บิ๊บบิดิ้ บ็อบบิดิ้ บู เสกชุดสวยงามลงบนตัวเจ้า
เสกรองเท้าแก้วนำทางเจ้าเต้นรำไปในคืนแห่งเวทมนต์
เสกให้ในคืนนี้เจ้างดงามกว่าผู้ใด
"อาลีบาบาลุกไหวมั้ย?"
"อ่ะ อือ"
โคเอนค่อยๆประคองคนป่วยลงจากเตียงอย่างนุ่มนวลเสียยิ่งกว่าสัมผัสมือลงบนกลีบบางของดอกเชอร์รี่สีขาว พยุงว่าที่เจ้าสาวไม่ห่างทุกฝีก้าว เรียกได้ว่าแทบจะอุ้มลงจากราชรถเลยก็ว่าได้ ในขณะที่เหล่านิมฟ์ตัวเล็กเดินเรียงรายออกมาต้อนรับ
"ท่านโคเอน ระ หรือว่านั่นคือ..."
นิมฟ์ตัวน้อยทั้งสามมองคนในอ้อมแขนของกุยหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าเป็นปีกที่3แห่งฟากฟ้าตะวันออกอย่างตกใจ ยืนทำอะไรไม่ถูกไปครู่หนึ่ง
"ใบถั่ว ก้านถั่ว รากแก้ว นำทางไปที่ห้องที"
"จะ เจ้าค่ะ"
ทั้งสามตอบรับด้วยเสียงตะกุกตะกัก ก่อนโคเอนจะช้อนตัวคนตัวบางขึ้นมาอุ้ม แม้เจ้าตัวจะมีท่าทางขัดขืนเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ปริปากร้องออกมาแต่อย่างใด
"ชอบทำอะไรเกินไปตลอดเลยนะคะ คนคนนั้น"
โมลเซียน่าพูดเบาๆกับเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองโคฮาที่ยืนเงียบมาตั้งแต่เมื่อครู่อย่างฉงน
คนตัวเล็กมองแผ่นหลังของพี่ชายที่เดินห่างออกไป ก่อนจะเดินตามเข้าไปในคฤหาสน์อย่างเงียบๆ ตามมาด้วยจูดัลที่เพิ่งลงจากรถด้วยท่าทีสดชื่นกว่าปรกติทั้งสองแยกย้ายไปที่ห้องอาหารในขณะที่จูดัลส่งเสียงเจี้ยวจ้าวตามปรกติ โคฮากลับนิ่งเงียบไม่ตอบโต้อะไรกลับไปซักคำอย่างน่าแปลก
"แปลกจัง"
เด็กสาวเอียงคอสงสัยเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เก็บอะไรมาใส่ใจมากนัก เดินตามโคเอนไปจนกระทั่งถึงห้องที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้แล้ว ห้องนอนใหญ่โล่ง ฝาพนังเต็มไปด้วยลวดลายสวยงามวาดจากทองคำเป็นลวดลายดอกไม้เหมือนกับสวนดอกไม้ทองคำหน้าคฤหาสน์ตัดกับผนังห้องสีฟ้าหม่น งดงามเสียจนแม้แต่โมลเซียน่าที่ไม่ค่อยรู้เรื่องศิลปะเท่าไหร่นักยังต้องทึ่งไปกับการสร้างสรรค์เครื่องเรือนแต่ละชิ้นอย่างประณีตงดงามเหลือเชื่อ ทุกอย่างในคฤหาสน์นี้ราวกับงานศิลปะชั้นยอดที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี
โคเอนค่อยๆวางคนตัวเล็กที่คุดคู้อยู่ในอ้อมแขนของเขาลงบนเตียงนุ่ม ก่อนจะสั่งนิมฟ์ตัวน้อยให้จัดหาน้ำแพรคั้นที่เก็บจากต้นแพรวิเศษที่ส่องแสงสุกใสเป็นประกายมาเสริฟคนที่นั่งทำตัวไม่ถูกอยู่บนขอบเตียงทันที
"อาลีบาบาเป็นไงบ้าง ยังคลื่นไส้อยู่รึเปล่า?"
อาลีบาบายื่นแก้วที่ยังคงติดกลิ่นหอมหวานของลูกแพรให้กับเด็กสาวนิมฟ์ตัวเล็กที่ถูกเรียกว่าใบถั่ว ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ
"ขะ ข้าไม่เป็นไรแล้ว"
"เจ้าอยู่ที่นี่ เดี๋ยวข้าจะให้คนยกอาหารเย็นขึ้นมาให้ ถ้ามีอะไรก็เรียกใบถั่วได้เลย ข้าจะให้นางเฝ้าหน้าห้องเจ้าไว้"
"ท่านอาลีบาบาเป็นผู้มีพระคุณของพวกเรา เพราะงั้นเรียกใช้พวกเราได้ไม่ต้องเกรงใจเลยนะเจ้าคะ" เด็กสาวนิมฟ์ยิ้มกว้างตอบรับอย่างแข็งขันก่อนจะหันหน้าไปทางชายตัวใหญ่
"ท่านโคเอนก็เช่นกัน ถ้าตอนนั้นท่านไม่เอาแม่ห่านวิเศษนั่นออกไปจากป่าของเราที่นี่คงต้องลุกเป็นไฟแน่ เพราะงั้นเรียกใช้พวกเราได้ทุกเมื่อเลยนะเจ้าคะ" เด็กสาวยิ้มก่อนจะก้มหัวเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องไป...
"งานแต่งของพวกเราวันพรุ่งนี้ข้าเชิญพี่น้องทุกคนมาร่วมงานด้วย พวกเขาจะต้องตกใจแน่ๆถ้าได้เห็นหน้าเจ้า" มือใหญ่สัมผัสพวงแก้มชมพูน่ารักให้เงยหน้าขึ้นเบาๆก่อนจะประทับริมฝีปากบนหน้าผากๆน้อยๆของภูติสีทองผู้มีอันดวงตาสับสน
"รีบๆนอนล่ะ"
ใบหน้าหล่อคมคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้ให้ว่าที่เจ้าสาวอยู่กับองครักษ์ส่วนตัวเพียงลำพัง
อาลีบาบาก้มหน้างุดอย่างเขินอายพลางลูบเหม่งน้อยๆของตัวเองปอยๆด้วยหน้าที่ร้อนฉ่าจนโมลเซียน่าอดที่จะยิ้มให้กับท่าทางไม่ประสีประสานั่นออกมาไม่ได้
"เขาก็ดูไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่คิดใช่มั้ยล่ะคะ"
.
.
.
