผู้เดินเคียงข้างมาด้วยเอ่ยถามพลางผุดรอยยิ้มบนดวงหน้างาม
ใบหน้าเรียบนิ่งที่อ่านออกได้ยากยิ่งดูโศกเศร้าพิกล หรือเป็นเพียงเงาของสนทยาที่ทำให้เป็นเช่นนั้นก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ดวงตาสีทับทิมเข้มหาได้หันมองตามน้ำเสียงหวานที่ถามไถ่เมื่อครู่ไม่...
"ถ้าหากนางมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในแคว้นเหมันต์จริง ท่านจะทำตาม'สัญญา'ที่ให้ไว้กับทูตแคว้นเหมันต์อย่างนั้นหรือ" รอยย่นระหว่างคิ้วผุดขึ้นบนใบหน้าสวย ฮาคุเอย์มองแผ่นหลังองอาจที่เดินนำเธออยู่ไม่กี่ก้าวด้วยสายตาเป็นห่วง
"เป็นไปไม่ได้ มันไม่มีทางเป็นอาลีไปได้หรอก"
นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เห็นแววตาสีทับทิมคู่นั้นเต็มไปด้วยความสับสนเช่นนี้...
ฮาคุเอย์ได้แต่มองสีหน้าด้านข้างของชายผู้ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในเจิดจรัส ก่อนใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มจะเก็บซ่อนความคิดของตนเองไว้ในใจ ดวงตาอ่อนโยนนั้นยังคงมองคนตรงหน้าเหมือนดั่งเช่นวันวาน
"ถ้างั้นท่านก็ควรจะยืดมั่นเช่นนั้น ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเคลือบแคลงแม้แต่น้อย"
ใบหน้าสวยดั่งกุลสตรีผู้งดงามกริยาวาจาคลี่ยิ้มบาง ก่อนเสียงของฝีเท้าหนักๆจะเข้ามาแทรกระหว่างการสนทนาของทั้งสอง คิ้วโก่งได้รูปขมวดมุ่นมองเจ้าของเสียงฝีเท้าที่ดูร้อนรนด้วยสีหน้าแปลกประหลาดใจ
เจ้าของเสียงนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากองค์ชายสี่แห่งเจิดจรัส...
วังตั้งกว้างขวางแต่ทำไมถึงต้องเดินมาเจอท่านพี่กับโคเอนกำลังเดินคุยจู๋จี๋กันด้วย เดี๋ยวนะ?
แล้วทำไมสองคนนี้ถึงได้มาเดินด้วยกันสองต่อสอง แถมบรรยากาศยังหวานๆชวนเลี่ยนแปลกๆ
ฮาคุริวหรี่ตาลงมองภาพขัดหูขัดตาตรงหน้าโดยที่ลืมไปว่าตอนนี้พี่สาวของเขาเป็นคนที่เขาไม่อยากจะเจอด้วยที่สุด หากฮาคุเอย์รู้ว่าเขาเพิ่งทำสาวใช้คนใหม่หายไปล่ะก็...
"ฮาคุริว? เด็กเฟอนาริสไม่ได้อยู่กับเจ้าหรอกหรอ"
ฮาคุเอย์ถามเสียงใส ก่อนที่หว่างคิ้วของโคเอนจะยับย่นอีกครั้งถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือนเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วตลอดเวลาก็เถอะ
"คือ..ข้าคลาดกับนางนิดหน่อยตอนที่ออกไปตามเซย์ชุน พอกลับมานางก็ไม่อยู่..."
ยังไม่ทันที่น้ำเสียงอึกอักลำบากใจนั้นจะพูดจบประโยค ผ้าคลุมของโคเอนก็สะบัดไปตามแรง
หมุนตัว ช่วงขายาวก้าวออกไปอย่างรีบร้อน จนน้ำเสียงและคำพูดที่จุกอยู่ตรงลำคอของฮาคุเอย์จำต้องสลายไปพร้อมกับความเงียบเมื่อเห็นว่าแผ่นหลังกว้างนั้นเคลื่อนออกไปลับตา
"จะรีบไปไหนของเขา?" ฮาคุริวพึมพำในขณะที่มองไปยังทางเดินที่โคเอนพึ่งเดินจากไปเมื่อครู่อย่างไม่สบอารมณ์ หากมีจราจลหรือขบวนประท้วงโคเอนในเจิดจรัสขึ้นมาล่ะก็ เขานี่แหละที่จะเป็นคนไปยืนถือป้ายอยู่หน้าขบวน
ถ้าจะว่ากันตามตรงเขาเหม็นขี้หน้าหมอนี่สุดๆ!
คิดว่าไปโกนเคราเห่ยๆนั่นออกแล้วจะมาทำเฟี้ยวใส่พี่ข้างั้นหรอ ไม่มีวัน!!!
"มองอะไรอยู่น่ะฮาคุริว?" หญิงสาวยื่นหน้าออกมา ก่อนจะมองหน้าน้องชายที่เอาแต่มองทางเดินที่ว่างเปล่าจนฮาคุริวต้องผงะแล้วทำสีหน้ากลบเกลื่อน
"ปะ เปล่าครับท่านพี่"
จะให้พูดได้ยังไงว่าเขาแอบชูนิ้วกลางเงียบๆในใจทุกครั้งที่เจอหน้าท่านโคเอนที่ท่านพี่เทิดทูนนักเทิดทูนหนา ไม่เข้าใจเลยว่าหมอนั่นมันมีอะไรดีท่านพี่ถึงได้ชื่นชมมันนัก แค่ไว้เคราแพะมองดูก็รู้แล้วว่าไว้ใจไม่ได้ ดังคำกล่าวที่ว่า 'อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคนมีเคราแพะ'น่ะ! ถึงแม้หมอนั่นจะโกนเคราออกไปหมดจนหน้าใสกิ๊กเป็นโอ้ปป้าก็ตาม ยังไงเขาก็ยังเกลียดขี้หน้าโคเอนอยู่ดี!
"พวกเราเองก็รีบไปเถอะ การปล่อยให้เด็กคนนั้นเดินเตร็ดเตร่คนเดียวในวังเป็นเรื่องอันตรายมาก" ฮาคุเอย์ขมวดคิ้วอย่างยุ่งยากใจ "หวังว่าคงจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกนะ"
"วันนี้ข้าตามหาทั้งวันแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววเลย" ใบหน้าของฮาคุริวรู้สึกผิดขึ้นมาฉับพลัน ถ้าวันนี้เขาไม่ลืมว่าเซย์ชุนกับท่านพี่มีประชุมระหว่างแคว้นล่ะก็ โมลเซียน่าก็คงจะไม่หายไปแบบนี้...
"ท่านพี่ข้าว่าพวกเราก็น่าจะกลับไปที่ตำหนักก่อน โมลเซียน่าเองก็คงจะมีทางเลือกให้ไปไม่มากหรอกในเวลาจวนมืดค่ำแบบนี้"
"โมลเซียน่า?" ฮาคุเอย์นิ่งไปครู่หนึ่งหลงจากผู้เป็นน้องชายพูดถึงชื่อที่ไม่คุ้นหู
"เอ่อ..ข้าหมายถึงสาวใช้คนนั้น..."
