วันพุธที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2560

[FIC MAGI] GOLDEN FAIRY (โคเอน x อาลีบาบา) Chapter 12




ไม่มีถ้อยคำบอกรักแห่งเวทมนต์
ยามที่กุหลาบกลีบสุดท้ายร่วงหล่น






"จะปลูกต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ใหม่จำเป็นต้องใช้เวลา แน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้"

"ครับ ท่านพ่อ"

"เจ้าจะกลายเป็นต้นไม้เสียเอง หวนคืนสู่วิหารศักดิ์สิทธิ์ก็มิอาจทำได้ จะไหลไปตามกระแสแห่งโซโลมอนก็มิอาจทำได้ มีชะตากรรมดั่งเช่นมหาเทพอาลาดิน เจ้าแน่ใจแล้วหรือ?"

"อาลาดินเสียสละตัวเอง สร้างสถานที่ที่ทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ผมเองก็อยากจะค้ำจุนสิ่งเหล่านั้น หากตัวตนของซินแบดเชื่อมโยงอยู่กับเศษเสี้ยวของเดวิดจริงๆ นี่ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแต่ว่า.."

"อีกใจหนึ่งผมก็อยากจะหนีไปทั้งๆอย่างนี้เลย"



ชายแก่ยิ้มออกมาบางๆให้กับคำพูดนั้น ก่อนจะดลบันดาลกุหลาบขึ้นมาดอกหนึ่ง
"ข้าให้เวลาเจ้ารอเขา จนถึงกลีบสุดท้ายร่วงหล่น เสร็จแล้วก็ตามเข้ามาที่หอสมุดทันทีล่ะ"

. . . . . .




"อ่ะ..อือ...โคเอน?"
เปลือกตาบางปิดลงเบาๆครู่หนึ่งเมื่อถูกจุมพิตเบาๆที่หน้าผาก ก่อนจะพยายามฝืนเปลืกตาที่หนักอึ้งมองไปรอบๆด้วยสายตาที่ยังเห็นภาพอะไรไม่ชัดนัก แต่อย่างน้อยผิวเนื้อก็สัมผัสได้ว่าตอนนี้กำลังอยู่บนเตียงไม่ใช่โต๊ะทำงานแข็งๆที่ที่เขาสติดับวูบไป

"ตื่นแล้วหรอ?"

"อือ..."
อาลีบาบาตื่นขึ้นมาอย่างอ่อนเพลีย เขาไม่รู้ว่านี่เรียกว่าพักผ่อนได้รึเปล่าในขณะที่ร่างกายยังคงสอดประสานขยับไปพร้อมกับคนครั้งหน้า ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะหลับวูบไปก็ตาม ความรู้สึกที่สัมผัสได้เป็นอย่างแรกหลังจากตื่นนอนคือร่างกายที่ยังหฤหรรษ์โลดแล่นไปกับคราบตัญหาตลอดคืน ตามมาด้วยเสียงเนื้อที่เสียดสีกันไปมาผสานไปกับเสียงครางแหบในลำคอของตัวเอง


'แม้แต่ขนาดหลับก็ยัง...'
ใบหน้าหวานพลันแดงซ่านขึ้นมาทันที เมื่อต่อต้านอะไรในร่างกายตัวเองไม่ได้เลย จนเริ่มที่จะรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้ว การฮีทนี่มันน่ากลัวจริงๆ

"ฮ่ะ.. อะ อ้ะ!"
อาลีบาบาเกร็งสุดตัวผวากอดคนตรงหน้าแน่น เขาไม่รู้ว่าด้านในตัวของเขาถูกซัดสาดด้วยของเหลวเหนียวเหนอะเข้ามากี่ครั้งแล้วตั้งแต่ที่หลับไปเมื่อคืน จนตื่นมาอีกทีตอนสายของวันนี้ แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งความหฤหรรษ์นั้นก็มอมเมาสติของเขาจนแทบคลั่ง นี่น่ะหรอคือการเข้าสู่ฤดูของโอเมก้า

"โคเอน.."

