"การประชุมนี่ยืดเยื้อเป็นบ้า.."
โคเมย์ที่กำลังนั่งอ่านเอกสารกองพะเนินบนโต๊ะเงยหน้าขึ้นมามองคนตัวใหญ่ที่กำลังนวดขมับทิ้งหลังพิงกับพนักพิงเก้าอี้ โดยที่รู้สึกว่าเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่มันเปลี่ยนไปจากเดิม อะไรซักอย่าง…
อย่างเมื่อเช้านี้ก็…
"อาลีอยู่ไหนนนน ข้าหิวน้ำ"
"อาลีป้อนข้าวข้าที"
"อาลี มานั่งตรงนี้ให้ข้ารองแขนที เมื่อย"
"อาลี! หายไปไหนอีกแล้ว"
"อาลีทำนู่นนน อาลีทำนั่น!"
ตั้งแต่โคเอนกลับมาพร้อมกับอาลี นี่ก็ผ่านมาได้ราวๆสี่ห้าวันแล้ว สองคนนั้นก็อยู่ด้วยกันไม่ยอมห่าง ตัวติดกันยิ่งกว่าปาท่องโก๋ซะอีก แต่ด้วยความที่ต้องจัดการเรื่องการประชุมและแผนการรบติดต่อกันหลายวันหลายคืน ในที่สุดท่านพี่ก็ยอมให้อาลีไปพัก...
"นี่โคเมย์..."
"ครับ?"
"เป็นไปได้มั้ยว่าอาลีอาจจะเป็นผู้หญิง ข้าหมายถึง...อาลีคือคนเดียวกับองค์หญิงอาลีบาบาน่ะ"
โคเมย์ค้างไปครู่หนึ่งก่อนจะเอามือขยี้หัวฟูๆของตัวเอง เมื่อคิดถึงตอนที่อาลีเปิดเสื้อท่อนบนให้เขาดูครั้งแรก…
...หน้าอกแบนราบนั่น...
"อ่ะ เอ่อเรื่องนั้นมัน เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ยังไงซะทรีไซส์ส่วนบนนั่นมันก็..."
"ถ้าหากองค์หญิงอาลีบาบาเป็นแค่ผู้หญิงที่ไม่มีหน้าอกล่ะ!"
'อ่ะ เอ่อ ท่านพี่ทำไมถึงต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นด้วย?'
โคเมย์มองสีหน้าจริงจังสุดๆของพี่ชาย จะว่าไปท่านพี่ของเขาเองก็ใกล้ชิดตัวติดกับเด็กนั่นขนาดนั้น แล้วทำไมถึงมาถามเขาล่ะ…
"แล้วท่านพี่ไม่เคยเห็นส่วนอื่นของอาลีบ้างหรอครับ ทั้งๆที่ตอนไปติดอยู่แคว้นเหมันต์ตั้งเดือนกว่าก็ได้ยินว่าอยู่ด้วยกันลำพังสองคนไม่ใช่หรอ?"
ปึง!
ร่างสูงที่นั่งอยู่ทุบโต๊ะไม้ดังสนั่นก่อนจะลุกยืนขึ้น ทำเอาคนที่นั่งอยู่ข้างๆถึงกับผวาสะดุ้งโหยงตัวหดลีบจมลงไปในกองรายงาน
'พะ..พี่เอนฮับ น้องพูดอะไรผิดตรงหนายยย'
"ก็นั่นน่ะสิ! ทำไมข้าถึงไม่เคยเห็นมัน! ห้องอาบน้ำรวมก็ไม่เคยมีใครเห็นหัวมันโผล่เข้าไปซักคน ไม่คิดบ้างหรอว่ามันแปลกๆน่ะ!"
"ยะ อย่างนั้นหรอครับ"
โคเมย์มองพี่ชายของเขาเดินวนไปวนมาป็นวงกลมอยู่ในห้องอย่างไม่เข้าใจ แล้วจนถึงป่านนี้ทำไมถึงเพิ่งมาสงสัยกันล่ะเนี่ย? ทั้งที่ตอนแรกขอแค่เอาอาลีมาเข้าฝั่งเราเพื่อใช้สำหรับแผนยึดบัลแบดในขั้นต่อไปจะยังไงก็ได้แท้ๆ หรือว่าท่านพี่จะ…
เช่นนั้นแล้วหากอาลีคือองค์หญิงอาลีบาบาจริงๆให้แต่งกับท่านพี่เป็นเรื่องเป็นราวไปเลยก็ได้นี่นา!
"ถ้าท่านพี่สงสัยเรื่องนั้น ลองวิธีนี้ดูมั้ยครับ"
โคเอนที่กำลังเดินเป็นวงกลมหยุดชะงัก หันมามองคนที่หัวเกือบมิดกองงานด้วยแววตาเป็นประกายราวกับคาดหวังในคำตอบของน้องชายหัวแก้วหัวแหวน
"ข้าเรียกมันว่า 'วิธีปิดประตูตีแมว' หากเป็นห้องนอนที่มิดชิดปลอดคนแล้วล่ะก็จะทำอะไรก็ไม่มีใครรู้เห็นแน่นอน"
"จัดการเผด็จศึกไปซะ ถึงจะเป็นการขืนใจ แต่หลังจากนั้นค่อยจัดงานแต่งทีหลังก็คงไม่มีปัญหา.."