"ดูซิเนี่ย ว่าที่เจ้าบ่าวเดินยิ้มหน้าบานเข้ามาเชียวนะ"
เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อนที่โคเอนจะถูกใครบางคนกระโจนเข้ามากอดคอแน่นจนเสียการทรงตัว ชายหนุ่มผมสั้นที่มีจอนผมเส้นเล็กๆสองข้างยาวลงลงมาเกือบถึงบ่า และปลายคิ้วสองแฉกอันเป็นเอกลักษณ์ชกเข้าที่ต้นแขนของโคเอนก่อนจะยิ้มร่า ท่ามกลางบรรกาศอาหารมื้อค่ำอันครึกครื้นที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอของครอบครัวสุขสันต์
"ท่านฮาคุเรน? ไม่ใช่ว่าจะมาพรุ่งนี้หรอกหรอครับ"
"อย่าเรียกกันห่างเหินแบบนี้สิเจ้าน้องบ้านี่! ข้าโดดงานเพื่อมาดูหน้าเจ้าสาวเจ้าเลยนะ ไหนล่ะเจ้าสาวผู้โชคดีของเรา พวกเราอยากรู้กันจะตายอยู่แล้วเนี่ย"
โคเอนมองสีหน้าที่ลุ้นยิ่งกว่าหวยออกของคนในห้องอาหาร ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆด้วยสีหน้าที่หลายๆคนไม่ได้เห็นมาหลายปีดีดักและคิดว่าจะไม่ได้เห็นอีกต่อไปแล้ว แม้แต่ฮาคุเรนเองก็มองอย่างทึ่งๆ
ตั้งแต่วันที่งานวิวาห์ครั้งก่อนล่มตั้งแต่ยังไม่ได้ไปสู่ขอ โคเอนก็ไม่เคยยิ้มหรือหัวเราะให้เห็นซักครั้งจนพวกเขาคิดว่าโคเอนลืมวิธีการหัวเราะไปแล้วซะอีก ไม่คิดว่าวันนี้จะได้มาเห็นรอยยิ้มสดใสแบบนี้อีกครั้ง
"เจ้าบอกมาเร็วๆสิ จะมัวอมพะนำอยู่ทำไม! ใครเจ้าสาวเจ้า? นางอยู่ไหน!?"
ผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็นพี่ชายเขย่าไหล่กว้างของโคเอนแรงๆไปมา แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้คำตอบ จึงเบนเป้าหมายไปหาโคฮาที่กำลังนั่งกินอาหารอย่างเงียบเชียบแทน
"นี่โคฮาเจ้ารู้ใช่มั้ย!? บอกพวกเราหน่อยสิ"
โคฮาเหลือบตามองบนก่อนจะถอนหายใจหน่ายๆ หลังจากที่โดนโคเกียคุตื้อเงียบๆมาซักพักแล้วนี่ยังต้องมาเจอกับองค์ชายขี้โวยวายตัวพ่ออีก
"เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้เองจะอะไรกันนักหนา"
ฮาคุเอย์เห็นว่า วิธีการถามของฮาคุเรนคงจะไม่ได้การจึงเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ยิ้มถามไปอย่างนุ่มนวลฉบับกุลสตรีศรีเจิดจรัส ที่แม้แต่องค์จักรพรรดิฮาคุยูพี่ชายของเธอยังต้องเกรงใจ
"จะว่าไปทำไมเจ้าไม่มานางมาทานอาหารค่ำร่วมกับเราล่ะ ฮาคุริวอุตส่าห์เข้าครัวเองโชว์ฝีมือทำอาหารตั้งขนาดนี้"
"ระหว่างทางเห็นว่าไม่ค่อยสบายน่ะ"
จูดัลพูดแทรกขึ้นมาก่อนจะขโมยอาหารในจานของโคเกียคุโดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึกตัว
"ยะ แย่แล้ว! ให้ข้าตามหมอจากราคุโชมั้ย!? ไม่สิ ต้องตามท่านพี่ฮาคุยู!!!"
โคฮามองท่าทางโอเว่อร์แอคติ้งขององค์ชายลำดับสองจากโต๊ะอาหาร ก่อนจะหรี่ตามองท่าทางเด๋อๆขององค์ชายนั่นพลางเขี่ยมะเขือเทศในจานไปมา
"แค่เพลียนิดหน่อยน่ะครับข้ากำลังจะมาสั่งให้คนยกอาหารขึ้นไปให้อยู่พอดี" โคเอนหยุดความคิดตัวเองเอาไว้ชั่วครู่ปรายตามองไปยังน้องสาวคนสุดท้องที่นั่งหน้าบูดก่อนจะเปลี่ยนความคิด
"เอาไว้หลังจากนี้แล้วกัน.. หลังกินเสร็จแล้วข้าอยากให้เจ้ายกอาหารไปให้หน่อยน่ะ โคเกียคุ"
"ห๊ะ ขะ ข้าหรอคะ?"
"ฝากด้วยล่ะ เจ้าเองก็คงอยากพบเขาเหมือนกัน"
โคเกียคุก้มหน้ารับคำอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่
'ใครจะไปอยากพบกัน'
"แบบนี้มันขี้โกงนี่นา เดี๋ยวข้ายกไปเอง!"
ฮาคุเรนยังคงส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายไม่หยุด ในขณะที่โคเอนไปนั่งกินข้าวอย่างเงียบๆเป็นเพื่อนโคฮาเรียบร้อยแล้ว
"หยุดโวยวายได้มั้ยไอ้องค์ชายเด๋อนี่! กลับไปนั่งกินข้าวเงียบได้แล้ว! เดี๋ยวพ่อเอาตะเกียบจิ้มลูกตาแตก" จูดัลโวยวายขึ้นมาอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม เมื่อฮาคุเรนปัดมือไปโดนเยลลี่ลูกพีชของโปรดของตัวเองหล่นหกออกจากจาน
"นั่นน่ะสิครับท่านพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็ได้เห็นเองนั่นแหละ"
คนตัวใหญ่มุ่ยหน้าเป็นเด็กน้อยเดินจ๋อยไปนั่งข้างๆน้องชายคนสุดท้องอย่างเงียบๆหลังจากถูกดุ ก่อนฮาคุริวจะแบ่งเนื้อในจานตัวเองให้ จนแววตาของคนแก่เอาแต่ใจกลับมาสดใสมีประกายปิ๊งปั๊งอีกครั้ง
โคเอนไม่ได้แตะอาหารอะไรมากนัก พอเห็นโคเกียคุทานมื้อค่ำเสร็จก็ชวนออกไปที่ครัวด้วยกันอย่างเงียบๆเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ระหว่างที่องค์ชายฮาคุเรนกำลังดื่มสุราได้ที่โม้เรื่องตัวเองอยู่บนโต๊ะอาหาร
โคเอนเดินลงมาสั่งงานที่ครัว โดยที่โคเกียคุเดินตามมาอย่างฝืนใจ
"ช่วยเตรียมสลัดลูกแพรแสงตะวัน มันบด กับน้ำมิ้นต์ละอองจันทร์ให้ข้าทีขอแบบอุ่นๆนะ"
"ละเอียดจังนะครับ แบบให้ให้ข้าทำให้น่าจะเร็วกว่าแท้ๆ"
ยังไม่ทันที่ตนครัวจะตอบรับ น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ฟังดูถ่อมเนื้อถ่อมตนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
"องค์ชายฮาคุริว? ไม่หรอกแค่นี้ก็รบกวนพวกท่านมากพอแล้ว"
"ไม่หรอกครับแค่นี้เอง อีกอย่างเรื่องอาหารก็เป็นเรื่องที่ข้าถนัดที่สุดด้วย" ชายหนุ่มที่เดินตามออกมาจากห้องอาหารยิ้ม ก่อนจะตบมือสามครั้งเหล่าวัตถุดิบที่เหมือนถูกปรุงโดยเวทมนต์กลางอากาศก็ลอยจัดวางตัวเองลงบนจานและถาด เครื่องดื่มในถ้วยเย็นเองก็ค่อยๆอุ่นขึ้นจนมีไอลอยขึ้นมาส่งกลิ่นหอมของใบมิ้นต์ละอองจันทร์กรุ่นไปทั่วครัว
"ขอบคุณองค์ชาย.."