"พวกเจ้านี่ดูสนิทกันไวดีนะ"ใบหน้าสวยของฮาคุเอย์คลี่ยิ้มหยอกล้อ
แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าฮาคุริวจะออกอาการเขินเลยแม้แต่น้อย ก็แหงล่ะ เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่มีท่าทีว่าจะพูดอะไรกับเขาซักคำ แถมจู่ๆยังมาหายตัวไปอีก ไหนจะท่าทางแปลกๆของโคเอนนั่น หวังว่าเรื่องทั้งหมดนี่คงไม่ได้มีเอี่ยวในแผนการอะไรของโคเอนกับองค์จักรพรรดิ์หรอกนะ
ฮาคุริวคิดเรื่องนู้นนี้ไประหว่างทางเดินกลับตำหนักพร้อมกับพี่สาว ที่แปลกซักหน่อยก็คือวันนี้เขาแทบจะไม่ได้เอ่ยปากชวนฮาคุเอย์คุยเลยซักคำ
เขาคงจะไม่คิดมากไปซะทุกเรื่อง ถ้าไม่ได้บังเอิญไปได้ยินเรื่องที่โคเอนคุยกับองค์จักรพรรดิ์เข้า ถึงแผนการบางอย่าง และหลังจากนั้นก็มีเรื่องแปลกเกิดตามขึ้นมามากมาย ทั้งเรื่องที่มีการส่งทหารกองกำลังหนึ่งออกนอกวังไป ไหนจะโคเอนผีเข้าโกนเคราแพะสุดแสนภูมิใจของตัวเอง
การปรากฎตัวของสาวใช้เฟอนาริสปริศนา แล้วก็การมาเยือนของคนจากแคว้นอูกิลึกลับจากหุบเขาทางเหนือที่เก็บเนื้อเก็บตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับนานาประเทศมานานกว่าร้อยปี เรื่องทั้งหมดนี้มันล้วนเชื่อมโยงกับโคเอนทั้งนั้น องค์จักรพรรดิ์คิดจะทำอะไรอีกกันแน่?
"อ่ะ"
ไหล่กว้างของเด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสัมผัสจากเรียวนิ้วเย็นของพี่สาวหยิกเบาๆเข้าที่แก้ม
ฮาคุเอย์มองสีหน้าแปลกๆของน้องชายพลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน เหมือนกับเมื่อตอนวัยเยาว์
ที่พวกเขาได้เล่นหยอกล้อกันบ่อยๆ
"มัวเหม่ออยู่นั่นแหละ ดูสิเหมือนเซย์ชุนจะเตรียมอาหารเย็นเสร็จเร็วกว่าที่คิดนะ"
ฮาคุริวหันกลับมามองทางด้านหน้า ไม่รู้เมื่อไหร่กันที่เขาเดินเข้ามาถึงตำหนักตัวเองก่อนประสาทรับกลิ่นจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมๆของอาหารเย็นลอยมาตามลม
"ดูเหมือนวันนี้จะมีเมนูใหม่สินะครับ"
ฮาคุเอย์และฮาคุริวมุ่งหน้าไปยังห้องทานอาหารอย่างไม่รีรอโดยที่ไม่ทันจะสังเกตเห็นข้ารับใช้คนสนิทเซย์ชุนที่เพิ่งจะเดินตามเข้ามาหมาดๆ
ชายร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีฟ้าอ่อนที่หอบสารพัดสัมภาระอยู่ถึงกับต้องขมวดคิ้วมุ่น
"ใครทำอาหารน่ะ?"
.
.
.
การที่ฉันไม่รีบบอกเรื่องนั้นไปมันจะดีหรอ?
หากจะมีใครอยู่เบื้องหลังสัญญาแลกเปลี่ยนนั่น ก็คงจะมีอยู่แค่ท่านอับหมัดเท่านั้น
แต่ในขณะที่ยังติดอยู่ที่นี่ก็คงทำได้แค่ทำตัวให้ไม่ดูน่าสงสัยล่ะนะ
พอคิดถึงการทำตัวให้ไม่น่าสงสัยแล้ว เจ้าชุดพุ่มไม้นั่นมันก็ดูน่าสงสัยจริงๆนั่นแหละ
คุณอาลีบาบาไปหาของแบบนั้นมาจากไหนกันนะ?
"เท่านี้ก็คงดูไม่น่าสงสัยแล้วสินะ"
โมลเซียน่ามองอาหารที่เรียงรายบนโต๊ะด้วยดวงตาเป็นประกาย ริมฝีบางยิ้มอ่อนอย่างภาคภูมิใจกับงานแรกในฐานะสาวใช้ที่เพิ่งทำเสร็จไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ(?)
เรื่องที่หายตัวไปเมื่อตอนสายเองก็คงจะไม่โดนสงสัย ถ้าหากองค์ชายฮาคุริวกลับมาถึงแล้วได้ทานอาหารอร่อยๆพวกนี้แล้วเขาคงจะต้องลืมเรื่องเมื่อตอนสายไปหมดแน่ๆ ในตอนที่เดินทางข้ามทะเลทรายเพื่อกลับไปยังบัลแบดพร้อมกับคุณอาลีบาบา ฉันเองก็เคยได้ยินเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำอาหารได้เลิศรส ไม่ว่าผู้ใดได้ลิ้มลองก็จะลืมอารมณ์ขุ่นเคืองใจไปหมดสิ้น
อาหารที่ฉันทำเองก็คงจะต้องทำแบบนั้นได้แน่!
เสียงของฝีเท้าและเสียงพูดคุยดังขึ้นเรื่อยๆ เร่งให้เฟอนาริสสาวต้องรีบตรวจตราความเรียบร้อยบนโต๊ะอาหารอีกครั้ง ก่อนหญิงสาวและชายหนุ่มคู่หนึ่งจะก้าวผ่านประตูบานใหญ่มา พวกเขาต่างแต่งชุดที่เรียบง่ายไม่หวือหวา ใบหน้างดงามสมดั่งคนชาววังที่ละม้ายคล้ายกันทำให้เดาออกไม่ยากว่าเป็นพี่น้องกันและหนึ่งในนั้นเธอเองก็รู้จักชื่อแล้วด้วย...
"โมลเซียน่า?"
ฮาคุริวมองหญิงสาวที่หายตัวไปทั้งวัน ในใจทั้งตกใจและโล่งอก อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้หายไปไหนก่อนใบหน้าของฮาคุริวจะผุดเหงื่อเม็ดเป้งเมื่อมองไปยังโต๊ะอาหาร ถ้าตาเขาไม่ได้ฝาดล่ะก็มันเหมือนมีควันกับออร่าสีม่วงลอยอยู่ด้วยน่ะ...