โคเอนที่ดูจะคล้อยไปกับคำพูดของน้องชายจู่ๆก็ขมวดคิ้วมุ่น
"ถ้าเกิดมันเป็นผู้ชายล่ะ…"
"หากเป็นอย่างนั้นล่ะก็ให้ใช้กลยุทธ์ยืมทางพลางกล สร้างเรื่องกลบเกลื่อนเป้าหมายครับ อย่างที่เคยทำในศึกที่ราบคานันเมื่อห้าหกปีก่อน ในตอนนั้นที่เราใช้ทัพเสริมเป็นตัวล่อแล้ว ให้ทัพหลักบุกตีด้านข้างไงครับ!"โคเมย์สะบัดพัดขนนกในมือตัวเองเบาๆกับแผนการสุดบรรเจิดของตนเอง
โคเอนพยักหน้ารับเบาๆ เอาเป็นว่าพอถึงเวลานั้นก็ใช้สันดาบทุบหัวแล้วทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นสินะ (ทำการเข้าใจคำพูดของโคเมย์ได้อย่างกระชับ ฉับไว)
"ท่านพี่กำลังคุยเรื่องแผนการรบกันอยู่หรอคะ"
เสียงใสแทรกขึ้นมา ทำเอาองค์ชายทั้งสองแอบเสียวสันหลังขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อจู่ๆก็มีใครเข้ามาในห้องทำงานโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว
"โคเกียคุเองหรอกหรอ? มีเรื่องอะไรล่ะ"
เด็กสาวผมแดงมองหน้าเหล่าพี่ชายที่ทำสีหน้าตรึงเครียดที่หันมาทางเธอ ก่อนไหล่เล็กจะลีบลงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะมารบกวนเวลาทำงานของแม่ทัพใหญ่เข้าเสียแล้ว อีกทั้งอาลีบาบาเองก็ดูท่าว่าจะไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่างหาก
"คือ..ข้ามาตามหาอาลีบ.. อาลีน่ะค่ะ ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอคะ"
"ก็ให้กลับไปพักแล้วนี่"
"เอ๊ะ? แต่ว่าเมื่อกี้ที่ห้อง กับที่ตำหนักก็ไม่อยู่เลยนะคะ"
เด็กสาวในชุดกระโปรงอู้ฟู่จับแขนเสื้อทั้งสองข้างของตัวเองไปตามความเคยชินด้วยท่าทางที่ดูขาดความมั่นใจเมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าพี่ๆ
"เจ้าหมอนั่น…"
ร่างสูงพึมพำเบาๆก่อนจะเดินผ่านโคเกียคุที่ยืนอยู่หน้าประตูออกไป
"ทะ..ท่านพี่โคเอน?"
.
.
.
เด็กชายผมทองกระพริบตาปริบๆ เมื่อเดินออกมาเจอแสงแดดยามบ่ายหลังจากที่ทำงานขลุกอยู่แต่ในตำหนักใหญ่มานาน บวกกับการต้องมาเจอกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงกระทันหันแบบนี้มันทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเอาซะเลย
หลังจากเหตุการณ์ที่แคว้นเหมันต์ในตอนนั้น บาดแผลที่ไม่เหลือทิ้งรอยใดๆ ก็ทำให้เขาลืมมันไปจนหมดสิ้น ไม่สิ จำต้องลืมมันไปเสียมากกว่า ลืมตัวตนนั้น ลืมหญิงสาวชาวบ้านลีอาและวัดร้าง เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในหัว ความทรงจำมากมายที่ส่องประกายในความมืดมิดเอง บัดนี้ก็ค่อยๆพร่าเลือนลงราวกับม่านฝันอันบางเบา
'ทีนี้ก็เหลือเพียงแค่อาลี กับองค์ชายโคเอนแล้วสินะ..'
.
.
.
"พี่อาลี~~~"
เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยดังขึ้น ผมสีเงินที่สะท้อนกับแดดแรงๆยามบ่ายนั่นทำให้เขาต้องหลบตาทันที
"ยุน? พี่บอกให้รออยู่ที่ตำหนักเล็กกับโมลเซียน่าไม่ใช่หรอ?"
อาลีลูบหัวเด็กน้อยตัวป้อมที่เข้ามาออดอ้อนเขาเบาๆ ก่อนดวงตากลมโตคู่นั้นจะส่งสายตาเว้าวอน "ผมอยากอยู่กับพี่อาลีมากกว่านี่นา"
"โถ่เอ้ย เด็กน้อย"
ออร่าความน่ารักไร้เดียงสานั้นได้ปลุกต่อมสัญชาตญาณความเป็นแม่(?)ของใครบางคนขึ้นมากระทันหัน ก่อนอาลีจะคว้าตัวเด็กน้อยตัวเล็กขึ้นมากอดโอ๋เหวี่ยงไปเหวี่ยงมาอย่างกับตุ๊กตานุ่นทันที
"ฮ่ะๆๆ พวกเจ้านี่มาเล่นอะไรกันกลางวังแบบนี้เนี่ย?"
