ไปเลย! อาหารแห่งคำอธิษฐาน!
ส่งความรู้สึกนี้ไปถึงใจเธอ♥
นี่ก็ผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว ฉันยังคงพักอยู่ที่ตำหนักเล็ก ทุกวันๆตื่นขึ้นมาซ้อมดาบกับท่านหญิงฮาคุเอย์และเข้าครัวเรียนทำอาหารกับองค์ชายฮาคุริว พอบ่ายคล้อยก็อยู่เล่นกับยุนและโมลเซียน่า ตกเย็นก็พูดคุยอย่างสนุกสนานบนโต๊ะอาหาร มีบ้างเป็นครั้งคราวที่จะแวะไปที่ตำหนักของโคเกียคุ ทุกๆวันผ่านไปอย่างสงบสุข ไม่มีเสียงเรียกหา ไม่มีเงาของแผ่นหลังกว้าง ไม่ได้ยินถ้อยคำแสนเอาแต่ใจ วันนี้เองก็เช่นกัน...
ที่ผ่านมาโคเอนคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงมาตลอด แต่พอหลังจากวันนั้น โคเอนก็ไม่เคยเรียกหาฉันอีกเลย แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะนะ ในที่สุดก็รู้สึกเหมือนได้กลับไปยืนอยู่ในที่ที่ควรอยู่ซักที
หญิงสาวในร่างจำแลงของเด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในขณะที่นั่งเอาเท้าจุ่มสระบัวเย็นๆไกวเล่นอยู่บนสะพานไม้เล็กๆ อ่านกลอนรักและจดหมายที่ยุนหอบเอามาให้ทุกๆเช้าหลังจากการออกไปวิ่งเล่นเสร็จ
"ร้อยวันพันปีไม่เคยจะมีดวงเรื่องผู้ชาย พอตอนกลายเป็นผู้ชายล่ะกลับมี"
เด็กชายที่นั่งอยู่ข้างๆพร้อมกองขนม(สินบน)ที่ได้รับมาจากทหารหนุ่มหน้ามนทั้งหลายหันไปมองคนที่กำลังบนพึมพำ
"นั่นต้องเป็นเพราะเครื่องรางจิ้งจอกแน่ๆเลยฮับ"
นิ้วป้อมชี้ไปที่ต่างหูที่อาลีใส่อยู่ ถอดไม่ออกมาตั้งแต่คืนวันเกิดเรื่อง
"นี่หรอ?"
"ท่านพ่อบอกว่าแม้แต่คนที่อัปลักณ์ที่สุดในแผ่นดินใส่ก็จะถูกมองว่าเป็นคนสวยมีเสน่ห์ จนผู้คนต้องเหลียวมอง"
"เดี๋ยวนะ ( -`д´-) นี่หมายความว่าที่ผ่านมาจะบอกว่าข้าเป็นผู้หญิงไม่มีเสน่ห์งั้นหรอ!?"
แต่พอได้กลายเป็นคนฮอตแล้ว ดันกลายร่างเป็นผู้ชายซะงั้นอ่ะ!
เด็กน้อยโยกหัวไปมาอย่างอารมณ์ดีพลางทำหน้านึกถึงคำสอนของผู้เป็นพ่อก่อนจะพูดต่อ"มันทำให้คนที่พบเห็นอยากมีเด็กได้ด้วยนะ อย่างคนที่ส่งจดหมายมาให้พี่อาลี เขาจะต้องอยากมีเด็กแน่ๆเลยครับ"
อาลีมองไปยังใบหน้ายิ้มไร้เดียงสาของเด็กน้อยที่ประกายในแววตาดูกรุ้มกริ่มชอบกล ขณะที่หัวคิ้วกระตุกเต้นระบำเป็นจังหวะแซมบ้า
"อะไรนะ..."
"ดีจริงๆเลยนะมือขวาเนี่ย มานั่งเอ้อระเหยไม่ทำงานทำการกับเขาก็ได้ด้วย"
"ตอนที่ทูตแคว้นเหมันต์มาก็ทำเรื่องน่าอับอายถึงขนาดท่านโคเอนต้องคุกเข่าขอโทษแทน คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงมาจากไหนกัน"
"ก็แค่เด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้า"
เสียงนางกำนัลกลุ่มหนึ่งที่บังเอิญเดินผ่านมาแถวสระบัวพูดซุบซิบเสียงดังราวกับจงใจให้ผู้ที่นั่งอยู่ได้ยิน ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะคิกคักเดินผ่านไป
เพียงแต่คนที่ถูกนำไปเป็นหัวข้อสนทนาก็ยังคงนั่งไกวเท้าเล่นไปมาราวกับไม่ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาเมื่อครู่ ระหว่างที่นั่งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงอะไรนั้นเอง จู่ๆก็มีคนทรุดตัวลงมานั่งข้างๆ
"ทำไมไม่ตอบโต้กลับไปบ้างล่ะครับ"
เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้น สองมือก็ถอดรองเท้า ถกขากางเกงเอาเท้าลงไปจุ่มในสระน้ำเย็นใสแจ๋ว
"แค่เรื่องงานก็ปวดหัวมากจะตายอยู่แล้ว ขออยู่เงียบๆสงบสุขๆดีกว่า"
อาลียิ้มบางๆพลางลูบกลุ่มเส้นผมสีเงินนวลของเด็กน้อยที่นั่งกินขนมอยู่ข้างๆ
ฮาคุริวถอนหายใจ ไม่รู้จะพูดยังไงดี ในตอนที่เห็นห้องพักของอาลีเป็นครั้งแรกก็ทำเอาเขาพูดไม่ออกเหมือนกัน ตอนแรกนึกว่าถูกอำเล่นซะอีก ดูยังไงๆก็เป็นการกลั่นแกล้งกันโต้งๆ ทำไมโคเอนถึงไม่คิดจะจัดการเรื่องนี้ ไม่สิ ดูจากการพูดถากถางกันเมื่อกี้แล้ว ในตำหนักเองก็คงจะหนักกว่านี้เป็นแน่
ได้ยินท่านพี่คุยมาตั้งมากมายว่าเป็นคนพิเศษขององค์ชายโคเอน คอยดูแลตอนที่บาดเจ็บหลังเข้าไปในแดนศัตรูแถมยังช่วยรับธนู3ดอกแทนโคเอนอีก แต่ทำไมเจ้านั่นกลับไม่คิดที่จะปกป้องเธอบ้างเลย ดูยังไงยังไงก็เหมือนจะรู้อยู่แก่ใจแท้ๆ แต่ก็กลับไม่ทำอะไรเลย
'แต่ก็สมกับเป็นเจ้านั่นล่ะนะ'
"เอาเรื่องเมื่อกี้ไปบอกองค์ชายโคเอนไม่ดีกว่าหรือครับ ในวังราคุโชเองก็มีกฎเหมือนกัน ว่ากันไปตามผิดตามถูกไม่ดีกว่าหรอครับ"
"ไม่หรอก.."