โคเอนก้มหัวเล็กน้อย เป็นการขอบคุณ
"พรุ่งนี้เป็นงานมงคลของครอบครัว อย่าได้ถือยศศักดิ์ให้ยุ่งยากเลยครับ" ฮาคุริวยิ้มอย่างเกรงใจ ถึงจะพูดไปแบบนั้นก็ตาม แต่ตัวเองนี่แหละที่ขี้เกรงใจยึดถือเรื่องยศบรรดาศักดิ์มากที่สุด
"ดูจากอาหารที่ท่านสั่งให้ทำแล้ว หรือว่าพี่สะใภ้จะเวียนหัวคลื่นไส้ครับ"
ฮาคุริวยิ้มน้อยๆ หรือว่าจะมีข่าวดีมากกว่าเรื่องแต่งงานกัน?
"ใช่แล้ว คงเพราะระหว่างการเดินทางเอาแต่มองหน้าต่าง แถมก่อนออกเดินทางยังไม่ได้กินอะไรเลยด้วยล่ะมั้งนะ เลยเมารถจนได้น่ะ"
โคเอนพูดพลางส่งสายตาให้น้องสาวคนสุดท้องรีบไปยกถาดไปที่ห้องว่าที่พี่สะใภ้ของตัวเองได้แล้ว ดูท่าแล้วเขาคงจะยืนคุยกับองค์ชายฮาคุริวอีกยาว
ผู้เป็นน้องสาว ยกถาดทองคำสีสวยออกจากห้องครัวไป เดินไปยังปีกตะวันออกห้องพักของว่าที่เจ้าสาวอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก ก่อนจะเปิดตูเข้าไปโดยซ่อนความรู้สึกรุนแรงเอาไว้ในใจ ดวงตาสีทับทิมเปรยตามองแผ่นหลังเล็กๆที่นั่งหันหลังชมจันทร์อยู่ตรงโซฟาใกล้หน้าต่าง ใบหน้าน่ารักเบ้ปากเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยพอใจ
'ว่าแล้วเชียว ต้องเป็นโอเมก้าผมสีทองจริงๆด้วย'
กลิ่นไอหอมหวานผิดปรกตินั่นคงล่อให้ท่านพี่ข้ามาติดกับล่ะสินะ
กล้าดียังไงถึงได้บังอาจมาแทนที่เพื่อนของข้าแบบนี้!
โคเกียคุเดินเข้าไปวางถาดทองลงบนโต๊ะเล็กๆใกล้กับโซฟาดังสนั่น จนไหล่มนสะดุ้งเฮือกหันมามองตามเสียงนั้นอย่างตกใจ ดวงตาสีสวยมองเด็กสาวผมสีแดงแปลกหน้าราวกับกระต่ายขี้กลัวที่ได้ยินเสียงลูกตาลหล่นจากต้น
โคเกียคุยืนแข็งไปครู่หนึ่งก่อนนิ้วสั่นๆจะค่อยๆยกขึ้นมาจิ้มๆ กลุ่มผมที่ตั้งโด่เด่ของคนที่นั่งอยู่อย่างหวั่นๆ
"ขะ ของ จริงนี่นา..."
"ไม่สิ..หรือเจ้าจะแค่คนหน้าเหมือน!"
นิ้วสั่นๆเกี่ยวขอบเสื้อระหว่างอกของคนตรงหน้า โดยที่ต่างคนก็ต่างสั่นเป็นเจ้าเข้า นิ้วสั่นๆดึงขอบเสื้อลงมาจนเห็นรอยประทับที่อยู่กลางหน้าอก
"นะ..นี่เจ้า!! มะ ไม่จริง อาลีบาบาจัง!!!"
"องค์ชาย ข้าเตรียมน้ำอาบเสร็จแล้วนะ...นะ ทะ ท่านหญิงโคเกียคุ!!!"
คราวนี้โมเซียน่าที่พึ่งเดินเข้ามาเป็นฝ่ายโวยวายบ้าง จนอาลีบาบาหันควับ มองทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ
'นี่รู้จักกันด้วยหรอ?'
หญิงสาวตัวเล็กที่กำลังตกใจกับภาพตรงหน้า โผเข้าไปกอดคนที่นั่งอยู่สุดแรงก่อนจะร้องไห้ออกมา โดยที่อาลีบาบาก็ยังคงไม่เข้าแม้แต่น้อยว่าตอนนี้มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่
"อาลีบาบาจัง! เจ้าหายไปอยู่ไหนมาาาา พอรู้ว่าเจ้าตายไปแล้วทุกคนก็เศร้ากันใหญ่เลย ทีหลังเจ้าอย่าล้อข้าเล่นหนีหายไปแบบนั้นอีกน้าาาา"
"คุณ..เป็นใครหรือครับ?"
"อ่ะ..เอ๊ะ!?"