เสียงทุ้มตํ่ากังวาลดังขึ้นเบื้องหลังของอาลี
ร่างสูงของคุณลุงอ้วนท้วนท่าทางใจดีที่อาลีรู้จัก 'ท่านราชครูคุเรไน' นั่นเอง คนตัวใหญ่ยิ้มจนตาหยีทักทายอย่างเป็นมิตร
"อ่ะ ไม่ต้องคุกเข่าอะไรหรอก ทำตัวสบายๆทั้งสองคนนั่นแหละ"
"ท่านคุเรไน!?"
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ข้าได้ยินว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บหนักระหว่างภารกิจด้วย แต่ดูเหมือนจะแข็งแรงดีนะ" ลุงตัวใหญ่พูดก่อนเหลือบมองไปทางเด็กน้อยผมเงินที่เกาะชายเสื้อของคนตัวเล็กแน่น
"เอ่อ..เด็กคนนี้คือ..."
ยังไม่ทันที่อาลีจะพูดจบ ชายตรงหน้าก็กลับยิ้มออกมา ทำเอาเครื่องหมายคำถามแปะขึ้นมาเต็มใบหน้าของเขาไปหมด
"ไหนๆ เราไม่ได้เจอกันนานแล้ว มานั่งดื่มชาสบายๆที่ตำหนักข้าเป็นไงแม่หนู"
อาลีมองสายตาของชายตรงหน้าอย่างลำบากใจ จะปฏิเสธเป็นครั้งที่สองก็กลัวจะเสียมารยาท อีกอย่างเขาเองก็มีเรื่องที่จะต้องอธิบายกับชายคนนี้เหมือนกัน
'เรื่องที่ว่าเขาไม่ใช่ผู้หญิงน่ะ' เพราะการเจอกันครั้งนั้นดูเหมือนว่าท่านราชครูจะเข้าใจผิดเข้าให้เต็มเปา ถ้าไม่อธิบายล่ะก็..
อาลีวางเด็กน้อยที่ทำตาละห้อย
"ยุน เจ้ากลับไปรอข้าที่ห้องก่อนแล้วกันนะ"
"พี่อาลี.."
เสียงเล็กๆอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร ก่อนที่มือเรียวจะลูบกลุ่มผมสีเงินเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มบางๆให้
"แปปเดียวเดี๋ยวก็กลับแล้ว เด็กดีต้องไม่ดื้อนะครับ"
"งืออออ ก็ได้"ยุนทำแก้มป่องก่อนจะวิ่งแต๊ดๆกลับไปทางเดิมอย่างเชื่อฟัง
'หวังว่าจะไม่หลงหรอกนะ =_='
อาลีมองไปทางเด็กน้อยอย่างเป็นห่วงเล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปตามคำเชื้อเชิญของชายร่างท้วม ในขณะที่เดินตามแผ่นหลังใหญ่ๆไปนั้นเอง ก็อดคิดไม่ได้ว่ารู้สึกแปลกๆ คับคล้ายกับว่าเขาคุ้ยเคยกับแผ่นหลังตรงหน้านี้เหลือเกิน
"เอ่อ..ท่านคุเรไน ความจริงแล้วข้ามีเรื่องที่อยากจะบอกท่านก่อน"
"หืม..ไม่ต้องรีบร้อนหรอกแม่หนู รอให้ถึงโต๊ะน้ำชาก่อนแล้วเราค่อยคุยกันเถอะ ข้าเองก็มีเรื่องที่อยากจะคุยกับเจ้าอยู่มากมายเชียวล่ะ.."
อาลีเอียงคอสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แม้ในระหว่างทางที่เดินมาจะคันปากยิบๆอยากจะพูดสุดใจแค่ไหนก็ตาม อยากจะถามคนๆนี้ว่าพาเขาเข้ามาทำอะไรในเขตต้องห้ามในพระราชวังกันเนี่ย! นี่ไม่ใช่ตำหนักขององค์จักรพรรดิหรอกหรอ!? นี่เขาเดินเข้ามาจะไม่โดนอะไรแน่นะ?