นิ้วมือเรียวหยิบลูกกวาดเนื้อใสขึ้นมา พลิกมองแสงอ่อนๆยามสายที่ส่องผ่านเจ้าลูกกวาดสีสดที่ดูมีประกายดั่งมณีเลอค่าก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
"ตราบใดที่หมากในมือยังใช้ประโยชน์ได้ จะเก็บอยู่ในกล่องเก็บหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก ตัวตนของฉันเองก็เป็นสิ่งที่คล้ายๆแบบนั้นแหละ"
"คุณอาลี.."
"ไม่เห็นจะต้องพูดสุภาพขนาดนั้นกับฉันเลยนี่นา ไหนๆฮาคุริวก็ให้ฉันเรียกแค่ชื่อเฉยๆแล้ว ทำไมถึงยังเรียกฉันว่าคุณอาลีอยู่ล่ะ"
คนที่ถูกถามหน้าแดงเล็กน้อยพลางเกาหัวแก้เขิน
"ก็แบบว่ามันไม่ค่อยชินปากน่ะครับ"
อาลีมองใบหน้าที่ดูถ่อมเนื้อถ่อมตัวอย่างรู้สึกเอ็นดูอยู่ในใจ ใบหน้าอีกครึ่งหนึ่งที่เป็นรอยแผลไฟไหม้นั้นกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกขัดตาแม้แต่น้อย ในสายตาของเขาแล้วพอมันอยู่บนใบหน้านั้นกลับดูเท่ห์ไปอีกแบบ
ริมฝีปากบางส่งยิ้มตอบกลับท่าทางเขินๆของเด็กหนุ่มพลางคิดว่าหากพวกเขาได้มาเจอกันเร็วกว่านี้คงจะดีไม่น้อย
เช่นนั้นแล้วคนที่เขาจะตกหลุมรักคงไม่ใช่ชายที่ชื่อโคเอนอย่างแน่นอน
.
.
.
"อุตส่าห์มาบอกลาทั้งที จะไม่เข้าไปทักหน่อยหรอคะ"
เสียงนุ่มๆที่ฟังแล้วสบายใจของยอดหญิงแม่ทัพพิชิตอุดรดังขึ้น เรียกสายตาขององค์ชายลำดับหนึ่งให้ละสายตาจากภาพตรงหน้าหันมามองคนที่เพิ่งมาถึง
"ไม่ล่ะ ข้าไม่เข้าไปขัดจังหวะสองคนนั้นจะดีกว่า" ใบหน้าหล่อคมเบนไปทางอื่น ขณะที่หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยราวกับไม่พอใจ ก่อนที่หญิงสาวตรงหน้าจะยิ้มน้อยๆตอบกลับ
"ไม่ต้องห่วง ระหว่างที่ท่านไม่อยู่ข้าจะดูนางไม่ให้คลาดสายตา องค์จักรพรรดิเองก็คงไม่คิดจะมายุ่มย่ามที่ตำหนักของข้ามากนักหรอก โปรดวางใจเถอะ"
หลังจากน้ำเสียงที่ดูถ่อมตนเงียบลง ดวงตาคมกริบสีแดงทับทิมก็หันกลับไปมองภาพของเด็กหนุ่มที่กำลังยิ้มร่าอยู่ริมสระบัว ใบหน้าหวานสวยเกินบุรุษเพศรับกับรอยยิ้มสดใส มีชีวิตชีวาเสียยิ่งกว่าบัวบานดอกไหนๆในสระ แม้แต่เงาที่ตกกระทบบนผิวน้ำก็ไม่อาจทำให้รอยยิ้มนั้นหมองลงแม้แต่น้อย กลิ่นหอมจรุงของบัวบานชูช่อรับแดดอ่อนที่ลอยมาแตะปลายจมูกยิ่งชวนให้ภาพที่เห็นจากไกลๆตรงหน้านั้นดูเคลิ้มฝัน ขับดวงหน้าประดับยิ้มให้ดูราวกับเทพธิดาดอกบัวที่กำลังอวยชัยให้เหล่านักรบยามต้องจำจากบ้านเกิดมุ่งสู่สมรภูมิรบ
ทว่าน่าเสียดาย...
โคเอนมองไปยังเด็กหนุ่มผมสีน้ำหมึกข้างๆกันที่กำลังพูดคุยสนิทสนมออกรส ก่อนจะหมุนตัวก้าวเท้าออกจากร่มเงาของศาลาเล็กๆโดยที่ไม่พูดเสวนาใดต่อ
ดวงตาสีนิลวาวที่จับจ้องสายตาคู่เมื่อกี้อยู่อย่างเงียบๆนั้น มองแผ่นหลังเหยียดตรงของแม่ทัพผู้องอาจที่ค่อยๆเคลื่อนจากไปอย่างเงียบๆ ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ
"เห็นทีข้าคงต้องเป็นคนออกหน้าเองซะแล้วกระมัง"
ฝีเท้าเล็กๆเดินตามแผ่นหลังกว้างออกไป โดยที่รอยยิ้มบางยังคงประดับอยู่บนเรียวหน้าสวยที่ดูราวกับกามเทพโฉมงามกำลังเล่นซุกซน
.
.
.
"อาลี มานี่หน่อย"
ฮาคุเอย์ที่เพิ่งมาถึงตำหนักกวักมือเรียกศิษย์เอกหนึ่งเดียวของผู้เป็นน้องชายที่ตอนนี้กำลังโดนทำโทษให้ท่องตำราอาหารหลังจากที่ทำครัวไหม้ไปเมื่อช่วงสาย
"องค์หญิงฮาคุเอย์? มีธุระอะไรหรือครับ"
คนโดนเรียกผละจากกองตำราที่ถูกเขียนด้วยลายมือสะอาดเรียบร้อยของอาจารย์หนุ่มน้อยหน้ามนแห่งตำหนักทิศอุดร ก่อนจะปรี่เข้ามาหาองค์หญิงโฉมงามผู้เพรียบพร้อมรูปโฉมและความสามารถ
"ท่านโคเอนคงจะไม่ได้บอกเจ้าสินะว่าจะนำกองทัพเจิดจรัสเคลื่อนพลไปอูกิช่วงบ่ายวันนี้"
'โคเอนจะนำทัพไปอูกิหรอ!?'