โคเกียคุผละร่างในอ้อมแขนออกก่อนจะมองหน้าของเพื่อนสนิทดูอีกครั้ง มองมุมไหนก็เป็นอาลีบาบาจังของเธอนี่นา
"คือ...ท่านหญิงใจเย็นๆก่อนนะคะ" โมลเซียน่าพยายามจะพูดแทรกการสนทนาในครั้งนี้ ด้วยสีหน้าหนักใจ "ท่านอาลีบาบาเสียความทรงจำน่ะค่ะ ตอนนี้เลยกำลังสับสนอยู่"
"ความจำเสื่อมหรอ! แล้วพี่เอนเขารู้เรื่องนี้รึยัง?"
หญิงสาวในชุดกระโปรงน่ารักลุกพรวดพลาดขึ้นมาหันไปหาโมเซียน่าที่มีมีหน้าเป็นกังวลส่ายหัวไปมา
"ระหว่างทางมาท่านอาลีบาบาเกิดไม่สบายก่อนเลยยังไม่มีโอกาสได้บอกค่ะ"
"งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะลองคุยกับพี่เอนดู มันน่าจะมีวิธีเอาความทรงจำของอาลีบาบาจังกลับมาสิ...อา หรือว่า ไม่เอากลับมาจะดีกว่านะ" โคเกียคุพูดท้ายประโยคด้วยเสียงแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน ก่อนจะหันไปหาภูมิสีทองเพื่อนเก่าที่นั่งทำตัวไม่ถูกอยู่บนโซฟาตัวเล็กแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆด้วยท่าทีที่ผิดไปจากเมื่อครู่เล็กน้อย
"ข้าเรน โคเกียคุ เป็นเพื่อนของเจ้านะอาลีบาบา แน่นอนว่า จูดัลจัง ท่านพี่โคฮา แล้วก็ฮาคุริวจังก็เป็นพื่อนของเจ้า แต่ว่าเจ้ากับข้าน่ะสนิทกันสุดๆเลยนะ" น้ำเสียงหวานใสพูดออกมาด้วยแววตาเศร้าๆ ราวกับว่าเธอพยายามรื้อฟื้นความทรงจำเก่าๆระหว่างเธอกับเพื่อนสนิทตรงหน้า
"อ่ะ..อือ งั้นหรอ"
โคเกียคุมองนัยน์ตาที่ว่างเปล่าจนน่าใจหาย ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา
"ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ หรือว่าเหงา เจ้าก็มาคุยกับข้าได้ทุกเมื่อเลยนะ"
"ขอบใจนะ"
"คืนนี้เจ้าก็พักผ่อนเยอะๆล่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นมาเตรียมตัวแต่เช้า อีกอย่างพรุ่งนี้เป็นคืนมหาจันทราพระจันทร์สวยกว่านี้มากเลยนะ" ใบหน้าน่ารักยิ้มพลางเขย่ามือของเพื่อนสนิทเบาๆ ก่อนจะลุกออกจากโซฟา โบกมือมือลาคนในห้องทั้งสองอย่างเงียบๆ
มีเพียงแค่อาลีบาบาที่รู้สึกว่ารอยยิ้มนั้น ดูเหมือนจะร้องไห้เสียมากกว่า...
มือเล็กค่อยๆยกเครื่องดื่มอุ่นส่งกลิ่นหอมผ่อนคลายขึ้นมาจิบ รสชาติหวานเย็นนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยกินมาก่อน อีกทั้งแต่ละอย่างในจานก็รสเลิศไม่น้อยหน้ากัน จนเริ่มที่จะรู้สึกผิด
"ขอโทษนะ ข้าจำอะไรไม่ได้เลย"
.
.
.
เวลาน้ำชาหลังอาหารเช้า วันสีมอร์กาไนต์
"ท่านพี่โคเมย์มาแล้วหรอ"
เด็กหนุ่มตัวเล็กออกมาต้อนรับคนที่เพิ่งมาถึงด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่งต่างไปจากทุกทีจนน่าแปลกใจ แต่คนที่มีสีหน้าง่วงหงาวหาวนอนนั่นก็หาได้สังเกตอะไรไม่
"พี่เอนล่ะ?"
"องค์จักรพรรดิฮาคุยูพึ่งมาถึงตอนนี้กำลังคุยกันอยู่น่ะ"
โคฮาจับแขนของโคเมย์แน่น
...ยังไงเขาก็ต้องถามเรื่องที่เห็นเมื่อวานให้ได้ ท่านพี่โคเอนปิดบังอะไรเขาอยู่กันแน่ เมื่อวานตอนที่เข้าไปเห็นจูดัลกับท่านพี่อยู่บนเตียงเดียวกัน ท่านพี่ถึงกับต้องหงุดหงิดไล่ะตะเพิดเขาออกมาแบบนั้น?...
"ท่านพี่โคเมย์ข้ามีเรื่องจะถามท่านหน่อย ช่วยตอบมาตามตรงได้มั้ย"
"ถามๆมา ข้าจะได้เข้าไปนอนซักที"
คนตัวผอมแห้งหาววอดๆ โบกพัดขนนกสีดำไปมา
"จูลดัลเคยเป็นคู่ของท่านพี่เอน เป็นไปได้มั้ยว่า..เอ่อ พวกเขาจะยังมีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันอยู่น่ะ"
โคเมย์ขมวดคิ้วมุ่น ทำไมโคฮาถึงได้มาถามอะไรเรื่องนี้ แถมยังเป็นวันแต่งงานของอาลีบาบาอีก
"มันจะเป็นไปได้ยังไงกันเล่า พี่เอนของเจ้าน่ะแต่ไหนแต่ไรนอกจากภูติสีทองก็ไม่สนใจโอเมก้าคนไหน ครองความบริสุทธิ์มาได้ถึงร้อยปีเลยนะ"
"แต่บางทีพวกเขาก็ชอบหายเข้าไปในห้องด้วยกัน อย่างเมื่อวานก็ด้วย ตอนที่ข้าเข้าไปเห็นน่ะมันไม่เหมือนกับที่.."
"เจ้ารีบไปช่วยภูติสีทองเตรียมตัวเถอะ เรื่องนี้เอามาพูดที่นี่ไม่ได้ หลังจากกลับเจิดจรัสไว้ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังทีหลัง"
โคเมย์เอาพัดขนนกปิดบังใบหน้าลดเสียงให้เบาลง ก่อนจะเดินเข้าไปในคฤหาสน์เพื่อเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ ในขณะที่โคฮาเองก็ยังคงทำตัวไม่เชื่อฟังเดินตามพี่ชายไปอย่างเงียบๆ
.
.
.
แสงแดดอ่อนๆส่องลอดบานกระจกหน้าต่างแตะเบาๆลงบนไหล่ของชายหนุ่มรูปงามผมสีน้ำหมึกผู้มีใบหน้าสงบนิ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ กริยาท่าทางสง่างามตั้งแต่การขยับนิ้วเคาะโต๊ะยันปลายผมที่โดนลมพัดกระดิก
"โคเอน..เจ้าคงไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับวิหารศักดิ์สิทธิ์ใช่มั้ย?"