โมลเซียน่าคุกเข่าลงประสานมืออย่างรวดเร็วเมื่อเห็นสีหน้าไม่ค่อยดีที่สัมผัสได้จากฮาคุริว
เรื่องอาหารเย็นนี้เธอเองก็เป็นผู้ติดสินใจโดยพละการหนำซ้ำยังหายตัวออกไป หากจะมีการลงโทษเกิดขึ้น ตัวเธอเองก็คงจะไม่มีข้อกังขาใดๆ
"เจ้าคือโมลเซียน่าอดีตผู้ติดตามขององค์หญิงโคเกียคุสินะ ลุกขึ้นเถอะไม่ต้องมากพิธีไปหรอก"
ฮาคุเอย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆเด็กสาวผมแดงเพลิงที่กำลังยันตัวลุกขึ้นจากพื้นเพื่อที่จะได้เห็นใบหน้าของสาวใช้คนใหม่ได้อย่างถนัดตา
"ข้ามีนามว่าเรน ฮาคุเอย์ ต่อจากนี้ไปคงจะต้องให้เจ้าช่วยหลายๆเรื่อง ฝากตัวด้วยนะ" ใบหน้าสวยยิ้มหวานจนแม้แต่โมลเซียน่าที่ได้มองใบหน้าของฮาคุเอย์ใกล้ๆก็ยังรู้สึกว่าเป็นเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ฮาคุเอย์มีหลายๆสิ่งที่ผู้หญิงทั่วไปนั้นหวังอยากจะเป็น ทั้งเส้นผม ผิวพรรณ รอยยิ้มที่ ท่าทางที่ดูสูงส่งแต่ไม่แข็งกร้าวดั่งกุลสตรีตามตำหรับตำรา
"แต่ว่าคงต้องยกเว้นเรื่องทำอาหารไว้เรื่องหนึ่งล่ะ" เสียงหวานของฮาคุเอย์หัวเราะคิกคัก ก่อนที่ใบหน้าของเด็กสาวจะพลันเปลี่ยนเป็นลูกตำลึงแดงก่ำผลโต
ฮาคุริวยังจ้องมองอาหารจานปลาตัวใหญ่ที่ใบหน้าของมันบ่งบอกว่าทุกข์ทรมาณแสนสาหัสก่อนตายด้วยหัวใจที่หดลีบ จู่ๆไหล่กว้างของลูกผู้ชายอกสามศอกมันก็สั่นเทิ้มขึ้นมา
"นี่มัน..ปลาคาร์ฟของโคเมย์"
.
.
.
"อาลี!"
ปัง!!!!!
เสียงเปิด(พัง)ประตูบานแล้วบานเล่าดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนในตำหนักขององค์ชายรัชทายาทแห่งเจิดจรัส 'เรน โคเอน' สร้างความตกอกตกใจให้กับเหล่านางกำนัลสูงอายุที่มีประปรายในตำหนักให้อกสั่นขวัญแขวนหัวใจเกือบวายไปหลายราย
ห้องแล้วห้องเล่า...
ขุนพลผู้เกรียงไกรก็หาได้พบกับใบหน้าโง่ๆ(ไร้เดียงสา)ของเด็กหนุ่มผู้ที่ปักใจเฝ้าคนึงถึงไม่
ข้าไม่น่าปล่อยให้ออกไปคนเดียวเลย อย่างน้อยก็หน้าจะให้เซชูตามออกไปด้วย!
โคเอนใช้มือเสยผมด้านหน้าขึ้นไปอย่างประสาทเสีย ก่อนจะผลักประตูไม้บานเล็กๆอันเป็นห้องของ'อาลี' ดวงตาสีทับทิมมองไปห้องเล็กๆที่ว่างเปล่าตรงหน้า ก่อนจะทำเสียงจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด กำปั้นใหญ่ทำท่าจะฟาดลงบานประตูไม้บานเล็กแต่ก็ต้องยั้งมือไว้ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเป็นผลักบานประตูออกไปอย่างเบามือเพื่อที่จะได้เดินเข้ามาในทางเข้าเล็กๆอย่างสะดวก
ทันทีที่ได้ยินว่าเด็กเฟอนาริสนั่นหายไปเขาก็กะไว้แล้วว่ามันจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้...
ถ้าไม่มีเฟอนาริสนั่นซักคนอาลีก็เป็นแค่เด็กธรรมดาไร้เขี้ยวเล็บ การแยกเด็กเฟอนาริสนั่นออกไปก็เหมือนกับการตัดปีกไม่ให้นกบิน ยังไงซะเขาก็ยังไม่ปักใจเชื่ออยู่แล้วว่าอาลีเป็นเด็กผู้ชาย
ทั้งชอบหายไปทุกครั้งที่ถึงเวลาอาบน้ำ เซชูเองก็ไม่เคยเห็นอาลีที่้ห้องอาบน้ำซักครั้ง เป็นเรื่องที่ยิ่งตอกย้ำว่าข้อสันนิษฐานของเขาอาจจะเป็นเรื่องจริง
...สุดท้ายก็หนีไปแล้วจริงๆหรอ...
โคเอนเดินเข้ามาในห้องนอนอันคับแคบ แล้วสูดอากาศอับๆในห้องเข้าไปเต็มปอด ก่อนจะพ่นลมหายใจยาว เปลือกตาบางปิดลงชั่วขณะคิดทบทวนถึงสิ่งที่เขาทำไปทั้งหมด
มันเพื่ออะไรกันแน่?
ปลายนิ้วเรียวยาววาดนิ้วลงบนหัวเตียงไม้เขอะฝุ่น ไร้ซึ่งกระดาษหรือข้อความใดๆเขียนทิ้งเอาไว้
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ตัวเขาเป็นได้ถึงขนาดนี้...
"ท่านโคเอน?"
โคเอนหันหน้ามองไปยังเสียงเรียกที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ดวงตาสีทับทิมสะท้อนภาพของเด็กหนุ่มในชุดกระโปรงผ้าไหมเรียบลื่นอย่างเงียบงัน ก่อนควันเลือนลางในใจที่ขุนมัวก็พลันกระจ่างหายไปดั่งจันทร์ที่ทอแสงขับไล่ความมืดในเดือนเพ็ญ
แม่ทัพโคเอนเดินสาวเท้าตรงไปยังเด็กหนุ่มที่ยืนเหยียบอยู่บนธรณีประตูอย่างไม่รอช้า แขนยาวเอื้อมมืออ้อมหลังคนที่ยืนทำตัวเก้กังก่อนดึงประตูให้ปิดสนิท จนทำให้อาลีต้องถอยกรูดเข้ามาในพื้นที่ของห้องตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ ดูไปแล้วก็เหมือนปูที่ติดอยู่ในรูตัวเอง
"ดะ เดี๋ยวก่อน..."
ดวงตาหรี่คมมองสภาพของชุดสวยงามที่เปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นและคราบน้ำสกปรก ก่อนเรียวนิ้วของโคเอนจะเกี่ยวเส้นผมสีทองรวงข้าวที่ปล่อยยาวสยายขึ้นมาลูบไล้ไปตามเส้นไหมนุ่มลื่นเหมือนดั่งวันที่เขาได้พบเจอกันครั้งแรก...
แก้วตาสีทองประกายเบิกตากว้างอย่างนึกรังเกียจก่อนจะเผลอปัดมือคู่ใหญ่ออกไปอย่างแรง...
"อย่าเอาฝุ่นมาเช็ดผมข้านะเจ้าบ้า!"
