กาลครั้งหนึ่งในฝัน เราเคยพบกันมาก่อน
เฉกเช่นจุมพิตที่พรั่งพรมไม่รู้จบ ปลุกข้าให้ตื่นขึ้น
ก่อนที่อดีตจะช่วงชิงดวงวิญญาณนั้นไปหมดสิ้น
"พี่เอน!"
เด็กหนุ่มผมทองโบกไม้โบกมือให้คนที่ยืนอยู่อีกฝากหนึ่งของระเบียงทางเดิน ก่อนจะเดินเข้ามาทักทายอย่างสนิทสนม
"องค์ชายอาลีบาบาเลิกเรียกข้าแบบนั้นซะทีเถอะครับ ดวงวิญญาณท่านไม่ดับสลายมาหลายพันปีเรียกข้าพี่ เดี๋ยวข้าก็อายุสั้นกันพอดี" ชายหนุ่มผมแดงถอนหายใจอย่างเนือยๆ กับภูติสีทองจอมตื๊อ ถึงแม้ตอนนี้ร่างเนื้อจะดูเป็นเด็กหนุ่มแต่ความจริงอายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว
"เดี๋ยวสิ! แล้วนี่มันหมายความว่าไงห๊า!"
คนตัวเล็กเดินมาขวางหน้าขุนศึกหนุ่มก่อนเท้าสะเอวโบกกระดาษจดหมายห้าแผ่นในมือไปมาด้วยใบหน้าเอาเรื่อง "ข้าเดินทางรอบโลกตั้งหลายปีเขียนจดหมายหาเจ้าตั้งหลายฉบับ แต่ดูที่เจ้าเขียนหาข้าสิ! โคเกียคุยังเขียนให้ข้าวันล่ะตั้ง2แผ่น"
"เวลานี้ท่านควรจะอยู่ที่ซินเดรียไม่ใช่หรือครับ?"
คนตัวสูงยังคงบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมพูดอย่างตรงไปตรงมา จนคนตัวเล็กข้างหน้าเขาทำสีหน้าไม่สบอารมณ์กับดวงตาด้านชานั่น "อีกอย่างตอนนี้ท่านก็หมั้นแล้วด้วย"
"โฮ่..." ดวงตาสีทองสวยหรี่ตา ก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัยน์ "ที่แท้เจ้าก็กำลังงอนข้าอยู่นี่เอง"
คนตัวสูงเจ้าของเรือนผมสีแดงเด่นถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวเดินไปทางอื่น ไม่สนใจภูติตัวน้อยอีกต่อไป ในทันทีที่หันหลังก็มีแรงหนึ่งพุ่งเข้ามาปะทะกับแผ่นหลังของเขาอย่างแรงจนเซไปข้างหน้าเล็กน้อย
"ไปหาอะไรสนุกๆเล่นกัน!"
.
.
.
"อะ อืมมม หาวววว"
คนตัวเล็กหาววอดใหญ่ ก่อนจะบิดตัวไปมาอย่างไม่ค่อยสบายตัวบนเตียงหลังกว้าง หลังจากเมื่อคืนนี้เขารู้สึกหลับไม่สนิทซักเท่าไหร่นัก
อีกไม่กี่วันก็จะครบเดือนแล้วกับการย้ายมาอยู่ที่วังโทเก็น* แห่งนี้แล้ว โคเอนก็ยังคงยังไม่กลับมาเหมือนเดิม คนตำแหน่งสูงๆนี่เขายุ่งกันจริงๆเลยนะ
ผมเดินสะลึมสะลือลุกจากเตียงมาอย่างไม่ค่อยมีแรง ก่อนจะเปิดหน้าต่างมองเช้าอันแสนสดใสและทิวทัศน์ของพระราชวังลอยฟ้าที่เห็นอยู่ไกลลิบๆ 'พระราชแห่งรุ่งอรุณวังราคุโช'
"คนที่ราคุโชนี่น่าสงสารจังนะ เกิดมาเห็นแต่ท้องฟ้าตอนเช้าตลอดเวลา หาว~~"
ผมหาวอีกวอดอีกรอบ ขนาดมีกลางคืนยังนอนหลับไม่สนิทเลย แล้ววังที่มีแต่ตอนเช้าแบบนั้นเขาจะนอนหลับกันยังไงนะ
ผมคิดถึงสิ่งที่จะทำวันนี้ในขณะที่อาบน้ำจัดการกิจวัตรประจำวันในตอนเช้าให้เรียบร้อยโดยที่มีสาวใช้สองสามคนคอยเตรียมนู่นเตรียมนี่ให้ แบ่งเบาภาระของโมลเซียน่า
"วันนี้ท่านอาลีบาบาวางแผนอะไรไว้รึยังเจ้าคะ จะไปเที่ยวในเมือง ป่ายูนิคอร์น หรือจะนั่งเพกาซัสเล่นดูพระอาทิตย์ตกดินดี"
"ไปตกปลาบนทะเลเมฆก็เพลินดีนะเจ้าคะ หรือจะไปดูลูกห่านทองคำที่พึ่งฟักออกจากไข่ เขาว่ามีโอกาสแค่1ใน10ล้านเท่านั้นนะเจ้าคะที่ไข่ทองคำพวกนั้นจะฟักเป็นตัว"
