วันจันทร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2560

[FIC MAGI] GOLDEN FAIRY (โคเอน x อาลีบาบา) Chapter 13

ว่ากันว่ากล่องแห่งความสุขคือใบที่เล็กกว่า
รองเท้าสีแดงแห่งคำพิพากษาจะนำโรมิโอผู้โลภา
เต้นรำไปบนโลงแก้วแห่งความเศร้าโศก




ทุกอย่างมันก็เหมือนจะคลี่คลายแล้ว แต่ว่า...
มีดของแม่มดแห่งท้องทะเล มันเป็นชิ้นส่วนไหนของจิ๊กซอว์ภาพนี้กัน?

โคเอนหยิบมีดขึ้นมาควงเล่นไปมาตามทางเดินร้างผู้คนระหว่างทางไปห้องทำงาน หลังจากผ่านหนึ่งอาทิตย์ที่เอาแต่นอนกกอยู่กับภรรยาสุดรักอยู่ในห้อง ก็ถึงเวลาต้องลุกขึ้นมาทำงานจริงๆจังๆเสียที อีกอย่างนี่ก็ใกล้ถึงวันที่ราชาซินแบดจะมาแล้วด้วย

ถึงงานส่วนใหญ่โคเมย์จะเป็นคนจัดการไปแล้วก็เถอะ…


มือใหญ่เก็บมีดไปก่อนจะผลักประตูบานใหญ่ของห้องทำงานเข้ามา โต๊ะทำงานตัวกว้างที่ควรจะมีแต่ข้าวของทำงาน(ที่ถูกเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว)วางอยู่ กลับปรากฎหีบใบเล็กวางเอาไว้กลางโต๊ะ ดึงดูดดวงตาอันเฉยเมยให้เปี่ยมล้นด้วยความสงสัย นิ้วเรียวงัดแงะเปิดกล่องใบเล็กก่อนจะพบจดหมายเป็นปึกอัดแน่นอยู่จำนวนมาก

"จดหมาย?"
โคเอนหยิบมันขึ้นมาพลิกดู แต่ยังไม่ทันที่จะได้อ่านจ่าหน้าซอง  เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นหน้าประตู เสียงของใครบางคนที่แผ่รักสีอยากอู้งานออกมาตลอดเวลา


"ท่านพี่.."

คนตัวสูงวางจดหมายกลับเข้าไปหีบก่อนจะหันไปมองน้ำเสียงที่ติดยานคางนิดๆของน้องชายผมยาวที่บากบั่นมาถึงหน้าห้องทำงานของเขา


"มีอะไร?"


"แบบว่านะ คือข้าก็อยากจะทำงานของข้าให้เสร็จๆนั่นแหละ แต่อาลีบาบาน่ะสิ.."


"อาลีบาบาทำไม?"

.



.



.

"ขอโทษที่ข้าทิ้งเจ้าเอาไว้ให้อยู่คนเดียว"
คนตัวเล็กกอดต้นไม้ต้นใหญ่โดดเดี่ยวท่ามกลางกำแพงหนังสือแน่น ในขณะที่กิ่งก้านของมันก็โน้มลงมาโอบรอบๆตัวของภูติสีทองเอาไว้ ราวกับโต้ตอบการกระทำอันเอาใจใส่นั้น

"เจ้าดูไม่ค่อยสดชื่นเลยนะ"
ดวงตาสีทองมองกิ่งไม้ที่โน้มลงมาอย่างเป็นห่วง ก่อนที่มือจะเปล่งประกายแสงสีนวลค่อยๆอาบไล้ไปตามกิ่งก้านใบของต้นไม้ใหญ่ช้าๆ จนกระทั่งใบของมันค่อยๆเปลี่ยนสีเป็นสีเขียวสด โบกรับแสงอาทิตย์จากหลังคากระจกเบื้องบน


"แสงจากที่ตรงนี้มันไม่พอจริงๆด้วย แบบนี้เจ้าก็เลยป่วยสินะ มาเถอะวันนี้ข้าจะอ่านหนังสือให้เจ้าฟังเอง..จะเอาเรื่องโปรด หรือเป็นเรื่องใหม่ดีล่ะ?"
อาลีบาบาถามพลางยิ้มน้อยๆ ขณะที่กระโดดตัวลอยหวิวราวกับเกสรของดอกหญ้า ก้าวไปตามกิ่งก้านของต้นไม้ต้นใหญ่ด้วยปลายเท้าที่เบาเสียยิ่งกว่าขนนก พร้อมกับหนังสือนิทานสองเล่ม เลือกนั่งลงบนมุมโปรดของพวกเขาทั้งสองที่มักจะนั่งคุยโต้ตอบกัน

"เจ้าน่าจะได้ออกไปข้างนอก ได้เห็นท้องฟ้าที่กว้างกว่านี้ เม็ดฝนที่ชุ่มช่ำกว่านี้" เสียงน่ารักหัวเราะเมื่อทันทีที่เขานั่งลงเถาวัลย์เล็กๆก็พันเกี่ยวกอดเอวของเขาเอาๆไว้แน่น
"เจ้านี่มักจะรู้ใจข้าเสมอ แต่ข้ากลับทำอะไรเพื่อเจ้าไม่ได้เลย.."