อาลีเอามือป้องปากทันทีเมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป และที่สำคัญเขาตีซะหลังมือโคเอนแดงแจ๋หยั่งกับเล่นเป่ายิงฉุบแพ้มาสิบตา
"หึหึหึ.. ในที่สุดก็หลุดพูดออกมาจนได้นะ ในใจเจ้าคงจะคิดแบบนั้นอยู่ตลอดเวลาเลยสิท่า"
โคเอนยังคงขยับเข้าใกล้เด็กหนุ่มที่เดินถอยหลังทุกครั้งที่เขาก้าวเท้าขยับขึ้นมาข้างหน้า
"พูดอะไรของท่านกันครับ" ใบหน้าสวยชักสีหน้ายิ้มหวานจนตาหยีกลบเกลื่อนราวกับเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มุมปากฉีกยิ้มจนกระตุกเกร็งเป็นพักๆ ก่อนเปลือกตาบางจะลืมตามองภาพเบื้องหน้าทันทีที่รู้สึกถึงสัมผัสอุ่นแตะเข้าที่โหนกแก้ม
"ถ้ามันกระดากปากเจ้าขนาดนั้น จะเรียกชื่อข้ายังไงก็ได้ อยากจะพูดอะไรของเจ้าก็เชิญ ขอแค่อย่าให้พวกเซชูกับคนอื่นได้ยินก็พอ"
ใบหน้าหล่อคมคลี่รอยยิ้มบางพลางเช็ดฝุ่นที่เขอะอยู่ตรงโหนกแก้มน่ารักออก ก่อนขาคู่เรียวที่ถอยร่นจนติดเตียงจะอ่อนยวบทรุดลงไปเพราะอาการเมื่อยล้า ก้นของอาลีกระแทกกับเตียงแข็งดังปั่ก เป็นรอบที่สามของวัน จนใบหน้าสวยอดที่จะย่นหน้าโอดครวญเบาๆในลำคอไม่ได้
"เฮ้ยยยยยย" อาลีร้องเสียงหลงพลางจับกระโปรงแน่นเมื่อโคเอนย่อตัวลงนั่งกับพื้นใช้มือถกกระโปรงผ้าไหมที่เปื้อนคราบน้ำสกปรกอย่างไม่ถามความเห็นของคนที่นั่งอยู่บนเตียงซักคำ
คิ้วเรียวยาวที่พาดไปตากระบอกตาของโคเอนขมวดมุ่นอีกครั้งเมื่อเห็นเรียวขาขาวเนียนเกินกว่าจะเป็นของผู้ชายอีกทั้งยังเปื้อนไปด้วยฝุ่น คราบน้ำปฏิกูล และผ้าเช็ดหน้าเลอะฝุ่นเกรอะกรังที่พันรอบหัวเข่าของอาลีมันสะดุดตาเขายิ่งนัก มือใหญ่ค่อยๆแกะคลี่ปมเล็กๆที่มัดผูกกันให้คลายออกอย่างยากลำบาก เผยให้เห็นแผลถลอกขรุขระคราบเลือดที่แห้งกรัง
โคเอนนั้นรู้ดีว่าตั้งแต่อาลีเข้ามาก็มักจะถูกเซชูและคนอื่นๆในตำหนักใช้งานอย่างหนักทุกวัน และก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่อาลีไม่ปฏิเสธ ในวังหลวงที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีกันเยี่ยงนี้ในฐานะของ'คนนอก'ก็มีแต่จะต้องตามน้ำไปเท่านั้น เพื่อที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างปรกติสุข แม้ว่ากระแสน้ำนั้นจะพัดพามาซึ่งความทุกข์แสนลำเค็ญมากแค่ไหนก็ตาม
'ใช่แล้วตัวข้ารู้เรื่องนี้ดียิ่งกว่าใคร เพียงแต่เพิกเฉยไม่สนใจมันก็เท่านั้น ตราบใดที่หมากเบี้ยในมือยังคงใช้การได้ ข้าไม่เคยที่จะสนใจว่ามันจะถลอกเป็นรอยแค่ไหน...'
"คืนนี้ข้าจะเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ์เพราะงั้นเจ้าพักผ่อนไปเถอะ ไม่ต้องมาที่ห้องอาบน้ำด้วย อยากจะทำอะไรก็ทำยกเว้นเดินเผ่นพ่านไปทั่ววังในชุด..." โคเอนเว้นจังหวะมองสีหน้าที่แสดงออกอย่างซื่อตรงของคนตรงหน้า ดวงตาแจ๋วแหววที่กำลังตั้งใจฟังเขาพูดนั้นดูไม่ต่างจากเด็กน้อย
ความจริงแล้วเขาเองก็ไม่อยากยอมรับว่าอาลีอยู่ในชุดแบบนี้แล้วดีต่อใจมากกว่าชุดที่ใส่อยู่ทุกวัน แต่ว่ามันจะทำให้คนอื่นเขาเข้าใจผิดซะด้วยเนี่ยสิที่เป็นปัญหา ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็จะพลอยลืมตัวคิดอะไรแปลกๆไปเรื่อย
ใบหน้าใสเอียงคอพลางขมวดคิ้วเมื่อเห็นชายที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเอาแต่นิ่งไม่ยอมพูดให้จบประโยค แถมยังจ้องมองเขาไม่ละสายตา ดวงตาสีบุษราคัมงามจึงได้แต่จ้องมองกลับไปไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆหรือเบนสายตาไปทางอื่น จนพวงแก้มน่ารักค่อยๆพลันเปลี่ยนสีเป็นลูกท้อสุก
"เลิกจ้องแบบนั้นซักทีจะได้มั้ย มันน่าขนลุกน่ะ"
โคเอนคลี่ยิ้มบางก่อนจะลุกยืนขึ้น จนทำให้อาลีทำได้แต่เพียงกระเถิบถอยหดแข้งหดขาเข้าหาตัวเป็นเต่าบกอย่างไม่ไว้ใจท่าทีที่ดูแปลกไปจากทุกทีของผู้เป็นนาย
"ข้าก็แค่คิดว่าเจ้าดูเป็นธรรมชาติดีตอนใส่ชุดผู้หญิง" มุมปากของโคเอนกระตุกรอยยิ้ม ก่อนตั้งท่าจะเดินออกจากห้องรูหนูแคบๆนี่
"ยะ..อย่าคิดอะไรแปลกๆนะ! ที่แต่งตัวแบบนี้เพราะโคเกียคุบังคับต่างหาก!(อ๋อหรอ= =) ฉันเป็นผู้ชายที่มีท่อนเอ็นส่วนเกินตรงหว่างขาเหมือนนายนั่นแหละ!!!" เด็กหนุ่มในชุดกระโปรงเปรอะตะโกนไล่แผ่นหลังของโคเอนไปจนกระทั่งประตูไม้บานเล็กๆปิดสนิท ไร้เงาของแขกผู้มาเยือนคนไหน
.
.
.
"ท่อนเอ็น? เอาเถอะยังไงซะข้าก็คิดไว้แต่แรกแล้วว่าเจ้าต้องพูดปด"
โคเอนเดินออกมาอย่างอดนึกขำเองคนเดียวไม่ได้ มันจะมีผู้ชายคนไหนกันที่พูดถึงแท่งแห่งความภูมิใจของชายชาตรีว่าเป็นส่วนเกินกัน!?
"องค์ชายโคเอนเป็นอะไรไปน่ะ"
"เมื่อกี้ยังทำหน้าตาน่ากลัวขนาดนั้นแท้ ดูตอนนี้สิ เดินหัวเราะคนเดียวเฉยเลย"
"แต่ก็นานแล้วนะที่ไม่ได้เห็นองค์ชายน้อยร่าเริงแบบนี้ ตั้งแต่ท่านฮาคุเร็นกับฮาคุยูจากไป หลังจากนั้นมาไม่นานก็ต้องมาเสียท่านโฮอาไปอีก..."