"หืม?"
เสียงทุ้มแหบน่าหลงใหลกระซิบลงที่ข้างหูปลายแหลมของภูติตัวน้อยอย่างแผ่วเบา หลังจากที่ยังไม่ได้นอนมาตั้งแต่เมื่อคืน

"ข้า..ฝัน"
น้ำเสียงอ่อนล้าติดแหบพูดขึ้นช้าๆตามแบบของคนเพิ่งตื่นนอน ในขณะที่เจ้าของเรือนผมสีเพลิงประบ่าทำท่าไม่อยากจะฟังมันแม้แต่น้อย
"ฝันว่าข้ารอเจ้า แต่ว่ารอเท่าไหร่ เจ้าก็ไม่ยอมมา.."


"มันก็แค่ฝัน อย่าเก็บมาคิดมากเลย"
โคเอนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะค่อยๆคลายอ้อมกอดช้าๆ



"ดะ..เดี๋ยวก่อน...โคเอน..."


"หืม? "



"อย่าเพิ่ง..ขยับนะ…"



ปลายคางเรียวที่เทินอยู่บนบ่าเล็กๆค่อยๆยกขึ้นก่อนจะเลื่อนใบหน้ามามองคนตัวเล็กในอ้อมกอดที่กำลังก้มหน้างุดซ่อนสีแดงเข้มบนใบหน้างามกับใบหูแหลมสีมีสีแดงจัด

"ไม่อยากให้ข้าเอาออกหรอ?"



ดวงตาคู่หวานสั่นระริกพอๆกับไหล่บาง ก่อนที่ลิ้นน้อยๆจะค่อยๆพูดออกมาอย่างทุลักทุเล น้ำเสียงอู้อี้ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา จนได้ยินไม่ถนัดนัก
"ตอนที่...น้ำ..ค่อยๆไหลออกมา.."



"มันรู้สึกดี..."



สีหน้าของโคเอนพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงน้อยๆก่อนจะกระตุกยิ้ม ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าไปฝึกพูดจาแบบนี้มาจากไหน แต่เห็นทีถ้าไม่แกล้งซักหน่อยคงจะไม่ได้แล้ว...


โคเอนแสร้งทำเป็นถอนสะโพกออกมาช้าๆในขณะที่ร่องทางอ่อนนุ่มค่อยตอดรัดแน่นขึ้น ราวกับต้องการจะเหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้ ก่อนที่น้ำเสียงสั่นน่ารักจะดังขึ้นเบาๆ


"มะ..ไม่ได้หรอ"
ดวงหน้าเว้าวอนเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาสีทองฉ่ำรื้นหยดน้ำเป็นประกายวาวจ้องมองเข้าไปที่แก้วตาสีอัญมณีของคนขี้แกล้งที่กำลังนิ่งค้างไป


อาลีบาบามองใบหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะหลุบตาลง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าฤดูผสมพันธุ์อย่างจริงๆจังๆ (อย่างน้อยก็เป็นครั้งที่จำได้ล่ะนะ) เพราะถูกความต้องการครอบงำเลยเผลอพูดออกไปแบบนั้น โคเอนเลยกำลังลำบากใจอยู่รึเปล่านะ นี่เขาพูดอะไรแย่ๆออกไปซะแล้วสิ


"คะ..โคเอน?"
คนตัวเล็กนิ่วหน้าเมื่อจู่ๆด้านในตัวก็กลับรู้สึกคับแคบเสียจนรู้สึกเจ็บ ก่อนจะหันไปมองโคเอนที่ตอนนี้กำลังขมวดคิ้วมุ่น มองหน้าเขาเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง


"โคเอน..คือมัน...คับมากเลย..เอามันออกไปก็ได้นะ ข้าไม่รั้งเจ้าแล้ว"