ทั้งที่พยายามที่จะมีความสุข
แต่ข้ากลับรู้สึกผิดต่อเจ้าเหลือเกิน...



เปลือกตาบางปิดลงเบาๆครู่หนึ่งก่อนที่หูแหลมๆน่ารักจะกระดิกเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากด้านล่าง ขณะที่กิ่งก้านของต้นไม้ค่อยๆแหวกออกราวกับผ้าม่าน เผยให้เห็นผู้มาเยือนสองคนที่เหยียบย่างเข้ามาในหอสมุด



"โคเอน?"


จริงสิ เขาจำได้ว่าโคเมย์บอกว่าจะย้ายหอสมุดกับต้นไม้ออกไปจากวังนี่นา
แต่ว่าพอเห็นต้นพอลพลักที่กำลังป่วยก็เลย...



"อย่ามายุ่งกับเขานะ!"
เผลอพูดออกไปแบบนั้น…


 
 ร่างเล็กค่อยๆร่อนลงมาช้าๆราวกับมีปีกติดอยู่บนหลังก่อนปลายเท้าจะแตะลงบนพื้นหญ้าอย่างนุ่มนวล เงยหน้ามองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่รู้สึกผิดอยู่หน่อยๆ


"ช่วงนี้เจ้าเอาแต่อยู่ในหอสมุดนะ เบื่อข้างนอกแล้วรึไง?" โคเอนพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อก่อนที่จะยิ้มออกมาบางๆ ปลายนิ้วเรียวเชยคางมนขึ้นเชยชมใบหน้าหวานที่ก้มมองไปทางอื่น เรียกสายตานั้นให้กลับมามองที่ตน

"กะ ก็ต้นพอลพลักมันป่วยนี่ นั่นก็เพราะใช้ข่ายอาคมเคลื่อนย้ายมาในที่ไกลๆแบบนี้นั่นแหละ"

โคเอนมองท่าทีไม่ค่อยสบอารมณ์ของภรรยา แต่จะไปว่าก็ไม่ได้ ภูติสีทองมีจิตผูกกับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมาร่างกายของอาลีบาบาก็ต้องได้รับผลกระทบด้วยอยู่แล้ว.. ก็ไม่แปลกหรอกนะที่จะตะคอกโคเมย์ไปแบบนั้น แต่ว่า

"เจ้าพูดอะไรแบบนั้น ไม่เป็นไรได้ยังไง ใบเจ้ามันซีดลงไปตั้งขนาดนั้นน่ะ!"

...กำลังพูดกับต้นไม้?...

"นี่เจ้า..พูดกับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วยหรอ"
คนตัวสูงหันไปมองภรรยาที่กำลังพูดโวยวายกับต้นไม้ อย่างงงๆแล้วนี่คุยกันรู้เรื่องได้ยังไงเนี่ย? ก็เคยได้ยินเรื่องภูติเข้าใจความรู้สึกของต้นไม้ดอกไม้ได้หรอก แต่ไม่ยักรู้ว่าคุยกันได้ หรือก่อนหน้านี้จะอยู่คนเดียวนานเกินไปจนเพ้อ?


"ก็ได้น่ะสิ แล้วทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย!?" อาลีบาบามองคนตรงหน้าตาถลึง ด้วยแก้มที่พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงจนดูน่าแกล้ง

"เมื่อก่อนเจ้าไม่เห็นทำแบบนี้ได้เลยนี่นา ไม่ใช่ว่าเจ้ามโนไปเองหรอกนะ"  โคเอนหัวเราะเบาๆในขณะที่แก้วตาสีสวยมองล่อกแล่กไปมา ไม่ได้ขำไปกับมุกตลก(?)นั่นเลยแม้แต่น้อย


"ทำไมเจ้าถึงชอบหลบหน้าข้านักนะ"
สองมือใหญ่ประคองใบหน้าที่ดูเหมือนกับกำลังไม่พอใจขึ้นมา ก่อนจะโดนสะบัดมือนั่นออก

"พวกเรากำลังจะอ่านนิทานกันแล้ว เจ้ากลับไปทำงานเถอะ"
อาลีบาบาทำเสียงหึเบาๆก่อนจะสะบัดบ็อบหันหลังใส่เจ้าของรอยยิ้มขี้แกล้งของคนตรงหน้า ที่ดูเหมือนจะไม่ได้สำนึกแถมยังดึงเอวบางเข้ามาสวมกอดเอาไว้แน่น


"ดะ..เดี๋ยว โคเอน! จะทำอะไรเนี่ย!"
อาลีบาบาโวยเมื่ออยู่ก็ถูกพรมจูบไปทั่วทั้งเรือนผม ต้นคอ หัวไหล่

"ทำไมล่ะ?"