"จะลองไปออกเที่ยวกลางคืนแบบผู้ใหญ่ๆ หรือจะนั่งเล่นจิบชากินขนมที่ร้านของแม่มดบ้านขนมหวานก็เก๋ไก๋ดีนะเจ้าคะ วัยรุ่นกำลังฮิตเชียว"
หัวสมองน้อยๆที่ไม่ค่อยจะสดชื่นปลอดโปร่งเท่าไหร่นักในวันนี้หมุนติ้วๆไปมาในระหว่างที่สาวใช้ช่างเอาอกเอาใจทั้งสามกำลังทำผมให้
"วันนี้ข้าเหนื่อย...เมื่อคืนนี้นอนหลับไม่สนิทเลย วันนี้อยากจะพักผ่อนน่ะ"
"รับทราบแล้วเจ้าค่ะ"
สาวใช้ช่างเอาอกเอาใจทั้งสามคำนับอย่างนอบน้อมก่อนจะละมือออกไปทันทีที่เสร็จงาน ไม่ก้าวก่ายเวลาพักผ่อนส่วนตัวของผู้เป็นนาย ปล่อยให้ภูติสีทองได้พักผ่อนตามอัธยาศัย
หลังจากที่ในที่สุดก็ได้อยู่คนเดียว ร่างกายที่หนักอึ้งก็ฟุบตัวลงหน้าโต๊ะกระจกก่อนจะทอดถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ "ไปนานจังเลยนะ จนข้าเก็บเอามาฝันแล้วเนี่ย"
แน่นอนว่าวันนี้เขาไม่คิดอยากจะทำอะไรทั้งนั้น...
อาลีบาบายันตัวลุกขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องไปเปลี่ยนบรรยากาศ ดวงตาคู่สวยสอดส่องไปทั่วทางเดินที่ไม่ค่อยมีผู้คนนัก ก่อนจะเลือกเส้นทางโล่งๆเดินเล่นอย่างสงบๆ
เคยได้ยินมาว่าวิหารที่เรมนั้นสวยมาก แต่จะสวยเท่ากับที่นี่รึเปล่านะ…
พระราชวังที่นี่สวยงามราวกับว่าเป็นเมืองหลวงก็มิปาน ถึงแม้ว่าเมืองหลวงของเจิดจรัสของจริงจะลอยอยู่บนฟ้าก็เถอะ
'ถึงจะสวยแต่ นี่มันจะ..เงียบเกินไปรึเปล่าเนี่ย?'
ภูติสีทองเดินเตะขาเล่นไปตามทางพื้นทางเดิน ก่อนจะไปหยุดเจอเข้ากับห้องๆหนึ่ง เขาจำได้ว่าเป็นห้องที่พึ่งจะย้ายของเข้ามาเสร็จไม่กี่วันนี้เอง หลังจากที่ลองถามคนย้ายของดูก็ได้ความว่า 'โคเอนให้ย้ายห้องทำงานใหม่เข้ามาอยู่ในพระราชวัง' ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่ได้คิดจะเข้าไปวุ่นวายอะไรหรอก แต่ว่า…
"แล้วปรกติโคเอนทำงานที่ไหนกัน?"
ถ้าขอเข้าไปแอบดูซักหน่อย โคเอนคงจะไม่ว่าอะไรเขาหรอกมั้ง?
ว่าแล้วมือเรียวก็ผลักบานประตูเข้าไปเบาๆ ดวงตาสีทองเป็นประกายส่องประกายวาววาบด้วยความอยากรู้อยากเห็นเต็มเปี่ยม ราวกับเด็กน้อยที่แอบเข้าไปผจญภัยในห้องทำงานของพ่อ
คนตัวเล็กมองไปทั่วชั้นเอกสารหนังสือและทุกอย่างที่เป็นส่วนประกอบของห้องทำงานที่เขาไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร มือไม้ซุกซนหยิบนู่นหยิบนี่ขึ้นมาดูอย่างสนอกสนใจ ก่อนหางตาจะไปสะดุดเข้ากับกระดาษแผ่นหนึ่งที่ใส่ไว้ในกรอบใสอย่างดีราวกับเป็นสิ่งของสำคัญ รูปร่างเหมือนข่าวที่ตัดมาจากหนังสือพิมพ์ ในนั้นมีรูปต้นไม้อันคุ้นตาที่หักโค่นลงอย่างน่าสงสาร
'ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เมืองภูติหักโค่น ภูติสีทองหวนคืนสู่วิหารศักดิ์สิทธิ์ คำถามคือ ต่อจากนี้สมดุลของเพลลูมในอนาคตจะเป็นอย่างไร? จากบทสัมภาษณ์นักวิชาการเอลฟ์ชื่อดังโมกาเม็ทและยามูไรฮะ…'
"อือ..นี่มันอะไรเนี่ย? ต้นไม้ต้นเดียวจะไปมีผลต่อสมดุลของโลกขนาดนั้นได้ยังไง?"