คนตัวใหญ่เอาฝ่ามือลูบหน้าแรงก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ในขณะที่ร่างบางที่สอดประสานกันอยู่พยายามดันตัวออกห่าง มือของเขาก็จับสะโพกมนช้ำล็อคเอาไว้ทันที
"จะไปไหน"


"ขะ ขอโทษ"
อาลีบาบาตอบกลับหน้าซีดระหว่างพยายามแกะมือที่ล็อคเอวบางของเขาไว้แน่นราวกับคีมหนีบอันใหญ่


"ทั้งที่ข้ากะว่าจะไปอาบน้ำแล้วแท้ๆ..เจ้าดันทำหน้าแบบนั้นออกมา"
โคเอนมองคนที่กำลังหลบหน้าด้วยแววตาเคร่งเครียด ระหว่างการสนทนาอันแสนกระอักกระอ่วนใจ ในตอนที่คิดว่าจะพักจากกิจกรรมบนเตียงไปทำอย่างอื่น ตรงส่วนนั้นมันดันกลับปึ๋งปั๋งขึ้นมาซะได้ แถมยัง...ขยายขึ้นมาอีก


"โคเอนคือ ข้าก็คิดว่าจะพักแล้วเหมือนกัน..."


"ไม่ทันแล้ว!"


"วะ หวาาาาา ม่ายยยยยยยย"


.


.


.


"โคฮาหรอ มีอะไรเข้ามาสิ"
ชายผมแดงฟูยุ่งที่กำลังนั่งขอบตาดำคล่ำเครียดเอ่ยปากเชิญชวนแขกผู้มาเยือน ขณะที่ดวงตาสีทับทิมคู่สวนรับกับขนตายาวนั้นยังคงจดจ่ออยู่ที่ตัวอักษรในเอกสาร


"พี่โคเมย์? พอดีข้าไปหาพวกท่านที่ตำหนักเก่าแต่ไม่เจอ เห็นว่าพวกท่านย้ายเข้ามาอยู่ในวังโทเก็นกันแล้วก็เลยมาเยี่ยมน่ะ" โคฮามองไปยังรอบๆห้องโอโถงที่ดูจะเก็บรายละเอียดไปทุกชิ้นงานตกแต่ง เพราะตัวเขาเองก็ไม่เคยเข้ามาที่นี่มาก่อนเช่นกัน


"ขนาดปล่อยให้ร้างมาตั้งหลายสิบปียังดูแลรักษาอย่างดีเลยแฮะ.."


หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของน้องชายโคเมย์ก็ถอนหายใจออกมาสุดขั้วปอด
"แหงล่ะก็ข้าเป็นคนดูแลมันเอง ใช้เงินไปตั้งมากมายขนาดนั้นอย่างน้อยก็น่าจะขายก็ยังดี แต่ท่านพี่จะทุบมันทิ้งท่าเดียว สุดท้ายกว่าจะเกลี้ยกล่อมเสร็จตำหนักหลังก็พังไปครึ่งแถบ"


"ก็สร้างเอาไว้ให้อาลีบาบานี่นา ตอนนั้นจะขายให้คนอื่นก็คงจะทำใจไม่ได้อยู่แล้ว"คนตัวเล็กเดินเข้ามาวุ่นวายบนโต๊ะอย่างซุกซน ก่อนจะแอบเด็ดลูกองุ่นในถาดผลไม้บนโต๊ะทำงานของพี่ชายเข้าปาก


"พี่เอนล่ะ?"