"จะบ้าหรอ จะมาทำอย่างนี้ต่อหน้าเด็กได้ยังไง หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!"
อาลีตวาดเสียงดังลั่นด้วยไหล่สั่นเล็กน้อยพร้อมกับผิวสีน้ำนมที่เปลี่ยนเป็นสีแดงทั้งตัวราวกับผมแอปเปิ้ลสุก

"เด็ก?"

"กะ ก็ต้น ต้นพอลพลักถึงต้นจะใหญ่ขนาดนั้นแต่ก็เป็นแค่ต้นอ่อน ยังเป็นแค่เด็กอยู่เลยนะ เจ้ามันคนลามก!" คนตัวเล็กสั่นเล็กน้อยเหมือนลูกแมวที่กำลังขู่ ฟ่อๆ หลังจากที่ดิ้นออกมาจากวงแขนนั้นได้แล้ว

โคเอนหรี่ตา
'นี่ไม่ได้ดูตัวเองเลยรึไง'
ข้าไม่อยากได้ยินคำพูดแบบนั้นจากปากคนที่ขอให้เอาไอ้นั้นค้าง..อั่ก!"
ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยค อาลีบาบาก็ง้างมือสวมวิญญาณมือตบวอลเลย์บอลทีมชาติ ตบปากของคนตรงหน้าด้วยหน้าแดงจัด

เพี๊ยะ!!!


"ยะ..อย่าพูดแบบนั้นออกมาสิฟร้าาาาา"
คนตัวเล็กโวยเสียงดังลั่นก่อนจะสะดุ้งเหมือนเวลามีคนเรียกชื่อ ขาเรียวงามวิ่งเข้าไปหาต้นไม้แก้วตาดวงใจพร้อมกับปลอบราวกับลูกในอก
"ไม่นะ..พวกเราไม่ได้ทะเลาะกัน จริงๆนะ ดูสิ!"


อาลีบาบาวิ่งเข้าไปกอดแขนคนที่เพิ่งจะโดนตบปากแตกโดยที่ไม่ได้มองเลือดที่ไหลท่วมริมฝีปากขอคนที่ยืนหน้านิ่งอยู่แม้แต่น้อย หันไปโอ๋เจ้าต้นไม้ที่กำลังสั่นกิ่งไหวไปมาทำราวกับว่ากำลังโอ๋เด็กน้อยอยู่ยังไงยังงั้น


"อะ เอ๊ะ อะไรนะเลือดหรอ?"
ดวงหน้าสวยที่เอาแต่ฟังเสียงของต้นไม้ต้นใหญ่เงยหน้ามองคนตัวสูงที่สีหน้าดูไม่จืด ก่อนจะหน้าซีด
"ละ เลือด!!! โคเอนเจ้าเลือดออก!"


โคเอนไม่รู้จะทำสีหน้าแบบไหนดีเมื่อรู้สึกว่าสุดที่รักของเขาเป็นห่วงต้นไม้มากกว่า และยังไม่ทันหายตกใจกับปฏิกิริยาตอบสนองอันเชื่องช้าของคนที่อยู่ข้างๆ เจ้ากิ่งไม้ยาวๆมันก็ขยับยื่นมาตรงหน้าเขาช้าๆ จนขาของเขามันก้าวถอยหนีโดยอัตโนมัติ แต่ก็โดนอาลีบาบาล็อคแขนเอาไว้ ก่อนดวงหน้าสวยจะส่ายหัวไปมาเบาๆ

"อยู่นิ่งๆสิ"

ทันทีที่ปลายเถาเล็กๆของมันแตะริมฝีปากแดงที่ย้อมไปด้วยเลือด ความรู้สึกเจ็บชาก็แทบจะหายไปในทันทีพร้อมกับประกายแสงเล็กๆ ก่อนอาลีบาบาจะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเลือดที่ริมฝีปากของโคเอนเบาๆ เผยให้เห็นริมฝีปากได้รูปสวยไร้รอยแผลใดๆ ในขณะที่โคเอนเอาแต่หยุดนิ่งมองใบหน้านั้น ราวกับกำลังเก็บทุกรายละเอียด ตั้งแต่ปอยผมสีทองนุ่มละมุน ปลายจมูกรั้นน่ารัก แก้วตาเปล่งประกายสีทอง ริมฝีปากบางแดงระเรื่อ พวงแก้มชมพูสวย หรือหางคิ้วเรียวบาง


จดจำทุกสิ่งให้ฝังแน่นลงไปในทุกห้องความทรงจำ…



"นี่..จะไม่พูดอะไรบ้างรึไง? เฮ้~~ ข้าขอโทษแล้วนะ"

ราวกับฟองสบู่ที่ถูกมวลอากาศจิ้มให้แตก…
เสียงหวานของคนตรงหน้าปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์ นันย์ตาคู่สีทับทิมมองคนที่กำลังชูมือห้านิ้วใส่หน้าเขาโบกไปมาพร้อมกับกระโดดน้อยๆด้วยส่วนสูงที่ต่างกัน ดูๆแล้วเหมือนกำลังเต้นแอโรบิกผู้สูงอายุหน้าศาลากลางจังหวัด

"เจ้าบอกว่าจะอ่านนิทานกันใช่มั้ย?"