อาลีบาบาทำเสียงเหมือนกับอ่านบทความไร้สาระจากแผงหนังสือข่าวเม้าท์ดารา มือเล็กๆวางมันกลับไปที่เดิม ก่อนจะไปซุกซนกับตู้เก็บของต่ออย่างสนุกสนาน ของกระจุกกระจิกรูปร่างแปลกตาที่ดูต้องตาต้องใจของภูติตัวน้อยเต็มตู้ไปหมด ที่ทับกระดาษรูปร่างแปลกๆ ปากกาที่หัวทำจากคลิสตัล ขวดหมึกเรืองแสง ตุ๊กตาที่ละลึก
"อ่ะ! แล้วเจ้ากล่องนี้จะมีอะไรอีกมั้ยน้า"
อาลีบาบามองเจ้ากล่องสมบัติที่อยู่ถัดจากของกระจุ๊กกระจิ๊กอย่างตื่นเต้นราวกับมองเห็นขุมทรัพย์หลังจากผจญภัยในห้องทำงานมาได้ซักพักหนึ่ง มือเล็กๆเอื้อมคว้ากล่องดึงมันลงมาจากชั้น ก่อนจะใช้เวทมนต์ง่ายๆปลดล็อคแม่กุญแจออก
"แค่จดหมายเองหรอ…"
ใบหน้าน่ารักมุ่ยหน้าเมื่อในกล่องในได้มีอะไรมากมายอย่างที่คิดเอาไว้ ก่อนจะหยิบเจ้ากระดาษมาพลิกๆดูอย่างเซ็งๆ "ใครที่ไหนส่งจดหมายให้เจ้าเยอะขนาดนี้เนี่ย?"
อาลีบาบาทำเสียงอึดฮัดเล็กน้อย มองจดหมายซองสีน้ำตาลที่ไม่ได้เปิดอ่านซักฉบับเดียวก่อนจะสังเกตเห็นตราเครื่องหมายสีแดงถูกประทับเอาไว้ ในทุกฉบับเขียนว่า 'ตีกลับ'
'ถึงภูติสีทองอาลีบาบา'
จดหมายที่ถูกส่งมาตลอดในระยะเวลา13ปี
จดหมายที่อยู่ในกล่องใหญ่ทั้งหมดนี้เป็นจดหมายถึงตัวเขาทั้งสิ้น
อาลีบาบาสุ่มหยิบขึ้นมาฉบับหนึ่ง ก่อนจะรีบเปิดอ่านในทันที
'อาลีบาบา ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้ากำลังยุ่งอยู่ที่บัลแบด แต่ว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ วันที่กลางคืนจะซ้อนทับกับกลางวันและพระจันทร์จะขึ้นเต็มดวงในตอนบ่าย น่าเสียดายที่เราไม่มีโอกาสได้ไปนั่งดูละอองจันทร์ด้วยกัน มีเรื่องเล่าว่าหากขอพรในตอนที่ละอองจันทร์โปรยจากฟ้าคำอธิษฐานจะเป็นจริง ถ้ามันเป็นจริงได้คืนนี้เจ้าจะขอว่าอะไร? ข้าจะขอให้พวกเราได้พบหน้ากันในเร็ววัน... ไม่สิก่อนอื่นข้าคงต้องขอให้เจ้าตอบจดหมายข้ากลับมาซักฉบับก่อนล่ะนะ'
"ด้วยรัก 'เรน โคเอน' ...วันมหาจันทราเมื่อ17ปีก่อน?"
คนตัวเล็กอมยิ้มน้อยๆ กับข้อความน่ารักในจดหมายที่เขียนด้วยลายมือสะอาดตา ก่อนจะอดใจไม่ไหวหยิบอีกฉบับขึ้นมาอ่านต่ออย่างเพลิดเพลินเหมือนกำลังอ่านความทรงจำที่มีให้แก่กันระหว่างตัวเองกับโคเอน ถึงแม้โคเอนจะไม่ต้องการให้เขาจำมันได้ก็ตาม…
'ตอนนี้ข้าได้ตำแหน่งในสภามาแล้ว อีกไม่นานข้าจะไปรับเจ้าตามที่สัญญาแน่นอน ในตอนนั้นมันจะมีทุกอย่างที่คู่ควรกับเจ้า พระราชวัง งานพิธี ชุดแต่งงาน ถึงแม้ว่ามันอาจจะช้าไปกว่าที่เจ้าต้องการซักหน่อย ข้าขอโทษที่ไม่ได้ไปรับเจ้าในวันนั้น ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังโกรธข้าอยู่แต่ว่าอย่างน้อยเจ้าก็ควรจะตอบจดหมายของโคเกียคุบ้างนะ'
"ไม่ไปรับ? ข้ากำลังโกรธโคเอนที่ไม่ยอมไปรับข้า? แต่ว่าจดหมายพวกนี้มันไม่ได้เปิดอ่านเลยนี่นะ ถึงจะโกรธยังไงเปิดอ่านจดหมายซักหน่อยก็ได้นี่ เมื่อก่อนตัวข้านี่มันงี่เง่าขนาดนี้เลยหรอ" นิ้วเรียวแตะปลายคางทำท่าครุ่นคิด แต่ก็เหมือนเช่นเคย นึกเท่าไหร่ก็นึกถึงเรื่องราวในอดีตไม่ออก ยิ่งในวันที่หัวมึนตึ้บแบบนี้แล้วด้วยเขาอยากจะกลับเข้าห้องไปนอนมากกว่ามานั่งคิดอะไรให้ปวดหัว
"เฮ้อ..แต่ข้าก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจทั้งหมดหรอกนะ ในตอนนั้น ถ้าต้องรอเจ้าตั้งหลายปีจะโกรธก็ไม่แปลก"
เพราะขนาดตอนนี้แม้แต่ข้าเองก็…
'อยากให้เจ้ากลับมาไวๆ'
อาลีบาบาถอนหายใจเงียบๆอิงตัวทับหีบจดหมายอย่างรู้สึกเหนื่อยอ่อน ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นมาสุดแรง เมื่อจู่ๆความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัว
'ถ้าข้าทำแบบนั้นล่ะก็โคเอนจะต้องตกใจมากแน่ๆ'
.