"ไม่ครับ"
คนที่ยืนอยู่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล
ชายหนุ่มผู้ครองวังรุ่งอรุณราคุโชมองสีหน้าเรียบนิ่งของน้องชาย ถึงแม้พวกโคจะเป็นตระกูลรอง แต่พวกเขาทุกคนก็เปรียบเสมือนพี่น้องแท้ๆของเขา เขารู้ดีว่าน้องชายของเขาคนนี้ดื้อรั้นแค่ไหน แม้ภายนอกจะดูเป็นคนที่เคารพกฏเกณฑ์อย่างมากก็ตาม ทั้งที่ กุย และ เอลฟ์ ไม่จำเป็นต้องแต่งงาน
เพื่อที่จะสืบทายาทได้เยอะๆโดยการจับคู่กับโอเมก้าหลายๆคน แต่เจ้าตัวก็ยังยืนกรานจะผูกมัดตัวเองเสียให้ได้ หากไม่ใช่ภูติสีทองตนนั้น อย่าว่าแต่เรื่องแต่งงานเลย โคเอนจะไม่ยอมจับคู่กับโอเมก้าที่ไหนทั้งนั้น
"เจ้าจะบอกว่ากลิ่นหอมหวานที่ข้าได้กลิ่นในคฤหาสน์ปีกตะวันออกเป็นของโอเมก้าตนอื่นงั้นรึ? ไม่มีโอเมก้าที่ไหนมีกลิ่นไอเทพกับภูติเจืออยู่แบบนี้หรอก ถ้าเจ้าไม่เข้าไปยุ่งกับวิหารศักดิ์สิทธิ์ หรือภูติสีทองจะหวนคืนสู่โลกภายในเวลาไม่กี่สิบปีได้งั้นหรือ?"
องค์จักรพรรดิฮาคุยูทำเคร่งขรึม ในขณะที่โคเอนกลับยิ้มออกมาบางๆ
"ความจริงแล้ว อาลีบาบายังไม่ตายต่างหากล่ะครับ"
….
"โถ่เอ้ย พวกเขาคุยอะไรกันนะ ทั้งๆที่ข้ามีเรื่องสำคัญจะคุยแท้ๆ"
ท่านหญิงแห่งวังตะวันตก โคเกียคุเดินกระสับกระส่ายไปมาอยู่อยู่หน้าประตูบานใหญ่ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงรังสีความขี้เกียจที่แผ่ออกมาจากใครบางคน
"โคเกียคุ?"
"ท่านพี่โคเมย์? ท่านพี่โคฮา?"
"พวกเจ้านี่พอกันทั้งคู่ จนป่านนี้ยังไม่ไปดูแลว่าที่เจ้าสาวอีก พวกเขาจะแต่งกันบ่ายนี้นะไม่ใช่พรุ่งนี้ รีบไปได้แล้ว"
คนที่ถูกดุทั้งสองจำต้องแยกย้ายกันไป ดีที่ปีกตะวันออกห่างจากตรงนี้ไม่ไกลนัก ในขณะที่เดินดูตามระเบียงทางเดินไปยังห้องแต่งตัวของเจ้าสาวในพิธีบ่ายนี้ ทั้งสองคนก็เห็นภูติตนหนึ่งออกมาจากห้องของอาลีบาบาพร้อมกันกับองครักษ์หมาป่าสีแดง
"หมอนั่นมัน บัลคาร์กนี่"
โคฮามองอย่างรู้สึกตะหงิดๆใจ ตั้งบัลแบดแล้วที่หมอนี่เอาแต่ขัดแข้งขัดขาพวกเขาตลอด
"ทำไมหรอคะท่านพี่โคฮา?"
"เปล่า"
โคฮาเร่งฝีเท้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเคาะประตูประบานใหญ่ขออนุญาตเข้าไป ไม่รู้ทำไมแต่เขากลับรู้สึกใจคอไม่ดีแปลกๆ ทันทีที่ประตูอ้าแง้มน้องสาวคนสุดท้องโคเกียคุก็เบียดแทรกเข้าไปจนตัวเขาแทบล้มหน้าคะมำ
"อาลีบาบาจางงง เจ้าเห็นชุดแต่งงานรึยัง"
"สีหน้าเปลี่ยนทันทีเลยนะ.."
ชายหนุ่มตัวเล็กถอนหายใจกับท่าทางดี๊ด๊าของน้องสาว ก่อนตัดใจจะพักเรื่องรู้สึกไม่ดีเอาไว้ก่อน ยังไงซะนี่ก็เป็นวันดีล่ะนะ เขาไม่ควรจะเอาเรื่องที่ยังไม่รู้แน่ชัดมาทำให้เสียบรรยากาศ แม้ในใจจะรู้สึกกระอักกระอ่วนมากก็ตามที
"ยังเลย เห็นว่าพวกเจ้ายังไม่มาเลยไม่กล้าเปิดดูอะไรก่อนน่ะ"
อาลีบาบายิ้มบางๆ กับท่าทางที่ดูแข็งแรงเกินเด็กผู้หญิงของโคเกียคุ
"พูดอะไรของเจ้า ของพวกนี้น่ะเป็นของเจ้าทั้งนั้นเลยนะ ไม่กล้าเปิดดูอะไรกัน?"
โคฮาพูดแทรกขึ้นอย่างไม่ค่อยเข้าใจ อยู่อาลีบาบากลายเป็นคนขี้เกรงใจไม่กล้าแม้แต่จะเปิดดูข้าวของของตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่
"คือ..ข้าจำไม่ค่อยได้น่ะ"
โคเกียคุรีบดึงแขนพี่ชายตัวเล็กทันทีก่อนจะก้มลงกระซิบเบาๆ
"คือท่านพี่คะ อาลีบาบาจังเขาความจำเสื่อมน่ะ ไปพูดแบบนั้นอาลีบาบาจังเขาจะรู้สึกไม่ดีนะ"
"ห๊าาา แล้วนี่พี่เอนเขารู้เรื่องรึยัง?"
โคเกียคุส่ายหัวเบาๆ ในขณะที่โคฮาหน้าเหวอไปนิดๆ ก่อนที่คนตัวบางมองท่าทีเหล่านั้นอย่างไม่ค่อยเข้าใจ เพราะตั้งแต่จำความได้ก็คุยแต่กับต้นไม้ดอกไม้ ไม่สันทัดภาษาท่าทางของคนทั่วไปเท่าไหร่นัก
"มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรอ? ข้าทำอะไรไม่ดีลงไปรึเปล่า?"