"ก็ใช่ ทำไมหรอ?"


"งั้นข้าอ่านด้วย"
โคเอนคว้าข้อมือเล็กๆเอาไว้พาลากกลับไปที่เดิมที่ที่อาลีบาบาเพิ่งจะกระโดดลงมา ก่อนจะจับเอวบางกดลงให้นั่งบนตักของตนเองแต่โดยดีโดยที่คนถูกลากมาด้วยยังไม่ทันได้ปริปากโวยวาย หรือไม่มีโอกาสแม้แต่จะปฏิเสธ

"นี่มันอะไรเนี่ย?"
ก้นอาลีบาบานั่งลงบนตักของโคเอนเร็วเสียกว่าความคิดที่แล่นไปมาในหัวเสียอีก เรียวหน้าหวานหันไปมองคนด้านหลังที่คว้าหนังสือในมือตัวเองไปกางหน้าตาเฉยพร้อมกับกระพริบตาปริบๆเมื่อโคเอนเอาคางมาเทินบนไหล่ของตัวเอง จนปลายจมูกน่ารักชนเข้ากับแก้มของโคเอนที่สีออกกร้านๆแดดเล็กน้อย


"บอกว่าจะอ่านไม่ใช่หรอ?"


"ก็ใช่อ่ะ"


"ก็อ่านไปสิ"

อาลีบาบาหันหน้ากลับมามองหนังสือด้วยแก้มที่ติดสีแดงน้อยก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆอ่านนิทานเสียงดังฉะฉาน

"มีแมวตัวหนึ่ง มีชีวิตอยู่ถึง 100 หมื่นปี เจ้าแมวลายเสือเคยตายมาแล้ว 100 หมื่นครั้ง เคยเกิดมาแล้ว 100 หมื่นชาติ เป็นแมวลายเสือผู้เก่งกล้า คน 100 หมื่นคน เคยเลี้ยงดูแมวตัวนี้ คน 100 หมื่นคน เคยร้องไห้เมื่อแมวตัวนี้ตาย แต่แมวลายเสือตัวนี้กลับไม่เคยร้องไห้เลย

แม้แต่ครั้งเดียว...

มีอยู่ชาติหนึ่งแมวลายเสือไม่ได้เป็นของใครเลย มีชีวิตอิสระ เป็นแมวข้างถนน แล้วมันก็ได้ค้นพบว่ามันรักตัวของมันเองที่สุด ไม่ว่าแมวสาวตัวไหนสนใจที่จะเป็นเจ้าสาวของมัน มันก็จะพูดออกมาอย่างทะนงตนว่า


'ข้าคือแมวที่ตายมาแล้ว 100 หมื่นครั้ง ไม่ว่าเรื่องอะไรข้าก็ไม่สนใจหรอก!' "


อาลีบาบาเล่าอย่างออกอถรรส ราวกับนักเล่านิทานตัวยง จนโคเอนมองแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ กับใบหน้าตั้งใจของคนในอ้อมแขน ขณะที่เขาเปลี่ยนหน้าหนังสือนิทานภาพไปเรื่อยๆ

"แมวน้อยลายเสือชอบตัวเองมากกว่าใครทั้งสิ้น จนกระทั่งมันพบกับแมวสาวตัวหนึ่งที่มีขนสีขาวงดงาม เป็นแมวเพียงตัวเดียวที่ไม่ได้สนใจมันเลยแม้แต่น้อย


แมวลายเสือจึงเข้าไปใกล้ๆแมวขาวแล้วพูดขึ้นว่า
'ข้าคือแมวที่ตายมาแล้ว 100 หมื่นครั้ง'

แมวขาวตอบกลับมาเพียงแค่
'งั้นหรอ'


แมวลายเสือโกรธมาก เมื่อแมวสาวไม่สนใจ"


โคเอนหลุดขำออกมาตอนที่อาลีบาบาพยายามดัดเสียงตัวเองตอนพูดคำว่า 'งั้นหรอ' ออกมาก่อนจะโดนมือเล็กๆตีเข้าที่ตัก


"เจ้าทำให้ข้าเสียสมาธินะ!"


"ฮ่ะๆ ไม่กวนแล้ว เล่าต่อสิ"


อาลีบาบาทำเสียงฮึดฮัดก่อนจะหันหน้ากลับไปมองหน้าหนังสือแล้วเริ่มอ่านต่อ...




"วันแล้ววันเล่า ที่แมวลายเสือเทียวไปหาแมวขาวตัวสวย แล้วพูดว่า


'ข้าคือแมวที่ตายมาแล้ว 100 หมื่นครั้ง'
และแมวสาวก็ตอบมาเช่นเดิม


'งั้นหรอ'

วันหนึ่งแมวลายเสือผู้ทรนง ตีลังกา 3 ตลบต่อหน้าแมวขาวแล้วเอ่ยขึ้นว่า
'ข้าเคยเป็นแมวของคณะละครสัตว์ด้วยนะ'


'งั้นหรอ'
แมวสาวก็ยังตอบกลับมาเช่นเดิม


'ข้าคือแมวที่..'
เจ้าแมวลายเสือพูดขึ้นก่อนจะหยุดกลางคัน แล้วพูดขึ้นว่า


'ขออยู่ข้างๆเจ้าได้มั้ย?'