เสียงแหบติดเสลดในลำคอของเหล่าสตรีย่างเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนยืนลอบมองปฏิกริยาขององค์ชายน้อย(?)ใต้เงามืดของชายคายามโพล้เพล้ ที่ตนเองคอยเฝ้าปฎิบัติรับใช้มาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยจนถึงตอนนี้ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินเสียงหัวเราะอันสดใสเช่นนี้ เป็นบุญก่อนตายจริงๆ...
.
.
.
ท้องฟ้าโปร่งสีครามเข้มไร้วี่แววกลีบเมฆา ขับแสงนวลขาวของจันทราส่องกระทบน้ำค้างปลายใบดอกโบตั๋นก่อประกายดั่งไข่มุกหยอกล้อแสงของแมลงไฟยามค่ำคืน สายลมเดือนสี่พัดอ่อนไล้กิ่งดอกมู่หลานหอมฟุ้งกำจายทั่วสารทิศ...
จักรพรรดิ์แดงหลับตาลง รื่นรมณ์ไปกับสายลมละมุนใต้เงาจันทร์และกลิ่นหอมของสุราบ่มเลิศรส
สดับฟังเสียงเรไรของแมลงยามค่ำคืน เฝ้ารอการมาถึงของบุตรชายอันเป็นที่รัก
"บุปผาแห่งขุนเขาบานสะพรั่งซักกี่ครั้ง น้ำค้างแข็งปกคลุมผืนป่าซักกี่ครา..."
.
.
.
"ก็ยังคงมีหมอกฝนไม่สร่างซา"
เสียงทุ้มกังวานดังขึ้นท่ามกลางคืนดื่มชมจันทร์อันเงียบสงัด เติมต่อบทกวีไพเราะให้เหมาะสมบูรณ์ ขุนพลไร้ผู้ต้านก้าวเท้าเข้ามาอย่างองอาจ แสงจากโคมไฟส่องสะท้อนใบหน้าเกลี้ยงเกลาและเส้นผมสีดอกงิ้วแดงเด่น
"ในที่สุดเจ้าก็มาบุตรชายสุดรักของข้า โคเอน " ชายร่างท้วมหัวเราะเบาๆคลอไปกับเสียงของกิ่งไม้ต้องลม ดูราวกับคนแก่ขี้เหงาที่รอการกลับมาเยี่ยมของลูกหลาน
"องค์จักรรพรรดิ์"
"มานั่งสิ นานๆทีข้าจะได้ดื่มชมจันทร์กับลูกชายแบบนี้เจ้าไม่คิดว่ามันน่าเสียดายเวลาหรอกหรอถ้าเจ้ายังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้น" เสียงแห้งของชายมีอายุเอ่ยขึ้นอย่างอบอุ่นแต่ขณะเดียวกันก็ยังให้ความรู้สึกหนาวสั่นจนไหล่สั่นเทิ้มราวไอฝนในต้นเดือนห้า
โคเอนเพียงแต่นั่งลงบนเก้าอี้ที่ประดับเบาะรองนุ่มสบายโดยไม่แม้แต่จะพูดสิ่งใด มือกร้านใหญ่ที่สมดั่งมือของบุรุษคว้าขวดสุราชั้นเลิศรินลงในถ้วย ก่อนยกจอกสุราจรดริมฝีปากร่ำรสขมแผดเผาคอจนเสียงกริ้งกังวานก้อง เมื่อจอกสุรากระทบลงบนโต๊ะหินอ่อนสลักส่งเสียงไพเราะท่ามกลางราตรีเงียบสงัด บ่งบอกถึงความว่างเปล่าในจอกเงินที่ไร้ซึ่งน้ำเมรัย
"ท่านคงไม่ได้เรียกข้ามาคุยเรื่องของแคว้นเหมันต์ใช่หรือไม่"
"การที่พ่อแก่ๆอยากจะคุยกับลูกชายมันจำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยงั้นรึ?" ชายแก่ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อขบขันก่อนจะรินสุราใส่จอกเงินที่พึ่งจะว่างเปล่าให้เติมปริ่มขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผู้เป็นบิดารินเหล้าลงในจอกใบงาม แต่โคเอนก็ยังคงยกหมดในรวดเดียวด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับน้ำในจอกเป็นเพียงน้ำเปล่า
"สมกับเป็นลูกชายข้าจริงๆ แม้แต่เจ้าเองก็เติมเท่าไหร่ก็ไม่มีวันเต็มสินะ.." เสียงของผู้เป็นบิดาแฝงด้วยเลศนัยพลันเปลี่ยนบรรยากาศอุ่นแสนสงบรอบตัวไปหมดสิ้น
"ผู้ที่เติมไม่เต็มคือตัวท่านต่างหาก"
เสียงเรียบเย็นเค้นจากลำคอของขุนศึกหนุ่มโคเอน ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะกังวาน
ขององค์จักรพรรดิ์
"ฮ่ะๆๆ เจ้ายังโกรธข้าเรื่องที่ข้าบังคับเจ้าส่งทหารไปบัลแบดอยู่รึ ถึงแม้จะไม่มีองค์หญิงแห่ง
บัลแบดเจ้าก็แต่งกับองค์หญิงแคว้นอื่นได้ล่ะน่า ไม่ว่าจะเลือกทางไหนบัลแบดก็จะเป็นของเจิดจรัสอยู่ดีไม่เห็นจะต้องเสียดายกะแค่องค์หญิงองค์เดียว หรือว่าเจ้าจะยังโกรธเรื่องของโฮอาอยู่?"
ดวงตาสีทับทิมที่เหมือนกันดั่งแม่พิมพ์มองมายังดวงตาที่ปิดบังความรู้สึกของอีกฝ่ายเขม็ง พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูยียวน
"ท่านจำชื่อนางได้ด้วยหรอ"
โคเอนพูดประชดประชันด้วยน้ำเสียงเรียบ ก่อนดวงตาสีทับทิมที่ดูซีดลงเพราะแสงจันทร์นวลจะฉายแววความเจ็บปวดที่บาดลึกเป็นแผลใจมานาน ดั่งหมอกฝนที่ไม่สร่างหาย...
"ทำไมข้าจะจำชื่อภรรยาคนแรกของตัวเองไม่ได้เล่า" ใบหน้าอ้วนท้วนสมบูรณ์ยิ้มกริ่มเมื่อได้เห็นสีหน้าของลูกชาย อารมณ์ของโคเอนจะอ่านง่ายมากเมื่อมองเข้าไปในแววตา เพราะเป็นเช่นนี้เวลาที่โคเอนต้องการซ่อนความรู้สึกที่ไม่อยากให้ผู้อื่นรับรู้เขามักจะเบนหน้าออกไปมองสิ่งอื่นเสมอ...
แทนที่จะตะล่อมเข้าเรื่องไปเรื่อยๆ องค์จักรพรรดิ์ร่างท้วมกลับเลือกที่จะพูดออกนอกเส้นทางตามความสนุกกับการได้เห็นสีหน้าของโคเอนซะมากกว่า เขารู้ดีว่าลูกชายของเขานั้นไม่ได้เป็นคนสงบเสงี่ยมไร้อารมณ์ ออกจะเป็นคนมุทะลุเสียด้วยซ้ำ...