"ลาหยุดอาทิตย์หนึ่ง อาลีบาบาเข้าฤดูน่ะ"


"ถึงว่า ตอนเดินเข้ามาถึงได้รู้สึกอึดอัดแปลกๆ" โคฮาหน้าแดงขึ้นมากระทันหัน ไม่ใช่ว่าเขาอ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้หรอกนะ แต่กลิ่นฟีโรโมนพวกนี้มันจะแรงไปมั้ย? อบอวลไปทั่วขนาดนี้ แถมยังให้ความรู้สึกต่างจากโอเมก้าคนอื่นๆที่อยู่ในฮาเร็มของเขาอีก มิน่าเมื่อก่อนสองคนนั้นถึงชอบออกไปข้างนอกด้วยกันสองคนบ่อยๆ แถมบางวันพี่เอนยังเคยขลุกอยู่แต่ในห้องอาบน้ำตั้งครึ่งวัน ตอนแรกก็นึกว่าเป็นคนรักความสะอาดซะอีก


"ว่าแต่เจ้าเถอะ มีเรื่องอะไร? ถ้าเป็นเรื่องที่คฤหาสน์นิมฟ์ครั้งก่อนล่ะก็.." โคเมย์ตวัดปลายปากกาขนนก ก่อนที่ประตูและหน้าต่างห้องจะปิดมิดชิด เกิดเสียงปึงปังจนโคฮาแอบสะดุ้งเล็กน้อย และอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมต้องทำให้ดูเป็นเรื่องลึกลับซับซ้อนขนาดนั้น


'หรือกลัวอะไรบางอย่างอยู่กันแน่?'


"เจ้ารู้รึเปล่าร่างเนื้อที่สร้างขึ้นมาของจูดัลมันอยู่ได้ไม่นาน เพราะต้องแบกรับวิญญาณของเทพที่ไม่เสถียร แถมเสื่อมสลายลงทุกครั้งที่ใช้เวทมนต์"


โคฮาเอียงคอน้อยๆอย่างน่ารัก ก่อนจะนั่งแกว่งขาไปมาบนโต๊ะทำงานตัวกว้างของผู้เป็นพี่ชาย ที่ตอนนี้มือกำลังเขียนยิกๆ ตามองเอกสารตัวหนังสือไม่สนใจอะไร
"เรื่องนั้นมันก็เคยได้ยินอยู่หรอก แต่ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ จูดัลก็ปรกติดีทุกอย่าง"


"ใช่ นั่นเป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก จนข้าเริ่มสงสัยในตัวของท่านพี่ แต่ไหนแต่ไรแล้วที่ปีกของเขาหยุดอยู่ที่สีฟ้าอ่อน แต่กลับควบคุมการลอยตัวการเคลื่อนไหวที่แม้แต่ราชาซินแบดหรือองค์จักรพรรดิฮาคุยูยังทำไม่ได้ นั่นมันน่าสงสัยมาก..."


โคฮาคิดย้อนไปถึงเรื่องเมื่อหลายๆปีก่อน การบินของพี่เอนมันทำให้เขาทึ่งมาก ทั้งที่มีทักษะขนาดนั้นแต่ไฟที่ปีกกลับเป็นแค่สีฟ้าอ่อน แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับเรื่องของจูดัลยังไงล่ะ?


"รู้ถึงเหตุผลที่เผ่าพันธุ์ของพวกเราถูกสร้างขึ้นมาหรือเปล่า?"
โคเมย์ถามขึ้นในขณะที่หันไปวุ่นวายกับเอกสารใกล้ๆมือต่อ


"อะ..อือ นิมฟ์ เอลฟ์ กุย ฮาร์ฟบีตส์ ภูติ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นกองทัพปฏิวัติมหาเทพเดวิดในสงครามครั้งโบราณ...ใช่มั้ย?" โคฮาถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจกับวิชาประวัติศาสตร์มากนัก แต่ถ้าเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญก็พอจะจำได้บ้างล่ะนะ ความจริงมันก็เกิดสงครามขึ้นตั้งหลายครั้งแต่ที่เขาจำได้มีแค่2เหตุการณ์ใหญ่ๆเท่านั้นแหละ แค่การปฏิวัติเดวิด กับสงครามครั้งสุดท้าย