ไม่นานนัก อาลีก็เดินเข้ามาถึงห้องๆหนึ่งที่เต็มไปด้วยหนังสือเก่าๆที่กองอยู่ข้างๆฟูกสีขาวสะอาดตา ในห้องนั้นนอกจากหนังสือกับแท่นเขียนพู่กันและกระดาษเขียนบทกวีแล้วก็ไม่ได้ตกแต่งสิ่งใดมากนัก ดูเรียบง่ายต่างจากส่วนอื่นๆของตำหนักใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา
เมื่อเปิดประตูกระดาษสาวาดลวดลายบานใหญ่ที่อยู่อีกฟากหนึ่งแล้วก็ปรากฏระเบียงเล็กติดกับสวนหินและบ่อบัวบาน ลมที่พัดโกรกเข้ามาอ่อนๆพัดกลิ่นหอมๆของชาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเล็กๆและกลิ่นอ่อนๆของดอกบัวต้นฤดูร้อนให้ลอยมาเตะจมูก บรรยากาศที่แสนสงบและผ่อนคลายเชิญชวนให้ทั้งสองนั่งลงบนเบาะผ้าไหมปักลายโบตั๋นที่วางตระเตรียมพร้อมเสร็จสรรพอยู่บนระเบียงไม้สีเข้มที่ยื่นออกมาจากตัวห้อง
ชายร่างท้วมนั่งขัดสมาธิลงบนเบาะก่อนจะค่อยๆรินชาลงในถ้วยดินเผาเคลือบแต้มลวดลายสีเขียวของทิวไผ่ ในขณะที่อาลีมองสำรวจไปทั่วห้องโล่งๆที่ไม่มีอะไรไปมากว่าฟูกนอนและอุปกรณ์การเขียน
"ท่านอยู่ที่นี่หรอ"
"นี่เป็นห้องของภรรยาเก่าข้าเอง"
ลุงคุเรไนยิ้มบางๆ ก่อนจะใช้มือลูบเคราไปพลาง มองปฏิกริยาที่ดูแตกตื่นร้อนรนของคนตรงหน้าด้วยแววตาสนุกสนาน
"ไม่ต้องเกรงใจหรอก ตอนนี้นางก็ไม่อยู่แล้วด้วย"
ดวงตาสีแดงเจือๆมองออกไปยังดอกโบตั๋นที่กำลังปลิดกลีบโรยราด้วยแววตาที่ขุ่นมัวก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆปะทะกับลมยามบ่ายที่ดูเหงาหงอย
อาลีเมื่อเห็นแบบนั้นแล้วจึงไม่กล้าที่จะเอ่ยปากพูดอะไรออกมา ได้แต่นั่งตัวเกร็งอยู่บนเบาะผ้าไหมสีสด อีกอย่างเขาเองก็เหนื่อยเกินกว่าที่จะพูดถามอะไรอีกด้วย จากการอดหลับอดนอนมาหลายคืนความคิดความอ่านบางอย่างก็หมุนไปมาในหัวได้ช้าลง
"จะว่าไปแล้วพอเห็นเจ้าแบบนี้ ก็ดูคล้ายๆกับนางอยู่เหมือนกันนะ ดูเด๋อๆเหมือนกันเลย ฮ่ะๆ" คนตัวใหญ่เปลี่ยนน้ำเสียงเพื่อเรียกบรรยากาศให้ดูครึกครึ้น ก่อนจะเทชาลงในถ้วยของอีกฝ่าย
"อ่ะ..เอ่อ..."
คนตัวเล็ก ยกถ้วยชาใบจิ๋วขึ้นมาจิบแก้เขิน
นี่เขาดูเด๋อด๋าขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย…
"แหม่ขำๆน่า"คนตัวใหญ่จับพุงหัวเราะเสียงกังวาน "จะว่าไปแล้ว..เจ้าเนี่ยเป็นผู้รับใช้ใกล้ชิดกับองค์ชายโคเอนสินะ พวกเจ้าเนี่ยไม่ได้มีความสัมพันธ์พิเศษอะไรกันเลยหรอ?"
หลังจากจบประโยคอาลีก็แทบจะบ้วนชาที่กำลังจิบออกมา ก่อนจะกลั้นใจกลืนมันลงไปทั้งหมดทั้งที่ยังร้อนๆ
"คะ แค่กๆ.."
"ฮ่ะๆๆ อะไรกัน ก็เจ้าบอกข้าเองนี่ ว่าเจ้าถวายงานรับใช้กับโคเอนช่วงเวลากลางคืน ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องแบบนั้นอย่างนั้นหรอ?"
"ข้าแค่คอยเตรียมห้องหนังสือกับคอยอ่านบันทึกให้องค์ชายโคเอนในระหว่างที่เขาทำงานไม่เสร็จเท่านั้นเอง มะ..ไม่ใช่งานอะไรแบบที่ท่านคิดหรอก"ใบหน้าสวยแดงก่ำ ก่อนวางถ้วยชาลงบนโต๊ะเล็กๆแล้วก้มหน้างุด
ลุงหุ่นหมีตัวใหญ่หัวเราะหึหึในลำคอ ก่อนจะรินชาแก้วต่อไปให้กับคนที่กำลังก้มหน้าเขินอายตรงหน้า
"งั้นความจริงก็ไม่มีอะไรเลยสินะ ก็ดี.."
"อ่ะ จริงด้วย..คือ..."