"มะ ไม่มีอะไรหรอก เอาล่ะๆมานั่งนิ่งๆตรงนี้แล้วให้ท่านพี่โคฮาตัดผมให้เจ้าดีกว่านะ"
เด็กสาวเดินเข้าไปจูงมือเพื่อนสนิทก่อนจะจับให้นั่งบนเก้าอี้เตี้ยๆตัวหนึ่ง หน้ากระจกทรงกลม
"เสียดายผมสวยๆหมด แต่จะเหลือไว้ให้ถึงกลางหลังแล้วกัน" คนตัวเล็กยักไหล่พลางควงกรรไกรตัดผมในมือในขณะที่หวีและกรรไกรด้ามอื่นๆลอยอยู่กลางอากาศหน้าโต๊ะกระจก คนตัวเล็กกวัดแกว่งในมือพร้อมกับกรรไกรที่ลอยขยับด้วยตัวเองเพียงไม่นานทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย เมื่อดีดนิ้วเบาๆเส้นกองเส้นผมก็หายวับไปกับตา ก่อนโคฮาจะเริ่มลงมือถักเปียผมที่ตัวเองชอบอย่างสนุกสนาน เก็บม้วนเปียผมเอาไว้ด้านหลังเป็นช่อสวยงาม
"นี่มันสวยมากเลย"
อาลีบาบามองตัวเองในกระจก ก่อนจะหันไปทางโคเกียคุที่กำลังมองพินิจทรงผมเพื่อที่จะเลือกเครื่องประดับให้เข้ากัน ราวกับศิลปินที่กำลังจะสร้างงานศิลป์ชิ้นเอก
"ท่านพี่จะให้อาลีบาบาจังร้องเพลง L*t it go วิ่งขึ้นเขาแล้วปามงกุฏด้วยมั้ย ข้าว่ามันคล้าย***มากเลยนะ"
"พูดอะไรของเจ้า ต่อไปตาเจ้าแล้วโคเกียคุ"
เด็กสาวพยักหน้า ปรบมือเบาๆ เหล่าอัญมณีที่ส่องแสงแปลกตาหลากหลายสีก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับเรืองแสงบางๆห่อหุ้มตัวของมันเองหมุนรอบตัวของโคเกียคุไปมา "เห็นแบบนี้ แต่ข้าถนัดเวทมนต์อัญมณีที่สุดเลย เอาล่ะ หลับตาสิ"
ภูติสีทองจ้องมองเวทมนต์อันเปล่งประกายสวยงามนั่นอย่างตื่นเต้น มันดูเหมือนว่าอัญมณีและไข่มุกพวกนั้นกำลงเต้นระบำรอบตัวของเด็กสาว อีกทั้งทุกอันยังมีรูปร่างเหมือนกับดอกไม้ตูมๆที่ค่อยผลิบานออกมาราวกับเป็นดอกไม้จริงๆ ถึงแม้จะอยากดูต่อ แต่อาลีบาบาก็จำต้องปิดเปลือกตาลงเพื่อที่โคเกียคุจะได้ทำงานสะดวก ในใจของเขาเต้นตึกตักราวกับเด็กน้อยที่กำลังเล่นซ่อนหา
'อยากรู้ว่าเวทมนต์นั้นจะเป็นเวทมนต์แบบไหนกันนะ'
"ข้าจะร่ายเวทมนต์ที่ทำให้ผู้คนจะหลงใหลในใบหน้าและเรือนร่างของเจ้าเอง! คาเชียซิสเต้!!"
อาลีบาบาที่ปิดตาสนิทถูกดึงให้ลุกขึ้นก่อนที่เขาจะรู้สึกว่าขาของตัวเองกำลังเต้นรำโดยที่มีโคเกียคุคอยคุมจังหวะ ในระหว่างที่เพลิดเพลินไปกับจังหวะการหมุนตัวนั้นเอง อาลีบาบาก็รู้สึกว่าเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่อยู่กำลังคลี่หลุดออกไปช้าๆจนเหลือเพียงแต่เนื้อตัวเปลือยเปล่า และสัมผัสเหมือนกับผ้าใยบัวบางเข้ามาแทนที่
"เสร็จแล้วจ้าาา"
ทันทีที่เปลือกตาบางเปิดขึ้นมาก็พบว่าตนเองยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในชุดที่เหมือนชุดคลุมอาบน้ำบางๆของตัวเอง ให้ความรู้สึกวาบหวิว
"ผิวกับหน้าของข้ามัน..ดูแปลกๆไป" คนตัวบางหมุนตัวมองตัวเองในกระจกบานใหญ่ ใบหน้าเองก็ถูกแต้มให้มีสีสันมากขึ้น ดวงตาสีสวยถูกขับให้ดูโดดเด่น ริมฝีปากแต่งแต้มสีแดงอมชมพูดูสวยงามเป็นธรรมชาติเช่นเดียวผิวที่ดูกระจ่างใสเปล่งประกายเท่ากันไปทั่วทั้งตัว แถมเรือนผมก็ดูเป็นประกายเงางามยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
"งดงามมาก! โคเกียคุเจ้าทำให้ข้าบ้างสิ!"
"สวยมากเลยอาลีบาบาจัง!!"
สองพี่น้องมองผลงานของตนเองก็จะจับมือกันกระโดดดี๊ด๊าไปมา
"ไม่ได้อยากจะติหรอกนะ แต่ปรกติชุดแต่งงานมันวาบหวิบขนาดนี้เลยหรอ แบบว่ามันเหมือนชุดคลุมอาบน้ำของข้าเลยอ่ะ"
"อ่ะ..."
"ลืมไปเลยแฮะ.."