'ได้สิ'
แมวสาวตอบกลับมา"



"ฮ่ะๆๆ"
โคเอนหัวเราะออกมาอีกครั้งหลังจากที่พยายามกลั้นขำมาซักพัก กับความพยายามดัดเสียงนั่น



"โคเอน!"
อาลีบาบาทำเสียงดุก่อนจะกระทุ้งศอกเข้าไปที่หน้าท้องแข็งๆนั่นเบาๆ นี่จะมาช่วยหรือจะมาก่อกวนกันแน่เนี่ย! คนตัวเล็กหันกลับมาหาหนังสือนิทานก่อนจะดึงมาถือเอง อ่านเอง


"เจ้าแมวลายเสืออยู่ข้างๆแมวขาวเสมอมานับตั้งแต่นั้น จนแมวขาวออกลูกน่ารักหลายตัว แล้วเจ้าแมวลายเสือก็ไม่เคยพูดคำว่า 'ข้าตายมาแล้ว 100 หมื่นครั้ง' อีกเลย

เพราะมันได้เรียนรู้ที่จะรักผู้อื่นมากกว่าตนเองแล้ว
เจ้าแมวลายเสือรักแมวขาวและลูกๆมาก

  ต่อมาเมื่อลูกแมวเติบใหญ่ก็ต่างแยกย้ายกันไป เหลือแต่เพียงเจ้าแมวลายเสือและแมวขาวที่แก่ชราอยู่ด้วยกันสองคน

...อยากที่จะอยู่กับแมวขาวตลอดไป…
เจ้าแมวลายเสือคิดขึ้น


   ทว่าวันหนึ่ง แมวขาว เอาแต่นอนอยู่นิ่งๆไม่ไหวติง
นั่นทำให้เจ้าแมวน้อยร้องไห้ออกมาเป็นครั้งแรก

ทั้งกลางวัน และกลางคืน
แม้ย่ำรุ่งจะมาเยือนซักกี่หน ราตรีมาเยือนซักกี่ครา
ก็เอาแต่ร้องไห้ ร้องไห้ และร้องไห้
เจ้าแมวน้อยร้องไห้ 100 หมื่นรอบ

จนกระทั่งยามเที่ยงของวันหนึ่งเจ้าแมวน้อยก็หยุดร้องไห้ นอนแน่นิ่งไม่ขยับอยู่ข้างๆแมวขาวอย่างเงียบๆ"


มือเล็กเปิดพลิกหน้าหนังสือไปยังสองหน้าสุดท้าย ในขณะที่เสียงหัวเราะของโคเอนเงียบลงไปได้ซักพักหนึ่ง น้ำเสียงที่ดูเศร้าอินไปกับเนื้อเรื่องค่อยๆเปิดปากเล่าต่อ

" แล้วเจ้าแมวลายเสือก็ไม่กลับชาติมาเกิดใหม่อีกเลย..."
อาลีบาบาปิดหนังสือ ก่อนที่กิ่งก้านใบจะสั่นไปมาราวกับกำลังมีอารมณ์ร่วมไปกับหนังสือนิทานเรื่องใหม่


"เขาพูดว่าอะไรหรอ"
โคเอนกระซิบถามอาลีบาบาเบาๆถึงแม้มันจะดูเป็นเรื่องโง่ๆก็ตามที่จู่ๆก็อยากรู้ว่าต้นไม้พูดอะไร ก่อนน้ำเสียงหวานจะตอบกลับมาปนไปกับเสียงหัวเราะ

"แค่บอกว่ามันเศร้าเกินไปน่ะ"



"ไม่รู้ว่าเจ้าเล่านิทานได้เก่งขนาดนี้" ใบหน้าคมยิ้มบางๆก่อนจะกระชับวงแขนกอดที่เอวของคนบนตักให้แน่นขึ้นอีก

"ครั้งหน้าเปลี่ยนเป็น..เล่าให้ลูกๆของเราฟังมั่งสิ"
โคเอนยิ้มก่อนจะซุกใบหน้าลงบนซอกคอหอมของภูติตัวน้อยในอ้อมแขน ในช่วงเวลาอุ่นนุ่มละมุนที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขนี้

"โคเอน.." อาลีบาบาหยุดน้ำเสียงไปครู่หนึ่งเช่นเดียวกับเสียงของโคเอน ที่เหมือนกำลังรอให้เขาพูดจบประโยค ก่อนเสียงถอนหายใจเล็กๆจะดังขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงแผ่วอ่อน


"ถ้าข้า...ถ้าข้ามีลูกให้เจ้าไม่ได้ล่ะ.."