"มีอะไรรึอาลี"
ร่างบางหยุดชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อรู้สึกว่าภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือน ดูท่าว่าเขาจะเหนื่อยเกินไปเสียแล้ว หากไม่รีบกลับตอนนี้ล่ะก็…
...ไม่สิ ก่อนอื่นต้องบอกเรื่องนั้น…
"ท่านคุเรไน ความจริงแล้วในตอนแรก..." อาลีสะบัดหัวไล่ความง่วงออกไปก่อนจะพยายามพูดต่อ "ดูเหมือนว่าระหว่างเรา… จะมีเรื่องเข้าใจผิดกันอยู่"
อาลีพยายามปรับการมองเห็นให้ชัดเจน เมื่อรู้สึกว่าเหมือนมีบางอย่างกดลงบนท้ายทอยและขมับอย่างหนักหน่วง
"คือความจริงแล้ว ข้าน่ะ.."
"ข้า..เป็นผู้..."
กริ้ง!
เสียงใสของแก้วดินเผาหกล้มลงกระทบกับพื้นไม้แข็ง พร้อมด้วยน้ำชาร้อนที่หกรดมือเรียวแต้มสีแดงระอุบนมือที่เต็มไปด้วยรอยแผล
ชายร่างใหญ่ค่อยๆวางแก้วน้ำชาของตนลง ก่อนจะไล้นิ้วไปตามใบหน้านวลที่หลับตาพริ้มไร้ซึ่งสติการรับรู้ใดๆ
"ไร้เดียงสาซะจริงๆ"
.
.
.
"อะไรนะยุน! เจ้าปล่อยให้อาลีหายไปกับคนแปลกหน้าหรอ? เจ้านี่มันเด็กดื้อจริงๆ ทำไมถึงปล่อยให้อาลีไปกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ห๊ะ!?"
โคเอนดุเด็กน้อยที่นั่งหน้าเบะเหมือนจะร้องไห้อยู่บนเตียงเล็กๆของอาลี ที่บัดนี้กลายเป็นที่เล่นสนุกของเจ้าตัวไปเสียแล้ว
"กะ..ก็ พี่อาลีบอกให้ข้ามารอที่นี่แล้วจะเป็นเด็กดีนี่ ข้าไม่ใช่เด็กดื้อซะหน่อย"
โคเอนเอามือลูบหน้าแรงๆเป็นรอบที่สิบของวัน ก่อนจะหันไปทำตาเขียวพร้อมทั้งเขย่าตัวป้อมๆของเด็กน้อยอย่างแรงราวกับเขย่าเซียมซีก็มิปาน
"เจ้ารู้จักคนที่อาลีไปด้วยมั้ย? ชื่ออะไร? หน้าตาเป็นยังไง? ผู้หญิงผู้ชาย?"
"ง่ะ งื้อออ เป็นคุณลุงงงง"
เด็กน้อยตอบพร้อมทั้งทำหน้าตาน่าสงสารน้ำตาซึมปอยๆ
"ลุง?"
"เหมือนลุงโคเอนที่แก่แล้วมีพุงหย่ายๆ ไว้หนวดยาวกว่านี้"
เหมือนข้าตอนแก่แล้ว พุงใหญ่ๆ ไว้หนวดเคราเฟิ้มๆหรอ…
จะว่าไปก็เหมือนจะเคยได้ยินว่า ไอ้คนแบบนั้น กำลังอยากจะหาแม่เลี้ยงใหม่ให้ข้าอีกคนนี่หว่า…
ร่างสูงผละออกจะเด็กน้อยกระทันหันจนร่างป้อมล้มก้นจ้ำเบาะที่นอนแข็งๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเขตพระราชวังต้องห้ามให้เร็วที่สุดที่ฝีเท้าของเขาจะไปได้
หวังว่ามันคงจะยังไม่เลยเถิดไปหรอกนะ...
"ท่านโคเอน มีธุระอะไรอย่างนั้นหรือขอรับ?"
ทหารยามที่ยืนอยู่หน้าตำหนักถามองค์ชายผู้มาเยือนตามหน้าที่ที่ได้รับ
"ดะ เดี๋ยวก่อนขอรับบุกรุกเข้าไปแบบนั้นไม่ได้นะขอรับ"
โคเอนหมุนตัวกลับมาทันทีที่ถูกร้องห้ามก่อนจะจับไหล่ทหารหนุ่มแน่น ก่อนยัดถุงบางอย่างที่ส่งเสียงของโลหะเบียดกันกรุ้งกริ้งออกมาลงในขอบกางเกงของอีกฝ่าย "บอกมา องค์จักรพรรดิเอาคนของข้าไปซุกไว้ห้องไหน?"
"เอ่อ..ห้องเขียนกลอนเก่าที่ติดกับปีกตะวันออกขอรับ"
"ขอบใจมาก"
มือใหญ่ๆตบบ่าทหารยามปั่กใหญ่ก่อนจะเดินออกไปอย่างรีบร้อนโดยที่ไม่มีใครคิดจะห้ามปรามใดๆทั้งสิ้น อีกอย่างองค์ชายโคเอนเองก็ไม่ได้พกอาวุธอะไรเข้ามาในเขตพระราชวังต้องห้ามด้วย คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง
.
.
.
'เจ้าโง่อาลี! หาเรื่องมาอีกจนได้!'
อีกอย่าง ห้องกลอนเก่านั่นมัน...
ห้องของท่านแม่นี่!
'โถ่เว้ย ทำไมถึงได้..'