"ในขณะที่ภูติตนอื่นๆถือกำเนิดจากกระแสลม ภูติสีทองกำเนิดจากตะเกียงไฟวิเศษของบุตรแห่งโซโลมอน  'ตะเกียงแห่งสายฟ้าและนิรันดร' ที่มาของปีกประสีทองและม่วงไงล่ะ"


แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องที่เขาอยากรู้ตรงไหน? ไอ้เทพนิยายปีกภูตินี่มันเฉิ่มจะตายไป คิดภาพตัวเองมีปีกสองสีไม่เท่ากันสิ "พี่เมย์ข้าก็ไม่ได้อยากจะเร่งหรอกนะ แต่เล่ามาตรงๆเลยไม่ได้หรอ?"


โคเมย์หรี่ตา นี่งานเขาก็ยุ่งจากตายอยู่แล้วอุตส่าห์มาเรียงลำดับเหตุการให้ฟัง นี่ยังไม่ตั้งใจฟังแถมยังจิ๊กองุ่นในถาดคนอื่นเขากินอีก!


มือที่ถือปากกาขนนกฟาดลงเบาๆบนหลังมือซุกซนนั่น แน่นอนว่าปากกาขนนกแค่นั้นไม่ได้ทำให้โคฮาระคายเคืองผิวได้เลยแม้แต่น้อย แถมเจ้าตัวยังเริ่มหยิบส้มผลเล็กๆมานั่งปอกแกะเปลือกส้มเลอะโต๊ะเข้าเต็มไปหมด


"สรุปเรื่องของพี่เอนกับจูดัลมันเป็นยังไงกันแน่อ่ะ"


"เอาเป็นว่ามันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดแล้วกัน"
โคเมย์มองน้องชายจอมยุ่งพลางถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่5ของวันโดยที่ไม่คิดจะตอบคำถามนั้นอีก


"โถ่..ไม่เอาน่า ข้ารู้ว่ามันมีมากกว่านั้น!"


"ก็ข้าจะเล่าเจ้าก็ไม่ฟังนี่"
แล้วนี่เห็นเขาเป็นอะไร? บรรณาธิการณ์สำนักพิมพ์นิตยาสารเม้าท์มอยหรอ?


โคเมย์ปัดมือก่อนที่ถาดผลไม้และเปลือกส้มจะอันตรธานหายไปจากโต๊ะ ก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งดังขึ้นหน้าประตูห้อง


ยังไม่ทันที่เขาผู้เป็นเจ้าของห้องทำงานจะได้เอ่ยปากถามอนุญาตอะไร ประตูบานใหญ่ที่ปิดสนิทก็ถูกผลักเปิดเข้ามาอย่างง่ายดาย


"โคเมย์! โคฮา!"


สองพี่น้องทำสีหน้าลุกลี้ลุกลนเมื่อจู่ๆคนที่เขาเพิ่งจะพูดถึงก็ปรากฏตัวเข้ามาให้ห้องอย่างกระทันหันพร้อมกับเสียงอันดังและใบหน้าที่ดูเคร่งเครียด แววตาสีทับทิมประกายจ้องมาที่พวกเขาพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น นะ นี่ ไม่ได้โกรธอะไรใครมาใช่มั้ย? ไม่ใช่ว่าอาลีบาบาอยู่ในช่วงเข้าฤดูอยู่หรอกหรอ? แล้วพี่เอนมาทำอะไรที่นี่!?



"ข้าหลงทาง!!!"



"ฮ่ะ..." โคฮาเหวอไปครู่หนึ่ง กับการโวยวายดูไร้แก่นสารที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักของพี่ชายผู้วางมาดนิ่งสุขุมอยู่ตลอดเวลา แล้วโดยเฉพาะเรื่องนี้


...มันมีใครที่ไหนหลงทางใดวังตัวเองบ้าง?!...