"ก็ไม่เป็นไร.. ขอแค่เจ้าอยู่กับข้าทุกวันก็พอแล้ว"
ริมฝีปากอุ่นจูบเบาๆลงบนต้นคอระหง ก่อนจะถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง


"ดะ เดี๋ยวสิ ก็บอกแล้วว่าอย่าทำแบบนี้!"

.


.


.



"อยู่นี่เอง ไม่เสียเวลาหาจริงๆ ต้องขอบคุณเจ้าภูติสีทองนั่น"
เอลฟ์หนุ่มร่างเพรียวกระตุกยิ้ม หยิบมีดสีเงินวาวที่วางอยู่ในกล่องบนโต๊ะขึ้นมา มีดของแม่มดแห่งท้องทะเลที่โคเอนริบมาจากเจ้าสาวได้ในคืนวันแต่งงาน


ก็ไม่ได้มีเจตนาสอดรู้หรอกนะ แต่พวกนั้นมาคุยกันให้ข้าได้ยินเองนี่นา…



'แค่นี้ข้าก็กลับไปซินเดรียได้แล้ว'
จูดัลคิดในใจ เก็บมีดซ่อนในห่อหนังก่อนจะยัดลงกระเป๋ากางเกง

ใบหน้าสวยของเอลฟ์หนุ่มยิ้มราวกับเด็กที่กำลังเล่นสนุกก่อนจะหมุนเท้าเดินออกจากห้องทำงานที่ว่างร้างผู้คน แต่ยังไม่ทันก้าวพ้นบานประตูก็ชนเข้ากับใครบางคนเสียก่อน

"โว้ยย นี่แกมีตารึเปล่าห๊ะ!"



"จูดัล?"
โคเมย์กับพัดสีดำขนนกสีดำประจำตัวยืนสง่าพร้อมกับดวงตาคมสีทับทิมที่จ้องมองมายังเอลฟ์จอมวุ่นที่ดูอารมณ์ดีเกินเหตุ แถมเพิ่งเดินออกมาจากห้องทำงานพี่ชายของเขาอีก


'น่าสงสัย'

"เจ้าเข้าไปทำอะไรในห้องท่านพี่เอนกัน?"

"ข้าหรอ? ก็มาหาเจ้าคนไร้น้ำยานั่นน่ะสิ! ไม่อยู่หรอ"
จูดัลโกหกออกมาด้วยสีหน้าสุดแสนจะปรกติธรรมชาติไม่ได้มีความตื่นตระหนกใดๆทั้งสิ้น

"คงไปอยู่กับอาลีบาบานั่นแหละ"
ใช่ ให้แวะไปถามเรื่องงาน หายไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย…
โคเมย์ถอนหายใจ ก่อนจูดัลจะใช้โอกาสนี้เดินไปตบบ่าแล้วค่อยจากไปอย่างเนียนๆ


"งั้นข้าลาล่ะ พอดีนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องสนุกๆให้เล่นที่ซินเดรียน่ะ"

"แล้วไม่กลับไปที่ราคุโชแล้วหรอ?"
โคเมย์ถามอย่างแปลกใจ ก่อนหน้านี้ก็ออกจะติดใจฮาคุริวองค์ชายน้อยหน้ามนขนาดนั้นแท้ๆ แล้วไหงพักนี้เทียวไปเทียวมาซินเดรียบ่อยจัง

"อยู่แต่บนวังที่มีแต่ตอนเช้านั่นน่าเบื่อจะตาย ข้าอยากจะไปเที่ยวเล่น ที่ไหนสนุกข้าก็ไป มันก็แค่นั้นแหละ"


โคเมย์ปิดตาลงครู่หนึ่งลอบถอนหายใจหนักหน่วงราวกับว่าปอดจะหลุดตามออกมาใต้พัดขนนกในมือ
'ก็เป็นคำตอบที่สมกับเป็นเจ้าตัวดี'


   คนตัวผอมมองตามแผ่นหลังของเอลฟ์เจ้าปัญหา หวังว่าการเล่นสนุกครั้งนี้ของจูดัลคงจะไม่เป็นการเล่นแผลงๆที่ทำให้พวกเขาต้องเดือดร้อนส่งหนังสือขอโทษอย่างเป็นทางการไปซินเดรีย เหมือนคราวเรื่องที่เรมหรอกนะ…

โคเมย์กุมขมับ แล้วนี่ตัวเขาเองก็มีเรื่องสำคัญจะคุยกับท่านพี่แท้ๆ แต่จะไปขัดจังหวะช่วงเวลาหวานเลี่ยนของสองคนนั้นก็เกรงใจอีก กลับไปนอนดีกว่ามั้ยเนี่ย...


"โคเมย์?"