โคฮาทำเสียงกระแอมเล็กน้อย ขณะที่โคเกียคุหมุนตัวไปมาราวกับกำลังเต้นรำ ไม่กี่อึดใจนั้นเองชุดแต่งงานสีขาวพิสุทธิ์ก็ลอยออกมาจากตัวของหุ่นลองเสื้อที่อยู่ในห้องเก็บเสื้อขนาดใหญ่ ก่อนที่ทั้งสองคนจะทำมือเหมือนเชียร์ลีดเดอร์ที่เปลี่ยนอาชีพไปขายอุปกรณ์กีฬาในทีวีไตเล็ก
"ท่ะดาาาาา"
"นี่แหละคือสิ่งที่พวกเราภูมิใจนำเสนอมากที่สุด"
โคฮายังคงทำเสียงกระแอมไม่หยุด ก่อนต่อมแฟชั่นจ๋าจะกำเริบ
"ชุดเจ้าสาวที่ตัดเย็บโดยสุดยอดช่างตัดเสื้อแดนเอลฟ์ เจ้าของห้องเสื้อที่โด่งดังที่สุดในเพลลูม ด้วยสไตล์ที่เรียบหรูทันสมัยแต่ก็ยังคงไม่ทิ้งมนต์ขลังอันเก่าแก่ของดินแดนภูติ"
"ชายผ้าปักลายด้วยทองคำจากแม่ห่านทองคำ เย็บด้วยเส้นไหมสีเงินจากแสงจันทร์ในคืนมหาจันทรา แถมทุกลายละเอียดของลายผ้าองค์หญิงฮาคุเอย์ปักด้วยตัวเอง ใช้ละลองดาวที่3ปีจะเก็บเกี่ยวได้ครั้งเดียวเชียวนะ" โคเกียคุเสริมเสริมด้วยดวงตาเป็นประกาย
"นี่มันสุดยอดไปเลย"
อาลีบาบาพินิจมองมองชุดของตนเองอย่างรู้สึกทึ่งๆ สีขาวของชุดเป็นสีขาวประกายมุกที่เหลือบสีรุ้งทุกครั้งที่โดนแสงเหมือนกับโอปอล ลายผ้าและลูกไม้ส่องแสงระยิบระยับสีนวลตา อีกทั้งกระโปรงเรียบพริ้วนั่นยังดูเหมือนกับชุดที่หนุ่มชาวภูติชอบใส่กัน จะต่างหน่อยก็ด้วยความยาวของชายกระโปรงที่ติดลากพื้นไปเล็กน้อยและมีรอยผ่าด้านข้างกระโปรงยาวจนถึงสะโพก บวกกับการตัดเย็บที่ดูยุ่งยากซับซ้อนกว่า
"ข้าอยากจะลองใส่ชุดนี้มากๆเลยนะรู้มั้ย ถ้าไม่ติดว่ามีเจ้าคนเดียวเท่านั้นที่ใส่ได้น่ะ" โคเกียคุยิ้มแป้นพลางจับตัวของอาลีบาบาหมุนอีกรอบ ก่อนชุดเจ้าสาวที่ลอยอยู่กลางอากาศจะสวมลงบนตัวของเจ้าของมันของเหมาะพอดี
"ว้าววว เจ้าเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดที่ข้าเคยเห็นเลย! นี่ขนาดยังไม่ได้ใส่เครื่องประดับนะเนี่ย!"โคฮาจ้องมองเจ้าสาวที่ยืนอยู่หน้ากระจกตาเป็นประกายระยิบระยับ
"ผ้าพวกนี้ใส่สบายกว่าที่คิดมากเลยนะเนี่ย"
ภูติสีทองมองชุดเจ้าสาวที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของมนต์วิเศษก่อนจะยิ้มออกมาด้วยสาเหตุอะไรซักอย่างที่เข้ามาเติมเต็มหัวใจของเขาจนพองโต รู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าสาวที่มีความสุขที่สุดในโลกยังไงยังงั้น
"ใช่แล้ว ก็มันทอมาจาก'ขนปีกของท่านพี่โคเอน'นี่นา"
"อะไรนะ!!!"
หลังจากฟังประโยคที่โคเกียคุพูดจบ อาลีบาบาก็แทบจะล้มทั้งยืนไปเสียตรงนั้นทันทีจนโคฮาต้องเข้ามาประคองไว้
"ขะ..ขน ปีกกุยหรอ"
"ใจเย็นสิ..ปรกติแล้วมันเป็นธรรมเนียมที่ใช้ตอบแทนบุญคุณน่ะ จะทอผ้าจากขนปีกให้กับมารดาโอเมก้าผู้ให้กำเนิด ภูติสีทองก็เหมือนแม่ของทุกสรรพสิ่งบนโลกเพราะงั้นคงไม่มีอะไรเหมาะไปกว่าการใช้ขนปีกของกุยทอเสื้อผ้าให้เจ้าใส่อีกแล้วล่ะ" โคฮาค่อยๆอธิบายอย่างใจเย็น
"อีกอย่างตอนนั้นท่านพี่น่ะเพิ่งเลื่อนขั้นเป็นแค่ขุนนางธรรมดา ไม่มีเงินพอจะซื้อผ้าแพงที่คู่ควรกับภูติสีทองอย่างเจ้าหรอกนะ เพราะว่าไม่อยากให้เจ้าอับอายที่ต้องมาแต่งกับขุนนางธรรมดาๆเลยใช้ขนปีกของตัวเองทอผ้าน่ะ" โคเกียคุช่วยเสริมอีกแรงหนึ่งด้วยน้ำเสียงลนลาน
"ไม่รู้สิโคเกียคุ ข้าเป็นแค่คนที่ถูกขายมาแต่งงานเพื่อใช้หนี้ให้กับบัลแบด รู้สึกไม่คู่ควรกับของล้ำค่าพวกนี้ยังไงไม่รู้" ดวงหน้าสวยก้มหน้าทอดถอนหายใจ ก่อนจะถูกโคเกียคุและโคอาจะกุมมือเรียวสวยนั่นเอาไว้คนล่ะข้างแล้วส่งยิ้มให้กำลังใจแก่เจ้าสาวผู้เป็นกังวล
"ไม่ต้องห่วง เจ้าน่ะคู่ควรกับของพวกนี้ที่สุดแล้ว" เด็กสาวผมแดงยิ้มก่อนจะติดต่างหูอันเล็กๆที่มีจี้หินสีทองสว่างอันจิ๋วห้อยตุ้งติ้งดูน่ารัก "นี่เป็นเครื่องรางที่จะทำให้เจ้าหวนนึกถึงอดีตที่มีความสุขได้ แม้กายเจ้าจะจำสิ่งใดไม่ได้ แต่วิญญาณของเจ้าจะต้องจำได้แน่นอน"
"ส่วนนี่เป็นรองเท้าที่จะช่วยนำทางเจ้าในค่ำคืนนี้" โคฮาวาดมือก่อนที่เท้าของอาลีจะปรากฏรองเท้าคริสตัลสีสวยเป็นประกายระยิบระยับราวกับเพชร
"นี่มัน..รองเท้าแก้ว?"
"ข้าเอาส้นสูงออกเพื่อเจ้าโดยเฉพาะเลยนะ แถมมันยังใส่สบายสุดๆ"
อาลีบาบาลองขยับเท้าเล็กน้อยเพื่อพิสูจน์คำพูดของโคฮา
จริงด้วยไม่รู้สึกแข็ง ไม่รู้สึกเจ็บหรือหนักเลย เหมือนวางเท้าลงบนปุยเมฆยังไงยังงั้น'
"ขอบคุณมากนะ..ข้าไม่เคยเจอใครที่ดีกับข้าถึงขนาดนี้มาก่อนเลย"
"ดะ เดี๋ยวอย่าร้องไห้สิ เดี๋ยวหน้าเลอะหมด!"