"ช่วงนี้เจ้าได้ยินเรื่องข่าวลือในวังมั้ย"
โคเอนยังคงจิบสุราหาได้สนใจเรื่องที่ผู้เป็นบิดาพูดไม่ ไหนๆตัวเขาเองก็เสียเวลามานั่งให้พ่อปั่นหัวเล่นแล้วอย่างน้อยก็ขอดื่มชมจันทร์ให้เหล้าหมดเหยือก คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปหน่อย
"เกี่ยวกับหญิงงามที่มาจากนอกวัง..." มืออวบอ้วนลูบเคราเล่นไปมา ดวงตาลอบมองสีหน้าของอีกฝ่ายที่เอาแต่รินสุราจอกแล้วจอกเล่า
....อะไรกัน นี่คงคิดจะหาแม่เลี้ยงใหม่ให้ข้าอีกล่ะสิ...
ดวงตาสีทับทิมมองน้ำเมาในจอกที่สะท้อนใบหน้าของตนเอง พลางคิดบ่นผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้าไปในใจ ถ้าหากอยากได้ผู้หญิงคนไหนก็ไม่เห็นจะต้องมาถามตัวเขาเลย โตแล้วไม่ใช่เด็กๆซะหน่อย
"ในเมื่อทุกสิ่งในวังราคุโชวเป็นของท่านอยู่แล้ว หากอยากได้นางกำนัลคนไหนท่านไม่เห็นต้องมาปรึกษาขอความเห็นจากข้าเลย" ใบหน้าเรียบเฉยพูดพลางกระดกซดเหล้าอย่างหน่ายๆ ความจริงแล้วเขาเองก็ใช่ว่าจะไม่ชินกับความเจ้าชู้ของพ่อตัวเอง เพียงแต่แค่อย่ามีน้องสาวอีกเลยก็พอ แค่นี้ก็นับไม่หวั่นไม่ไหวกันแล้ว
"ข้าเองก็ได้พบกับนางเมื่อกลางวันนี้เอง ยังอยู่ในวัยขบเผาะเชียวแถมยังมีผมสีทอง.."
'อุก!'
โคเอนแทบจะพ่นเหล้าใส่หน้าของผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้าตัวเอง เมื่อได้ยินคำว่า 'ผมสีทอง'
ในวังราคุโชวนี้จะเป็นใครได้ได้อีกนอกเสียจากมือขวาคนใหม่ของเขาเอง
ถึงจะคิดไว้ว่าอาจจะมีคนเข้าใจผิดได้ก็เถอะแต่...
"จะว่าไปตั้งแต้โฮอาเสียเจ้าเองก็เหมือนจะไม่ยอมให้ใครรับใช้ใกล้ตัวเลยนี่ คนในตำหนักก็มีแต่ข้ารับใช้กับทหารเก่าของโฮอา อีกอย่างเจ้าเองก็ไม่ได้มีท่าทีจะแต่งงานเป็นมั่นเป็นเหมาะซักที ทำไมเจ้าถึงได้รับสาวใช้จากนอกวังมารับใช้ข้างกายล่ะ? เจ้าคงไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษกับนางหรอกนะ"
จักรพรรดิ์แดงมองสีหน้าลำบากใจที่แสดงออกอย่างชัดเจนบนใบหน้าหล่อคมของลูกชายคนโปรดด้วยดวงตาเป็นประกายกรุ้มกริ่ม
โคเอนมองใบหน้าของผู้เป็นพ่ออย่างรู้ทันว่าตอนนี้พ่อของตนกำลังอยากจะสถาปนา'อาลี'เป็นแม่เลี้ยงคนใหม่ของเขาซะใจจะขาด นี่คงเป็นเหตุผลที่เรียกเขามาสินะ แต่ถ้าเขาดับฝันพ่อตัวเองซะตอนนี้ ความซวยคงจะได้มาเยือนเจ้าหัวหงอนหน้าโง่นั่นอีกหน เขารู้ดีว่าพ่อตัวเองเกลียดการเสียหน้าขนาดไหน ถ้าโป๊ะแตกขึ้นมาว่าอาลีเป็นผู้ชายแล้วมีข่าวฉาวว่าองค์จักรพรรดิ์ทรงหลงเด็กผู้ชายเพราะคิดว่าเป็นสตรีงามขึ้นมา เจ้านั่นคงไม่เหลือแม้แต่ร่างให้ตามหาศพแน่...
"อาลีไม่ใช่สาวใช้ แต่เป็นมือขวาของข้า" โคเอนวางจอกเหล้าลงก่อนจะมองกลับไปยังคนตรงหน้าด้วยแววตาที่หนักแน่น
จักรพรรดิ์แดงยิ้มมุมปาก ก่อนมืออวบๆจะลูบเครายาวเฟิ้มที่เมื่อต้องกับแสงสีเงินของดวงจันทร์ หนวดเคราสีเข้มก็พลันเหลือบประกายสีแดงดุจชาด ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยย่นคิดตรองดูถึงใบหน้ายามเมื่อแรกเจอของนางในฝันที่เพิ่งเจอเมื่อกลางวัน กับคำพูดของลูกชายคนโปรด
สาวใช้ หรือ มือขวา?
ใบหน้าน่ารักที่ดูเป็นกังวลยามเมื่อที่ได้ยินคำถามไป ก่อนจะตอบว่าตนเป็นเพียงแค่สาวใช้
ถึงแม้ว่าจะแต่งกายงดงาม แต่มือคู่นั้นกลับสากราวกับกรรมกรที่ตรากตรำทำงานหนัก...
เปลือกตาที่เต็มไปด้วยรอยย่นค่อยลืมขึ้นมาก่อนจะหยิบจอกเงินแวววาวขึ้นมาจรดริมฝีปากอย่างดื่มด่ำก่อนจะถอนหายใจ ใบหน้าของเขาอดทำให้โคเอนแอบคิดไม่ได้ว่าพ่อจอมเจ้าชู้จะล้มเลิกความตั้งใจไปแล้ว
"งั้นคงไม่มีปัญหาอะไรสินะ"
"ห๊ะ!?"
โคเอนสะบัดความคิดในหัวออกไปทันที หัวคิ้วของเขาแทบจะติดกับหัวตาอยู่แล้ว เมื่อผู้เป็นบิดายังคงยืนกรานในสีหน้าหนักแน่นยิ่งกว่าครั้งไหน
"ถึงเจ้าจะมีดีเรื่องการศึกซักเพียงไหน แต่คงไม่รู้วิธีการปรนนิบัติสตรีสินะ จะไม่ดีกว่ารึถ้าจะปลดนางออกแล้วเอามารับใช้ในตำหนักข้า อีกอย่างผู้หญิงกับการศึกก็ใช่ว่าจะเป็นของที่ไปคู่กันได้
อาลีมีแต่จะถ่วงเจ้าเปล่าๆมิใช่รึ?"
ดวงตาของโคเอนมองไปยังพ่อบังเกิดเกล้าด้วยแววตาเรียบนิ่ง จนบรรกาศอุ่นอ่อนในคืนเดือนใบไม้ผลิแทบจะเยือกแข็งเป็นป่าหิมะ อะไรบางอย่างที่มันเต้นเร่าอยู่ในอกของเขาราวกับพายุเพลิงโหมกระหน่ำความรู้สึกที่ดึงดันนี้ เขาไม่อยากที่จะแพ้ในหมากเกมนี้!