.
.
วิหารศักดิ์สิทธิ์
ประกายแสงทั้งสองของภูติสีทอง
และเทพ
...วัตถุดิบในการรังสรรค์โลกใหม่…
"เพราะอย่างนี้ซินแบดถึงได้ต้องการอาลีบาบา"
ชายหนุ่มผมสีน้ำหมึก ใบหน้าหล่อเหลาดูเด็กเกินอายุนั่งเอนหลังอย่างสง่างามบนเก้าอี้นวมในขณะที่น้องชายคนโปรดของเขานั่งอยู่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะทำงานตัวใหญ่
"แบบนี้การหมั้นระหว่างอาลีบาบากับซินแบดมันก็ไม่ชอบมาพากลซะแล้วสิ ในตอนนั้นเจ้าบอกว่าอาลีบาบาเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นเองใช่มั้ย แต่แค่ยังไม่มีประกาศออกมาเป็นทางการ"
"ครับ"
"ไม่แน่ว่าซินแบดอาจจะไม่รู้เรื่องถอนหมั้นมาก่อนเลยก็ได้"
โคเอนมองสีหน้าของฮาคุยูด้วยแววตาเรียบเฉยเหมือนอย่างเช่นทุกที ในขณะที่ในใจของเขาร้อนรุ่มยิ่งกว่าแม็กม่าที่คลืบคลานอยู่ใต้เปลือกโลก เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องระหว่างการแต่งงานและครอบครัวของเขาเท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตทุกชีวิตบนเพลลูม ก่อนที่จะเอ่ยปากพูดถึงข้อสันนิษฐานของตนเอง
"ราชาบัลแบดองค์ก่อนปรกติแล้วเขาตามใจอาลีบาบามาก แต่คงจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ต้องทำให้ซินแบดต้องหมั้นกับอาลีบาบา ข้าเชื่อว่าเขาเองก็ไม่เต็มใจนักหรอก ไม่งั้นคงไม่ซ่อนอาลีบาบาเอาไว้ในหอสมุดแล้วกุเรื่องว่าอาลีบาบาตายไปแล้ว การแสดงของพวกเขาทำได้แนบเนียนมาก แต่เขาพลาดไปอย่างหนึ่ง..."
"ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์"
ฮาคุยูดึงความทรงจำย้อนนึกถึงเรื่องเมื่อ5ปีก่อนขึ้นมาทันที วันนั้นมีข่าวแจ้งว่าอยู่ๆต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ก็หักโค่นลงมา ทุกอย่างแตกตื่นวุ่นวายไปหมด
"นั่นสินะ ภูติสีทองและต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์คือสมดุลของเพลลูม ต้นไม้ตาย ภูติสีทองก็จะตายด้วย สมดุลโลกก็จะพังทลาย แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น..."
"ใช่แล้วครับ นั่นเพราะพวกเขาแอบปลูกต้นไม้ใหม่เอาไว้ในหอสมุดต้องห้ามและอาลีบาบาก็ยังไม่ตาย ในตอนที่ต้นไม้เก่าถูกโค่นลงก็เลยอาจทำให้เสียความทรงจำไปก็เป็นได้"
"งั้นแบบนี้เจ้าก็ต้องระวังแล้วล่ะ...ซินแบดอาจจะมาทวงสุดที่รักของเจ้าคืนก็ได้นะ" ใบหน้าอ่อนเยาว์ยิ้มกลับไป ด้วยน้ำเสียงล้อเล่นในขณะที่ชายผมสีแดงดอกงิ้วคู่สนทนาไม่ได้มีสีหน้ามีอารมณ์ร่วมไปกับมุกตลกนั่นแม้แต่น้อย
ใบหน้าเรียบเฉยนั้นมีแต่คำว่า 'อย่ามายุ่งกับฮันนี่ของข้า' แปะอยู่เต็มไปหมด แถมยังแผ่รังสีความร้อนพาบรรยากาศในห้องอบอ้าวอึดอัด
'นี่ข้าแค่พูดเล่นเองนะ'
ฮาคุยูหัวเราะแห้งๆด้วยเสียงแผ่วบางจนแทบจะกลืนหายไปกับอากาศ
'จริงสิ'
คนตัวสูงที่เหมือนจะเพิ่งคิดขึ้นได้ แสดงสีหน้าราวกับลืมเรื่องบางอย่างไปเสียสนิท หลังแต่งงานเขาก็ยังไม่ได้กลับบ้านเลย นี่ก็เกือบจะเดือนหนึ่งแล้วถ้าไม่รีบกลับละก็…
โคเอนทำความเคารพองค์จักรพรรดิ์แห่งเจิดจรัสอย่างนอบน้อมก่อนจะรีบเดินออกมา แม้ว่าวังราคุโชจะแดดจ้าท้องฟ้าเป็นเส้นริ้วแสงสีทองครามและชมพูของรุ่งสาง แต่ว่าในขณะนี้วังโทเก็นของเขาเองก็คงจะเป็นเวลาน้ำชาหลังมื้อค่ำแล้วเป็นแน่แท้
"หวังว่าซินแบดจะยังไม่รู้สึกตัวนะ"
.