"เก็บน้ำตาไว้ร้องไห้ตอนพิธีงานนู่น!"
สองพี่น้องกุยโวยวายออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันก่อนอาลีบาบาจะหัวเราะออกมาพร้อมทั้งใช้ปลายนิ้วเช็ดหยดน้ำกลมใสจากหางตาเบาๆ ทันใดนั้นหยดน้ำตาเม็ดกลมก็แปรเปลี่ยนเป็นดอกแดฟโฟดิลสีสวยที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งอยู่ในกำมือเล็กๆของอาลีบาบา
"จริงสิ เอามาประดับมวยผมน่าจะน่ารักนะ"
โคอาเสนอก่อนที่อาลีบาบาจะพยักหน้ารับเบา ค่อยๆบรรจงติดลงผมอย่างระมัดระวัง
"เหลือแค่ผ้าคลุมหน้าสินะ" เด็กสาวผมแดงยิ้มก่อนจะหยิบผ้าคลุมผมและมงกุฏดอกไม้สวมลงบนศีรษะของเจ้าสาว "เรียบร้อยแล้ว พวกเรามาเริ่มพิธีสละขนปีกกันเถอะท่านพี่โคฮา"
"ไม่ใช่ว่าเราต้องรีบไปที่งานพิธีหรอกหรอ? ดูท้องฟ้าข้างนอกมืดๆยังไงไม่รู้นะ"
"เราต้องเริ่มพิธีนี้ก่อนเริ่มงานพิธีเป็นธรรมเนียมอยู่แล้ว อีกอย่างวันมหาจันทรา พราะจันทร์จะขึ้นเต็มดวงตอนบ่ายน่ะอย่าห่วงเลย"
'อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก~~~~'
โคฮาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหาน้องสาวที่หันหน้าออกไปทางประตูพร้อมๆกับอาลีบาบา ดูแล้วทุกคนคงจะได้ยินเสียงเมื่อครู่นี้เป็นแน่
"เสียงอะไรน่ะ?"
ดวงหน้าสวยของภูติสีทองนิ่วหน้าอย่างรู้สึกเป็นกังวล
"ทางนั้นก็น่าจะเริ่มอวยพรกันได้แล้วนี่ เอะอะเสียงดังอะไรกัน?" เด็กชายตัวเล็กดีดนิ้วก่อนเสียงที่เข้ามาจากภายนอกทั้งหมดทั้งมวลจะหายไป "เอาล่ะมาเริ่มกันเถอะ"
สองพี่น้องกุยค่อยๆกางปีกเพลิงทั้งสี่บนแผ่นหลังและช่วงสะโพกออกมา ก่อนจะเด็ดขนปีกที่ลุกเป็นไฟขึ้นมาคนล่ะหนึ่งเส้นโดยที่มือของพวกเขาไม่แม้แต่จะเป็นลอยลวกแม้แต่น้อย
ว่ากันว่าขนปีกของกุยหนึ่งเส้นจะสามารถขอพรได้หนึ่งข้อ และบางครั้งมันก็สมหวัง เพราะเช่นนั้นแล้วมันถึงได้เป็นของที่ล้ำค่ามากเสียยิ่งกว่าอัญมณีใดๆเสียอีก
"ไม่ว่าเมื่อไหร่ ที่ไหน หรือหากต้องเกิดใหม่อีกซักกี่หน ขอให้เจ้าเดินไปหาหัวใจของเจ้าโดยที่ไม่มีวันหลงทาง" ทันที่โคฮาพูดจบขนปีกที่ลุกเป็นเพลิงก็ค่อยๆกลายเป็นสีขาว ก่อนที่โคฮาจะเอามาขนนกนั้นมาประดับลงบนชุดแต่งงานแสนสวยอย่างระมัดระวัง
"ไม่ว่าเมื่อไหร่ ที่ไหร่ หรือหากต้องเกิดใหม่อีกซักกี่หน ขอให้ชีวิตแต่งงานของเจ้ามีแต่ความสุข"โคเกียคุหลับตาอธิษฐานก่อนจะลืมตาขึ้นมองขนปีกในมือค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาวแล้วติดมันลงบนที่เดียวกันกับที่โคฮาติดไปเมื่อครู่
"ขอบคุณนะทั้งสองคน"
อาลีบาบามองสองพี่น้อง ก่อนน้ำตาจะซึมรื้นขึ้นมาตรงขอบตาอีกรอบ
"ดะ เดี๋ยวสิ ก็บอกว่าอย่าเพิ่งร้องไห้ไง!"
"ทะ..ท่านพี่คะ ดอกไม้มันบานออกมาอีกแล้วค่ะ!"
+++++++++++++++++++++++
***เสริมเล็กน้อย
อาลีบาบาร้องไห้ออกมาเป็นดอกเดฟโฟดิล
-เคยได้ยินมาว่าดอกเดฟโฟดิลเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อความหมายถึงเพื่อน และน้ำใจไมตรีได้ด้วยค่ะ เลยคิดว่าตอนที่ร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกดีๆเนี่ย มันคงจะเป็นเหมือนกับดอกไม้สวยๆที่ส่งกลิ่นหอมสดชื่นเหมือนกับเดฟโฟดิลล่ะมั้งนะ555
ลูกแพรแสงตะวัน
-เป็นนิทานค่ะ ตอนเด็กๆ ไรท์เคยอ่านจากห้องสมุดว่ามียายแก่คนหนึ่งปลูกต้นแพร(หรือสาลี่เนี่ยแหละ)ที่ออกลูกเต็มต้นส่องแสงสว่างเหมือนดวงตะวันทั้งกลางวันกลางคืน(ประหยัดไฟดีเนอะ) แต่มีขุนนางโลภคนหนึ่งอยากได้เลยขุดไปปลูกที่คฤหาสน์ตัวเอง แต่สุดท้ายต้นแพรก็เฉาตายค่ะ คุณยายเลยปลูกต้นใหม่ไฉไลกว่าเดิม อีตาขุนนางนี่เลยริบเมล็ดแพรทั้งหมด แล้วรื้อบ้านยายทิ้ง ปลูกคฤหาสน์หลังใหม่ใกล้ๆต้นแพรซะเลย555 ท้ายที่สุดต้นแพรมันก็ขยับกิ่งก้านใบบินไปหาคุณยายที่บ้านใหม่ (นี่แกเป็นนกหรอ!!)
คาเชียซิสเต้
- แปลว่าแต่งหน้าซิ! มาจาก???? (เคะ-โช-ชิ-เต๊ะ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น