คนที่ถูกถามเงียบ เขาแทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยตั้งแต่ถูกย้ายมาอยู่ที่ตำหนักเล็ก อีกทั้งตอนกลางคืนก็ไม่ได้ถูกเรียกไปรับใช้ที่ห้องหนังสืออีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นมือขวาที่แทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเจ้านายเลย
"เจ้าเองก็มาอยู่ที่นี่ได้พักหนึ่งแล้ว คงจะเรียนรู้อะไรจากฮาคุริวมาพอสมควรสินะ"
ฮาคุริวที่กำลังเขียนจดสูตรอาหารอยู่พอได้ยินคำพูดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองพี่สาวแท้ๆของตนก่อนจะส่ายหัวเอาเป็นเอาตายอยู่เงียบๆ
"ข้าอยากจะให้เจ้าทำอาหารชุดหนึ่งไปถวายองค์ชายโคเอนที่ตำหนักก่อนที่เขาจะออกเดินทาง ยังไงเขาก็ฝากฝังเจ้าไว้กับข้า ข้าเองก็อยากจะให้ท่านโคเอนได้เห็นความคืบหน้าในการฝึกสอนซักหน่อย"
ฮาคุริวทำสีหน้าช็อคค้างไป วางพู่กันยกมือขึ้นมาโบกไม้โบกมือ ส่ายหัวจนคอแทบเคล็ด แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าพี่สาวจะสนใจตนแม้แต่น้อย
"อย่าให้เสียแรงที่ฮาคุริวฝึกสอนเจ้ามาล่ะ"
หญิงสาวแอบขยิบตาให้กับน้องชายที่นั่งเหงื่อตกอยู่ด้านหลัง ก่อนจะโบกพัดขนนกในมือเบาๆเดินจากไปแบบสวยๆ ( ㆁᴗㆁ)
'ท่านพี่นะท่านพี่!'
ฮาคุริวเก็บแท่นหมึกกับพู่กันก่อนหันมองใบหน้าศิษย์เอกด้วยสีหน้าเหมือนอมมะนาวเอาไว้ในปาก ในขณะที่อาลีเองก็หันมามองผู้เป็นอาจารย์ด้วยสีหน้ากล้ำกลืนไม่ต่างกัน
จริงอยู่ที่อาลีเป็นลูกมือช่วยฮาคุริวทำอาหารทุกครั้งแต่พอลองปล่อยให้ทำเองบ้างรสชาติมันก็เหลือรับประทานทุกที แถมชอบหยิบเกลือกับน้ำตาลสลับกันอีกต่างหากแม้จะเขียนฉลากแปะกระปุกไว้แล้วก็ตาม นอกจากข้าวต้ม(ที่ไม่อร่อย)แล้วอย่างอื่นก็ดูเหมือนจะทำไม่เป็นเลย
'นี่ท่านพี่คิดจะลอบปลงพระชนม์องค์ชายรัชทายาทรึยังไง!?'
ฮาคุริวกุมขยับส่ายหัวไปมาเบาๆ
"ขอโทษนะ...ทั้งที่เรียนกับฮาคุริวมาตั้งพักหนึ่งแล้วแต่ฝีมือกลับไม่พัฒนาเลย"
อาลีที่มองดูสีหน้ากลัดกลุ้มประหนึ่งวังราคุโชจะถล่มลงมาของคนข้างๆแล้วใบหน้าหวานเกินชายก็พลันหมองลงไปถนัดตา นัยน์ตาสีบุษราคัมเจือแสงอย่างเศร้าๆ
"ตอนที่อยู่อูกิฉันเองก็โดนโคเอนบ่นตลอดเลย ว่าข้าวที่ทำมันเหมือนข้าวที่ให้หมากินมากกว่า"
"ตอนที่อยู่อูกิฉันเองก็โดนโคเอนบ่นตลอดเลย ว่าข้าวที่ทำมันเหมือนข้าวที่ให้หมากินมากกว่า"
'นั่นมันคือคำที่ใช้พูดกับผู้หญิงของตัวเองหรอ!?'
ไม่ว่าพี่สาวของเขาจะทำอาหารแย่ขนาดไหน แต่อาหารที่พี่สาวทำมันก็เป็นสิ่งที่เขาชอบมากที่สุด กินมันจนหมดไม่ปริปากบ่น เพราะในอาหารนั้นน่ะมันมีจิตใจของคนทำอยู่ยังไงล่ะ ในทุกขั้นตอนตั้งแต่การบรรจงเลือกวัตถุดิบนั้นปรารถนาให้คนที่ได้กินมีความสุข มันคือสิ่งที่เปี่ยมด้วยคำปรารถนาและหัวใจของผู้ทำ ไม่มีใครอยากที่จะพังทลายหัวใจของที่ตัวเองรักที่สุดหรอก!
"นี่มันจะโหดร้ายเกินไปแล้ว..."
"แต่ก็นะ มันก็เหมือนจริงๆนั่นแหละ"
ไหล่เล็กๆห่อลีบลงไปถนัดตาเมื่อคิดภาพของอาหารที่ตัวเองทำเปรียบเทียบกับของฮาคุริว เพราะอย่างนั้นนี่อาจเหตุเหตุผลหลักๆเลยก็ได้ที่โคเอนส่งเขามาที่นี่
"อาหารน่ะคือความปรารถนาดีของผู้ทำนะครับ! ผมน่ะไม่มีวันยกโทษให้คนที่พูดแบบนั้นออกมาเด็ดขาด!" ฮาคุริวจับไหล่ของคนที่จิตตกเอาไว้แน่น "พวกเรามาทำให้หมอนั่นตะลึงหน้าหงายไปเลยเถอะครับ!"
"อ่ะ..เดี๋ยว ฮาคุริวววววว"
.
.
.
ทั้งที่รอยไหม้เมื่อเช้านี้ยังเก็บกวาดไม่หมดเลยแท้ๆ
สุดท้ายแล้วก็ถูกลากมาที่ครัวอีกจนได้…
ฉันมองฮาคุริวที่กำลังคัดเลือกวัตถุดิบไปพลางคิดเมนูอาหารไปพลาง ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วที่ฉันโดนคาซิมล้อเรื่องฝีมือการทำกับข้าวอยู่ตลอดจนคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกไป แต่พอได้เห็นสีหน้าที่จริงจังนั่นแล้วกลับขำไม่ออกเลยซักนิด
ฉันเองถ้าไม่ลองตั้งใจทำดูซักครั้งล่ะก็ ความพยายามของฮาคุริวที่ฝึกฉันมาตลอดก็คงจะต้องสูญเปล่าเหมือนกัน แต่ถ้าจะให้ทำของยากๆพวกนั้นก็คงจะไม่ไหว…
'ถ้าเป็นของที่โคเอนชอบล่ะ'
ฉันพยายามคิดถึงตอนที่ทำกับข้าวในวัดร้างครั้งนั้น ดูเหมือนว่าทั้งหมดที่เคยทำให้กินจะชอบแค่ข้าวต้มเปล่าๆใส่เกลือ ( ー`д ー´) เอ ไม่สิ ตอนนั้นมันไม่มีทางเลือกนี่นา จะว่าไปเราก็ไม่เคยถามซักครั้งว่าโคเอนชอบกินอะไร ส่วนของที่ไม่ชอบกินหนึ่งในนั้นก็คงจะเป็นอาหารที่ฉันทำนี่แหละ
ฉันพยายามนึกถึงความทรงจำเรื่องอาหารตั้งแต่เกิดยันโตมีชีวิตรอดถึงตอนนี้สุดชีวิต แต่ก็คงยังคิดไม่ออกว่าโคเอนจะชอบกินอะไรเป็นพิเศษ
’อาหารน่ะคือความห่วงใยนะอาลีบาบา’
จะว่าไปแม่เองก็เคยพูดคล้ายๆกันกับที่ฮาคุริวพูดไว้นี่นา
ความห่วงใยนี่หมายถึงเรื่องที่คนทำอาหารมักจะเป็นห่วงเวลาจะทำอาหารให้กับใครซักคนหนึ่งสินะ ( ̄^ ̄) แต่อย่างโคเอนจะมีอะไรให้น่าเป็นห่วงกัน ทั้งทหารบริวารรับใช้ก็พร้อมหน้า ไม่เหมือนกับครั้งนั้น ในตอนนั้นโคเอนป่วยหนักทำเอาฉันกับคนอื่นๆต้องวิ่งวุ่นไปหมด
...โคเอนจะไม่สบายอีกรึเปล่านะ?...