"ท่านพี่!?"
คนตัวผอมลีบตกใจเล็กน้อย เมื่อคนที่ตัวเองเพิ่งจะบ่นถึงในใจ อยู่ๆก็ปรากฏตัวข้างหลังอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง

"เรื่องหอสมุดน่ะ.. รออีกซักสองสามวันค่อยย้ายออกไป เห็นว่าต้นอ่อนของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์มันยังไม่ค่อยแข็งแรงน่ะ"

"งั้นหรอครับ...อ่า จริงสิ ข้ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับท่านพอดี" ใบหน้าตกกระดูเครียดขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องทำงาน วางเอกสารม้วนกระดาษเก่าๆลงบนโต๊ะทำงานใกล้ๆกับหีบใส่จดหมายใบเล็ก แล้วหยิบจดหมายใบหนึ่งขึ้นมาส่งให้กับโคเอน

"เลื่อนวันหรอ?"
โคเอนขมวดคิ้วมองจดหมายที่มีตราสีฟ้าประทับเอาไว้ อยู่ๆซินแบดก็เลื่อนวันที่จะมาเยือนเจิดจรัสออกไป นี่มันเรื่องอะไรกัน? หรือจะรู้ตัวที่เขาเอาเรื่องวิหารศักดิ์สิทธิ์ไปบอกกับองค์จักรพรรดิฮาคุยู


"แล้วยังมีอีกนะครับ ข้าเจอบันทึกกับแบบแปลนของหอสมุดต้องห้ามด้วย"

โคเอนเปรยตามองม้วนกระดาษสองสามแผ่นที่อยู่ใกล้ๆกัน ดูเหมือนว่ามื้อค่ำกับอาลีบาบาคงจะต้องรอไปก่อนซักพัก..

ยังไงเขาก็ยังสงสัยเรื่องมีดนั่น…
เป็นแค่สิ่งเดียวที่ดูเหมือนจะไม่เข้ากับชิ้นส่วนอื่นๆเอาเสียเลย


...คร่าชีวิตเพื่อส่งมอบชีวิต…
หมายความว่ายังไงกัน? ราชาบัลแบดองค์ก่อนวางแผนสลับอะไรกับอะไรเอาไว้?

คงจะเหลือแค่ทางเดียว ที่จะรู้ได้…

"มาดูซิว่าท่านพ่อตาของข้าปิดเรื่องอะไรเอาไว้บ้าง"
โคเอนกระตุกยิ้มก่อนหยิบเอกสารเก่าๆขึ้นมาอ่าน ดวงตาสีอัญมณีสวยกลับต้องกระตุกวาบ เมื่อทุกเส้นอักษรนั้นถูกเขียนตัวบรรจงด้วยหมึกสีแดงที่ติดกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้

สีแดง…
ทั้งที่ควรจะใช้สีดำเวลาเขียนปรกติ คนๆนั้นกลับใช้สีแดง


พอถามถึงเหตุผล ใบหน้าน่ารักก็จะยิ้มกว้างแล้วก็พูดถ้อยคำที่ชวนให้ใจเต้นออกมา


'เพราะสีแดงมันเข้ากับสีผมของเจ้าพอดีเลย'


เพราะงั้นจดหมายทุกฉบับที่ส่งมาถึงเขามันถึงได้ถูกเขียนด้วยสีแดง...

อีกอย่างเขาจำลายมือนี้ได้เป็นอย่างดี
จากจดหมายหลายร้อยฉบับที่เขาแทบจะไม่ตอบมันกลับไป


"อาลีบาบาเป็นคนเขียนแบบของหอสมุดต้องห้ามขึ้นมาเอง!? บันทึกนี่ก็ด้วย!"


โคเมย์มองบันทึกที่เป็นม้วนกระดาษเก่าๆที่เขียนถึงการเตรียมการสร้างหอสมุดขึ้นมาภายในระยะเวลาไม่กี่เดือนอย่างทึ่งๆ
"นี่มันเป็นการเตรียมการที่กระทันหันมากเลยนะครับ ถ้าจะสร้างหอสูงขนาดนั้นในเวลาไม่กี่เดือน แถมยังเป็นละครฉากใหญ่ที่แนบเนียนมาก"

โคเอนเลื่อนสายตามองไปยังวันที่เล็กๆที่เขียนอยู่ตรงมุมของบันทึกหน้าหนึ่ง วันที่ ที่แต่ละเหตุการณ์โยงเกี่ยวกันอย่างไม่หน้าเชื่อ!


มันเป็นวันหลังจากที่อาลีบาบากับเขาทะเลาะกันได้ไม่นาน…


ที่คฤหาสน์ต้นถั่ว


อาลีบาบาสาบานรักต่อหน้าดวงจิตของซากาน เพื่อที่จะผูกมัดดวงวิญญาณของตัวเองไว้ตลอดไปในขณะที่ยังคงมีสัญญาหมั้นระหว่างราชาแห่งซินเดรีย

เราทั้งคู่ต่างรู้ถึงผลที่จะตามมา




...สงคราม…




หากเกิดข้อพิพาทองค์จักรพรรดิฮาคุยูจะต้องออกตัวปกป้องเขาอย่างแน่นอน
เจิดจรัสจะต้องมอดไหม้ไปในไฟสงคราม เพราะมีเขาเป็นต้นเหตุ