.
.
"ท่านอาลีบาบาคะ!?"
"แย่แล้ว ท่านโคเอนกลับมารึยังน่ะ"
โมลเซียน่าและสาวใช้อีกคนหนึ่งเข้ามาประคองร่างบางของภูติน้อยเจ้าของเรือนผมสีทองงดงามที่ทรุดฟุบลงไปกับโต๊ะในห้องทำงานกว้าง
"ช่วย..เก็บกระดาษ...กับจดหมายไปเก็บที่ห้องข้าก่อน"
คนตัวเล็กพูดติดๆขัดๆ ก่อนสาวใช้จะรีบจัดแจงทำตามคำสั่งในทันที เก็บจดหมายและกระดาษที่กระจัดกระจายอยู่รอบโต๊ะลงหีบและนำออกไปจากห้องทำงาน
ทั้งๆที่ฤดูของเดือนนี้ก็มาไปแล้วนี่? ยิ่งถึงวัยเจริญพันธุ์มากเท่าไหร่ก็ยิ่งจะมาถี่ขึ้นงั้นหรอ? ตั้งแต่ต้นปีแล้วที่อยู่ๆฤดูก็มาบ่อยขึ้นแบบนี้
"งั้นเดี๋ยวข้าจะรีบไปเอายามาให้นะคะ"
"อะ อือ..ข้าไม่เป็นไรมากหรอก"
อาลีบาบาพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปรกติ มองโมลเซียน่าที่วิ่งออกจากห้องไป ก่อนจะค่อยๆปิดเปลือกตาลงเมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นจนเริ่มรู้สึกทรมาณ
...ถ้าข้าถอนหมั้นกับซินแบดเจ้าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมใช่มั้ย...
'เสียงในหัวมัน..'
"แฮ่กๆ..."
'ปรกติก็ไม่เคยเป็นแบบนี้นี่'
...ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะทำแบบนั้นจริงๆ ทางซินเดรียไม่ว่าอะไรงั้นหรอ...
...ไม่ว่าจะสงคราม หรือความขัดแย้งระหว่างเจิดจรัสกับซินเดรียทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้นหรอก แล้วก็ไม่ทำให้พี่ชายเจ้าต้องเดือดร้อนด้วย…
'เสียง?...มะ ไม่ไหวแล้ว หัวข้า!!'
มือเล็กเอามือปัดป่ายของบนโต๊ะ พยายามที่จะลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ความคิดกับร่างกายนั้นราวกับถูกตัดแยกเป็นสองส่วน เหมือนกับตัวของเขากลายเป็นคนสองคน และร่างกายเริ่มที่จะขยับไปเอง โดยที่สติค่อยๆพร่าเลือนดั่งตอนนี้กำลังเห็นภาพฝัน
.
.
.
"เจ้า..ไม่ดีใจหรอ"
"ข้า...ยังไงก็ต้องลบคำครหาพวกนั้น จะไม่ทำให้เจิดจรัสหรือภูติสีทองต้องเสื่อมเสียเกียรติ"
'ข้าไม่ได้ต้องการเรื่องพวกนั้นซักหน่อย ได้โปรด...'
"เพราะอย่างนั้นเจ้าเลยสอบขึ้นเป็นขุนนางหลังจากที่ปฏิเสธมาตลอดน่ะหรอ?"
"ใช่..ข้าอยากที่จะรับตัวเจ้ามาอย่างถูกต้อง สมเกียรติ เพราะงั้นตอนนี้...."
'ไม่นะ..อย่าปล่อยมือข้า'
"ถ้างั้นวันนี้ทั้งวันเจ้าอยู่กับข้าได้มั้ย ขอร้องล่ะ!"
. . . . . . .
"โมลเซียน่า!"
โคเอนที่พึ่งมาถึงวังเรียกสาวใช้หมาป่าทันที หลังจากที่สังเกตเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในตำหนัก ดวงตาสีอัญมณีมองถาดที่ใส่ถ้วยเล็กๆเอาไว้ก่อนจะเอ่ยถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
"นั่นอะไร?"