"จริงด้วยอูกิเองถึงจะเข้าหน้าร้อนแล้วแต่ก็ยังหนาวอยู่เพราะงั้นถ้าทำอาหารที่ใส่พวกขิงล่ะ? ขิงน่ะป้องกันหวัดได้ด้วยนะ"
"นั่นสินะครับทำเป็นสำรับกับข้าวหลายๆอย่าง อย่างล่ะนิดล่ะหน่อยน่าจะดีกว่าต้องไม่หนักท้องจนเกินไป อย่างข้าวสวยถ้วยเล็กๆกับหมูสามชั้นผัดขิงอ่อน เพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยเต้าหู้นึ่งซอสเผ็ด ตัดด้วยไก่ตุ๋นโสมรสอ่อน"ฮาคุริวหลับตาพักหนึ่งพลางพยักหน้าน้อยๆราวกับกำลังจินตนาการหน้าตาของอาหารที่กำลังจะทำ
"เพิ่มซุปไข่ใส่เห็ดหอมฝานบางๆด้วยดีมั้ย ซุปร้อนๆทำให้ร่างกายอบอุ่นดีด้วย"
"นั่นสิครับจะขาดน้ำซุปไปได้ยังไง ก่อนอื่นมาเริ่มจากไก่ต้มน้ำโสมง่ายๆกับเต้าหู้นึ่งที่ใช้เวลาทำนานกันก่อนดีกว่าครับ" ใบหน้าของฮาคุริวยิ้มกว้างจุดประกายห้องครัวเล็กๆให้เต็มไปด้วยบรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวาขึ้นมาทีละเล็กละน้อย
ฉันมองใบหน้าของฮาคุริวก่อนจะวิ่งไปตั้งเตานึ่งอย่างรู้หน้าที่ตัวเอง ทั้งๆที่ตอนทำเองคนเดียวรู้สึกว่ามันยุ่งยากไปซะหมด แต่พอทำด้วยกันสองคนแล้วทุกอย่างกลับกลายเป็นเรื่องง่ายๆขึ้นมา ในทุกๆขั้นตอนมีฮาคุริวช่วยประคับประคอง จนฉันเองก็เริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำเริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้างแล้ว
ฉันค่อยๆปิดฝาเตานึ่ง เพราะนอกจากตัดก้อนเต้าหู้ให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมแล้วนึ่งไอน้ำร้อนๆประมาณสิบนาที ไม่จำเป็นต้องใช้ฝีมืออะไรมากนัก ที่เหลือก็แค่ผสมซอสอร่อยๆราดลงบนเต้าหู้แล้วโปะด้วยขึ้นฉ่ายหอมๆก็พอแล้ว
"จริงด้วย ผมลืมบอกไปเลยครับ"
"อะไรหรอ?"
"เวทมนต์ที่จะทำให้อาหารอร่อยขึ้นยังไงล่ะครับ"
คนที่ตัวสูงกว่าเล็กน้อยยิ้มละมุน ในขณะที่อีกคนกำลังคนซอสเผ็ดกับเต้าเจี้ยวให้เข้ากันอย่างตั้งอกตั้งใจ
"เวทมนต์?"
"ในระหว่างที่ทำให้ท่องคำว่า'จงกลายเป็นอาหารอร่อยๆ' เอาไว้ในใจยังไงล่ะครับ ถ้าทำแบบนั้นล่ะก็ จะสามารถส่งความตั้งใจไปถึงคนที่กินได้อย่างแน่นอนครับ"
"จงกลายเป็นอาหารอร่อยๆหรอ?"
ฉันมองในถ้วยซอสที่กำลังคน ก่อนจะลองท่องตามที่ฮาคุริวบอก ใส่ความตั้งใจลงไป แล้วก็…
'เวทมนต์ที่ทำให้อาหารอร่อยขึ้น'
ฮาคุริวมองใบหน้าตั้งอกตั้งใจที่เหมือนกับเคยได้เห็นจากใครบางคนแถวนี้อยู่บ่อยๆ เด็กสาวผมสีแดงเหมือนสีของดอกบ๊วยผู้ชื่นชอบอาหารจานปลาคนนั้น หากได้เจอกับเธอช้ากว่านี้ คนที่อยู่ในใจของเขาก็คงไม่ใช่เด็กสาวคนนั้นอย่างแน่นอน
"ระหว่างนี้ก็มาทำอย่างอื่นรอกันเถอะครับ"
เจ้าของรอยยิ้มละมุนยกหม้อใบเล็กมา ก่อนจะเอาเนื้อไก่ที่หั่นเป็นส่วนๆลงไปต้มกับโสมที่หั่นเป็นข้อๆ
"มันไม่ดูยากเกินไปหน่อยหรอ?"
อาลีมองดูเครื่องปรุงที่ต้องใช้ที่ผู้เป็นอาจารย์เตรียมเอาไว้ให้อย่างเป็นกังวล มันดูละลานตาไปหมดจนไม่รู้จะต้องหยิบอะไรใส่ก่อนดี
"ถ้าทำตามที่ผมบอกล่ะก็ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกครับ"
คนตัวสูงมองลูกศิษย์ที่ทำหน้ากังวล หรือว่าเขาจะพูดอะไรผิดไป?
"ที่จริงแล้วนี่น่ะเป็นสิ่งที่องค์หญิงฮาคุเอย์อยากให้ฉันทำเพื่อจะได้เห็นถึงความคืบหน้าของการฝึก ก็เลยคิดว่าถ้าฮาคุริวมาช่วยแบบนี้มันจะดูเหมือนว่าฉันได้ไม่ทำเองยังไงไม่รู้สิ"
"ถ้าอย่างนั้น..ผมจะช่วยเตรียมวัตถุดิบเอาไว้ให้ดีมั้ยครับ ถ้าคุณอาลีทำเองทั้งหมดคนเดียวคงจะไม่ทันการแน่ๆ" ฮาคุริวยิ้มตอบสีหน้าที่ดูเป็นกังวลน้อยๆในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความตั้งใจ ก่อนจะยกเขียงอีกอันออกมาซอยขิงเป็นเส้นบางๆพลางแอบดูลูกศิษย์ไปพลาง ครั้งนี้เจ้าตัวดูเหมือนจะตั้งใจแยกเกลือกับน้ำตาลอย่างเอาเป็นเอาตายจนอดที่จะอมยิ้มกับภาพที่เห็นไม่ได้
"ต้องฝากให้ท่านพี่ของข้ามาเป็นแม่สื่อแบบนี้ สกิลจีบสาวขององค์ชายใหญ่ช่างต่ำตมจริงๆ"ฮาคุริวซอยขิงเป็นเส้นบางๆพลางบ่นพึมพำ ในขณะที่อีกคนกำลังวุ่นวายกันการทำอาหารจนไม่ได้รู้สึกถึงคำพูดบ่นเมื่อครู่ แม้ว่าอาลีจะหันมามองครู่หนึ่งแต่ก็หันกลับไปบรรจงหั่นแครอทเป็นรูปดอกไม้ต่อเพราะคิดว่าเมื่อกี้คงหูแว่วไปเอง
'จงกลายเป็นอาหารอร่อยๆ'
อาลีค่อยๆเทเครื่องปรุงใส่หม้ออย่างระมัดระวัง พลางท่องคาถาที่ได้รับจากฮาคุริวร่ายเวทมนต์มหัศจรรย์ที่เรียกว่าคำอธิษฐานในทุกแว่นแครอทที่ถูกบรรจงตัดเป็นรูปดอกไม้ และทุกขั้นตอนในการใส่เครื่องปรุง ก่อนจะค่อยๆคนให้ส่วนผสมเข้ากันดีแล้วตักขึ้นชิมรส
"รสชาติแบบนี้จะไหวรึเปล่านะ.."