ร่างสูงผลักประตูตรงหน้าสุดแรง โดยไม่มีการเคาะประตู หรือ ขออนุญาตใครใดๆทั้งสิ้น ดวงตาสีทับทิมกร้าวกวาดสายตาไปยังห้องโล่งกว้างเบื้องหน้าด้วยความโกรธที่ปะทุในใจ ก่อนจะเห็นภาพที่เขาไม่อยากจะเห็นที่สุดในชีวิต ในห้องของผู้เป็นแม่บังเกิดเกล้า
เสื้อชั้นนอก และผ้ารัดเอวที่เขาเป็นคนให้กับมือ ถูกถอดกระจัดกระจายอยู่บนพื้นห้อง ร่างบางที่อยู่เคียงเขาไม่ห่างนั้นนอนหลับไหลในชุดสีขาวและกางเกงสีเข้มที่ถูกแก้เชือกออก โดยมีผู้ที่เป็นพ่อแท้ๆของเขาคร่อมอยู่บนร่างนั้นเอง พรมจูบที่น่ารังเกียจลงบนใบหน้าหลับไหลที่โปรดปรานของเขา โลมเล้าซอกคอหอมหวานราวกับผึ้งตัวใหญ่ที่ค่อยๆตอมตรมดอกไม้
"เอามือออกไปจากคนของข้า"
น้ำเสียงข่มกร้าวที่ดังออกมาจากลำคออย่างน่ากลัว เรียกให้ชายร่างใหญ่หยุดการกระทำตรงหน้าแล้วหันมามองแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
"ข้าไม่เคยสอนให้เจ้าเคาะประตูรึไง โคเอน?"
คนที่ถูกเรียกชื่อยังคงไม่สะทกสะท้านต่อคำพูดติเตียนเรื่องมารยาทของคนเบื้องหน้า ก่อนจะขยับฝีเท้าเข้ามาใกล้ หยิบหนังสือกลอนในชั้นหนังสือขึ้นมาพลิกดูก่อนจะเก็บมันเข้าที่เดิมดูราวกับไม่ได้ทุกข์ร้อนกับเหตุการณ์ตรงหน้านักแต่ในขณะเดียวกันก็กับแผ่รังสีเย็นออกมาจนน่าขนลุก
"ตอนที่ท่านสั่งให้จัดห้องนี้ใหม่ให้เหมือนเดิม ข้าคิดว่าท่านจะคิดถึงนางซะอีก"
ร่างใหญ่ผละจากคนที่กำลังนอนหลับไม่ได้สติก่อนจะลุกขึ้นมา หยิบเสื้อคลุมมาใส่กระชับให้แน่น ราวกับไม่สนใจการบุกรุกของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนซักเท่าไหร่นัก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นยิ้มบางๆตอบกับใบหน้าอันเย็นชานั้นราวกับเสแสร้ง
"ใช่ พอเห็นเด็กคนนี้ข้าก็คิดถึงโฮอาแม่ของเจ้าขึ้นมาเลย"
"โฮ่..งั้นหรอ"
โคเอนกำมือแน่น มองเข้าไปดวงตาสีทับทิมที่ราวกับถอดแบบกันมาของชายตรงหน้าอย่างเชือดเฉือน "ดูท่าจะไม่ใช่อย่างนั้นล่ะมั้ง"
"ตอนที่ข้าถามเด็กคนนั้น เขาก็บอกว่าไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับเจ้าเป็นพิเศษด้วยนี่นา ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาเจ้าเอาแต่บังคับบงการชีวิตนางหรอกหรอ อ่า..จริงสิ! อย่างล่าสุดก็เอาผู้หญิงตัวเล็กๆมาบังลูกธนูรึเปล่านะ" ผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้ากระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน
"นั่นสินะว่าแล้วเชียว ฮาคุเอย์คงไม่ได้ส่งรายงานเรื่องที่ข้าทำพลาดหลงเข้าไปในพรมแดนของแคว้นเหมันต์จริงๆด้วย.." โคเอนมองรอยยิ้มนั้นด้วยแววตาที่เย็นชาก่อนจะคลี่ยิ้มบางออกมาตอกกลับใบหน้าที่ดูมาดมั่น
"เป็นเพราะความผิดพลาดของแผนการณ์ทำให้ข้ากับอาลีต้องติดอยู่ในแคว้นเหมันต์เป็นเดือน ท่านพ่อคิดว่าในระหว่างนั้นเราจะไม่มีอะไรพิเศษกันเลยได้ยังไง? ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกันสองคนใต้ชายคาเดียวกันร่วมเดือนเนี่ย.."