"ยาระงับฤดูของท่านอาลีบาบาค่ะ พวกเราเห็นว่าท่านยังไม่กลับมาก็เลย..."
โมลเซียน่ามองคนตรงหน้าก่อนจะหลุบตามองต่ำ พูดด้วยเสียงแผ่วๆ ปรกติแล้วยาระงับฤดูนั้นถือเป็นพวกสินค้าและยาที่อยู่ในการควบคุมอย่างเข้มงวดในเจิดจรัส จะไม่อนุญาตให้ใช้เด็ดขาดหากไม่จำเป็น
"ตอนนี้อาลีบาบาอยู่ไหน!"
หูแหลมๆฟูนุ่มของหมาป่าแดงสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อจู่ๆคนตรงหน้าก็ขึ้นเสียงดัง
"หะ ห้องทำงานของท่านค่ะ ท่านโคเอน"
"ห้องทำงานข้า? แล้วเข้าไปทำอะไรในนั้น?"
"ข้าไม่ทราบค่ะ แต่ข้าได้ยินท่านอาลีบาบาบอกว่าท่านจะต้องตกใจแน่ๆ"
โคเอนมองยาในถาดของสาวใช้คนสนิทของอาลีบาบาอย่างเงียบๆ ในขณะที่ตอนนี้กลิ่นหอมอันยั่วยวนกระตุ้นอารมณ์ที่ติดอยู่ปลายจมูกเขามันเริ่มที่จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนขาแทบจะขยับลอยไปตามกลิ่นนั้น
"เอายานั่นไปทิ้งซะ"
น้ำเสียงเย็นทิ้งท้ายเอาไว้เรียบๆ ก่อนจะก้าวขาเดินออกไปทันทีอย่างรวดเร็วจนร่างเล็กของสาวหมาป่าเซไปเล็กน้อย ขายาวๆมุ่งหน้าตรงบึ่งไปยังห้องทำงานของตนเองด้วยหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นราวกับจะหลุดออกมานอกอกอย่างไร้ทางต่อต้าน
ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม กลิ่นหอมหวานนั้นก็คอยบังคับบงการตัวของเขาให้อยู่ในอาณัติได้เสมอ ไม่มีสิ่งใดอีกแล้วบนโลกใบนี้ ที่จะทำให้เขามึนเมาจนสติแทบจะพร่าเลือนได้ถึงเพียงนี้
"อาลีบาบา!"
คนตัวสูงมองเส้นผมที่ทองที่ยาวสยายอยู่บนพื้น ก่อนที่หัวใจจะหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อพบของเหลวสีแดงเปรอะไปทั่วบริเวณรวมทั้งชุดสีดอกส้มที่ร่างบางสวมใส่อยู่ก็ด้วย…
'ใช่ เจ้าทำข้าตกใจมาก!'
โคเอนปรี่เข้าไปในทันทีพยุงคนที่ตัวร้อนหน้าแดงก่ำขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
"นี่อาลีบาบา! เจ้าเข้ามาทำอะไรเนี่ย หมึกหกเลอะเทอะไปหมด!"
"ถ้างั้น..วันนี้ทั้งวัน….เจ้าอยู่กับข้าได้มั้ย...ขอร้อง..ล่ะ"
"อาลีบาบา? นี่ฟังข้าอยู่รึเปล่า?"
โคเอนมองใบหน้าที่ดูเหมือนกำลังละเมอ ก่อนจะกำมือเล็กๆทั้งสองข้างเอาในกำมือเดียวของตัวเองแน่นแล้วช้อนตัวขึ้นจับให้นั่งบนโต๊ะทำงานตัวกว้างของตัวเองช้าๆ
'ให้ตายสิ..นี่ข้าจะถึงขีดจำกัดอยู่แล้วนะ...'
"เจ้า..รับข้า...ไปตอนนี้เลยได้รึเปล่า"
'ฮะ...'
แววตาของโคเอนสั่นระริก เมื่อคนตรงหน้าพูดประโยคหนึ่งออกมา ก่อนที่หัวใจของเขาจะบีบรัดเสียจนเจ็บชาไปทั่วร่าง
"อาลีบาบา..นี่เจ้า..."
"พี่เอน..."
สิ้นน้ำเสียงละเมอฝัน
โคเอนโน้มตัวลงมากอดร่างบางที่นั่งอยู่บนโต๊ะแน่น
"อย่าเรียกข้าแบบนั้น...ลืมมันไปซะ!"
น้ำเสียงสั่นดังก้องไปอย่างแผ่วเบาก่อนจะละลายหายไปพร้อมกับเสียงลมหายใจหนัก ปลายจมูกโด่งสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะประทับริมฝีปากหนักลงบนกกหูของคนตรงหน้า เลื่อนริมฝีปากร้อนไปอย่างอ้อยอิ่งราวกับต้องการจะสัมผัสทุกรายละเอียดบนเนื้อผิวนวลเนียน แล้วกดจูบลงบนขมับอีกครา
"ยังไงข้าก็...หวัง..ว่าเจ้าจะ...มา"
"ข้ามารับเจ้าแล้ว พอได้แล้ว..."