ฮาคุริวละมือจากขิงตรงหน้า หยิบถ้วยเล็กขึ้นมาตักชิมน้ำโสมที่ใช้ต้มไก่ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาทันที ถึงแม้รสชาติจะดูพื้นๆธรรมดาๆแต่ก็เป็นรสชาติของความพยายามที่ทำให้ผู้เป็นอาจารย์อย่างเขารู้สึกตื้นตันใจ "ดูเหมือนว่าในที่สุดก็ทำได้ซักทีนะครับ ที่เหลือก็ตุ๋นอีกซักพักก็ใช้ได้แล้ว"
"อื้อ!"
นัยน์ตาคู่สวยเปล่งแสงเป็นประกายระยับก่อนจะเดินไปหยิบเต้าหู้ในหม้อนึ่งด้วยท่าทีแข็งขัน แต่ด้วยความชะล่าใจหลังจากที่ได้รับคำชมไปเมื่อครู่นิ้วมือกลับต้องพองแดงเพราะเผลอใช้มือเปล่าๆไปแตะฝาหม้อร้อนๆ
"โอ้ย!"
"เป็นอะไรรึเปล่าครับ!?"
ฮาคุริวปรี่ตัวเข้ามาหาคนซุ่มซ่ามที่ยืนเป่ามือน้ำตาซึมเป็นเด็กน้อย หลังจากที่ได้ยินเสียงฝาหม้อหล่นกระทบพื้นดังโครมคราม
"แดงไปหมดทั้งมือเลย..รีบไปทำแผลก่อนเถอะครับ"
"มะ..ไม่เป็นไร มือด้านขนาดนี้แค่จุ่มน้ำเย็นๆนิดหน่อยเดี๋ยวก็หายแล้ว"
"อย่างน้อยก็หาผ้าพันไว้หน่อยเถอะครับ.." องค์ชายสี่จับข้อมือบางศิษย์เอกเอาไว้อย่างระมัดระวังก่อนจะวิ่งวุ่นหาผ้าสะอาดมาพันไว้รอบๆมือที่พองแดง
"ขอบคุณนะ.."
อาลีเอ่ยเสียงแผ่วๆ หลังจากที่ก่อเรื่องวุ่น
หลังจากที่เงยหน้าขึ้นมาจากมือที่แดงพอง ดวงตาที่แสดงความเป็นห่วงเมื่อครู่ก็สะดุดมองนัยน์ตาสีบุษราคัมวาวสวยที่ปกคลุมด้วยม่านน้ำบางๆตรงหน้า ประกายระยับในดวงตาคู่สวยที่ต้องกับแสงที่ลอดผ่านหน้าต่างเล็กๆทำให้ฮาคุริวหยุดชะงักไปครู่หนึ่งราวกับต้องมนต์สะกด จับจ้องไปที่ดวงตานั้นอย่างไม่อาจละสายตาได้ ภาพของประกายแสงนั่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใกล้เข้ามา ราวสตินึกคิดจะถูกดูดเข้าไปในประกายสีทองนั้น
"ถ้างั้นเรามาเริ่มทำหมูผัดขิงกันเลยดีมั้ย?"
น้ำเสียงบางๆของผู้ครองนัยน์ตาสีสวยเรียกคนที่ตกอยู่ในห้วงภวังค์ให้กลับคืนร่าง ก่อนฮาคุริวจะหลบสายตาแล้วถอยร่นออกมาทันทีเมื่อรู้สึกได้ว่าใบหน้าของเขาและคนตรงหน้าใกล้กันมากแค่ไหน
"จะ จริงด้วยสินะครับ งั้นเดี๋ยวผมจะตั้งเตาทำซุปเลยแล้วกัน จะ..ได้ไม่เสียเวลา" คนที่สูงกว่าเล็กน้อยผละออกจากข้อมือบางที่ยืดกุมเอาไว้เมื่อครู่แล้วเดินออกไปด้วยท่าทีดูอึกอัก
'เมื่อกี้มันอะไรกันน่ะ?'
องค์ชายหนุ่มสายหัวน้อยๆก่อนจะยกหม้อเล็กใส่น้ำมาตั้งไฟ ตระเตรียมของที่จะต้องใช้ให้เรียบร้อย ก่อนจะแวะไปดูผลงานของศิษย์เอกเพียงหนึ่งเดียวที่กำลังเอาหมูสามชั้นลงไปผัดในกะทะพร้อมกับเกลือ ทำท่าจะใส่ขิงก่อนจะที่เขาจะหยุดข้อมือเล็กๆเอาไว้เสียก่อน จนคนที่ตัวบางกว่าสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อแผ่นอกแนบชิดกับหลังที่ชื้นเหงื่อและลมหายใจของคนด้านหลังกระทบกับปลายหูด้วยส่วนสูงที่ไล่เลี่ยกัน
"ขิงตอนผัดกลิ่นจะฉุนแสบจมูกมาก ต่อจากนี้ให้ผมผัดให้จะดีกว่าคุณอาลีไปทำซุปเถอะครับ"
"อะ..อือ"
อาลีตอบรับอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินไปด้านหลังเพื่อเตรียมน้ำซุปปล่อยงานที่เหลือให้ผู้เป็นอาจารย์จัดการที่เหลือต่อ แน่นอนว่าอาจารย์ฮาคุริวนั้นแอบปรุงรสเพิ่มลงได้เล็กน้อยในทุกจานอาหารที่ทำเสร็จแล้ว แน่นอนว่าน้ำซุปนั้นเขาก็ไว้ปรุงรสเตรียมเอาไว้ก่อนเช่นกัน ถึงแม้ลูกศิษย์คนนี้จะดึงดันขอจะทำเองยังไงเขาก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี เล่นทำหน้าตั้งใจซะขนาดนั้นถ้ารู้ว่าตัวเองหยิบเกลือกับน้ำตาลผิดอีกรอบคงจะเสียกำลังใจไปโดยใช่เหตุ
"เสร็จแล้วล่ะ!"