"แล้วนี่ไม่ได้อยู่กลับอาลีบาบารึครับ?"
โคเมย์ถามด้วยใบหน้า(พยายาม)เรียบเฉย หลังจากที่เริ่มได้กลิ่นหอมๆลอยมาเตะจมูกชวนให้ใจเต้นตึ้กตั้ก เหมือนกลิ่นหนุ่มเพลย์บอยที่ไปคลุกคลีกับสาวๆมาทั้งวันทั้งคืน


"ข้าออกมาเอาของที่ห้องทำงาน แต่ทางเดิมที่ข้าเดินกลับเมื่อวานมันไม่คุ้นเลยน่ะ ข้าไม่ได้บอกหรอว่าให้ทำป้ายแปะตามทางเอาไว้?"


"คร้าบ คร้าบ จะจัดการให้เดี๋ยวนี้ล่ะคร้าบ"
โคเมย์ทำเสียงเนือยๆก่อนจะยันตัวลุกจากโต๊ะทำงานอย่างสโลว์โมชั่น วาดนิ้วบนอากาศเป็นเส้นๆสีครามหม่น ก่อนในวังจะเต็มไปด้วยลูกศรสีฟ้าๆลอยว่อนอยู่กลางอากาศเหมือนกับป้ายบอกทาง



"ท่านพี่รีบกลับไปได้แล้วล่ะครับ ออกมาเดินในสภาพนี้มันทำให้พวกเรารู้สึกลำบากใจอยู่นิดหน่อย"
ดวงตาสีทับทิมที่เหมือนกันราวกับแกะมาจากพิมพ์เดียวส่งสายตาไปที่เด็กชายตัวเล็กหน้าหวานที่ยืนอยู่ไม่ไกล เป็นการไล่คนตัวใหญ่อยู่กลายๆ ให้รีบออกไปจากห้องไปไวๆเพราะมีใครบางคนแถวนี้ที่อ่อนไหวกับกลิ่นของภูติจนหน้าแดงฉ่า อย่างกับกำลังรวบรวมความกล้าไปสารภาพรักครั้งแรก

โคเอนมองเหล่าน้องชายที่ยืนหน้าแดงด้วยสายตาเฉยเมย มันก็จริงอยู่ที่ว่าตัวเขามีแต่กลิ่นหวานๆเต็มไปหมด แต่เส้นอารมณ์ของเจ้าพวกนี้มันก็เปราะบางเกินไป


แต่จะไปว่าก็ไม่ได้...

คนตัวสูงทำท่าจะเดินออกไปอย่างว่าง่ายตามคำพูดของน้องชาย ก่อนที่จะชะงักฝีเท้าเหมือนกับเพิ่งคิดอะไรที่มันสำคัญขึ้นมาได้เสียก่อน

"กลางเดือนหน้าราชาแห่งฟากฟ้าตะวันตก 'ซินแบด' จะมาที่นี่ โคเมย์เจ้าช่วยเตรียมเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยให้ทีนะ จะให้เขารู้เรื่องหอสมุดต้องห้ามกับภูติสีทองไม่ได้เด็ดขาด"

.


.


.



ฟากฟ้าตะวันตก
พระราชวังซินเดรีย...


"ตำนานเรื่องปีกของภูติต๊อกต๋อย...เฮ้อ จะฟังกี่ครั้งข้าก็เบื่อ"
เอลฟ์ผมสีดำยาวนั่งเอนหลังเอกขเนกไม่ได้สนใจเจ้าของห้องหรือผู้อาวุโสสูงสุดของสภาโลก 'ซินแบด' แม้แต่น้อย นี่ถ้าเอาเท้าขึ้นมาเกยบนโต๊ะได้ก็ทำไปล่ะ

"ทำตัวเสียสละสร้างภาพ ทำเป็นเด็ดปีกให้กับพวกกุยตัวกระจ้อยสุดท้ายก็นำทางพวกนั้นไปตายในสงครามปฏิวัติเดวิด โง่ชะมัด เสียพลังครึ่งหนึ่งไปฟรีๆ"