สัมผัสอันฉาบฉวยสอดเข้าไปใต้เสื้อระโปรงสีขาวที่เปราะหมึกสีแดง ลูบไล้กดย้ำไปตรงสะโพกมนจนเป็นรอยแดง รีดเร้นทุกสัมผัสใต้อาภรณ์บางพร้อมๆกับสติความนึกคิดที่ค่อยๆหลอมละลายไปกับลมหายใจร้อนที่รดลงบนผิวสีน้ำนมกระจ่าง ก่อนโคเอนจะปิดตาลงแน่น เมื่อภาพความผิดพลาดอันแสนเจ็บปวดเมื่อครั้งอดีตตามมาหลอกหลอน
มือคู่ใหญ่ผลักร่างที่แทบจะไร้ซึ่งสติลงบนโต๊ะทำงานจนเอกสารแผ่นกระดาษ และขวดหมึกตกแตกกระจายเต็มพื้นห้อง
"พี่..อุ้บ.."
ยังไม่ทันที่เสียงหวานแว่วจะพูดจบประโยค โคเอนก็กดจูบลงมาอย่างหนักหน่วงหยุดคำพูดทั้งหมดไปพร้อมกับปลายลิ้นที่รัดแน่นพันเกี่ยวกัน กวาดต้อนทุกสิ่งทุกอย่างในโพรงปากหวาน ทั้งน้ำเสียง คำพูด หรือแม้แต่อากาศอย่างเอาแต่ใจ ปลุกเจ้าหญิงนิทราขี้เซาที่ถูกเข็มปั่นด้ายตำนิ้วให้ตื่นจากนิททรา ก่อนจะกัดกลีบปากบางจนแดงช้ำเป็นสีกุหลาบ
หากแต่แค่จุมพิตคงยังไม่พอ...
ห้วงปรารถนาอันรุนแรงที่พยศอยู่ภายใต้อาภรณ์ของเขามันยังต้องการมากกว่านั้น
ริมฝีปากร้อนประทับบนยอดอกทั้งที่ยังไม่ได้ปลดเปลื้องอาภรณ์ใดๆทันทีที่ละออกจากริมฝีปากหวานเย้ายวน ราวกับสัตว์ป่าที่หิวกระหายในกลิ่นคาวเลือด
"อือ..."
เสียงครางฮือเย้ายวนในลำคอ ชวนให้ปลายลิ้นกดหนัก ดูดดุนปลายยอดที่ตื่นตอบรับความกระหายจนเนื้อผ้าสีกลีบละมุนเปียกชุ่ม มือที่เปรอะสีแดงป้ายไปตามผิวเนื้อละเอียดก่อนจะดึงกระชากสาบเสื้ออาภรณ์ที่ขวางกั้นระหว่างอุณหภูมิร่างกายร้อนเร่านั่นออกไป เผยให้เห็นยอดอกสีแดงเชอร์รี่น่าขบกัด ก่อนที่มือใหญ่จะโยนกองผ้าลงไปบนพื้นราวกับสิ่งของไร้ค่า
โคเอนลูบไล้ไปตามลวดลายอันงดงามบนเรือนร่างอันหวงแหน ปลายนิ้วไล่ไปในทุกตารางนิ้วของผิวเนียนละเอียด บีบกดไปตามส่วนเนื้อนุ่มราวกับกักเก็บความปรารถนาอันร้อนรุ่มใต้เข็มขัดกางเกงไม่ไหวอีกต่อไป ก่อนจะดึงมือปวกเปียกมาเกาะคอของตนไว้ โน้มใบหน้าลงมาจนปลายจมูกโด่งรับรู้ได้ถึงลมหายใจของร่างบาง ขณะที่ริมฝีปากเผยอแตะกันเล็กน้อย
มือหยาบประคองสะโพกนุ่มให้ยกขึ้น สอดประสานร่างกายที่ร้อนดั่งไฟเผาไปพร้อมกับลมหายใจที่รดลงใบหน้าของกันและกันจนทุกอย่างแทบจะหลอมละลาย
"ฮ่ะ...อ่ะ.."
"อาลีบาบา"
เสียงทุ้มต่ำปนแหบครางเรียกชื่อของคนในอ้อมกอด ในขณะที่ยังคงแบ่งปันไอร้อนร่วมกัน
"โคเอน..."
ดวงตาสีทองหวานสะท้อนภาพของบุรุษเจ้าของเรือนผมสีเพลิงตรงหน้าที่ซ้อนทับกับภาพฝัน จนแทบจะแยกไม่ออก ก่อนความรู้สึกร้าวรานจะแล่นริ้วขึ้นมาตามสะโพกและสันหลัง เรียกให้ใบหน้างามบิดเบี้ยว
"อ้ะ...จะ..เจ็บ!"
สิ้นเสียง ริมฝีปากที่ถูกกัดชิมจนแดงช้ำก็ถูกบังคับยัดเยียดรสจูบลงมาอีกหน จูบที่กดลงมาอย่างหื่นกระหายพาให้ร่างกายที่อ่อนระทวยเคลิ้บเคลิ้มไปกับความทรมาณอันหอมหวาน จนในหัวของอาลีบาบาแทบจะเบาหวิว ไร้ซึ่งความคิดหรือการต่อต้านใดๆ
"อืมม อือ..."