"ทางนี้เองก็เสร็จแล้วเหมือนกันครับ"
พ่อครัวใหญ่แห่งตำหนักเล็กยิ้มอ่อน ก่อนจะค่อยๆเทขิงที่ผัดใหม่ลงในภาชนะเล็กๆเช่นเดียวกับเต้าหู้และข้าวสวยก็ถูกจัดใส่ไว้ในภาชนะหยุมหยิมบนถาด
"เป็นครั้งแรกเลยแหะ ที่ทำออกมารสชาติดีขนาดนี้"
ใบหน้าสวยทอดถอนหายใจยาวด้วยสีหน้าที่ยังคงเป็นกังวลใจ ก่อนผู้ที่อยู่เบื้องหลังผลแห่งความสำเร็จทั้งหมดจะตีบ่าเบาๆปลอบใจศิษย์เอกเพียงหนึ่งเดียวของตน
"ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ อาหารที่คุณอาลีทำน่ะได้ใส่เครื่องปรุงที่สุดยอดที่สุดที่มีแต่คุณอาลีเท่านั้นที่ใส่ได้ลงไปแล้วนะครับ"
"เครื่องปรุงที่สุดยอดหรอ?"
ชายหนุ่มอมยิ้มก่อนจะหยิบถาดใส่สำรับข้าวยื่นให้กับคนตรงหน้าที่ยังคงไม่หายสงสัย "ถ้าไม่รีบไปเดี๋ยวจะไม่ทันการนะครับ"
"จะ จริงด้วยสิ ขอบคุณนะฮาคุริว"
ฮาคุริวมองแผ่นหลังเล็กๆที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไป ก่อนจะหันกลับมาทำความสะอาดห้องครัวที่เพิ่งใช้เสร็จอย่างอารมณ์ดี
"จะว่าไปที่ตำหนักโคเอนเนี่ย.."
.
.
.
...โชคดีจัง เหมือนจะยังมีเวลาเหลืออีกเยอะเลย…
คนตัวเล็กเดินเข้ามาในตำหนักอันกว้างขวางพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก
หวังว่าไปอูกิครั้งนี้คงจะเตรียมเสื้อหนาๆไปด้วยนะ ครั้งนี้เป็นคนนำทัพไปเองถ้าหากร่างกายอ่อนแอขึ้นมา ทุกคนเองก็จะต้องเสียกำลังใจแน่ๆ อย่างน้อยก่อนไปถ้าได้อะไรอุ่นๆบำรุงหน่อยก็น่าจะดีจะได้ไม่ล้มป่วยเหมือนกับคราวนั้นอีก…
อาลีกระชับถาดที่ถืออยู่เอาไว้แน่นขึ้นด้วยใบหน้าที่ร้อนขึ้นมาเล็กน้อย ลืมอาการเจ็บที่มือไปเสียสนิท
ครั้งนี้ได้ฮาคุริวช่วยเอาไว้จนมันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาขนาดนี้ ฉันเองก็ทำในสิ่งที่พอจะทำได้ลงไปหมดแล้วด้วย ทั้งความห่วงใยที่คุณแม่พูดถึง แล้วก็เวทมนต์ที่ได้รับมาจากฮาคุริว ถึงจะยังไม่อร่อยดูดีเท่าของที่ฮาคุริวทำก็เถอะ
'แต่ถ้าหากกินอาหารพวกนี้ แล้วยิ้มออกมาบ้างก็คงจะดี'
"ตอนนี้โคเอนก็คงจะยังอยู่ที่ห้องอักษรสินะ.."
'ถ้าไม่รีบยกไปให้ล่ะก็ กับข้าวจะเย็นชืดหมด'
ใบหน้าสวยอมยิ้มเล็กน้อยเดินผ่านสวนเล็กๆที่วงตะเกียงหินเรียงรายด้วยหัวใจที่ค่อยๆพองโตทุกครั้งที่เข้าใกล้เรือนใหญ่ คิดถึงภาพสีหน้าตกใจของโคเอนตอนที่ได้เห็นว่าฝีมือของตนพัฒนาขึ้นมากขนาดไหน
"โว้ยยย อาลีหรอ?"
น้ำเสียงที่ไม่ได้ยินมาเสียเนิ่นนานดังขึ้น หยุดฝีเท้าของคนตัวเล็กที่กำลังวาดภาพเรื่องราวต่างๆเอาไว้ในใจให้หันไปมอง
"รุ่นพี่เซย์ชู?"
ชายร่างใหญ่เจ้าของเรือนผมเกล็ดงูในชุดเตรียมออกศึกเดินเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มพร้อมกับสาวใช้ที่อาลีคุ้นหน้าตาดีเดินตามหลังมาด้วยอีกสามคน
"เอาสำรับกับข้าวมาถวายองค์ชายโคเอนหรอ? ไม่ใช่ว่าแกโดนตะเพิดออกไปอยู่ตำหนักเล็กแล้วรึไงกัน กลับมาประจบแบบนี้รู้งานดีเหมือนกันนี่แก"
มือใหญ่ตบบ่าตบบ่าเล็กๆอย่างไม่เบามือ ตามกำลังที่มากกว่าปรกติของผู้ที่เป็นภาชนะบริวาณดูดซึมแล้ว จนร่างบางๆถอยเซไปตามแรงมหาศาลนั่นเล็กน้อย
"ครั้งก่อนก็ทำให้องค์ชายโคเอนต้องคุกเข่าต่อหน้าแคว้นเล็กๆ ต่อมายังทำให้องค์ชายตกไปอยู่ในดินแดนศัตรูได้อีก ดูจากผลงานแล้วแค่เอาตัวไปรับลูกธนูแทนคงจะยังไม่พอสินะ.." ใบหน้าของขุนศึกแสยะยิ้ม ก่อนที่สาวใช้ด้านหลังจะมองคนที่ยืนถือถาดกับข้าวด้วยสายตาเหยียดหยามอย่างไม่ปิดบัง
"เปล่าหรอก เพียงแต่องค์หญิงฮาคุเอย์ให้ข้าทำมาถวายองค์ชายโคเอนก่อนที่จะออกเดินทางเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอย่างว่าหรอกครับ"
"องค์หญิงฮาคุเอย์เนี่ยนะ?"