"นั่นไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะมาตัดสินข้าและคนของข้า อาลีเป็นมีตำแหน่งเทียบเท่ากับโคเมย์ที่เป็นเสนาธิการไม่ใช่ดอกไม้ข้างทางที่ไหน และอีกอย่างข้าเองก็คิดไว้ว่าหากได้บัลแบดมาเมื่อไหร่..."
"ฮ่ะๆๆๆ"
ยังไม่ทันที่โคเอนจะพูดจบประโยคเสียงหัวเราะดังก้องก็ดังขึ้นขัดจังหวะการพูดของโคเอน แม้ว่าการขัดจังหวะระหว่างที่เขาพูดจะเป็นสิ่งที่โคเอนเกลียดมากแค่ไหน แต่ก็คงทำได้เพียงหยุดคำพูดที่ติดอยู่ปลายลิ้นไว้อย่างเงียบเชียบ เพราะคนที่ขัดจังหวะเขานั้นคือผู้เป็นเหนือหัวแห่งเจิดจรัส...
"เทียบเท่าเสนาธิการอย่างนั้นรึ หึหึ แล้วเจ้าได้ปฏิบัติกับนางอย่างที่ได้ยกย่องไว้รึเปล่าล่ะ.." ผู้เป็นบิดามองใบหน้าของลูกชาย นัยน์ตาที่เหมือนกันดั่งแกะงัดออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันของคนหนุ่มเบื้องหน้าฉายแววขุ่นเคืองไม่พอใจ จนพ่อแก่ๆอดที่จะยิ้มให้กับท่าทางดูร้อนรนใจนั้นไม่ได้ ดวงตาสีแดงทับทิมทั้งสองคู่ยังคงจ้องมองกันไปมาราวกับจะมีไฟฟ้าสถิตในอากาศ
"ไม่เลย เจ้าไม่ได้ให้เกียรตินางดั่งที่พูดมาเลย..." มือเหี่ยวย่นค่อยๆรินสุราลงในจอกเหล้าที่โคเอนถือวางอยู่บนโต๊ะหินอ่อน เทจนสุรารสเลิศปริ่มล้นออกมาอาบเรียวนิ้วของขุนศึกหนุ่มแต่จักรพรรดิ์แดงแห่งเจิดจริสก็หาได้สนใจไม่
"ใช่แล้ว เจ้าไม่สนด้วยซ้ำตราบใดที่นางยังเป็นเบี้ยในมือเจ้า"
โคเอนก้มลงลองมือที่ยังคงกำจอกเงินไว้มั่นไม่ปล่อยแม้จะเปียกโชกไปด้วยสุราที่หกล้นอาบมือก่อนจะมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยับย่นนั้นด้วยแววตาเกรี้ยวกราด
"แล้วมันต่างจากที่ท่านทำกับแม่ข้าตรงไหน"
มือที่โชกไปด้วยน้ำเมรัยยกจอกเงินขึ้นดื่มกลืนน้ำรสชาติร้อนดั่งเปลวไฟจนหยาดหยดสุดท้ายก่อนจะวางจอกงามกระทบกับโต๊ะหินอ่อนสลักอย่างแรง เกิดเสียงดั่งระฆังเงินกังวานก้องไปทั่ว
ร่างสูงใหญ่ยันกายลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้ฉลุมุกเป็นลวดลายเนื้อดีโดยไม่คิดจะพูดอะไรต่อ ก่อนจะหันหลังให้กับจักรพรรดิ์แดงที่ยังคงเผิกเฉยนั่งมองเงาสะท้อนของจันทราผ่านแก้วเงินในมือ
"แค่สิ่งที่นางควรได้เจ้ายังให้ไม่ได้เลย งานที่หนักกว่าทาส? แต่ความรับผิดชอบเท่าพลรบ
ตำแหน่งที่ใหญ่กว่าพลรบ แต่ห้องหับที่เล็กกว่าก้นครัวงั้นรึ? อย่ามาทำให้ข้าขำหน่อยเลยโคเอน"
เสียงทิ้งท้ายของคนที่ยังคงนั่งจิบชิมสุราในจอกเงินใบงามทำให้เจ้าของรองเท้าปลายแหลมคู่แพงหยุดฝีเท้าลง ก่อนขุนพลผู้องอาจจะเบนเสี้ยวหน้าหล่อคมภายใต้แสงจันทร์สลัว มองไปยังผู้เป็นบิดาด้วยแววตาที่ส่องประกายน่ากลัวกว่าครั้งไหนๆ
"อาลีเป็นของข้า"
"งั้นก็พิสูจน์ให้ข้าเห็นสิ"
.
.
.
ขายาวก้าวออกจากชายคาตำหนักใหญ่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ด้วยช่วงขาที่ยาวไม่นานนักก็พ้นจากบรรยาศชมจันทร์อันหน้าอึดอัดใจ ก่อนสายลมที่พัดกลิ่นของมวลหมู่โบตั๋นจะสัมผัสเข้าที่เส้นผมสีแดงให้สัมผัสไล้ไปกับใบหน้าดุดัน สร้างความลำคาญใจให้กับขุนพลหนุ่ม เมื่อกลิ่นหอมของดอกโบตั๋นนำพามาซึ่งความทรงจำอันเจ็บปวดเมื่อครั้งอดีต
...คนที่เอาแต่หยิบยืมมือคนอื่น ไม่มีสิทธิ์มาพรากอะไรไปจากข้าทั้งนั้น...
คนที่ไม่เห็นค่าของตัวหมากเบี้ย ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็เอาแต่สร้างบาดแผลให้กับผู้อื่นอยู่ร่ำไป
เขาเองยังคงจำแววตานั้นได้ดี ดวงตาสีทองอำพันในวันนั้นสะท้อนภาพเขา ทั้งชวนลุ่มหลงและแผดเผาไปด้วยความโกรธแค้นบอกเล่าถึงรอยแผลที่ไม่มีวันตกสะเก็ด บาดแผลที่ใครบางคนได้จับมือของเขาวาดมลทินลงบนโชคชะตาของผู้คนให้แปดเปื้อน
มันก็อาจจะสมควรแล้วก็ได้ หากใบหน้านั้นจะไม่มอบยิ้มให้เขาซักครา...
.
.
.
ไม่รู้เพราะฤทธิ์เหล้าหรืออย่างไร แผนการบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของโคเอน
ห้วงความคิดที่นำพาเขามาหยุดยืนอยู่หน้าประตูไม้เก่ามอดแทะบานเดิมกับเมื่อตอนเย็น
มือกำยำจับกลอนประตูก่อนจะพังมันเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ จนคนที่นอนอยู่บนเตียงต้องสะดุ้งตื่นขึ้นอย่างตกใจ แสงโคมไฟและจันทร์กระจ่างส่องลอดผ่านคนร่างสูงใหญ่ที่ยืนขวางบานประตู ส่องให้เห็นใบหน้าตกใจที่กอบโกยผ้าห่มผืนบางมากอดไว้ตรงบริเวณหน้าอก ใบหน้าที่ยังดูไม่ตื่นดีหรี่ตาพินิจใบหน้าของผู้มาเยือนกลางดึกด้วยท่าทีระมัดระวังตัว
"โคเอน?"