ปลายลิ้นน้อยๆค่อยๆตอบกลับไปพร้อมกับเสียงครางหวานน่าฟัง เชื้อเชิญแท่งร้อนที่สอดใส่เข้ามาในลำตัวให้บ้าคลั่งไปอย่างหฤหรรษ์
โคเอนขยับสะโพกตอบรับคำเชิญชวนของร่างกายร้อนตรงหน้า กระแทกแก่นกายเข้าไปอย่างหนักหน่วง เนิบนาบ ราวกับจะบดขยี้ทุกต่อมรับอารมณ์ ทุกเส้นเสียงที่ร้องครางชวนฟังให้แหบแห้ง
"อ๊าา บะ.. อึก อ่ะ...เบา เบา ฮ่ะ..."
เรียวนิ้วสั่นจิกลงบนต้นคอที่เส้นผมสีแดงปรกลงมาชวนจั๊กจี้ตามร่องนิ้ว ก่อนจะฝังคมเล็บแรงขึ้นตามความรู้สึกเจ็บปวดและสุขสมที่ได้รับจากคนตรงหน้า
"คะ โคเอน อ้ะ..."
เสียงครางปนหอบกระซิบเบาๆข้างใบหูเจ้าของแผ่นหลังตึงแน่นที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
โดยที่ไม่รู้ตัว ภูติตัวน้อยก็เข้าไปซุกซนกับเส้นแห่งอารมณ์อันเปราะบางของกุยหนุ่มเข้าเสียแล้ว เมื่อลมหายใจร้อนติดขัดรินรดลงบนกกหูแดงซ่าน…
"อ้ะ! คะ..โคเอน! อ่ะ..อ้ะ อ๊าาา"
แรงหนักที่สอดประสานดันเข้ามาในร่างกายบางค่อยๆเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ เรียกน้ำเสียงหวานหูครางกระเส่าเย้ายวนให้ดังก้องไปทั่วห้องทำงานกว้าง
"อ้าา มะ..ไม่นะ...ข้างใน..อ่ะ อร๊า"
"ระ..ร้อน..อึก อ่ะ..."
เสียงครางพูดไม่เป็นภาษานั้นไม่ได้ทำให้โคเอเอนหยุดขยับสะโพกแต่อย่างใด
มีแต่จะเร่งเร้าจังหวะให้เร็วมากขึ้น
มากขึ้น มากขึ้น
"ฮ่ะ.. อ๊าาา"
อาลีบาบาขยำดึงเสื้อเชิ้ตของโคเอนจนยับยู่ เมื่อแท่งสวาทถูกกระแทกเข้ามาจนลึกสุดโคนพร้อมกับหลั่งของเหลวเหนียวเหนอะเข้ามาเต็มร่องทาง สัมผัสอุ่นที่ความรู้สึกดียามที่พวกมันค่อยๆไหลออกมาตามแรงถอนของแก่นกายร้อน ความรู้สึกเสียวเกร็งที่เต้นระบำอยู่ด้านในตัวมันช่างมึนเมาเสียจนอยากจะลิ้มลองรสนั้นอีกหน รสรักแสนสุขสมที่เปรียบดั่งความคลั่งอันไร้สตินึกคิดนั่น
"อ่ะ.."
"อาลีบาบา...ในที่สุดก็รู้สึกตัว.."
โคเอนพูดพลางหอบน้อยๆเช่นเดียวกันกับร่างในอ้อมแขน วงแขนล่ำกอดเกี่ยวร่างบางเปลือยเปล่าเอาไว้แน่น ก่อนจะค่อยๆถูกมือเล็กๆผละออกห่างเล็กน้อย
ใบหน้าที่แดงซ่านของภูติเรือนผมสีทองงามยิ้มด้วยดวงตาพริ้มน่ารักอย่างประหม่า
"อ่ะ อือ..ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ"
+++++++++++++++++++
*โทเก็น - แปลตามญี่ปุ่นแปลว่าสวรรค์บนดินค่ะ (หากอ่านตามภาษาจีนจะได้ว่า เถาหยวน)
ด้วยความหมายของมันจึงอยากให้เป็นชื่อของวังที่โคเอนตั้งใจสร้างเพื่ออาลีค่ะ //อุ้บ สปอยรึเปล่าเนี่ย555
ป.ล.1 เคยเอาเมืองลั่วหยาง ไปเทียบเสียงญี่ปุ่นออกมาเป็น 'ราคุโยค่ะ' //คือใกล้กับราคุโชมาก มันต้องมาจากเมืองไหนซักเมืองในจีนเนี่ยแหละ มั่นใจ!
ป.ล.2 จะพยายามไม่เขียนNCให้เป็นคอมเมดี้ค่ะ จากตอนวิวาห์ใต้ฟองจันทร์กลับมาอ่านอีกทีนี่ขำกร๊ากเลย นี่ตรูเขียนเอรี้ยอัลไล //มือใหม่หัดขับจริงๆค่ะ (T_T) พึ่งเขียนจริงๆจังๆครั้งแรก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น