ดวงตาเรียวทำสายตายียวน เน้นถ้อยคำด้านหลังเป็นพิเศษเป็นพิเศษยั่วยุให้อีกฝ่ายมุมปากกระตุกริกๆ
"เจ้าจะบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นของเจ้าแล้วสินะ"
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเรียบๆ ในขณะที่เบนสายตาไปยังคนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนฟูก บางสิ่งบางอย่างในตัวเด็กคนนั้นที่ทำให้เขายึดติดกับเรื่อนร่างและน้ำเสียงนั่นได้มากขนาดนี้ คงเป็นสิ่งเดียวกันที่ผูกมัดโคเอนเอาไว้เช่นเดียวกัน
ดั่งสิ่งบริสุทธิ์ไร้เดียงสาที่พร้อมจะฉุดดึงแมลงปีกบางกระโจนสู่ความบ้าคลั่ง และห้วงแห่งรสชาติหวานล้ำอย่างไม่มีที่สิ้นสุด...
ชายร่างท้วมเดินมาประจันหน้ากับชายหนุ่มผู้เป็นลูกชายและผู้ที่จะเป็นคนสานต่อปนิธาณแห่งจักรวรรดิในอนาคต ก่อนจะลดน้ำเสียงลงราวกับถ้อยคำกระซิบ "ข้ารู้ว่าที่เจ้ายังไม่ลงเอยกับฮาคุเอย์ซักที เป็นเพราะข้าสินะ…"
"เพราะข้าแย่งทุกอย่างมาจากฮาคุโตคุพ่อของนาง ตัวเจ้าที่ต้องขึ้นมาแทนที่ฮาคุยูและฮาคุเรนเองก็คงละอายใจเกินกว่าจะทำตามความรู้สึกตัวเอง ทั้งที่เจ้าเป็นอย่างนั้นมาโดยตลอดแท้ๆ แค่เวลาสั้นๆเด็กคนนี้ก็เปลี่ยนใจเจ้าไปเสียหมดสิ้นแล้วหรือ?"
"ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะต้องมาสนใจมิใช่หรือ..ฝ่าบาท"
ชายร่างใหญ่ส่งเสียงหึในลำคอแสดงความไม่พอใจเมื่อมองเข้าไปในดวงตาสีทับทิมที่เหมือนกันราวกับกระจกสะท้อน ก่อนจะเดินออกไปจากห้องแล้วปิดประตูเสียงดังสนั่น ทิ้งไว้เพียงคำถามที่ยังคงดังก้องวนเวียนอยู่ในหัวของแม่ทัพหนุ่มผมแดง
...เพียงแค่เวลาสั้นๆ…
มือใหญ่ปลดผ้าคลุมสีดำผืนใหญ่ก่อนคลุมห่มบ่นเรือนร่างที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยไม่เรียบร้อย ก่อนจะนั่งลงพินิจมองใบหน้าหวานที่หลับพริ้มราวกับกำลังนอนฝันหวาน
"ดูทำหน้าเข้าสิ หลับไม่รู้เรื่องเลยนะเจ้าโง่"
ถ้ามีใครรู้ว่าพ่อลูกมาแย่งผู้ชายกันแบบนี้ รู้ถึงไหนอับอายถึงนั่น ไม่สิเจ้านี่มันเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงตัวข้าเองก็ยังไม่รู้เลย
โคเอนค่อยๆพยุงร่างนั้นขึ้นก่อนจะอุ้มคนที่หลับไม่ได้สติพาดบ่ากว้าง เหมือนกำลังแบกกระสอบข้าวสาร ก่อนจะวางร่างที่หนักอึ้งกลับลงไปบนฟูกใหม่เหมือนเดิม
ดันพูดออกไปแบบนั้นแล้วซะด้วย อุ้มแบบเมื่อกี้มันจะดูไม่เนียนรึเปล่าฟะ แต่จะให้อุ้มท่าเจ้าสาวออกไปเนี่ยนะ!
ดวงตาเรียวมองไปยังฟูกผืนใหญ่อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเกิดความคิดดีๆขึ้นมาได้
(ไม่นะ มันไม่ดีเลยนะนาย หยุดคิดเดี๋ยวเน้)
.
.
.
"ท่านโคเอน ทำอะไรอยู่น่ะขอรับ"
เหล่าทหารยามมองไปยังม้วนฟูกผืนใหญ่ที่ แม่ทัพโคเอนแบกออกมาจากตำหนักขององค์จักรพรรดิด้วยความงุนงง
"ข้าขโมยฟูกมาไง เจ้าเห็นเป็นอะไร?"
"แบบนั้นให้คนมาขนให้ไม่ดีกว่าหรือขอรับ"
ทหารยามที่ตัวหดลีบลงไปเล็กน้อยถามต่ออย่างกล้าๆกลัว ร้อยวันพันปีไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่อยู่ๆแม่ทัพใหญ่จะบุกเข้าไปในตำหนักองค์จักรพรรดิ์แล้วขโมยฟูกออกมาแบบนี้ อีกอย่างขอยืมออกมาดีๆไม่ได้รึไงนะ แล้วที่ว่าขโมยเนี่ย… พวกเขาจำเป็นต้องจับตัวองค์ชายไว้มั้ย?
"ไม่ แค่ฟูกโง่ๆผืนเดียวข้าขนเองได้ หลบไป!"
"ฟะ ฟูกโง่ๆ?"
'แล้วทำไมถึงต้องฉุนเฉียวขนาดนั้นกันด้วยล่ะ?'