เจ้าของชื่อเดินเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะ จนมือขวาผมทองต้องเด้งตัวขึ้นจากเตียงอย่างตกใจ
โคเอนเปิดรื้อลิ้นไม้ชักเก่าๆทีใส่เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวของคนในห้องอย่างไม่สนเสียงโวยวายของคนที่ยืนอยู่ข้างๆแม้แต่น้อย
"นี่! ฟังข้าพูดมั้งมั้ยเนี่ย แล้วทำไมเนื้อตัวถึงมีกลิ่นเหล้าฉุนขนาดนี้.."
อาลีเงียบลงทันที เมื่ออยู่ดีๆร่างบอบบางของเขาก็เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของขุนศึกผู้แข็งแกร่งที่สุดในเจิดจรัส ไหล่เล็กๆก็พลันสั่นเกร็งขึ้นมาทันทีกับท่าทีแปลกๆของคนตรงหน้า
"ข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าตกไปอยู่ในมือของคนแบบนั้นเด็ดขาด..." โคเอนยังคงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นจนคนที่โดนกอดต้องย่นจมูกเพราะกลิ่นเหล้า
"โคเอน? รู้ตัวรึเปล่าว่าตอนพูดลิ้นนายเริ่มเปลี้ยๆแล้ว"
โคเอนผละร่างบางออกแต่ก็ยังคงจับยึดไหล่มนทั้งสองข้างของหนุ่มหน้าหวานไว้แน่น ดวงตาสีทับทิมจ้องมองใบหน้าที่ส่องกระทบแสงเงินชวนฝันนั้นอย่างไม่ละสายตา
"รู้สิ ก็ข้าเมา"
"เอ้อ~" อาลีกุมขมับ พ่นลมหายใจยาวอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะพูดด้วยด้วยเสียงประนีประนอมเหมือนเวลากล่อมคนเมากลับบ้านที่ร้านเหล้า
"ถ้าเมาก็กลับไปนอนที่ตำหนักซะนะองค์ชาย ถ้าจะรื้อข้าวของข้าค่อยมาพรุ่งนี้แล้วกัน ข้าจะได้ซ่อมประตูแล้วรีบกลับไปนอน" คนที่พึ่งพูดจบหาววอดหนึ่งก่อนจะปัดมือที่เกาะกุมไหล่ทั้งสองข้างของตนเองออก
"ไม่ เจ้านั่นแหละที่ต้องกลับไปนั่ง"
โคเอนจูงมือของมือขวาหนุ่มราวกับเป็นเด็กน้อยก่อนจะกดร่างของคนตัวเล็กกว่าให้นั่งลงเฉยๆกับเตียง แล้วหันกลับไปรื้อข้าวของในลิ้นชักไม้เก่าๆอีกครั้ง
"ห๊ะ เดี๋ยวก่อนนะโคเอน แล้วเจ้าจะรื้อเสื้อผ้ากับของใช้ข้าออกมาเล่นทำไมเนี่ย" อาลีเด้งตัวขึ้นจากเตียงอีกครั้งเมื่อเห็นว่าโคเอนไม่มีท่าทีที่จะละความพยายามในการที่จะขุดคุ้ยเสื้อผ้าของใช้ของตนเอง จนต้องลุกขึ้นมาห้าม แต่มือเรียวที่เข้ามายุ่งย่ามก็ถูกปัดออกไปอย่างไม่ใยดีทุกครั้งที่พยายามสอดมือเข้ามา
"ข้าไม่ได้เล่น!" โคเอนพูดด้วยสีหน้าหนักแน่น แม้ว่าคนตรงหน้ามีท่าทีจะโวยใส่โดยไม่สนใจคำพูดของตนก็ตาม ดวงหน้าสวยตรงหน้าเขาแสดงออกถึงความไม่พอใจโดยไม่ปิดบังใดๆ ถ้าพูดตามตรงแล้วเขาออกจะชอบใบหน้าแบบนี้มากกว่าใบหน้ายิ้มปะเหลาะเอาใจที่อาลีทำทุกครั้งที่เจอหน้าเขาเสียด้วยซ้ำ ก่อนโคเอนจะเอ่ยคำพูดที่ทำให้อาลีต้องนิ่วหน้า...
"อาลี...เจ้าไม่เคยหนีตามผู้ชายหรอ"
☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆
อยากจะหนี หนี หนีตามเธอไปหาก แม้จะต้องลำบาก แค่เราอยู่ด้วยกันก็ไหว~
รับฉันไว้ซักคน จะรับและทนทุกอย่าง แค่นี้ที่ฉันต้องการ
ให้เราอยู่ด้วยกันได้หมายยยยยย ♪~
//จบช่วงเมากาววันละนิดจิตแจ่มใส (ㆁᴗㆁ✿)
.
.
.
ในที่สุด!!! ก็ได้เขียนฉากที่อยากเขียนซักที อ่าห์~~~~
ท่านโคเอนกลับมานำแล้วค่ะ ยิงนำไป2ประตูรวดเลย แอร๊ยยยยย (≧∇≦)
ไรต์คงได้หลับสนิทซักที ฝันเป็นพล็อตนิยายหลอกหลอนมาหลายวันแล้ว
ขอโทษทุกคนด้วยที่ต้องเลื่อนซีนพระนางออกมาไกลขนาดนี้ ด้วยความดำเนินเรื่องช้าของไรต์เอง ทีนี้จะได้จบเนื้อเรื่องในส่วนของต้นเรื่องซักที (หรอ เป็นอย่างนั้นแน่หรอ (。 ー`ωー´) อืมมมมม)
เอาเป็นว่าตอนนี้ ผู้อ่านคนไหนลองเลียจอดูจะรู้ได้ว่าตอนนี้ดองไว้เค็มแค่ไหน555
อยากจะลงเร็วๆเหมือนกันค่ะแต่อยู่ๆเราก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาเลยหยุดพิมพ์กลางคัน(แค่เนี๊ย!!!)
กลายเป็นว่าทั้งเรียนทั้งงานถาโถมเข้ามาพออยากจะพิมพ์ต่อดันไม่มีเวลาซะงั้น
ตอนนี้นึกรสชาติของเนื้อกับผักไม่ออกเลยค่ะว่ารสชาติมันเป็นยังไง( ̄^ ̄゜) ฮึก ฮึก กินแต่มาม่า
**** อ่อไรต์เตอร์เปล่าอู้นะคะ555 ต้องบอกก่อนเลยว่าวิทยาลัยที่เรียนอยู่เปิดเทอมแล้ว และแต่ละวิชาจะมีการสอบทุกอาทิตย์ค่ะ (โหดมั้ยล่ะ555) ยังแค่นั้นยังไม่พอ! มีคาบเรียนนอกสถานที่ในวันหยุดด้วย โน้วววววว ตอนนี้ไฟแช็คกับเบนซินในมือไรต์นี่สั่นไปหมดเลยค่ะฮึ่มมมม (╬ ˘̀^˘́ )
ป.ล.1 ไรต์ไปเจอวิธีเปลี่ยนธีมหน้านิยายให้สวยฟรุ้งฟริ้งมา เลยลองยืมเอาโค้ดมาใส่ดู //หนึ่งในสาเหตุที่อัพช้า555
ป.ล.2 ลืมไปแล้วว่าจะพิมพ์ว่าอะไร
To be continued✿
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น