"แต่การเสียสละครั้งนั้นก็ทำให้ปฏิวัติสำเร็จ อีกทั้งกุยยังก้าวขึ้นมาเหนือเอลฟ์ เหนือเผ่าพันธุ์ทั้งห้าด้วย"ซินแบดที่นั่งฟังถ้อยคำระคายหูมานานพูดแทรกขึ้น

พูดกับโคเอนว่าพูดยากแล้ว พูดกับเอลฟ์จอมเอาแต่ใจนี่พูดยากเสียยิ่งกว่า ยิ่งใดอดีตจูดัลเองก็มีเรื่องกับบุตรแห่งโซโลมอนและภูติสีทองอยู่บ่อยครั้ง และเมื่อบางอย่างที่อยู่ในตัวของเขามันก็เป็นพลังของภูติสีทองที่จูดัลเกลียดหน้านักหนาแล้ว คงจะทำให้การสนทนานี้กระอักกระอ่วนขึ้นไปอีก


ดูเหมือนการตกลงกันครั้งนี้จะไม่ง่ายซะแล้วสิ...


"แล้วไง ไปเอาชามาให้ข้าอีกซิ"
จูดัลไม่ได้สนใจการสนทนาครั้งนี้แม้แต่น้อย แถมยังปัดมือไล่เลขาผมสีเงินที่กำลังยืนทำหน้าไม่ชอบใจอยู่ด้านหลังราชาแห่งซินเดรีย ก่อนที่ซินแบดจะถอนหายใจ ส่งสายตาเป็นนัยๆว่าให้ยอมตามใจแขกจอมวุ่นวายนี่ไปก่อน

"สรุปว่าเจ้าจะไม่มาร่วมมือกับเราใช่มั้ย?"

"หึ ซินแบดเอ๋ย ซินแบด"
จูดัลหัวเราะเบาๆในคอ เสียงหัวเราะที่ดูราวกับเหยียดหยามคนที่พูดด้วยอยู่เสมอ ก่อนจะเปรยตาสีแดงเข้มราวกับโกเมนเม็ดงามไปยังบุรุษผูซึ่งเพรียบพร้อมไปทุกอย่างตรงหน้า

"ทุกสิ่งบนโลกนี้ล้วนอยู่ในกำมือของเจ้า ทุกสิ่งบนโลกนี้ล้วนคล้อยไปคำพูดของเจ้า มีสิ่งใดที่เจ้ายังไม่พอใจอีก? หากจะมีคนที่ไม่พอใจล่ะก็มันควรเป็นข้านี่!"


รอยยิ้มและเสียงหัวเราะนั้นกลับยิ่งทำให้ราชาแห่งฟากฟ้าตะวันตกยิ่งมีสีหน้าเครียดยิ่งขึ้นไปอีก ราวกับว่าดวงตาคู่สีแดงสดนั้นกำลังบอกถึงราคาที่เขาจะต้องจ่ายเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ

"เจ้าต้องการอะไร?"

"ข้าก็แค่ต้องการสิ่งเล็กๆน้อยอย่างเช่น..ตุ๊กตาผมเงิน ตัวนั้นล่ะเป็นไง?"



และมันก็ไม่ผิดจากที่เขาคิด...
หากจะจำกัดความตัวตนของคนตรงหน้าละก็ คงไม่ใช่ทั้งเอลฟ์ หรือเทพ
คำว่า ปีศาจ เหมือนจะเป็นคำที่เหมาะนัก


"อย่ามองหน้าข้าแบบนั้นซี่ ข้ายังมีอย่างอื่นที่อยากจะบอกเจ้าอยู่ด้วยนะ..."
จูลดัลคลี่ยิ้มราวกับเด็กกำลังเล่นสนุก ก่อนจะเดินเข้ามานั่งลงใกล้ๆกับราชาแห่งซินเดรีย เอื้อนเอ่ยเสียงกระซิบซุกซนที่ราวกับปีศาจตัวน้อย



"ภูติสีทองยังไม่ตาย"




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น