นั่นทำให้วันนั้นพวกเราทะเลาะกันหนักมาก จนกระทั่งอาลีบาบากลับบัลแบดไปได้ไม่กี่อาทิตย์ ก็มีจดหมายฉบับหนึ่งถูกส่งมาที่เจิดจรัส

จดหมายที่เขียนข้อความสั้นๆเอาไว้

จดหมายนั่นทำให้เขาดิ้นรนต่างๆนาๆเพื่อที่จะปีนไปยังจุดสูงสุด เพื่อที่จะทัดเทียมคู่ควรกับตราประทับที่สลักฝังแน่นอยู่ในดวงวิญญาณของภูติสีทองตนนั้น ในขณะนั้นเอง

...หอสมุดต้องห้ามก็ถูกสร้างเสร็จ รวดเร็วราวกับปาฏิหาริย์...

ก่อนจะมาถึงละครฉากสุดท้ายของภูติสีทองในอีกไม่กี่เดือนต่อมา ที่พวกเขาได้พบกันเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อ18ปีก่อน คำโกหกมากมายจนนับไม่ถ้วนพวกนั้นมันทำให้เขาชักสับสนว่าสิ่งไหนคือเรื่องจริงกันแน่



"คิดจะขังตัวเองเอาไว้แต่แรก? แล้วทำไม.."


... ทำไมถึงขอให้เขาไปรับล่ะ? ...

"นี่มันเรื่องอะไร.."
โคเอนมองบันทึกพวกนั้นอย่างสับสน เมื่อบันทึกการสร้างหอสมุดม้วนนี่แย้งกับข้อสันนิษฐานของเขาโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่ว่าราชาแห่งบัลแบดกับสุนัขรับใช้นั่นอยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมดนี่หรอกหรอ!?

โคเอนกุมขมับแน่นพยายามทวบทวนหาสิ่งที่เขามองข้ามไป


...ก่อนอื่น…

แผนการของซินแบด

งานหมั้นของภูติสีทอง

การก่อสร้างหอสมุดต้องห้ามในระยะเวลา3เดือน

วันที่อาลีบาบาย้อนกลับมาอยู่ที่เจิดจรัส1วัน

คำขอร้องให้ไปรับตัวที่สุดชายแดนของบัลแบด

จดหมายที่ไม่เคยตอบกลับมาตลอดระยะเวลา13ปี

ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่หักโค่นลงหลังจากนั้น



เดี๋ยวนะ...
ตรงนี้มันมีอะไรแปลกๆ
ทำไมถึงไม่มีการตอบจดหมายกลับมาเลยตลอดระยะเวลา13ปี
และต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ก็หักโค่นลง

สาเหตุที่อาลีบาบาขอให้ไปรับในวันนั้น...


"จะมาทำอย่างนี้ต่อหน้าเด็กได้ยังไง"


"พวกเราจะอ่านนิทานกันแล้ว"


"ถ้าข้ามีลูกให้เจ้าไม่ได้ล่ะ"


"รับข้าไปตอนนี้เลยได้รึเปล่า"



... ไม่จริง ...



"โคเมย์เจ้ารู้มั้ยว่าต้นอ่อนของต้นไม้ศักดิ์สิทธิต้องใช้เวลากี่ปีถึงจะแทนที่ต้นเก่าได้" โคเอนเอ่ยปากถามขึ้นมาด้วยเสียงเย็นยะเยือกจนน่าขนลุก ขณะที่ดวงตายังคงจดจอกับแผ่นกระดาษเก่าๆสองสามแผ่น ระหว่างที่นิ้วที่กุมปลายกระดาษเหงื่อออกท่วมจนกระดาษแทบจะเปื่อยยุ่ย

"คงซัก 10 ปีเห็นจะได้มั้งครับ หรือจะให้ชัวร์ก็ซัก…"

"13ปี"
โคเอนกดเสียงต่ำ ไหล่กว้างสั่นเทาไปจนถึงปลายของเรียวนิ้วยาว ก่อนเสียงหัวเราะเย็นๆจะดังเบาๆในลำคอราวกับคนเสียสติ

"ท่านพี่?"

"นี่ข้าทำบ้าอะไรลงไป…"
น้ำเสียงสั่นกังวานออกมาอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ใบหน้าคมจะเงยหน้าขึ้นมามองไปยังน้องชายที่ยืนทำสีหน้าไม่เข้าใจอยู่ข้างๆด้วยรอยยิ้ม

"ท่านพี่…"
โคเมย์ตัวชาไปทั้งร่าง เมื่อมองเข้าไปในดวงตาที่ว่างเปล่าของคนตรงหน้า

ก่อนเจ้าของรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวราวกับความสิ้นหวังอันคลุ้มคลั่งที่ไร้ก้นบึ้งจะค่อยๆเอ่ยชื่อผู้เป็นที่รักออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ


"อาลีบาบาน่ะ…"




"ตายไปตั้งนานแล้ว"



++++++++++++++++++++++++




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น