โคเอนเดินฝ่าทหารยามที่มองเขาด้วยสายตางุนงงออกมากจากตำหนัก และสายตาของเหล่าข้าราชบริพานทั้งหลายที่ชะเงื้อชะโงกมองการกระทำแปลกๆนั่นตลอดทาง จนถึงห้องนอนของเขา ทิ้งไว้เพียงแต่คำถามในใจของเหล่าผู้พบเห็นว่า 'องค์ชายโคเอนแบกฟูกเดินไปมาทำไม?'
คนตัวใหญ่สะบัดฟูกก่อนคนที่ถูกม้วนเป็นซูชิจะกลิ้งขลุกลงบนเตียงกว้างๆของเขา แน่นอนว่าเจ้าตัวเองก็ยังคงสลบไสลไม่รู้เรื่องราวใดๆอีกเช่นเคย ก่อนโคเอนจะขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้วตบแก้มชมพูทั้งสองข้างไปมาเหมือนตบแป้งทำขนม จนหัวน้อยๆสั่นด็อกแด็กเหมือนตุ๊กตาติดแผงโซล่าเซลตัวเล็กที่ติดไว้หน้ารถเก๋ง
'นี่มันหลับ หรือมันตาย'
โคเอนมองใบหน้านั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนคำพูดของโคเมย์จะผุดขึ้นมาในหัว
จะว่าไปนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีเลยไม่ใช่รึยังไง เจ้านี่มันเป็นเพศอะไรกันแน่ วันนี้มาดูให้รู้ๆกันไปเลย!
คนตัวใหญ่คร่อมร่างบางที่สลบไสล แต่ก่อนที่สายตาจะไปจดจ่อกับเชือกกางเกง เขาก็กลับสังเกตเห็นรอยแดงจ้ำเล็กๆที่คอขาวๆนั่นเสียก่อน
...คงเป็นรอยเมื่อตอนนั้น…
นิ้วเรียวแตะลงที่จูบนั้นอย่างแผ่วเบา ทั้งรอยจูบที่คอและใบหน้านั้น หรือริมฝีปาก ล้วนแต่เป็นส่วนเกินที่น่ารังเกียจ
น่ารังเกียจเสียจนอยากจะเอามีดเฉือนผิวหนังนั่นให้รอยแดงนั้นลบเลือนออกไป ผิวหนังนี้ ใบหน้านี้ อยากจะลบทุกรอยที่ถูกประทับลงไปก่อนหน้านี้ให้หมดสิ้น
ริมฝีปากสีแดงอุ่นดั่งเคลือบด้วยพิษร้าย พวงแก้มชมพูหวาน ทุกส่วนบนเรือนร่างที่สะท้อนอยู่ในแก้วตาสีทับทิมนั้นค่อยๆฉาบย้อมความต้องการส่วนลึกภายในใจของราชสีห์หนุ่มทีละน้อย กัดกร่อนความคิดและสติให้พร่าเลือนไปดั่งถูกสุมด้วยพิษยากจะไถ่ถอน...
ใบหน้าหล่อคมค่อยๆก้มลงกดสันจมูกโด่งลงบนผิวเนียนก่อนจะประทับจูบหนักหน่วงลงบนรอยแดงจ้ำสีแดง ลิ้นร้อนดูดดึงผิวเนื้ออุ่นกัดขบบริเวณที่แดงช้ำให้เป็นวงใหญ่ขึ้นไปอีก ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากขึ้นไปประทับกับกลีบปากนุ่มน่าหลงไหลไอร้อนที่ชวนให้ความรู้สึกหลอมละลายเชิญชวนให้ลิ้นร้อนเข้าไปโลดแล่นดั่งแรงดึงดูดมหาศาล ริมฝีปากได้รูปค่อยๆตวัดรัดลิ้นเล็กที่อ่อนเปรี้ยอย่างนุ่มนวลก่อนจะค่อยผละออกมาอย่างนุ่มละมุน เขาอยากจะทำแบบนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้มองใบหน้านั้นเสียด้วยซ้ำ
ริมฝีปากได้รูปค่อยพรมจูบใบทั่วทั้งใบหน้าที่อยู่ในห้วงฝัน ก่อนจะสะดุ้งรู้สึกตัวด้วยเสียงเคาะประตู เรียกสติให้โคเอนผละออกจากร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงหลังกว้าง
"ท่านโคเอนขอรับ มีรายงานด่วนมาจากชายแดนทางเหนือขอรับ!"
☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆
#ต่ำตมไม่หยุด
"เอามือออกไปจากคนของข้า"
น้ำเสียงข่มกร้าวที่ดังออกมาจากลำคออย่างน่ากลัว เรียกให้ชายร่างใหญ่หยุดการกระทำตรงหน้าแล้วหันมามองแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
สิ่งที่อยากพิมพ์จริงๆ
"เอามือออกไปจากเมียของข้า"
น้ำเสียงข่มกร้าวที่ดังออกมาจากลำคออย่างน่ากลัว เรียกให้ชายร่างใหญ่หยุดการกระทำตรงหน้าแล้วหันมามองแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น