เซย์ชูมองใบหน้าที่ยิ้มรับไม่สะทกสะท้านต่อคำต่อว่าของตนก่อนจะทำเสียง หึ ในลำคอราวกับไม่พอใจกับกริยาท่าทางที่ดูจะรู้งานไปเสียหมดของอาลี
"ให้แกทำกับข้าวมาถวายท่านโคเอนหรอ?" คนตัวสูงเปลี่ยนสีหน้าทันทีหลังจากพูดจบประโยค ก่อนจะเดินเข้ามาประชิดตัวของรุ่นน้องที่เขาเป็นคนฝึกงานให้เองกับมือ ด้วยท่าทีทีเห็นแล้วอดจะก้าวถอยออกมาไม่ได้
"ไหนดูซิ มีอะไรบ้าง"
เซย์ชูถือวิสาสะเปิดดูของแต่ละอย่างในถาดไม้ทันทีโดยที่อาลียังไม่ทันได้ออกปากห้าม ก่อนจะถูกมือใหญ่ยึดถาดเอาไว้แน่นล็อคไม่ให้ถาดดิ้นหนีไปไหน แม้ว่าอาลีอยากจะทำเป็นไม่สนใจแล้วยกเดินถาดหนีไปแค่ไหนก็ทำไม่ได้
"อะไรกัน อาหารบ้านนอกๆพวกนี้ เจ้าจะเอาไปถวายองค์ชายโคเอนอย่างนั้นหรอ นี่มันจะไม่เป็นการดูหมิ่นราชวงศ์เรนไปหน่อยรึไง"
"เดี๋ยวสิ แบบนั้นไม่ได้นะ!"
คนที่แรงน้อยกว่าพยายามดึงถาดกลับมา เมื่อคนตัวใหญ่ตรงหน้าใช้มือหยิบอาหารในสำรับเข้าปากหน้าตาเฉย
"รสชาติก็ไม่ได้เรื่องซักอย่าง"
"แล้วที่ท่านทำแบบนั้นไม่ถือเป็นการหมิ่นความตั้งใจองค์หญิงฮาคุเอย์ที่เป็นผู้มอบหมายงานให้กับข้ารึยังไงกัน!?" อาลีตะคอกกลับไปด้วยใบหน้าไม่พอใจ เขารู้ตัวดีว่าตัวเองทำอาหารแย่ขนาดไหน จะดูถูกหรือต่อว่าเขายังไงตัวเขาเองก็ไม่คิดที่จะโต้เถียง แต่ว่าจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกความตั้งใจของฮาคุริวที่พร่ำสอนเขามาด้วยความใจดี และใบหน้าที่ยิ้มแย้มนั่นเด็ดขาด!
"อะไรกันกะอีแค่อาหารรสจืดชืดพวกนี้.."
เซยชูผงะไปเล็กน้อย เมื่ออีกฝ่ายเองก็ยกชื่อขององค์หญิงลำดับหนึ่งที่เพิ่งจะสร้างผลงานให้กับกองทัพจนเป็นที่พอพระทัยขององค์จักรพรรดิ
"นี่เจ้ากล้าเอาชื่อแม่ทัพพิชิตอุดรมาอ้างหรอ โอหังนัก!"
"กล้าเถียงท่านเซย์ชูแบบนี้ ไม่สำนึกบุญคุณที่ท่านเซย์ชูให้ข้าวให้ที่พักอย่างดีกับแกรึยังไง เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ"
"หึ เก็บหมาจรจัดมาเลี้ยงก็แบบนี้แหละนะ"
เสียงของสาวใช้หน้าตาจิ้มลิ้มที่อยู่ด้านหลังดังขึ้นอย่างรู้งาน ไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายได้โต้เถียง ขณะที่เซย์ชูเอาแต่คลี่ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ก่อนจะยกมือขึ้นห้ามปรามสาวๆในตำหนักตน
"เอาอย่างนี้ดีกว่า พวกเจ้าไปทำอาหารชุดใหม่ที่ดีกว่านี้มาถวาย หลังจบศึกที่แคว้นเหมันต์ข้าจะยกพวกเจ้าไปถวายการรับใช้ให้กับองค์ชายโคเอนในคืนงานเลี้ยงฉลองเลยเป็นไง!"
เหล่านางกำนัลผู้ติดตามเซย์ชูตาลุกวาว งานเลี้ยงสุราของเหล่าขุนพลและแม่ทัพไม่เคยขาดนารีแกล้มสุรา หากองค์ชายถูกใจสาวไหนให้รินสุราให้ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าอาจจะได้เป็นใหญ่เป็นโตในวังราคุโช ดีไม่ดีอาจจะได้เป็นถึงพระชายาขององค์ชายรัชทายาท โอกาสลอยมาอยู่ตรงหน้าขนาดนี้แล้วใครเล่าจะไม่คว้าไว้!
"รับทราบแล้วเจ้าค่ะ"
หญิงสาวทั้งสามคนยิ้มแก้มปริ ก่อนจะรีบเดินออกไปทันที
"นี่นายคิดจะทำอะไรกัน! แบบนี้ข้ามีหน้าจะกลับไปทูลองค์หญิงฮาคุเอย์ได้ยังไง แล้วไหนจะของพวกนี้อีก!"
อาลีตะคอกใส่หน้าขุนพลเจิดจรัสอย่างไม่พอใจ ขณะที่เซย์ชูหันมายิ้มกว้างใช้มืออีกมือยกถ้วยซุปร้อนๆขึ้นมา โดยที่อีกมือยังคงยื้อถาดไม้ไว้แน่น
"งั้นก็เอาไปทิ้งให้หมดเลยเป็นไง"
แรงแขนที่มากกว่าพลิกถาดอาหารจนคว่ำหกเลอะเสื้อขาวสะอาดของอาลีจนล้มลงก้นจ้ำพื้น ก่อนจะค่อยๆเทน้ำซุปร้อนๆราดบนเส้นผมสีทองสวยจะเปรอะเปื้อน ในขณะที่คนที่ล้มลงไม่ปริปากร้องเสียงใดออกมาแม้แต่เสียงโอดครวญแห่งความเจ็บปวดที่ค่อยไหลย้อมผิวหนังบางและเรือนผมที่ถูกถนอมเป็นอย่างดี
คนตัวสูงย่อตัวลง มองคนตรงหน้าด้วยแววตาเรียบนิ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ราวกับกระซิบ
"ไหนๆตอนนี้แกมันก็ตกกระป๋องไปเป็นคนใช้มือสองที่ตำหนักเล็กแล้วนี่นา.."
"ถ้าแกไม่มีหน้าจะกลับไปทูลองค์หญิงฮาคุเอย์ งั้นก็ไสหัวออกไปจากที่นี่เลยเป็นไง?" เซย์ชูค่อยๆลุกยืนขึ้น มือใหญ่ปล่อยถ้วยกระเบื้องในมือทิ้งลงพื้นอย่างไม่แยแสจนเศษกระเบื้องที่แตกกระเด็นตามแรงหล่นกระทบนั้นบาดผิวบางของคนที่นั่งล้มอยู่เงียบๆ ก่อนจะเดินออกไปจากบริเวณนั้นด้วยสายตาที่มองอย่างชิงชัง
อาลีขยับตัวเล็กน้อยเมื่อร่างสูงนั้นเดินหายออกไปจนลับตา มือเรียวค่อยๆคลี่ผ้าสะอาดที่พันกับแผลโดนลวกออกอย่างช้าๆเช็ดทำความสะอาดพื้นที่เปื้อน ค่อยๆบรรจงเก็บเศษอาหารและกระเบื้องที่หกแตกกระจายอยู่บนพื้นใส่ลงบนถาดไม้ตามเดิม ก่อนจะคลี่ยิ้มน้อยๆ
"จะ จริงสิยังมีเวลาอยู่นี่นา..ถะ ถ้าไม่รีบไปทำใหม่ล่ะก็..."
เสียงสั่นปนเปกับเสียงหัวเราะแห้งๆในลำคอดังขึ้นเงียบๆ ในขณะที่คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเองก็มองด้วยแววตาขบขัน ส่งเสียงหัวเราะให้กับการกระทำนั้น
มือที่พองช้ำเก็บกวาดเศษอาหารบนพื้นจนสั่นเทา ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บขนาดนี้แท้ๆ ดูเหมือนมือข้างนี้มันจะไม่เชื่อฟังเขาเสียแล้ว นิ้วมือแดงช้ำหยิบแครอทที่หกเลอะบนพื้นขึ้นมา ก่อนนัยน์ตาสีสวยจะมองผลงานที่ตัวเองบรรจงตัดจนเป็นรูปร่าง
"ทั้งที่หั่นออกมาได้สวยขนาดนี้เป็นครั้งแรกแท้ๆ"
ดวงตาที่เจือแสงเศร้าๆวางเจ้าชิ้นแครอทกลับเข้าไปยังภาชนะแตกๆบิ่นๆเหมือนกับตนเองในตอนนี้ ก่อนที่แขนเล็กๆไร้เรี่ยวแรงจะถูกดึงขึึ้นมาด้วยกำลังที่มากกว่าของคนบางคนจนตัวเซ ใบหน้าที่เปื้อนเปรอะเป็นลอยลวกร้อนๆชนเข้ากับบ่ากว้างๆของใครบางคนที่มีกลิ่นของขิงติดเสื้ออยู่จางๆ
"พอเถอะครับ"
"ฮาคุริว..."
"ใครที่เป็นคนทำ ก็ควรจะให้เขาเป็นคนเก็บ"
น้ำเสียงสุภาพอ่อนโยนที่เคยได้ยินนั้น ตอนนี้กลับฟังดูสุขุมเย็นยะเยือกอย่างน่ากลัว ก่อนที่จะแผงไหล่กว้างจะถูกมือเรียวผลักออกไปช้าๆ
"ฮาคุริวเสื้อเปื้อนหมดแล้วนะ.."
ดวงตาสีน้ำแข็งมองรอยลวกแดงๆตามใบหน้าและลำคอที่เปรอะเปื้อนอย่างตกใจ ก่อนที่คนตรงหน้าจะหันหลังก้มลงเก็บกวาดพื้นต่อโดยที่ไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย
"พอได้แล้วล่ะครับคุณอาลี!"
ฮาคุริวมองแผ่นหลังเล็กๆที่สั่นน้อยๆพอๆกับน้ำเสียงที่ฝืนกล้ำกลืนความเจ็บปวดเอาไว้ ก่อนจะสังเกตเห็นมือข้างที่โดนลวกนั้นแดงบวมจนน่าตกใจ
"นี่...ที่ฮาคุริวบอกว่าเป็นเพราะว่าฉันใส่เครื่องปรุงพิเศษลงไปอาหารก็เลยอร่อยขึ้นน่ะ ความจริงแล้วแอบปรุงทุกอย่างเอาไว้แล้วใช่มั้ย?"
"คุณอาลี..."
"นี่น่ะ..เป็นอาหารที่ร่ายเวทมนต์ที่ได้รับมาจากฮาคุริว แล้วก็ยังเป็นสิ่งที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของฮาคุริวเต็มไปหมด จะให้คนอื่นมาเก็บกวาดแบบนั้นอาหารพวกนี้ก็น่าสงสารแย่เลย" น้ำเสียงร่าเริงที่ฟังดูบีบคั้นหัวใจเอ่ยขึ้นอย่างสั่นไหวก่อนที่คนที่ยืนอยู่จะทรุดตัวลงข้างๆช่วยเก็บเศษกระเบื้องที่แตกกระจายรอบๆ
"ฮาคุริวไปเถอะ ดะ เดี๋ยวจะถูกหัวเราะเยาะเอาเสียเปล่าๆ"
"ใครหัวเราะ ก็ช่างเขาสิครับ"
คนที่ตัวสูงกว่าเล็กน้อยคว้าถาดไม้ที่เก็บกวาดเสร็จแล้วขึ้นมาถือเองด้วยมือเพียงข้างเดียว ก่อนจะยื่นมือเพื่อช่วยประคองคนที่นั่งอยู่กับพื้นให้ลุกยืนขึ้น แต่ก็กลับถูกมือที่บวมช้ำปัดออกไปเบาๆ
"ไปก่อนเถอะ"
"คุณอาลี"
น้ำเสียงของฮาคุริวหนักแน่นกว่าครั้งไหนๆ ก่อนจะยื่นมือมาอีกครั้งหนึ่ง
"ฉันน่ะ..ไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าคนที่นี่หรอกนะ ก่อนที่น้ำตามันจะ… เพราะงั้น..."
ร่างบางของอาลีถูกดึงลอยขึ้นจากพื้นอย่างง่ายดายก่อนใบหน้าสวยที่บัดนี้แต้มไปด้วยรอยลวกสีแดงจางจะชนเข้ากับบ่ากว้างๆนั้นอีกหนหนึ่ง
"แค่ไหล่ของผมก็ซ่อนมันเอาไว้ได้หมดแล้ว ไม่มีใครเห็นหรอกครับ"
ฮาคุริวยิ้มน้อยๆในขณะที่อีกมือหนึ่งถือถาดไม้อีกมือหนึ่งก็ประคองคนตัวเล็กที่เอาใบหน้าซุกกับไหล่ของเขาให้ค่อยๆเดินออกไปอย่างช้าๆ ดวงตาสีน้ำแข็งไม่ได้สนใจสายตาคนรอบข้างที่มองพวกเขาอย่างแปลกประหลาดเลยแม้แต่น้อย ไม่ได้รู้สึกอับอายหรือเสียเกียรติใดๆ ความรู้สึกเดียวที่เขาสัมผัสได้ในตอนนี้มีเพียงความรู้สึกเปียกปอนราวกับเม็ดฝนค่อยๆพรำบนบ่าใต้แสงจ้าของยามเที่ยงวัน
ทั้งตอนนั้น กับ ตอนนี้ เหมือนกันเลย…
เป็นเรื่องขนาดนี้ ไม่มีทางที่คนอย่างโคเอนจะไม่รู้
แต่ไม่คิดจะทำอะไรเลยมากกว่า ไม่ทำอะไรเลยเหมือนกับตอนนั้น
ตอนที่พี่ชายทั้งสองของเขาตาย…
'ไม่เคยคิดจะทำอะไรซักอย่าง'
.
.
.
☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆
เปิดมาอย่างกับ Sugar Sugar Rune แม่มดสาวหัวใจกุ๊กกิ๊ก
ทำไมรู้สึกแก่(555) ช็อกโกล่านางเอกค่ะ
Sugar Sugar Rune Choco Choco Rune~♥
//แน่ะ ยังไม่เลิก(≖ᴗ≖✿)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น